บทที่ 18 มี 35 ข้อ คือคุณสมบัติของคนที่จะได้เข้าไปในอาณาจักร และเป็นใหญ่
- ข้อ 2-4 ต้องเป็นเหมือนเด็ก
- ข้อ 5-9 ไม่ดูหมิ่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นหลงผิด หรือสะดุดล้มเพราะเรา
- ข้อ 10-14 ไม่มองข้ามแม้แต่ผู้เล็กน้อยคนหนึ่ง เราเห็นทุกคนมีค่าเท่ากัน (พระเยซูยอมไปช่วยคนเดียวที่เกาะ)
- ข้อ 15-20 ยอมเชื่อฟัง และหลีกเลี่ยงจากการทำผิดต่อคริสตจักรเที่ยงแท้ หรือคริสตจักรผู้ชนะ (คริสตจักรตกขอบ หรือคริสตจักรศาสนาไม่นับ)
- ข้อ 21-35 รักและยกโทษพี่น้องแบบไม่มีกำหนด บทนี้ตรงกับกฎหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5-7 ที่เน้นถึงความถ่อม ยอม ต่ำ และเสียเปรียบ เพื่อการได้เข้า และเป็นใหญ่ในยุคหน้าและนิรันดร์
18:1 ในเวลานั้นเหล่าสาวกมาเฝ้าพระเยซูทูลว่า "ใครเป็นใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์"
18:2 พระเยซูจึงทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมาให้อยู่ท่ามกลางเขา
18:3 แล้วตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าในอาณาจักรแห่งสวรรค์ไม่ได้เลย
18:4 เหตุฉะนั้น ถ้าผู้ใดจะถ่อมจิตใจลงเหมือนเด็กเล็กคนนี้ ผู้นั้นจะเป็นใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์
** สรุป มธ 18 ข้อ 2-4 ต้องเป็นเหมือนเด็ก
18:5 ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กเช่นนี้คนหนึ่งในนามของเรา ผู้นั้นก็รับเรา
18:6 แต่ผู้ใดจะทำผู้เล็กน้อยเหล่านี้คนหนึ่งที่เชื่อในเราให้หลงผิด ถ้าเอาหินโม่ก้อนใหญ่ผูกคอผู้นั้นถ่วงเสียที่ทะเลลึกก็ดีกว่า
18:7 วิบัติแก่โลกนี้ด้วยเหตุให้หลงผิด ถึงจำเป็นต้องมีเหตุให้หลงผิด แต่วิบัติแก่ผู้ที่ก่อเหตุให้เกิดความหลงผิดนั้น
18:8 ด้วยเหตุนี้ถ้ามือหรือเท้าของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดออกและโยนมันทิ้งเสียจากท่าน ซึ่งท่านจะเข้าสู่ชีวิตด้วยมือและเท้าด้วนยังดีกว่ามีสองมือสองเท้า และต้องถูกทิ้งในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์
18:9 ถ้าตาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกและโยนมันทิ้งเสียจากท่าน ซึ่งท่านจะเข้าสู่ชีวิตด้วยตาข้างเดียวยังดีกว่ามีสองตาและต้องถูกทิ้งไปในไฟนรก (ถูกทิ้งลงในเกเฮน่า (ที่ทิ้งขยะ))
** "ควักตา" "ตัดมือ" ในที่นี้ คือตัดใจส่วนที่ยังทำบาปอยู่
** "การตัด" คือยอมยกปัญหาเรื่องบาปที่เราเลิกทำไม่ได้ ให้พระเยซูในเราที่เป็นพระวิญญาณทำงานเพื่อปลดปล่อยเรา เราจึงหลุดพ้นจากบาปส่วนนั้นๆ ได้
** "ถูกทิ้งในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์" "ถูกทิ้งไปในไฟนรก" คือถูกทิ้งลงในเกเฮน่า (ที่ทิ้งขยะ)
** สรุป มธ 18 ข้อ 5-9 ไม่ดูหมิ่น หรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นหลงผิดหรือสะดุดล้มเพราะเรา
18:10 จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ด้วยเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า บนสวรรค์ทูตสวรรค์ประจำของเขาเฝ้าอยู่เสมอ ต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์
บทความเพิ่มเติม: เกเฮนาไม่ใช่นรกบึงไฟ
