ถาม.
พอดีหลายวันก่อนได้ยินพี่น้องสามัคคีธรรมกัน เรื่องคนชอบธรรมไปทำบาป แล้วกลายเป็นคนอธรรม
ไม่เข้าใจตรงนี้ค่ะ เพราะว่าเท่าที่ได้ฟังอาจารย์สอนมา คือเราเป็นคนชอบธรรมแต่ว่าไปทำบาป ไม่ใช่คนบาป พี่น้องแบ่งปันว่า เมื่อเราทำบาปเรากลายเป็นคนอธรรม ถ้าเราสารภาพบาปกลับใจเราก็กลับมาเป็นคนชอบธรรม ของอาจารย์ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ
ตอบ.
คืออันนี้ต้องเข้าใจนะครับว่า เป็นการแต่งตั้งของพระเจ้า เป็นการชำระล้างของพระเจ้า เป็นการกระทำของพระเจ้าผ่านพระโลหิต โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เมื่อบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งที่กลับใจเชื่อต้อนรับพระเยซูว่าเป็นพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา ทันทีเดี๋ยวนั้นเลยนะครับ คือเขาจะได้รับการยกโทษบาป เขาจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาจะได้รับการดลบันดาลให้บังเกิดใหม่ เขาจะได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า และพระเจ้าจะเรียกเขาโดยพระโลหิตนะครับ โดยพระโลหิตที่ชำระที่ไถ่เขาไว้ เขาก็ได้กลายเป็นคนบริสุทธิ์ชอบธรรมสำหรับพระเจ้า
อันแรกก็คือบริสุทธิ์ เป็นคนที่บริสุทธิ์ เท่าเทียมกับพระเจ้า อันนี้พูดตามตรงเลยนะครับ แล้วก็เป็นคนที่บริสุทธิ์เหมือนคนยิวที่เคร่งศาสนาที่รักษาพระบัญญัติที่ไม่ทำบาปเลย และเป็นคนที่ชอบธรรมก็คือสำหรับพระเจ้าต่อหน้าพระเจ้า
เนื่องจากว่า..
อันแรก ก็คือ พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ชำระความผิดบาปของเราทั้งหลาย
อันที่สอง ก็คือ พระเยซูคริสต์ พระคริสต์ที่เป็นพระวิญญาณ คือมาปกคลุมมาเป็นเสื้อให้เราได้สวมใส่ ทุกครั้งที่พระบิดามองมาที่เราจะไม่เห็นเราแต่เห็นพระเยซู
เราเข้าใจนะครับ เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงเรียกเราว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้าพระองค์ อย่าลืมนะครับต่อหน้าพระเจ้านะครับ ไม่ใช่ต่อหน้ามนุษย์
ตำแหน่งนี้ ฐานะดี สถานะนี้ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เราเชื่อจนถึงวันตาย ไม่ว่าวันไหนเราจะทำบาป หรือไม่ทำ เราก็เป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นผู้ชอบธรรม เราเห็นกันนะครับว่าเปาโลเรียกพี่น้องเมืองโครินธ์ ในเมืองโครินธ์มีคริสเตียนมากมาย และท่านเขียนจดหมายถึงเมืองโครินธ์ ถึงเมืองฟีลิปปี เอเฟซัส หลายๆ เมืองนะครับ ท่านพูดว่า ถึงวิสุทธิชนผู้บริสุทธิ์ ผู้บริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่เขาทำบาปเป็นประจำและเขาทะเลาะกัน เขาทำอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะเต็มไปหมดที่ผิดต่อพระคำพระเจ้า ที่ผิดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะเห็นแก่พระโลหิต และเพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์ที่ปกปิดเขาอยู่ พระเจ้าจึงมองเขามองเราทุกคนทุกครั้งทุกเวลาทุกนาทีว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์และผู้ชอบธรรม ถึงแม้ว่าเราจะไปทำบาปนะครับ ก็เรียกว่าผู้ชอบธรรมไปทำบาป และเราจะไม่กลายเป็นคนบาป แต่ยังกลายเป็นคนชอบธรรมอยู่เหมือนเดิม เข้าใจนะครับ
มีใครไหมที่มีญาติที่ไปอยู่ต่างประเทศ แล้วก็จากนั้นก็โอนสัญชาติ สมมุติว่าเป็นคนเยอรมัน หรือเป็นฝรั่ง หรือเป็นอเมริกัน แล้วเขาไปกินส้มตำ หรือเขาไปพูดภาษาไทย หรือเขาไปทำผิดกฎหมายบางข้อที่ไม่หนักเกินไป เขากลายเป็นคนไทยไหมหรือยังเป็นคนอเมริกันเหมือนเดิม (ยังเป็นคนสัญชาติอเมริกัน) แน่นอนครับ
เราตอนนี้เป็นสัญชาติฝ่ายวิญญาณบุตรของพระเจ้า เราเป็นลูกหลานของอับราฮัม เราเป็นผู้ชอบธรรม ผู้บริสุทธิ์ เราจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ไม่ได้สำคัญเลย พระเจ้าก็ยังมองเราทุกครั้งว่าเราเป็นผู้ชอบธรรมเป็นผู้บริสุทธิ์ต่อสายพระเนตรของพระองค์ ในพระคัมภีร์ไม่มีนะครับว่าเมื่อไหร่ที่..
ยกตัวอย่างเอาเป็นว่ากฎหมายประเทศอเมริกา:
เราเป็นคนไทยที่ไปอยู่อเมริกาแล้วก็โอนสัญชาติแล้วนะครับ แล้วอยู่ดีๆ เราไปพูดภาษาไทย พูดทุกวัน พูดทั้งวัน หรือไปทำผิดกฎหมายที่ไม่ถึงเป็นกบฏต่อประเทศหรือทำอะไรที่แบบคือต่อต้านเขา เขาจะเตะเรากลับมาอยู่เมืองไทยหรือว่าเตะออกนอกประเทศ มันไม่มีใช่ไหม? คือกฎหมายก็คือลงโทษในระดับที่เราทำผิด
เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำผิดต่อพระเจ้า ทำบาปผิดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าก็จะตีสอนเรา แต่จะไม่เรียกเราว่าเป็นคนบาป (เมื่อไหร่เราทำดีแล้วเรียกเราว่าผู้ชอบธรรม แต่พอเราทำบาปวันไหนวันนั้นเรากลายเป็นคนบาปอันนี้ไม่มีนะครับ ไม่มีครับ) สำหรับพระเจ้าโอนสัญชาติเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็คือผู้บริสุทธิ์ต่อสายพระเนตรของพระเจ้า เมื่อเราทำผิดทำบาปนะครับก็คือเรียกว่าผู้บริสุทธิ์ทำบาป
ถาม.
คนอธรรม คือใครค่ะ
ตอบ.
