10:1 ยังมีชายคนหนึ่งในเมืองซีซารียาที่มีนามว่า โครเนลิอัส เป็นนายร้อยอยู่ในกองทหารที่เรียกว่ากองอิตาเลีย
10:2 เป็นคนที่นมัสการพระเจ้า และเป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้าพร้อมด้วยทั้งครัวเรือนของท่าน ซึ่งได้ให้ทานมากมายแก่ประชาชน และอธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ
** ในสมัยนั้นมีชาวต่างชาติมากมายที่เชื่อและนมัสการพระเจ้าของชาวยิว และเมื่อถึงเวลากำหนดพระเจ้าจึงได้เรียกพวกเขาโดยให้ทูตสวรรค์มาบอกว่าต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้มาถึงความรอด
10:3 ท่านได้เห็นในนิมิตอย่างชัดเจนประมาณเวลาบ่ายสามโมง มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้า กำลังเข้ามาหาท่าน และกล่าวแก่ท่านว่า “โครเนลิอัสเอ๋ย”
10:4 และเมื่อโครเนลิอัสเขม้นดูทูตสวรรค์องค์นั้น ท่านก็ตกใจกลัว และกล่าวว่า “สิ่งนี้เป็นประการใด พระองค์เจ้าข้า” และทูตสวรรค์ได้กล่าวกับท่านว่า “บรรดาคำอธิษฐานของท่านและทานทั้งหลายของท่าน ได้ขึ้นไปเป็นที่ระลึกถึงต่อพระพักตร์พระเจ้าแล้ว
10:5 และบัดนี้จงส่งพวกคนไปยังเมืองยัฟฟา และเชิญคนหนึ่งมาชื่อ ซีโมน ผู้ซึ่งมีนามสกุลว่า เปโตร
10:6 เปโตรอาศัยอยู่กับคนหนึ่งชื่อ ซีโมน เป็นช่างฟอกหนัง ผู้ซึ่งบ้านของเขาอยู่ริมฝั่งทะเล เปโตรจะบอกท่านว่าท่านควรจะทำอะไร”
10:7 และเมื่อทูตสวรรค์ซึ่งพูดกับโครเนลิอัสจากไปแล้ว ท่านได้เรียกคนใช้สองคนของท่าน กับทหารคนหนึ่งที่นมัสการพระเจ้า จากคนเหล่านั้นที่ปรนนิบัติท่านเสมอ
10:8 และเมื่อท่านได้สำแดงบรรดาสิ่งเหล่านี้ให้พวกเขาแล้ว ท่านจึงส่งพวกเขาไปยังเมืองยัฟฟา
10:9 ในวันต่อมา ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังเดินทางต่อไปอยู่นั้น และเข้ามาใกล้เมืองแล้ว เปโตรขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่อจะอธิษฐานประมาณเวลาเที่ยงวัน
10:10 และท่านเริ่มรู้สึกหิวมาก และอยากจะรับประทาน แต่ขณะที่พวกเขายังจัดเตรียมอยู่ เปโตรได้เข้าสู่ภวังค์
** นายร้อยชื่อโครเนลิอัสได้รับนิมิตเพราะว่าท่านอธิษฐาน และเปโตรก็ได้รับนิมิตจากการอธิษฐานเช่นกัน นอกจากการนอนหลับแล้วการอธิษฐานหรือการเฝ้าเดี่ยวจึงทำให้ผู้เชื่อมากมายได้รับนิมิตจากพระเจ้า
10:11 และได้เห็นท้องฟ้าแหวกออกเป็นช่อง และมีภาชนะอย่างหนึ่งลอยลงมายังท่าน ราวกับเป็นผ้าผืนใหญ่ผูกติดกันทั้งสี่มุม และถูกหย่อนลงมายังพื้นโลก
