- เรื่องราวในหนังสือมัทธิวไม่ใช่เรื่องสวรรค์ - นรก หรือ ระหว่างผู้เชื่อกับผู้ที่ไม่เชื่อ แต่หนังสือมัทธิวเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคพันปีหรือยุคหน้า และเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องระหว่างผู้เชื่อที่มีชัยชนะและผู้เชื่อที่ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ ซึ่งผู้ชนะจะได้เข้าในราชอาณาจักรสวรรค์ และร่วมครอบครองโลกกับพระเยซูในยุคหน้าและนิรันดร์
ส่วนผู้ไม่ชนะต้องทนทุกข์ทรมานจนครบพันปีในยุคหน้าและจะได้รอดในวันสุดท้าย แต่เหมือนรอดผ่านไฟ (ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย) / (มธ 7:21-27 / 1 คร 3:12-15)
ขณะที่มนุษย์ในโลกนี้แสวงหาความรอด คือรอดจากนรกบึงไฟ ทุกศาสนาจึงเน้นเรื่องสวรรค์นรก แสวงหาหนทางให้ได้พบสวรรค์และหลุดพ้นจากนรกเมื่อเขาตายจากโลกนี้ไป
ทำให้คริสเตียนคิดว่าการมาเชื่อในพระเยซูก็คือการมาเพื่อรับความรอด ซึ่งบางกลุ่มเน้นที่เชื่อเท่านั้นก็รอดและบางกลุ่มเน้นที่เชื่อไม่พอต้องเชื่อฟังด้วยจึงจะรอด แต่..
ขอบพระคุณพระเยซูที่บางคนมาถึงการเปิดตาเพื่อให้ได้รู้ว่า พระเจ้าต้องการให้เราได้รับมากกว่า ความรอด (มธ 6:33)
I. ทำไมหนังสือมัทธิวบันทึกชื่อท่านอับราฮัมเป็นคนแรกในลำดับพงศ์พันธ์ของพระเยซู
- เนื่องจากว่าท่านเป็นบิดาแห่งความเชื่อ เป็นบุคคลคนแรกที่พระเจ้าจะประทานพระพรแก่ชนทุกชาติ และทุกคนจะได้รับพระพรโดยทางความเชื่อ
- อาดัมเป็นบิดาฝ่ายเนื้อหนังของมนุษย์ แต่ท่านอับราฮัมเป็นบิดาฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อทั้งหลาย
.....
II. อับราฮัมและดาวิด
A. อับราฮัม/อิสอัก
1. พระเยซู นำพระพรของท่านอับราฮัมมาสู่ชนทุกชาติทั่วโลก
2. พระเยซู เป็นเครื่องถวายที่ผ่านการตายและเป็นขึ้นมาจากตาย
3. พระเยซู จะได้รับเจ้าสาว คือผู้เชื่อที่มีชัยชนะ
B. ดาวิด/ซาโลมอน
1. พระเยซู จะครอบครองที่พระบัลลังก์ของดาวิด
2. พระเยซู มีสติปัญญามากกว่าซาโลมอน
3. พระเยซู ทรงสร้างพระวิหารสำเร็จ
.....
III. ผู้หญิง 4 คน ที่มีชื่อบันทึกในหนังสือลำดับพงศ์พันธ์ของพระเยซู
1. บัตเชบาร์ หญิงที่เล่นชู้กับดาวิด
2. ราหับ หญิงโสเภณี
3. รูธ หญิงผู้สัตย์ซื่อ
4. ทามาร์ ร่วมนอนกับยูดาห์
.....
IV. เรื่องพระกำเนิดของพระเยซู
1. เหตุการณ์ในหนังสือมัทธิวบทที่หนึ่งเป็นเรื่องราวของการอยู่ร่วมกันของท่านโยเซฟและนางมารีย์ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองนาซาเร็ธแค้วนกาลิลีจากนั้นก็ไปต่อที่หนังสือลูกา คือท่านโยเซฟพานางมารีย์เดินทางไปจดทะเบียน จากนั้นก็มาต่อที่มัทธิวบทที่สอง
(มธ. บทที่ 1 ไปต่อที่ ลก. บทที่ 2 และกลับมาที่ มธ. บทที่ 2)
.....