คนอธรรมสำหรับพระเจ้านะครับ สำหรับพระเจ้า อีกครั้งเมื่อพระเจ้ามองทุกวันนี้ ทุกคนที่ไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์ไม่มีพระโลหิตเป็นสิ่งชำระและไม่มีพระเยซูคริสต์ปกปิดปกคลุมเป็นเสื้อตัวแรกของเขา คนนั้นเรียกว่าเป็นคนอธรรมและคนบาปครับ
แล้วถามว่าคริสเตียนไปทำบาปเรียกว่าอะไร? คนชอบธรรมไปทำในสิ่งที่คนอธรรมเขาทำกันครับ
คือถามว่าเรื่องนี้สำคัญไหมสำคัญมากนะครับเราต้องตั้งสถานะของเราอยู่ในฐานะของเราว่าเป็นคนชอบธรรมเป็นคนบริสุทธิ์อยู่เสมอ เป็นความเชื่อนะครับ เมื่อเราเชื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำให้เราอยู่ในสภาพอยู่ในสถานะและมีประสบการณ์ชีวิตที่เป็นผู้บริสุทธิ์และชอบธรรมครับ ความคิดของเรากำลังของเราในตัวเราตัวเก่านะครับที่จะทำผิดมันก็ไม่อยากทำ มันอ่อนกำลัง เพราะว่าเราเชื่อทุกวันว่าเราเป็นคนชอบธรรม “ผู้ชอบธรรม เอเมน ผู้ชอบธรรม ข้าพระองค์บริสุทธิ์ เอเมน ข้าพระองค์บริสุทธิ์ ข้าพระองค์บริสุทธิ์ เอเมน” เมื่อเราเชื่อทุกวันพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำให้เราเห็นในสิ่งที่เราเชื่อ
อย่าลืมนะครับ ฮีบรู 11:1 “บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง” ความเชื่อคือการยอมรับในสิ่งที่ตายังมองไม่เห็นว่าได้รับแล้วเกิดขึ้นแล้ว
คือทุกวันนี้ทันทีที่เราเชื่อนะครับเราได้กลายเป็นคนชอบธรรม ในโรม 5:1 เอเมนเราสรรเสริญพระเยซูสำหรับสิ่งนี้ เมื่อเราเชื่อเท่านั้นเราก็ได้กลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับคนยิวที่เคร่งศาสนามากๆ ขอบคุณพระบิดาสำหรับสิ่งนี้เป็นพรอันประเสริฐมาก และการได้กลายเป็นคนชอบธรรมนี้ ทำให้เราได้รับความรอดได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า ได้รับมรดกที่พระองค์สัญญาจะประทานให้อับราฮัม และพระเยซูทำให้สำเร็จแล้ว สรรเสริญพระบิดา
ทุกสิ่งที่เราได้รับในฝ่ายวิญญาณทุกวันนี้ พระพรก็คือเป็นมาโดยทางความเชื่อ โดยพระเยซูเป็นคนกระทำ เอาแบบนี้นะครับ สำหรับพระเจ้ามองกับมนุษย์มองไม่เหมือนกัน เราคิดว่าเมื่อไหร่เราทำบาปเราก็เป็นคนอธรรมเป็นคนบาป ซึ่งความคิดนี้ความเชื่อนี้คำสอนนี้ขัดแย้งต่อ 2 คร 5:16-17 ข้อที่ 16 บอกว่า อย่ามองไปที่เนื้อหนัง เราเข้าใจตรงกันนะครับ อย่ามองไปที่เนื้อหนัง ก็คืออย่าไปคิดสิ อย่าไปมองสิ ตอนที่เราทำบาปไม่ต้องไปมองมัน และเปาโลพูดโดยพระวิญญาณนะครับ จงมองไปที่ฝ่ายวิญญาณ บุคคลผู้ใดที่อยู่ในพระคริสต์