** ท้องฟ้าแหวกออก หมายถึง การงานของสาวกผู้รับใช้ทั้งหลายอยู่ภายใต้การดูแล และการกระทำกิจของพระเจ้าที่มาจากสวรรค์ เป็นงานรับใช้ที่ยิ่งใหญ่ที่ผู้เชื่อไม่ควรถือเบาแต่ควรใส่ใจอย่างเอาจริงเอาจัง
** ภาชนะอย่างหนึ่ง เล็งถึง การนำความรอดมาถึงมนุษย์ชาติทั่วทุกมุมโลก
10:12 ในภาชนะนั้นมีสัตว์สี่เท้าทุกอย่างแห่งแผ่นดินโลก และบรรดาสัตว์ป่า และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย และนกต่างๆ ในอากาศ
** สัตว์ทุกชนิด ในที่นี้ เล็งถึง มนุษย์ที่ถูกเลือกเอาไว้แล้วเพื่อให้ได้รอด รวมถึงนายร้อยและคนของท่านที่กำลังจะมาหาเปโตร
10:13 และมีพระสุรเสียงมายังท่านว่า “จงลุกขึ้น เปโตรเอ๋ย ฆ่าและกินเถิด”
** ฆ่าและกินเถิด เล็งถึง การไปประกาศกับพวกเขาทำให้พวกเขาตายและเป็นขึ้น เพื่อที่จะเป็นอาหารของผู้ประกาศ ซึ่งก็คือผลที่ได้รับจากการหว่านและเก็บเกี่ยวของสาวกและผู้ประกาศ ทุกวันนี้คนที่กลับใจและผู้เชื่อจึงเล็งถึงอาหารของผู้ประกาศและของพระเจ้า
10:14 แต่เปโตรทูลว่า “แบบนั้นไม่ได้ พระองค์เจ้าข้า เพราะว่าข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานสิ่งใดๆ ที่เป็นของต้องห้ามหรือของเป็นมลทินเลย”
** เปโตรมองเห็นว่ามนุษย์ไม่สะอาดบริสุทธิ์เป็นมลทินเนื่องจากว่าเขาใช้ตาของอาดัม แต่สำหรับพระเจ้าพวกคนเหล่านั้นได้รับการชำระแล้วด้วยพระโลหิตของพระเยซู
10:15 และพระสุรเสียงตรัสกับท่านอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้ว เจ้าอย่าเรียกว่าเป็นของต้องห้าม”
10:16 สิ่งนี้ได้กระทำถึงสามครั้ง และภาชนะนั้นก็ถูกรับขึ้นไปอีกในท้องฟ้า
** พระเจ้ายืนยันกับเปโตรว่า ผู้เชื่อทั้งหลายได้รับการชำระจากพระเจ้าแล้ว ห้ามมองว่าเป็นคนบาปมีมลทินอีกต่อไป และนี่คือสิ่งที่ผู้เชื่อควรมองผู้เชื่อด้วยกันว่าบริสุทธิ์ไม่มีมลทินแล้ว (2 คร 5:16-17)
บทความเพิ่มเติม: “จงลุกขึ้น เปโตรเอ๋ย ฆ่าและกินเถิด” (กจ 10:13-16)
10:17 บัดนี้ ขณะที่เปโตรยังสงสัยในตัวเองว่า นิมิตที่ท่านเห็นนั้นมีความหมายอะไร ดูเถิด พวกคนซึ่งถูกส่งมาจากโครเนลิอัสนั้น ได้ถามหาถึงบ้านของซีโมนและยืนอยู่หน้าประตูรั้ว
10:18 และร้องเรียก และถามว่า ซีโมน ซึ่งมีนามสกุลว่า เปโตร พักอยู่ที่นั่นหรือไม่
10:19 ขณะที่เปโตรตรึกตรองอยู่เรื่องนิมิตนั้น พระวิญญาณก็ตรัสกับท่านว่า “ดูเถิด ชายสามคนตามหาเจ้า
10:20 เหตุฉะนั้นจงลุกขึ้น และเจ้าจงลงไปข้างล่าง และไปกับพวกเขาเถิด โดยไม่สงสัยอะไรเลย เพราะว่าเราได้ส่งพวกเขามา”