V. พระคัมภีร์เดิมสำเร็จที่พระเยซู
1. พระเยซูเป็นพระคริสต์ผ่านกษัตริย์ดาวิด
คำว่า "อิมมานูเอล" แปลว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา / อยู่ท่ามกลางเราทั้งหลาย ความหมายก็คือ พระเจ้าเสด็จลงมาบังเกิด และอยู่ในร่างของผู้ชายที่ชื่อ "เยซู" นั่นเอง
1:1 หนังสือลำดับพงศ์พันธุ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นบุตรของดาวิด ผู้ทรงเป็นบุตรของอับราฮัม
** มัทธิวบทที่ 1: ท่านมัทธิวกล่าวถึงเรื่อง… ลำดับพงศ์พันธุ์ของพระเยซูคริสต์ และพระนาม “เยซู”
- “เยซูคริสต์” “เยซู” เป็นภาษากรีก มาจากคำว่า “เยโฮวาห์” ซึ่งภาษาฮีบรูแปลว่า “เราเป็น” นั่นเอง // “คริสต์” ภาษากรีก คือ “คริสโต” มาจากภาษาฮีบรู คือ “เมสสิยาห์” ซึ่งแปลว่า “ผู้ที่ถูกเจิม” หรือ “ถูกเลือกสรร” นั่นเอง
- “พระเยซูบุตรดาวิด” ท่านมัทธิวใช้คำนี้เพื่อยืนยันว่า พระเยซูเสด็จมาทางเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด เพื่อเป็นกษัตริย์ของชาติยิว ตามพระสัญญาในพระคัมภีร์เดิม
อิสยาห์ 9:7 เพื่อการปกครองของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และสันติภาพจะไม่มีที่สิ้นสุดเหนือพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ ที่จะสถาปนาไว้ และเชิดชูไว้ด้วยความยุติธรรม และด้วยความเที่ยงธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดร์กาล ความกระตือรือร้นของพระเยโฮวาห์จอมโยธาจะกระทำการนี้
ลูกา 1:32-33 บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะทรงเรียกว่า เป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระเจ้าซึ่งเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทรงประทานพระที่นั่งของดาวิด บรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน
- พระเยซูบุตรอับราฮัม
ปฐก 12:3 เราจะอวยพรผู้ที่อวยพรเจ้า และสาปแช่งผู้ที่สาปแช่งเจ้า บรรดาครอบครัวทั่วแผ่นดินโลกจะได้รับพระพรเพราะเจ้า”
กท 3:14 เพื่อพระพรของอับราฮัมจะได้มาถึงคนต่างชาติทั้งหลายเพราะพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับพระสัญญาแห่งพระวิญญาณโดยความเชื่อ
1:2 อับราฮัมให้กำเนิดบุตรชื่ออิสอัค อิสอัคให้กำเนิดบุตรชื่อยาโคบ ยาโคบให้กำเนิดบุตรชื่อยูดาห์และพี่น้องของเขา
1:3 ยูดาห์ให้กำเนิดบุตรชื่อเปเรศกับเศ-ราห์เกิดจากนางทามาร์ เปเรศให้กำเนิดบุตรชื่อเฮสโรน เฮสโรนให้กำเนิดบุตรชื่อราม
1:4 รามให้กำเนิดบุตรชื่ออัมมีนาดับ อัมมีนาดับให้กำเนิดบุตรชื่อนาโชน นาโชนให้กำเนิดบุตรชื่อสัลโมน
1:5 สัลโมนให้กำเนิดบุตรชื่อโบอาสเกิดจากนางราหับ โบอาสให้กำเนิดบุตรชื่อโอเบดเกิดจากนางรูธ โอเบดให้กำเนิดบุตรชื่อเจสซี
1:6 เจสซีให้กำเนิดบุตรชื่อดาวิดผู้เป็นกษัตริย์ ดาวิดผู้เป็นกษัตริย์ให้กำเนิดบุตรชื่อซาโลมอน เกิดจากนางซึ่งแต่ก่อนเป็นภรรยาของอุรียาห์
1:7 ซาโลมอนให้กำเนิดบุตรชื่อเรโหโบอัม เรโหโบอัมให้กำเนิดบุตรชื่ออาบียาห์ อาบียาห์ให้กำเนิดบุตรชื่ออาสา
1:8 อาสาให้กำเนิดบุตรชื่อเยโฮชาฟัท เยโฮชาฟัทให้กำเนิดบุตรชื่อเยโฮรัม เยโฮรัมให้กำเนิดบุตรชื่ออุสซียาห์
1:9 อุสซียาห์ให้กำเนิดบุตรชื่อโยธาม โยธามให้กำเนิดบุตรชื่ออาหัส อาหัสให้กำเนิดบุตรชื่อเฮเซคียาห์
1:10 เฮเซคียาห์ให้กำเนิดบุตรชื่อมนัสเสห์ มนัสเสห์ให้กำเนิดบุตรชื่ออาโมน อาโมนให้กำเนิดบุตรชื่อโยสิยาห์