ขอถามหน่อยครับทุกวันนี้เราอยู่ในพระคริสต์หรือไม่? เมื่อเราเชื่อและเราทำบาปเราอยู่ในพระคริสต์หรือไม่? (อยู่ในพระคริสต์) แน่นอนครับทุกคนที่เชื่อในพระเยซูอยู่ในพระคริสต์ทั้งนั้น เพราะว่าการอยู่ในพระคริสต์ไม่ใช่เราเลิกทำบาป แล้วเพื่อเราจะไปอยู่ในพระคริสต์
การอยู่ในพระคริสต์ 1 คร 1:30 บอกว่า โดยพระเจ้าเป็นคนกระทำเราทั้งหลายจึงได้อยู่ในพระคริสต์ พระเจ้าเอาเราเข้ามาอยู่ในพระคริสต์นะครับ เราบาปไม่บาปทำผิดไม่ทำผิดเป็นอะไรก็แล้วแต่ ทุกคนที่เชื่อก็อยู่ในพระคริสต์
เปาโลจึงกล่าวโดยพระวิญญาณใน 2 คร 5:17 บุคคลผู้ใดที่อยู่ในพระคริสต์ก็ได้กลายเป็นคนใหม่แล้ว ดูเถิดมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไปหมดแล้ว ทั้งๆ ที่เรายังทำบาปอยู่แต่ทำไมพระเจ้ามองไม่เห็น แต่ทำไมพระเจ้าไม่มองที่ฝ่ายเนื้อหนัง เพราะว่าในพระคริสต์เป็นฝ่ายวิญญาณ ความเชื่อเป็นฝ่ายวิญญาณ เราได้บังเกิดใหม่เป็นฝ่ายวิญญาณ เรารับบัพติศมาในพระวิญญาณโดยพระเยซูคริสต์เป็นคนกระทำโดยฝ่ายวิญญาณ เรารับพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยฝ่ายวิญญาณ พระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในเราโดยฝ่ายวิญญาณ ทุกสิ่งพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการเข้ามาเป็นของเราโดยพระเยซูคริสต์เป็นคนกระทำแล้ว สรรเสริญพระเจ้า
เราได้รับการชำระโดยพระโลหิตแล้วในฝ่ายวิญญาณ ขอบคุณพระบิดาที่พระองค์ตั้งชีวิตฝ่ายวิญญาณไว้ให้เราเดินให้เราอยู่ในพระคริสต์ เพื่อเราจะมีประสบการณ์ชีวิตในฝ่ายวิญญาณ สิ่งเดียวที่พระองค์ต้องการจากเราก็คืออย่าไปมองในฝ่ายเนื้อหนัง อย่าไปมองในขณะที่เราทำบาปอยู่ แต่เราจงมองไปที่พระคริสต์ในพระคริสต์ฝ่ายวิญญาณ เอเมน
อย่าลืมนะครับการเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ การก่อขึ้น ก่อร่างขึ้นของพระเยซูคริสต์ที่จะทำแทนเรามากขึ้นๆ อยู่ที่การเชื่อในพระคำแห่งความจริง ไม่ต้องเชื่อสายตาไม่ต้องไปมองที่ความรู้สึก
จำกันได้ไหม เรารู้สึกเหนื่อย ท้อ เบื่อ เราไม่ต้องไปมองมัน แต่เรามองไปที่ฝ่ายวิญญาณในพระคริสต์มีแต่ความเข้มแข็ง ในพระคริสต์มีแต่สิ่งดีทั้งนั้น ในพระคริสต์มีแต่สันติสุข ในพระคริสต์มีแต่พลังที่ยิ่งใหญ่ แล้วใครเป็นคนนำมา? ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์
ถาม.
โคโลสี 2:3 ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างทรงปิดซ่อนไว้ในพระองค์ สำหรับคำอธิบาย **พระคริสต์เป็นผู้ปิดซ่อนข้อลึกลับทั้งหมดไว้จากผู้เผยพระวจนะ (ผู้รับใช้) และผู้ชอบธรรม (อวดว่าตนดี เข้มแข็งในความเชื่อ) แต่เปิดให้ผู้ที่อ่อนแอและเป็นคนอธรรมได้เห็น (มธ 13:11-17)
ในข้อความตรงนี้คือคนอธรรมนี้ คือคนชอบธรรมไปทำบาปใช่ไหมคะ
ตอบ.