10:21 แล้วเปโตรได้ลงไปหาคนเหล่านั้นซึ่งถูกส่งมายังท่านจากโครเนลิอัส และกล่าวว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นคนที่พวกท่านตามหานั้น อะไรเป็นสาเหตุที่พวกท่านมา”
10:22 และพวกเขาตอบว่า “นายร้อยโครเนลิอัส เป็นคนชอบธรรมและเป็นคนที่เกรงกลัวพระเจ้า และมีชื่อเสียงดีในท่ามกลางบรรดาชนชาติยิว ได้รับคำเตือนจากพระเจ้าโดยผ่านทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์องค์หนึ่ง ให้มาเชิญท่านเข้าไปในบ้านของท่าน เพื่อจะฟังถ้อยคำทั้งหลายของท่าน”
ยอห์น 4:34-38
4:34 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “อาหารของเราคือการกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ผู้ได้ทรงส่งเรามา และเพื่อทำให้งานของพระองค์สำเร็จ
4:35 ท่านทั้งหลายกล่าวว่า ‘ยังมีอีกสี่เดือน และจึงจะถึงฤดูเกี่ยวข้าว’ มิใช่หรือ ดูเถิด เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า จงเงยหน้าของพวกท่านขึ้น และดูทุ่งนาทั้งหลายเถิด เพราะว่าทุ่งนาเหล่านั้นก็ขาวแล้ว พร้อมสำหรับการเกี่ยวข้าว
4:36 และคนที่เกี่ยวได้รับค่าจ้างทั้งหลาย และส่ำสมพืชผลต่าง ๆ ไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์ เพื่อทั้งคนที่หว่านและคนที่เกี่ยวจะได้ปีติยินดีด้วยกัน
4:37 และในสิ่งนี้ถ้อยคำนั้นเป็นความจริงคือ ‘คนหนึ่งหว่านและอีกคนหนึ่งเกี่ยว’
4:38 เราส่งท่านทั้งหลายไปเกี่ยวสิ่งที่พวกท่านมิได้ลงแรงทำ คนอื่น ๆ ได้ลงแรงทำ และพวกท่านได้เข้าส่วนในบรรดาการลงแรงของพวกเขา”
10:23 แล้วเปโตรจึงเชิญพวกเขาให้เข้ามา และให้พวกเขาพักอยู่ที่นั่น และในวันต่อมา เปโตรก็ไปกับพวกเขา และพวกพี่น้องบางคนจากเมืองยัฟฟาก็ไปกับท่าน
10:24 และในวันต่อมาพวกเขาก็เข้าไปในเมืองซีซารียา และโครเนลิอัสกำลังคอยรับรองพวกเขาอยู่ และได้เชิญญาติพี่น้องของท่าน กับเพื่อนสนิททั้งหลายให้มาประชุมกันอยู่แล้ว
10:25 และขณะที่เปโตรกำลังเข้ามา โครเนลิอัสก็ต้อนรับท่าน และหมอบลงที่เท้าของท่าน และนมัสการท่าน
10:26 แต่เปโตรได้จับตัวโครเนลิอัสให้ลุกขึ้น โดยกล่าวว่า “จงยืนขึ้นเถิด ข้าพเจ้าเองก็เป็นแต่มนุษย์เหมือนกัน”
** การยกย่อง ในลักษณะกราบไหว้นมัสการผู้นำศาสนาเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เมื่อคนใดคนหนึ่งทำการอัศจรรย์ได้ แต่สำหรับคริสเตียน เราไม่ควรยกย่องในลักษณะกราบไหว้หรือให้ความเคารพมากจนเกินมนุษย์ เนื่องจากว่าพระเจ้าคือผู้เดียวที่เราจะยกย่องสรรเสริญและกราบไหว้นมัสการ เปโตรรู้ตัวดีจึงไม่ยอมรับการยกย่องสรรเสริญจากโครเนลิอัส นี่คือลักษณะของผู้รับใช้ที่ดีที่ถ่อมใจ และไม่ยกตน ไม่แสวงหาเกียรติยศชื่อเสียงคำยกย่องจากมนุษย์ และแน่นอนพระเจ้าจะยกเขาขึ้นเองเมื่อถึงเวลาอันควรทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
10:27 และขณะที่โครเนลิอัสกำลังสนทนากับท่านอยู่ เปโตรได้เข้าไป และพบคนเป็นอันมากที่มาประชุมกันอยู่
