ถาม.
ช่วยยกตัวอย่าง การสารภาพบาปที่ถูกต้องหน่อยว่าเป็นยังไงครับ
ตอบ.
การสารภาพบาปที่ถูกต้อง เราทำบาป เรารู้ว่ามันผิด เราเสียใจ แล้วเราก็มาพูดคุยกับพระเจ้านะครับบอกว่า "พระเยซูข้าพระองค์ทำผิดแล้ว ยอมรับผิด แล้วก็ข้าพระองค์ก็เสียใจ ขอพระองค์เมตตายกโทษให้ข้าพระองค์ด้วย" จากนั้นนะครับไม่กี่วินาทีเราก็บอกว่า "เอเมนพระเยซูขอบคุณพระองค์ ที่พระองค์ยกโทษให้ข้าพระองค์แล้ว" หลังจากนั้นเราไม่รู้สึกฟ้องผิด หลังจากนั้นเรามีความชื่นชมยินดีเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาทีนะครับ
แล้วหลังจากนั้นนะครับ เมื่อขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ยกโทษให้ข้าพระองค์แล้ว "ขอพระองค์ชำระข้าพระองค์ ให้ข้าพระองค์เลิกทำบาปเดิมๆ ซ้ำๆ กลับไปกลับมาเนี่ย ไม่อยากทำอีกแล้ว ขอพระองค์ชำระ เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินชีวิตในพระองค์ และเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระองค์"
...
ถาม.
คือต้องมีความเสียใจก่อนใช่ไหมครับ
ตอบ.
แน่นอนครับรู้สึกเสียใจนะครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องร้องไห้ต้องมานั่ง คือทำเป็นแบบลักษณะคือเศร้ามากๆ ไม่จำเป็นถึงขนาดนั้นครับ เรารู้สึกเสียใจ ไม่พอใจ ไม่ดีใจนะครับเพราะว่าเราทำผิด แต่ไม่ใช่การเสแสร้งนะครับ คือมันเป็นอาการที่ออกมาจากใจเรา คือเรารู้นะครับว่ามันผิดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า ผิดต่อพระเจ้า เราก็บอกว่า "พระเยซู โอเค ผิดแล้ว ขอพระองค์เมตตายกโทษให้ข้าพระองค์ด้วย" พอเราสารภาพเสร็จ เราก็เอเมน ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ยกโทษให้ข้าพระองค์แล้ว ก็ชื่นชมยินดีนะครับภายในเวลาไม่กี่วินาที
จำได้นะครับว่า เมื่อมีการสารภาพเมื่อไหร่ ที่ไหน ก็มีการยกโทษเมื่อนั้น ที่นั่น เดี๋ยวนั้น (1 ยอห์น 1:9) ถ้าหากท่านสารภาพ พระเจ้าก็จะยกโทษ (อ้าวทำไม ไม่มีพระคัมภีร์บอกว่าถ้าหากท่านสารภาพ พระเจ้าขอคิดก่อน มีไหม?)
เพราะฉะนั้นนะครับ การสารภาพเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็มีการยกโทษเมื่อนั้น ถามว่าทำไม?
เพราะว่าพระเยซูนะครับนำพระโลหิตของพระองค์ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์บนกางเขน พระองค์ขึ้นไปที่ฟ้าสวรรค์ ที่พระที่นั่งของพระบิดา และถวายพระโลหิตนี้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปแด่พระเจ้า และพระเจ้าก็รับ ไม่พอนะครับ เมื่อพระเจ้ารับพระโลหิตของพระเยซู พระองค์ก็ตั้งพระโลหิตให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป เครื่องยกโทษบาปให้เราชั่วนิรันดร์
เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำบาปเมื่อไหร่ และสารภาพเมื่อไหร่ การยกโทษก็มีเมื่อนั้น เราขอโทษพระเจ้า พระเจ้าไม่มองเรานะครับพระเจ้ามองที่พระโลหิต และต้องยกโทษให้เรา ไม่ยกโทษไม่ได้เพราะว่าพระเยซูกับพระเจ้าทำสัญญากันแล้ว พระเยซูนำพระโลหิตขึ้นไปสู่พระบิดาและพระบิดารับเป็นเครื่องถวายบูชาไถ่บาป และตั้งเป็นสิ่งที่จะยกโทษให้กับเรา ทุกโอกาส ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกบาป ทุกชนิด
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าพระบิดาปฏิเสธที่จะไม่ยกโทษให้เรา เป็นไปไม่ได้ คือพระบิดาจะไม่เที่ยงธรรม ไม่ชอบธรรม พระองค์ต้องยกโทษให้เรา แล้วก็ขอบคุณพระเจ้าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า เป็นความต้องการ เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะยกโทษให้เราด้วย (ไม่ใช่ว่าไม่อยากยกโทษหรอก เห็นแก่พระเยซูน่ะ) ไม่ใช่น่ะ พระองค์ยินดีเลยครับ โอเคยกโทษแล้ว เราไม่ต้องรอดูอาการไม่ต้องรอดูว่า เอ่อ มันมีความรู้สึกมีการสัมผัสของพระเจ้านะครับ
แต่ก่อนนะครับผมก็เคยเป็น ผมเชื่อว่าหลายคนก็เคยเป็นใช่ไหม เราสารภาพบาปปุ๊บต้องมานั่งรอนะครับว่า (พระเจ้ายกโทษหรือยัง มาแตะเราหรือยัง มีอะไรรู้สึกอะไรไหม) ใช่ไหม แล้วก็คิดว่าพระเจ้ายกโทษ แต่ถ้าหากไม่รู้สึกอะไร แล้วก็ยังเศร้าใจเสียใจอยู่ คิดว่าน่าจะยังรอไปก่อนใช่ไหมครับ
แต่ขอบคุณพระเยซูนะครับ 1 ยอห์น 1:9 ถ้าหากท่านสารภาพบาป พระเจ้าก็จะยกโทษให้ท่าน และเรารู้นะครับว่าหลังฉากเบื้องหลัง ก็คือพระเยซูนำพระโลหิตขึ้นไป แล้วพระบิดาตั้งพระโลหิตไว้เพื่อการไถ่บาปชั่วนิรันดร์