คือสำหรับโคโลสีบทที่ 2:3 ในพระคริสต์บรรดาทรัพย์สินแห่งสติปัญญาและความรู้ทรงถูกปิดซ่อนไว้
คือทำไมพระเจ้าต้องซ่อนไว้? เพราะว่าสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบนะครับเป็นศัตรูกับพระเจ้า ก็คือความหยิ่งผยองพองตัว
ความหยิ่งผยองพองตัวคืออะไร คือการอวดดี อวดรู้ อวดฉลาด อวดเก่ง คือดีไปหมดรู้ไปหมด ไม่ยอมฟังใคร ไม่ยอมเชื่อใคร ไม่ยอมเรียนรู้จากใคร อะไรข้าก็รู้ อะไรข้าก็ดี อะไรข้าก็เก่ง และเขาก็คิดว่าเขาเป็นคนดี
เราจะเห็นในคริสเตียนท่ามกลางคริสเตียนศาสนา เราก็เคยเป็นใช่ไหม ที่พอเวลาไปโบสถ์ทุกคนแสดงตัวเป็นตัวละครคนดี พระเอกนางเอกใช่ไหมครับ ตัวพระตัวนาง ถูกไหม เราทุกคนนะครับแสดงว่าเป็นคนดีเป็นคนชอบธรรม แล้วเราจะเห็นมีคริสเตียนบางคนที่ทำตัวว่าเป็นคนที่แบบคือชอบธรรมตลอดเวลา การแต่งตัวการพูดการแสดงกิริยาอาการ เราเคยเห็นกันนะครับในคริสตจักรจะมีหลายคนที่เป็นแบบนั้นอยู่ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นก็ยังเห็นอยู่ คือจริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นแต่มันเป็นการแสดง และพระเจ้าเกลียดชังพระเจ้าไม่ชอบในสิ่งนี้
เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องการคนที่ถ่อมใจ และพระเจ้าต้องการคนที่ยอมแพ้ คนที่คิดว่าเอาชนะความบาปไม่ได้ รักษาพระบัญญัติไม่ได้ ที่เหมือนกับคนอธรรมทั่วไปที่ทำบาปอยู่
คือเปาโลก็เป็นเหมือนกันนะครับ เขาดำเนินชีวิตที่เหมือนกับคนอธรรม เนื่องจากว่าเขารักษาพระบัญญัติไม่ได้ เขายอมแพ้ ในโรมบทที่ 7 เปิดเผยว่าเขายอมแพ้
คำว่า อธรรม ในที่นี้ก็คือ เรายอมรับว่าเรามีชีวิตเหมือนคนอธรรม เหมือนคนบาป
อีกครั้งนะครับสำหรับเรื่องการเชื่อในพระคำพระเจ้า พระคำพระเจ้าทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ตาเรามองเห็นและเหตุผลที่เราคิด เข้าใจนะครับ สำหรับพระคำพระเจ้าเราทุกคนเป็นคนชอบธรรมเป็นคนบริสุทธิ์แล้ว พระเจ้าแต่งตั้งเราให้กลายเป็นคนชอบธรรมเป็นคนบริสุทธิ์ สาเหตุมาจากว่าพระโลหิตของพระเยซูคริสต์หลั่งไหลที่กางเขนและจ่ายหนี้บาปให้เราทั้งหลาย เอเมน
จากนั้นนะครับตัวตนของพระคริสต์ที่เป็นพระวิญญาณ ก็คือมาครอบเราอยู่ มาครอบคลุมเรา เป็นเสื้อที่ดีที่สุดให้เราสวมใส่ ฟังกันดีๆ นะครับ ไม่ใช่เสื้อโปโลยี่ห้อแพงๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เป็นเสื้อที่ดีที่สุด ดีที่สุด The Best / The Best Garment คือดีที่สุด ดียังไง? จนพระบิดามองไม่เห็นตัวเก่าชีวิตเก่าคนเก่าของเราเลยไม่เห็นเลย มันดีอย่างนี้ คือเสื้อที่ดีที่สุด หลังจากที่พระองค์ให้พระโลหิตที่ตั้งไว้เป็นสิ่งที่จ่ายหนี้บาปให้เราทั้งหลายแล้ว