10:28 และเปโตรกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า “ท่านทั้งหลายทราบแล้วว่า เป็นสิ่งที่ผิดพระราชบัญญัติสำหรับคนที่เป็นชนชาติยิวที่จะคบให้สนิทหรือเข้าเยี่ยมกับคนต่างชาติ แต่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ข้าพเจ้าไม่ควรเรียกคนหนึ่งคนใดว่าเป็นที่ห้ามหรือเป็นมลทิน
** ในพระบัญญัติเดิม พระเจ้าห้ามไม่ให้ชาวยิวซึ่งเป็นประชากรของพระเจ้ากินดื่มและเทียมแอกกับคนต่างชาติ เนื่องจากว่าพวกเขากราบไหว้พระอื่น แต่พระบัญญัติใหม่ คือทุกคนที่เชื่อ ไม่ว่าจะชาติไหนถูกนับว่าเป็นยิวเป็นกายเดียวกันในพระคริสต์แล้ว
10:29 เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมายังพวกท่านโดยปราศจากการคัดค้าน ทันทีที่ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้มา เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอถามว่า พวกท่านเชิญข้าพเจ้าให้มาด้วยประสงค์อะไร”
10:30 และโครเนลิอัสกล่าวว่า “สี่วันมาแล้ว ข้าพเจ้ากำลังอดอาหารอยู่จนถึงโมงนี้ และตอนบ่ายสามโมงข้าพเจ้าได้อธิษฐานอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า และดูเถิด มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าสวมเสื้อมันระยับ
10:31 และกล่าวว่า ‘โครเนลิอัสเอ๋ย คำอธิษฐานของท่านนั้นทรงสดับฟังแล้ว และทานทั้งหลายของท่านนั้นก็เป็นที่ระลึกถึงในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้ว
10:32 เหตุฉะนั้น จงส่งไปยังเมืองยัฟฟา และเชิญซีโมนมาที่นี่ ผู้ซึ่งมีนามสกุลว่า เปโตร ผู้นั้นอาศัยอยู่ในบ้านของคนหนึ่งชื่อ ซีโมนที่เป็นช่างฟอกหนัง อยู่ริมฝั่งทะเล ผู้ซึ่ง เมื่อเขามาถึงแล้ว จะกล่าวแก่ท่าน’
10:33 ในทันใดนั้น ข้าพเจ้าจึงส่งคนไปเชิญท่าน และท่านก็ทำดีแล้วที่ท่านมา เหตุฉะนั้นบัดนี้ พวกเราทุกคนอยู่พร้อมกันต่อพระพักตร์พระเจ้า เพื่อจะฟังสิ่งสารพัดที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาท่านไว้”
10:34 แล้วเปโตรได้อ้าปากของท่าน และกล่าวว่า “แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้ารับรู้ว่า พระเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใด
10:35 แต่ในทุกประชาชาติ ผู้ใดที่เกรงกลัวพระองค์และประพฤติตามทางชอบธรรม ก็ได้รับการยอมรับกับพระองค์
** ความรอด สันติสุข ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ไม่ได้ถึงชาวยิวพวกเดียวเท่านั้น แต่มาถึงคนทุกชาติทั่วโลกที่แสวงหาพระเจ้า
10:36 พระดำรัสซึ่งพระเจ้าได้ส่งมายังลูกหลานของอิสราเอล โดยประกาศเรื่องสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์ (พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของสิ่งสารพัด)
** ประกาศเรื่องสันติสุข the gospel of peace ภาษารีกคือ ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุข ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ เรื่องในข่าวประเสริฐของพระเจ้า
- อย่ายกย่องสรรเสริญผู้รับใช้ในลักษณะที่สูงกว่ามนุษย์ แต่จงยกย่องสรรเสริญพระเจ้าผู้เดียว และผู้รับใช้ผู้นำของพระเจ้า คือคนที่ถ่อมใจ และไม่แสวงหาอำนาจเกียรติยศชื่อเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ่อมใจนอบน้อมถ่อมตน
- เราอยู่ใต้พระบัญญัติใหม่ คริสเตียนไม่มีหลายชาติแต่เป็นชาติเดียวเป็นพระกายเดียวของพระคริสต์เยซูแล้ว
- ข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข (ความสงบสุขภายใน) เป็นหนึ่งในข่าวประเสริฐหลายๆ เรื่องของข่าวประเสริฐของพระเจ้า เรากล้าพูดว่าเชื่อพระเยซูจะพบความสงบสุขที่แท้จริงภายในจิตใจได้ ซึ่งโลกนี้แสวงหา แต่ไม่พบ ปัญหาก็คือมีผู้เชื่อมากมายที่ยังไม่ได้รับสันติสุขดังกล่าว เพราะว่าเขายังไม่ได้ถูกเปิดตา
1. ใส่ใจ สำรวจตนเองเสมอ
เราผู้เชื่อที่พระเจ้าเลือกให้มาพบพระคำแห่งความจริงแล้ว เราใส่ใจ สำรวจตนเองเสมอว่าเรากำลังแสวงหาเกียรติยศชื่อเสียง ความเป็นใหญ่ เป็นนายคนไม่มากก็น้อยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่หรือไม่ ถ้าพบเห็นในเราก็ขอพระบิดาชำระ เพื่อพระบิดาจะไม่ข่มเราลงแต่ยกเราขึ้น และเราจะไม่กลายพันธุ์เป็นคริสเตียนศาสนาเป็นเหล่าฟาริสีทั้งหลาย หรือถ้าหากเราเห็นพี่น้องหรือผู้เผยพระวจนะยังเป็นเช่นนั้นอยู่ เราอธิษฐานเผื่อและคุยกับเขาถ้าสนิทมากพอหรือไม่ก็ไปหาผู้ปกครองเพื่อให้ผู้ปกครองเตือนเขาเพื่อป้องกันการอยู่ด้วยกันอย่างอบอ้าว
2. ข่าวประเสริฐมีข่าวประเสริฐเดียว คือเรื่องความรอด
นี่คือความเข้าใจผิดของคริสเตียนมากมาย ถ้าจะพูดให้ถูก เราต้องดูที่กรีกและภาษาอังกฤษ
ข่าวประเสริฐมีข่าวประเสริฐเดียวคือ ข่าวประเสริฐของพระเจ้า แต่มีหลายเรื่องอย่างเช่น..