18:11 เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้เสด็จมาเพื่อช่วยผู้ซึ่งหลงหายไปนั้นให้รอด
18:12 ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ถ้าผู้หนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว และตัวหนึ่งหลงหายไปจากฝูง ผู้นั้นจะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้แล้วขึ้นไปบนภูเขาเที่ยวหาตัวที่หายนั้นหรือ
18:13 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้นั้นพบแกะตัวที่หาย เขาจะชื่นชมยินดียิ่งกว่าที่มีแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้หลงหายนั้น
18:14 อย่างนั้นแหละ พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งพินาศไปเลย
** สรุป มธ 18 ข้อ 10-14 ไม่มองข้ามแม้แต่ผู้เล็กน้อยคนหนึ่ง เราเห็นทุกคนมีค่าเท่ากัน (พระเยซูยอมไปช่วยคนเดียวที่เกาะ)
บทความเพิ่มเติม: ทูตสวรรค์
18:15 หากว่าพี่น้องของท่านผู้หนึ่งทำการละเมิดต่อท่าน จงไปแจ้งความผิดบาปนั้นแก่เขาสองต่อสองเท่านั้น ถ้าเขาฟังท่าน ท่านจะได้พี่น้องคืนมา
18:16 แต่ถ้าเขาไม่ฟังท่าน จงนำคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย ให้เป็นพยานสองสามปาก เพื่อทุกคำจะเป็นหลักฐานได้
18:17 ถ้าเขาไม่ฟังคนเหล่านั้น จงไปแจ้งความต่อคริสตจักร ถ้าเขายังไม่ฟังคริสตจักรอีกก็ให้ถือเสียว่า เขาเป็นเหมือนคนต่างชาติและคนเก็บภาษี
18:18 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า สิ่งสารพัดซึ่งท่านจะผูกมัดในโลก ก็จะถูกผูกมัดในสวรรค์ และสิ่งซึ่งท่านจะปล่อยในโลกก็จะถูกปล่อยในสวรรค์
** มีผูกมัดและแก้เหมือนกัน แต่ในข้อนี้เน้นที่ผู้เชื่อที่ตกลงกันไม่ได้หรือไม่ยอมยกโทษให้พี่น้อง ถ้าหากคริสเตียนไม่ยอมยกโทษแก่กันและกัน ก็จะมีปัญหาเรื่องไม่ได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์เพราะโทษของเขาผูกมัดความผิดบาปของเขา (แต่ได้รอดในวันสุดท้าย) ถ้าตกลงกันได้ และเขายกโทษให้พี่น้อง ความผิดนั้นก็ถูกแก้แล้วและเขาได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์
18:19 เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายอีกว่า ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้
** "ร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด" คือขอตามน้ำพระทัย ไม่ใช่ขอตามใจเรา
18:20 ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น"
** ไม่ใช่ลงท้ายด้วยคำว่า "ข้าทั้งหลายอธิษฐานทูลขอในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน" แต่ในที่นี้หมายถึง การร่วมกันขอตามน้ำพระทัย และดำเนินชีวิตแห่งผู้ชนะแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงท้ายด้วยคำว่า "ในพระนาม" เพราะเราร่วมกันในพระนามอยู่แล้ว
** "เราจะอยู่" อันนี้ (แปลผิด)
** "เราก็อยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น" (แปลถูก) ไม่ใช่จะอยู่ "แต่อยู่แล้ว"
** สรุป มธ 18 ข้อ 15-20 ยอมเชื่อฟัง และหลีกเลี่ยงจากการทำผิดต่อ คริสตจักรเที่ยงแท้ หรือ คริสตจักรผู้ชนะ (คริสตจักตกขอบหรือ คริสตจักรศาสนาไม่นับ)
สรุป.