1:11 โยสิยาห์ให้กำเนิดบุตรชื่อเยโคนิยาห์กับพวกพี่น้องของเขา เกิดเมื่อคราวพวกเขาต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลน
1:12 หลังจากพวกเขาต้องถูกกวาดไปยังกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนิยาห์ก็ให้กำเนิดบุตรชื่อเซลาทิเอล เซลาทิเอลให้กำเนิดบุตรชื่อเศรุบบาเบล
1:13 เศรุบบาเบลให้กำเนิดบุตรชื่ออาบีอูด อาบีอูดให้กำเนิดบุตรชื่อเอลีอาคิม เอลีอาคิมให้กำเนิดบุตรชื่ออาซอร์
1:14 อาซอร์ให้กำเนิดบุตรชื่อศาโดก ศาโดกให้กำเนิดบุตรชื่ออาคิม อาคิมให้กำเนิดบุตรชื่อเอลีอูด
1:15 เอลีอูดให้กำเนิดบุตรชื่อเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์ให้กำเนิดบุตรชื่อมัทธาน มัทธานให้กำเนิดบุตรชื่อยาโคบ
1:16 ยาโคบให้กำเนิดบุตรชื่อโยเซฟ สามีของนางมารีย์ พระเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์ก็ทรงบังเกิดมาจากนางมารีย์
1:17 ดังนั้น ตั้งแต่อับราฮัมลงมาจนถึงดาวิดจึงเป็นสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ดาวิดลงมาจนถึงต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลนเป็นเวลาสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยยังกรุงบาบิโลนจนถึงพระคริสต์เป็นสิบสี่ชั่วคน
I. เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับลำดับพงศ์พันธ์ของพระเยซู
II. ผู้หญิง 4 คนที่ถูกนับเข้าในพงศ์พันธุ์ของพระเยซูคริสต์
1. พระเยซูบุตรของอับราฮัมและบุตรของดาวิด
2. ท่านมัทธิวกล่าวถึงคนที่สำคัญคือท่านอับราฮัมและกษัตริย์ดาวิด
a. พระเยซูบุตรของอับราฮัม
- อิสอักเป็นบุตรชายของอับราฮัม อิสอักเป็นแบบเล็งถึงพระเยซู 3 ด้าน คือเป็นคนนำพระพรมาสู่ชนทุกชาติ เป็นเครื่องถวายแด่พระเจ้าให้ถึงความตายและเป็นขึ้นมาจากตาย และได้รับเจ้าสาว
1. เป็นคนนำพระพรมาสู่ชนทุกชาติ เกิดขึ้นแล้วในยุคนี้คือความรอดและพระพรฝ่ายวิญญาณและจะเป็นจริงฝ่ายร่างกายคือในยุคอาณาจักรและฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
2. เป็นเครื่องถวายบูชาแด่พระเจ้าให้ถึงความตายและถึงการเป็นขึ้นมาจากตาย เกิดขึ้นแล้วเมื่อ 2000 ปีก่อน
3. ได้รับเจ้าสาว คือผู้เชื่อที่กำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวคือผู้ที่มีชัยชนะและเข้าสู่งานแต่งงานในยุคอาณาจักร
b. พระเยซูบุตรของดาวิด
- ซาโลมอนเป็นบุตรดาวิด เป็นแบบอย่างของพระเยซู 3 ด้าน คือการปกครอง สติปัญญาและการสร้างพระวิหาร
1. การปกครองของพระเยซูพระองค์จะประทับที่พระบัลลังก์ของดาวิดและ ซาโลมอน เพื่อปกครองอาณาจักร
2. สติปัญญาของพระเยซูพระองค์เป็นผู้ที่มีสติปัญญาเหนือกว่าโซโลมอน
3. การสร้างพระวิหารพระเยซูสร้างพระวิหารของพระเจ้าที่ถาวรสำเร็จคืออยู่ในผู้เชื่อทุกคน
- มีผู้หญิง 4 คนที่ถูกบันทึกไว้บางคนเล่นชู้กับกษัตริย์ บางคนเป็นหญิงโสเภณี บางคนปลอมเป็นหญิงโสเภณีเพื่อนอนกับพ่อสามีของตนแต่พระเจ้าก็นับพวกเขาเข้าในพงศ์พันธ์ของพระเยซูเพื่อให้เราได้รู้ว่าพระเจ้ารักคนบาปชั่วและยอมมาเป็นคนต่ำต้อยเกิดจากเชื้อสายของพวกเขา
1. นางบัตเชบาร์ ภรรยาของ อุริยาห์ ที่กษัตริย์ดาวิดเล่นชู้จนมีบุตรและได้วางแผนส่งอุรียาห์ไปตายในสนามรบและดาวิดก็รับนางมาเป็นภรรยาของตน
2. นางราหับ เป็นหญิงโสเภณีเป็นเจ้าของโรงแรมอยู่ในเมืองเยรีโคนางได้ช่วยให้อิสราเอลบุกเข้าโจมตีเมืองเยรีโคได้ นางเชื่อพระเจ้าของอิสราเอลต่อมานางได้แต่งงานกับนักสืบของกองทัพอิสราเอลชื่อชาโมน