1. เรื่องราชอาณาจักร (มัทธิว 4:23)
2. เรื่องพระเยซูคริสต์ (มาระโก 1:1)
3. เรื่องพระเจ้า (โรม 1:1)
4. เรื่องสันติสุข (โรม 10:15)
5. เรื่องพระคุณของพระเจ้า (กิจการ 20:24)
6. เรื่องความรอด (อฟ 1:13)
7. เรื่องไม้กางเขน (1 คร 1:18)
8. เรื่องอมตะ (วว 14:6)
และสำคัญที่สุดก็คือทุกข่าวประเสริฐย่อมสนับสนุนข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า
3. มีพระกายเดียวเท่านั้นสำหรับพระเจ้า
พระเจ้ามองผู้เชื่อทุกคนเป็นพระกายเดียวและอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ทุกคนเป็นยิวหรืออิสราเอลฝ่ายวิญญาณแล้ว เราเป็นมนุษย์วิญญาณไม่มีชนชั้นฐานะสีผิวชายหญิงอีกต่อไป ถ้าหากผู้เชื่อมองกันด้วยสายตาอาดัมก็ยังไม่พบความจริงดังกล่าว การกระทำดีหรือไม่ดีต่อพี่น้องในพระกายก็คือการทำร้ายพระเยซู การดูแลหรือทอดทิ้งพี่น้องก็คือการดูแลพระเยซูหรือทอดทิ้งพระเยซู เพราะว่าพระเยซูเป็นตัวแทน เป็นพวกเรา เป็นส่วนหนึ่งของเราผู้เชื่อทุกคนในทุกคน
4. ข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุข
เป็นเรื่องใหญ่และเป็นประเด็นที่สำคัญมาก ทุกคนในโลกนี้ต่างก็ต้องการและแสวงหาความสุขกันทั้งนั้น
คริสเตียนต้องเข้าใจสุข มีสองแบบ ชั่วคราวและทุกเวลานาที
สันติสุข เป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้ทุกคนที่กลับใจเชื่อและต้อนรับพระเยซูเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเขา เป็นความสงบสุขที่เกิดขึ้นภายในที่เต็มล้น เพียงแค่เราเชื่อว่าได้รับและพระคริสต์ในเรานี่เองที่เป็นสุขนี้ของเรา คริสเตียนทุกวันนี้ไม่รู้จึงขอสันติสุขหรือพยายามเชื่อฟังไม่ทำบาปเพื่อจะได้รับสันติสุขจากพระเจ้า
บทความเพิ่มเติม: ใส่ใจ สำรวจตนเองเสมอ
10:37 พระดำรัสนั้น ข้าพเจ้ากล่าวว่า ท่านทั้งหลายก็ทราบอยู่แล้ว ซึ่งได้ถูกประกาศตลอดทั่วแคว้นยูเดีย และตั้งต้นจากแคว้นกาลิลี หลังจากการให้รับบัพติศมาซึ่งยอห์นได้ประกาศนั้น
10:38 ว่าพระเจ้าได้ทรงเจิมพระเยซูแห่งนาซาเร็ธด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร ผู้ซึ่งได้เสด็จไปทั่วกระทำดี และรักษาบรรดาคนที่ถูกกดขี่โดยผีมารชั่วร้าย ด้วยว่าพระเจ้าได้ทรงสถิตอยู่กับพระองค์
** พระเยซูในฐานะบุตรมนุษย์ได้รับการเจิมโดยพระเจ้า ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธิ์เดช ส่วนพระเยซูในฐานะพระบุตรพระเจ้าหรือพระเจ้าพระบุตร พระองค์พอใจและเต็มใจลงมายังโลกเพื่อไถ่บาปมนุษย์ ขณะเดียวกันพระเจ้าพระบิดาและพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็สถิตอยู่กับพระองค์ด้วยเช่นกัน
10:39 และพวกเราเป็นพยานทั้งหลายถึงสิ่งสารพัดซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำ ทั้งในแผ่นดินของชนชาติยิวและในกรุงเยรูซาเล็ม ผู้ซึ่งพวกเขาได้ฆ่าและแขวนไว้บนต้นไม้