เพราะฉะนั้นโลกของพระคริสต์ โลกฝ่ายวิญญาณ พระองค์ตั้งไว้ในพระคริสต์มีแต่สิ่งใหม่ทั้งนั้น ใหม่ทั้งหมด ทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ก็กลายเป็นคนใหม่แล้ว โอ้ พระเจ้าเราเห็นความจริงของพระเยซูขัดแย้งกับความจริงที่เราตามองเห็นกันอยู่ใช่ไหม
ถ้าเราจะมองนะครับคนที่อยู่ในพระคริสต์ไม่ได้มีสิ่งใหม่เลยมีแต่สิ่งเก่าๆ ยังทำบาปอยู่ยังทะเลาะกันอยู่ยังบ่นอยู่ยังเบื่ออยู่ยังทำในสิ่งที่คนบางคนที่เขาไม่เชื่อเขายังดีกว่าเราใช่ไหมครับ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าพระเจ้ามองเราไม่เป็นแบบนั้น พระเจ้ามองเราใหม่หมด เพราะว่าเราใส่เสื้อที่ดีที่สุดโดยที่ไม่ต้องซื้อ ขอบคุณพระบิดา
สิ่งเดียวที่พระองค์ต้องการให้เราเปลี่ยนนะครับ ก็คือเปลี่ยนความคิด อย่าไปมอง อย่าไปเชื่อ อย่าไปดูเหตุผล ไม่เอา!! เอาความเชื่อและเอาการเปลี่ยนความคิดของเราให้สอดคล้องกับความคิดของพระเจ้าในพระคัมภีร์ พระเจ้าเขียนอะไรในพระคัมภีร์เราเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าเขียน ความจริงของพระเจ้าให้เอามาเป็นความจริงของเรา เคล็ดลับอยู่ตรงนี้ โรมบทที่ 12:2 จงรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วยการเปลี่ยนความคิดของท่าน
ขอบคุณพระเยซูนี่คือกุญแจ นี่คือเคล็ดลับที่พระเจ้าต้องการจะเปิดเผยให้ผู้เชื่อทุกคน แต่ไม่มีใครเข้าใจ “จงรับการเปลี่ยนแปลง” ไม่ใช่จงเปลี่ยนแปลงน่ะ จงรับเอาการเปลี่ยนแปลง ให้พระเยซูมาทำแทนให้มากขึ้น โดยการเปลี่ยนความคิด ซึ่งเมื่อก่อนเราคิดว่าเราเป็นคนบาป เมื่อก่อนเราคิดว่าพระเยซูอยู่ไกล เมื่อก่อนเราคิดว่าพระบิดาประทับที่พระบัลลังก์ เมื่อก่อนเราคิดว่าพระวิญญาณเข้าๆ ออกๆ เมื่อก่อนเราคิดว่าเราเป็นคนอธรรม
เราเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้นะครับ เพราะว่าพระคัมภีร์ไม่ได้เขียนไว้แบบนั้น ในพระคัมภีร์ใหม่นะครับ พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสให้เปาโลให้สาวกหลายคนเขียนโดยพระวิญญาณในพระวิญญาณในความจริงของพระเจ้า ซึ่งขัดแย้งกับความจริงของเราตาเรามองเห็น “รับเอาแล้วเราจะเห็นในสิ่งที่พระเจ้ากระทำไว้แล้ว เอเมน”
คุณสมบัติของเสื้อที่ดีที่สุด คือปกปิดความผิดความบาป และปกปิดตัวเราต่อพระพักตร์พระเจ้าต่อสายพระเนตรของพระเจ้าด้วย พระเจ้ามีสายตาที่มีตาเจ็ดดวง มีตาที่ดี มองทะลุไปทุกที่ทุกแห่งทุกหนได้ แต่พระเจ้ามองทะลุเสื้อตัวนี้ไม่ได้ อัศจรรย์ไหมขอบคุณพระบิดาเอเมน
เราขอบพระคุณพระบิดาวันนี้ที่พระองค์ให้เราได้อยู่ในสถานะของคนชอบธรรมบริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่บางครั้งเราก็เผลอไปทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรมและอธรรม แต่พระองค์ก็ยังมองเราว่าเป็นคนชอบธรรม เพราะว่าพระองค์ให้เราได้รับการชำระโดยพระโลหิตแล้ว และให้เราได้สวมเสื้อที่ดีที่สุดแล้ว สรรเสริญพระบิดาเอเมน พระเยซูเรารักพระองค์