เอเฟซัสบทที่ 5. เป็นเรื่องของผลของความมืด (ความดีในอาดัม) และผลของความสว่าง (ผลของพระคริสต์)
ผู้เชื่อมากมายคิดว่าการจัดงานคริสมาสต์เพื่อฉวยโอกาศประกาสข่าวประเสริฐแต่สำหรับพระเจ้า ทรงเลือกผู้ที่จะรอดเอาไว้แล้ว และเราประกาศเมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องใช้งานต่างๆ เพื่อประกาศ แต่ถ้าหากมีผู้เชื่อที่ยังเด็กและอยากให้เราจัดหรือมีส่วนร่วม เราร่วมได้จัดได้ แต่ผลที่ได้คือไร้ผล/ไร้ประโยชน์ (ดูข้อที่ 11 และอย่าเข้าส่วนกับกิจการของความมืดอันไร้ผล แต่จงติเตียนกิจการเหล่านั้นดีกว่า)
...
5:9 (ด้วยว่าผลของพระวิญญาณคือ ความดีทุกอย่าง และความชอบธรรมทั้งมวล และความจริงทั้งสิ้น)
** ผลของพระวิญญาณ ในที่นี้คือ พระวิญญาณของพระคริสต์ ไม่ใช่ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ดูในกาลาเทียบทที่ 5 ข้อที่ 22-23) คือการทำดีสำแดงความชอบธรรมของพระคริสต์กระทำในเราผ่านเรา เริ่มจากตายแทนเราตายกับเรา และอยู่แทนเราอยู่กับเราคนใหม่คนนี้
** ความดีทุกอย่าง และความชอบธรรมทั้งมวล และความจริงทั้งสิ้น คือชีวิตที่สุกงอมแล้ว เราจึงมีชีวิตและนิสัยของพระองค์สำแดงออกมาอย่างมากมายซึ่งเข้ามาแทนที่การทำดีของเราเองแล้ว
...
5:10 ท่านจงพิสูจน์ดูว่า ทำประการใดจึงจะเป็นที่ชอบพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า
** เมื่อเราพบมานา เราจึงแยกแยะได้ว่าอะไรคือน้ำพระทัยของพระเจ้า โดยเฉพาะเรื่อง ผลของชีวิตพระคริสต์ที่เกิดผลในเราเมื่อเราเลิกพยายามทำดีเกิดผลของเราเองในแต่ละวัน
...
5:11 และอย่าเข้าส่วนกับกิจการของความมืดอันไร้ผล แต่จงติเตียนกิจการเหล่านั้นดีกว่า
** กิจการของความมืด คืออะไรก็ตามไม่ว่าดีหรือไม่ดีที่เป็นศาสนา อยู่ในอาดัม ที่คริสเตียนศาสนามากมายทำดีกันอยู่ทุกวันนี้ พระเจ้ามองว่า ไร้ผล คือไม่มีพระพร บำเหน็จและผ่านไฟแห่งการทดลองในวันสุดท้ายไม่ได้ (1 คร 3:12-15)
...
5:13 แต่สิ่งสารพัดที่ถูกติเตียนแล้ว ก็จะปรากฏแจ้งโดยความสว่าง เพราะว่าทุก ๆ สิ่งที่ให้ปรากฏแจ้งก็คือความสว่าง
** บุตรพระเจ้ารักที่จะฟังคำตำหนิติเตือนจากผู้อื่นถึงแม้ว่าเราจะรู้มากก่วาเขาก็ตาม
...
5:14 เหตุฉะนั้นพระองค์ตรัสแล้วว่า ‘คนที่หลับอยู่จงตื่นขึ้น และจงฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน’
** หลับอยู่ / ตายแล้ว / อยู่ในความมืด / ปักใจอยู่ในความบาปและความตาย คือการดำเนินชีวิตอยู่ในเนื้อหนังในอาดัม คือการไม่นับว่าตายแล้วและเป็นคนใหม่ และสนิทในพระคริสต์ด้วยการพูดคุยสนทนากับพระองค์
** จงตื่นขึ้น คือการกลับมาสนิทในพระคริสต์ อยู่ในพระคริสต์หลังจากที่เราหลุด หลง เผลอออกไปอยู่ในอาดัม/เนื้อหนัง
...
5:15 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา
** "ไร้ปัญญา" คือเดินด้วยตัวเก่า มีปัญญาคือนับและสนิทในพระเยซูทุกวันทุกเวลา
...
5:16 จงฉวยโอกาสเพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว
** ฉวยโอกาส เพื่อเดินในความสว่างหรือเดินในพระคริสต์ในคนใหม่คนนี้ มนุษย์แข่งกันทำบาป กิเลสตัณหาโลภโกรธหลง แต่เราแข่งกันเพื่อฉวยโอกาสสำแดงพระคริสต์ เพื่อสะสมบำเหน็จในคลังแห่งสวรรค์
** ทุกวันนี้คือการชั่วช้า (the days are evil.) คือมนุษย์ไร้คุณธรรมความดีงาม ความรัก ความชอบธรรมยุติธรรม ไม่มีเมตตา ซึ่งเป็นผลที่ได้มาจากการอยู่ในความมืด หรือเป็นความมืดนั่นเอง
** การอยู่คนเดียวและสนิทในพระเยซู เดินไปกับพระองค์ทุกวันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่พระกายต้องการเราและเราต้องการพระกาย เปาโลกล่าวโดยพระวิญญาณว่า อย่าขาดการประชุม... เราเองก็ต้องการการก่อขึ้นจากพี่น้องและเราต้องการการหนุนใจกระตุ้นปลุกเราเมื่อเราหลับหรือเหนื่อยท้อ