10:40 ผู้ซึ่งพระเจ้าได้ทรงให้คืนพระชนม์ในวันที่สาม และทรงให้พระองค์ปรากฏอย่างเปิดเผย
10:41 มิใช่แก่ประชาชนทุกคน แต่แก่พวกพยานซึ่งถูกเลือกไว้โดยพระเจ้าแต่ก่อน คือแก่พวกเรา ผู้ซึ่งได้รับประทานและดื่มกับพระองค์หลังจากพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
** การคืนพระชนม์ของพระเยซู คือการกระทำของพระเจ้า ของพระองค์เอง (เป็นขึ้นโดยพระองค์เอง) และโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ การเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูมีผู้เชื่อมากมายได้รู้เห็นและได้นั่งกินดื่มกับพระองค์ก่อนที่จะจากพวกเขาไปสู่พระบิดา จึงเรียกว่า ปรากฏอย่างเปิดเผย
10:42 และพระองค์ได้ทรงบัญชาพวกเราให้ประกาศแก่คนทั้งปวง และให้เป็นพยานว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ซึ่งพระเจ้าได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นผู้พิพากษาของคนเป็นและคนตาย
10:43 บรรดาศาสดาพยากรณ์เป็นพยานถึงพระองค์ว่า โดยพระนามของพระองค์ ผู้ใดก็ตามที่เชื่อในพระองค์นั้นจะได้รับการทรงยกบาปทั้งหลาย”
** พระเยซูเป็นผู้เดียวที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้พิพากษาโลกทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ ผู้คนมากมายทั่วโลกอาจจะคิดว่ารอดโดยการเชื่อหรือต้อนรับพระเยซูก็ได้รอดแล้วมันดูง่ายเกินไป เนื่องจากว่าพวกเขาไม่เข้าใจคำว่า "พระคุณพระเจ้า"
10:44 ขณะที่เปโตรยังกล่าวคำเหล่านี้อยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตอยู่บนคนทั้งปวงซึ่งได้ยินพระวจนะนั้น
10:45 และพวกที่ได้เข้าสุหนัตซึ่งเชื่อแล้วก็ประหลาดใจ คือทุกคนที่มาด้วยกันกับเปโตร เพราะว่าของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ถูกเทลงมาบนพวกคนต่างชาติด้วย
10:46 เพราะพวกเขาได้ยินคนเหล่านั้นพูดด้วยภาษาต่างๆ และยกย่องพระเจ้า แล้วเปโตรตอบว่า
** เมื่อเปโตรประกาศผู้คนที่ได้ยินก็กลับใจพวกเขาจึงได้รับ..
1. การยกโทษบาป และการบังเกิดใหม่ ทั้งพระวิญญาณของพระคริสต์ได้เข้ามาอยู่ในเขาเดี๋ยวนั้นเลย
2. การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ดั่งที่เห็นใน กิจการ 10 ข้อที่ 45)
3. พวกเขาจึงพูดภาษาต่างๆ (ไม่ใช่ภาษาแปลกๆ) เนื่องจากว่า คำว่า ลิ้น กรีก γλῶσσα, ης, ἡ โกล-ซา glossa แปลได้สองคำ คือ ลิ้น และภาษาของแต่ละชนชาติ
10:47 “มีผู้ใดสามารถห้ามใช้น้ำ เพื่อที่จะไม่ให้คนเหล่านี้รับบัพติศมาหรือ ผู้ซึ่งได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกับพวกเรา”