1. มัทธิว 16:19 เน้นคนที่ไม่เชื่อรับ หรือไม่รับข่าวประเสริฐและถูกแก้หรือถูกผูกมัด (รับการอภัยโทษบาปหรือไม่ได้รับการอภัย)
2. มัทธิว 18:18 เน้นผู้เชื่อเท่านั้นซึ่งได้รอดแล้ว แต่จะต้องกำจัดตัวเก่าและตัวบาปที่หยิ่งผยองพองตัวกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงให้ได้ด้วยพระคริสต์ดำเนินชีวิตในเขา
- เมื่อเราทำผิดต่อกัน หรือทำบาปต่อพระเจ้า เราแสวงหาการชำระจากพระเจ้าเพื่อเราจะไม่ต้องรับการตีสอนอยู่นอกอาณาจักรเป็นเวลาพันปี
- พระเยซูทุกวันนี้คือมานาที่ซ่อนไว้ เพื่อให้เราพบสุขทุกวันเวลาและเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนใหม่สู่พระลักษณะของพระองค์
- เพราะว่าอาณาจักรสวรรค์เป็นของผู้ที่บาปของเขาถูกแก้แล้วในสวรรค์ คือเขาไม่เดินในบาปในแต่ละวัน (อ่าน มธ 16:19)
อ่านเพิ่มเติม: มัทธิว บทที่ 16
18:21 ขณะนั้นเปโตรมาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า หากพี่น้องของข้าพระองค์จะกระทำผิดต่อข้าพระองค์เรื่อยไป ข้าพระองค์ควรจะยกความผิดของเขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือ"
** เปโตรคิด และยกโทษแบบมนุษย์ คือ 7 ครั้งเท่านั้น ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ ถ้าเราทำผิดกับเขาบ่อยๆ เขาจะเริ่มแสดงอาการ หรือถอยห่างไปจากเรา เพราะเขารับไม่ได้ หรือยกโทษอย่างแท้จริงไม่ได้
18:22 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เรามิได้ว่าเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น แต่เจ็ดครั้งคูณด้วยเจ็ดสิบ
** คำว่า 70×7 คือไม่มีกำหนด คือเดินไปอีกหนึ่งกิโล คือถอดเสื้อใน คือหันแก้มอีกข้าง ด้วยการทำแทนของพระคริสต์ในเรา เพราะเราเองจะทำไม่ได้โดยเด็ดขาด
18:23 เหตุฉะนั้น อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนกษัตริย์องค์หนึ่งทรงประสงค์จะคิดบัญชีกับผู้รับใช้ของท่าน
18:24 เมื่อตั้งต้นทำการนั้น เขาพาคนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้หนึ่งหมื่นตะลันต์มาเฝ้า
18:25 เจ้านายของเขาจึงสั่งให้ขายตัวกับทั้งภรรยาและลูก และบรรดาสิ่งของที่เขามีอยู่นั้นเอามาใช้หนี้ เพราะเขาไม่มีเงินจะใช้หนี้
18:26 ผู้รับใช้ลูกหนี้ผู้นั้นจึงกราบลงนมัสการท่านว่า `ข้าแต่ท่าน ขอโปรดผัดไว้ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ทั้งสิ้น'
18:27 เจ้านายของผู้รับใช้ผู้นั้นมีพระทัยเมตตา โปรดยกหนี้ปล่อยตัวเขาไป
18:28 แต่ผู้รับใช้ผู้นั้นออกไปพบคนหนึ่งเป็นเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน ซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่งร้อยเดนาริอัน จึงจับคนนั้นบีบคอว่า `จงใช้หนี้ให้ข้า'
18:29 เพื่อนผู้รับใช้ผู้นั้นได้กราบลงแทบเท้าอ้อนวอนว่า `ขอโปรดผัดไว้ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ทั้งสิ้น'
18:30 แต่เขาไม่ยอม จึงนำผู้รับใช้ลูกหนี้นั้นไปจำจองไว้ จนกว่าจะใช้เงินนั้น
18:31 ฝ่ายพวกเพื่อนผู้รับใช้เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็พากันสลดใจยิ่งนัก จึงนำเหตุการณ์ทั้งปวงไปกราบทูลเจ้านายของพวกตน
18:32 แล้วเจ้านายของเขาจึงทรงเรียกผู้รับใช้นั้นมาสั่งว่า `โอ เจ้าผู้รับใช้ชั่ว เราได้โปรดยกหนี้ให้เจ้าหมด เพราะเจ้าได้อ้อนวอนเรา
18:33 เจ้าควรจะเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนเราได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ'
18:34 แล้วเจ้านายของเขาก็กริ้วจึงมอบผู้นั้นไว้แก่เจ้าหน้าที่ให้ทรมาน จนกว่าจะใช้หนี้หมด
18:35 พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงกระทำแก่ท่านทุกคนอย่างนั้น ถ้าหากว่าท่านแต่ละคนไม่ยกโทษการละเมิดให้แก่พี่น้องของท่านด้วยใจกว้างขวาง"
** สรุป มธ 18 ข้อ 21-35 รักและยกโทษพี่น้องแบบไม่มีกำหนด บทนี้ตรงกับกฎหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5-7 ที่เน้นถึงความถ่อม ยอม ต่ำ และเสียเปรียบ เพื่อการได้เข้า และเป็นใหญ่ในยุคหน้าและนิรันดร์
สรุป...เรื่องราวในบทที่ 18 ทั้งบทนี้ เกี่ยวกับเรื่องราชอาณาจักรเท่านั้น.
ต้องเป็นเหมือนเด็ก