3. นางรูธ เป็นลูกสะใภ้ของครอบครัวชาวอิสราเอลที่ย้ายออกไปตั้งถิ่นฐานอยู่ประเทศอื่นเมื่อสามีตายนางได้สละชีวิตอยู่กับแม่สามีและไม่ยอมหนีไปไหน
4. นางทามาร์ แต่งงานกับลูกชายของยูดาห์ผู้เป็นลูกชายของอิสราเอล (ยาโคบ) เมื่อสามีคนแรกตายนางก็แต่งงานกับลูกชายคนต่อมาตามกฎหมายของโมเสส ลูกชายคนที่ 2 ตาย ยูดาห์จึงให้นางกลับไปเป็นหญิงม่าย (ปฐก 38:11) และเป็นอิสระ เพื่อรอลูกชายคนที่ 3 โต แต่ที่จริง ยูดาห์กลัวลูกชายคนที่ 3 จะตายเหมือนพี่ทั้งสอง และนางทามาร์จึงได้ปลอมเป็นหญิงโสเภณีเพื่อมานอนกับท่านยูดาห์ เพื่อจะได้เป็นภรรยาของท่าน
1:18 เรื่องพระกำเนิดของพระเยซูคริสต์เป็นดังนี้ คือมารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้น เดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกันก็ปรากฏว่า มารีย์มีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์
** มารีย์ คือน้องสาว (ลูกพี่ลูกน้อง) ของนางเอลิซาเบธผู้ซึ่งเป็นมารดาของท่านยอห์นผู้ให้บัพติศมา
** การแต่งงานของยิว โยเซฟและมารี การแต่งงานของชาวยิวมี 3 ขั้นตอน (ทำเนียมของชาวยิว)คือ...
- 1. การหมั่นหมายโดยแม่สื่อ
- 2. ฝ่ายหญิงก็จะมาอยู่บ้านฝ่ายชายในฐานะลูกสาวของบ้านนั้นเพื่อดูใจกันเป็นเวลา 1 ปี
- 3. ถ้าทั้งสองตกลงว่าเข้ากันได้ คิดว่าอยู่ด้วยกันได้ การแต่งงานถึงจะเกิดขึ้น แต่ถ้าทั้งสองเข้ากันไม่ได้ การแต่งงานก็จะไม่เกิดขึ้น แล้วก็จะมีการถอนหมั่น และก็แยกจากกันไป (โยเซฟและมารี อยู่ในขั้นตอนที่ 2)
1:19 แต่โยเซฟสามีของเธอเป็นคนชอบธรรม ไม่พอใจที่จะแพร่งพรายความเป็นไปของเธอ หมายจะถอนหมั้นเสียลับๆ
** โดยปกติ เมื่อฝ่ายชายรู้ว่าฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ เขาจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาจับและลงโทษฝ่ายหญิงให้ถึงตาย แต่โยเซฟยังให้โอกาสมารีย์เพื่อเอาตัวรอด และคิดจะทำการถอนหมั้นอย่างลับๆ
1:20 แต่เมื่อโยเซฟยังคิดในเรื่องนี้อยู่ ดูเถิด มีทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า “โยเซฟ บุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์
** ทูตสวรรค์จึงเปิดเผยต่อโยเซฟ
** พระเยซูได้รับร่างกาย/ชีวิตมาจากไหน (โรม 8:3)
1:21 เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจะเรียกนามของท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านจะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขาทั้งหลาย”
** นามชื่อ เยซู
** การไถ่บาปของพระเยซูคือเริ่มจากชนชาติอิสราเอลก่อน
1:22 ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งตรัสไว้โดยศาสดาพยากรณ์ว่า
1:23 ‘ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล ซึ่งแปลว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา’
** คำทำนายดังกล่าวอยู่ใน (อสย 7:14)
** คำว่า "อิมมานูเอล" แปลว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา / อยู่ท่ามกลางเราทั้งหลาย ความหมายก็คือ พระเจ้าเสด็จลงมาบังเกิด และอยู่ในร่างของผู้ชายที่ชื่อ "เยซู" นั่นเอง
1:24 ครั้นโยเซฟตื่นขึ้นก็กระทำตามคำซึ่งทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งเขานั้น คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา
1:25 แต่มิได้สมสู่กับเธอจนประสูติบุตรชายหัวปีแล้ว และโยเซฟเรียกนามของบุตรนั้นว่า เยซู
** หลังจากพระเยซูทรงประสูติ ท่านโยเซฟและนางมารีย์ก็มีบุตรชายหญิงอีกหลายคน (มธ 13:55-56 / มก 6:3)