** การกระทำของผู้เชื่อที่ควรทำอย่างครบ ก็คือ..
1. เชื่อยอมรับว่าพระองค์เป็นพระเจ้าและต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา
2. รับบัพติศมาในน้ำทันทีที่มีโอกาส ส่วนการกระทำของพระเจ้า ก็คือพระเยซูเสด็จมา และให้บัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งตามองไม่เห็น เราได้บังเกิดใหม่ และทรงย้ายเราออกจากอาดัมไปสู่พระคริสต์ ในพระคริสต์และอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า การอยู่ในพระคริสต์จึงมีความหมายมากสำหรับผู้เชื่อทุกคน ซึ่งก็คือทุกสิ่งที่พระเยซูได้รับจากพระบิดา เราก็มีส่วนได้รับด้วยเช่นเดียวกัน
10:48 และเปโตรได้สั่งพวกเขาให้รับบัพติศมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วเขาทั้งหลายได้ขอให้เปโตรอยู่ต่ออีกสองสามวัน
** คำว่า รับบัพติศมาในพระนามพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือ รับบัพติศมาในพระนามพระเยซูคริสต์ และรับบัพติศมาในพระนามของผู้พระผู้เป็นเจ้า เป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน
1. รัก คือถ่อมถึงดิน เราไม่มีค่า
2. ถ่อมถึงดิน มาถึงการยอมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้อง
อย่าให้มีการแบ่งแยก พระกายเที่ยงแท้ไม่แบ่งแยก ไม่มีหลายพรรคหลายพวก
รัก ถ่อม เป็นหนึ่งเดียวได้มากเพราะเราเต็มล้นภายใน เนื่องจากว่าเราสนิทในพระเยซูด้วยการบอกรักพระเยซูและอธิษฐานพูดคุยอย่างสม่ำเสมอ สะสมพระคำแห่งความจริง
สรุป
1. พระเจ้าทั้งสามทำงานร่วมกันในกันและกัน โดยปกติจะไม่ห่างกันไปไหนและอยู่ในร่างกายของพระเยซู (ยกเว้นตอนที่พระเยซูรับโทษบาปและตายที่กางเขน)
2. ใครชุบชีวิตพระเยซู
- กาลาเทีย 1:1 พระบิดาเป็นคนกระทำ
- ยอห์น 2:19 และ 10:18 และ 11:25 พระเยซูเป็นคนกระทำเอง
- 1 เปโตร 3:18 / โรม 1:4 และ 8:11 พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนกระทำ
• สรุปก็คือ กิจการ 2:24 กล่าวว่าพระเจ้า (ที-โอส พระเจ้าสามพระภาค) เป็นคนกระทำ
3. รอดโดยพระคุณ คือสิ่งที่คนบาปทั่วโลกได้รับจากพระเจ้าเมื่อเชื่อ และต้อนรับพระเยซู เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม ได้คืนดี และกลายเป็นบุตรพระเจ้าได้บังเกิดใหม่ ได้เข้าส่วนในพระกายของพระเยซู เป็นมาโดยพระคุณทั้งนั้น ไม่ได้มาจากการทำดีของเรา
4. พระเยซูเป็นผู้เดียวที่ได้รับสิทธิในการเป็นผู้พิพากษาโลก เนื่องจากว่าพระองค์ลงมาทำงานกับมนุษย์ตั้งแต่อาดัมจนถึงยุคสุดท้าย
5. ขณะที่คนคนหนึ่งกลับใจ และรับบัพติศมาในน้ำ..
- พระเจ้าทรงยกโทษบาปเรา
- พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงชุบชีวิต (วิญญาณ) ของเราให้ได้บังเกิดใหม่ เรากลายเป็นคนชอบธรรมบริสุทธิ์
- เราได้รับการจุ่มเข้าไปในพระคริสต์ และอาณาจักรของพระองค์ เพื่อรับพระพรทุกประการ
- พระเจ้าทั้งสามเข้ามาอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระเจ้า
- เราได้รับการเทพระวิญญาณ เพื่อเป็นสาวก และร่วมงานไถ่โลกกับพระเจ้า
6. ภาษาแปลกๆ กรีกและอังกฤษไม่มี แต่มีคำว่า ลิ้น หรือ ภาษา ในภาษากรีกคำว่า γλῶσσα, ης, ἡ โกล-ซา glossa แปลได้สองคำ คือ ลิ้น และภาษา (ของแต่ละชนชาติ) ดู กิจการ บทที่ 2:4-13 และ 1 คร 14:2-10
7. การให้รับบัพติศมา..
ก. ในพระนามพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ข. ในพระนามพระเยซูคริสต์
ค. ในพระนามของผู้พระผู้เป็นเจ้า
เป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน เราเลือกพูดคำไหนก็ได้
บทความเพิ่มเติม: พระเจ้าแสวงหา รัก ของเราต่อพระองค์ และ รัก ท่ามกลางพี่น้อง