- พระโลหิตของพระเยซูคริสต์แก้ไขปัญหาเรื่องบาปของเราแล้ว
- การทำดี หรือทำชั่วของเราในแต่ละวัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่พระเจ้าจะยกโทษให้เราหรือไม่
"เพราะสาเหตุที่แท้จริงที่พระเจ้ายกโทษให้เรา คือเพราะเห็นแก่พระโลหิตต่างหาก"
- พระเจ้าทรงยกโทษให้เราทุกครั้งที่เราสารภาพบาปต่อพระองค์แน่นอน ไม่ว่าบาปที่เราทำจะเป็น…
- บาปใหญ่ หรือบาปเล็ก
- บาปที่ทำบ่อยๆ หรือบาปที่นานๆ ทำก็ตาม
- บาปที่ทำในที่ลับตาผู้คน หรือบาปในที่เปิดเผย
- บาปที่เราตั้งใจทำ หรือไม่ได้ตั้งใจทำก็ตาม
- บาปที่ไม่มีใคร ยอมอภัยให้
- บาปที่ทำมานานแล้ว หรือบาปที่เพิ่งทำก็ตาม
- บาปในอดีต บาปในวันนี้ หรือบาปในอนาคต
- 1 ยน 1:9 กล่าวว่า “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการบาปทั้งสิ้น (บาปทุกชนิด)
- มธ 18:21-22 กล่าวว่า “ขณะนั้นเปโตรมาทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า หากพี่น้องของข้าพระองค์จะกระทำผิดต่อข้าพระองค์เรื่อยไป ข้าพระองค์ควรจะยกความผิดของเขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือ” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เรามิได้ว่าเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น แต่เจ็ดสิบครั้งคูณด้วยเจ็ด
- เราจะได้รับการยกโทษทันทีจากพระเจ้า เมื่อเราสารภาพเสร็จสิ้นลง (ถ้าหากเราสารภาพเมื่อไหร่ ย่อมจะมีการยกโทษเมื่อนั้นทันที)
- สาเหตุที่พระเจ้ายกโทษให้เรานั้น เพราะเหตุเนื่องมาจากพระโลหิตของพระเยซู ไม่ใช่เพราะตัวเรา และไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย
- เพราะว่าพระเจ้าทรงยอมรับการตายบนไม้กางเขน ทรงหลั่งพระโลหิตของพระองค์ เป็นค่าใช้จ่ายหนี้บาปของเราทุกคน
- พระเจ้าทรงทราบดีว่า จิตใจของเรานั้นไม่ปกติ และป่วยจนไม่สามารถรักษาได้ แต่เราไม่รู้ (เยเรมีย์ 17:9)
- การยกโทษบาปของพระเจ้าที่มีต่อเรานั้นเป็นพระสัญญา และเป็นความต้องการของพระเจ้าเอง
- เราควรจดจำไว้เสมอว่า ทุกครั้งที่เราสารภาพบาป พระเจ้าก็จะยกโทษให้ทันทีทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุใดก็ตาม
- และเมื่อเราสารภาพบาปเสร็จ ควรตามด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าทันที เพราะเราได้รับการอภัยบาปแล้ว
- ไม่จำเป็นที่เราจะรอดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น หรือรอจนกว่าความรู้สึกของเราจะดีขึ้น หรือรออีกห้านาที
- การอภัยบาปเป็นระบบที่พระเจ้าทรงตั้งไว้แล้ว พระเจ้าไม่จำเป็นต้องคิดตรึกตรองดูก่อนว่าจะยกโทษเราหรือไม่
- พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะยกโทษให้เรา ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะพระโลหิตของพระบุตร และพระองค์ไม่มีทางเลือก ที่จะไม่อภัยให้เรา (สมมุติว่าถ้าพระเจ้าคิดจะเปลี่ยนพระทัยไม่ยกโทษให้เรา)
- สารภาพเถิด, อย่ารีรอ และอย่ากลัวว่าพระเจ้าจะไม่อภัยให้ท่าน แท้ที่จริงพระองค์ทรงรอให้ท่านสารภาพบาปทุกเวลา
- พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะทำงานอยู่ในจิตใจเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตตามเวลากำหนด และตามฤดูกาล
- เมื่อเราทำบาป และไม่ยอมสารภาพ เรากำลังเปิดโอกาสให้มารซาตานที่จะชักนำให้เราออกจากความสว่างของพระเจ้า
- ไม่มีเวลาที่จะมานั่งโศกเศร้าเสียใจเพราะบาปที่เราทำ เพราะเราได้บังเกิดใหม่ และอยู่เพื่อการยินดี ขอบพระคุณ และสรรเสริญพระเจ้าเท่านั้น
- พระเจ้าทรงยอมรับพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เพื่อเป็นค่าไถ่บาปของเราแล้ว
- ฮบ 9:12 พระองค์เสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะ และเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์แก่เรา
1. คำกรีก
" βλασφημήσῃ εἰς τὸ Πνεῦματὸ Ἅγιον " (หมิ่นต่อต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์)
- βλασφημήσῃ (หมิ่น ดูหมิ่น ดูถูก เหยียดหยาม)
- εἰς (ต่อสู้ต่อต้าน)
- τὸ Πνεῦμα (พระวิญญาณ)
- τὸ Ἅγιον (บริสุทธิ์)
- คือ การไม่ยอมรับพระเยซู และการงานของพระองค์ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นผู้กระทำอยู่เบื้องหลัง (ลก 12:1; 8-9)
...
2. พระเยซูพูดกับใคร
- ธรรมาจารย์ ที่ไม่เชื่อพระเยซู และกล่าวหาว่าพระเยซูมีผีใหญ่สิงอยู่ และใช้อำนาจของผีใหญ่นั้น (มก 3:22, 30)
- พวกฟาริสีที่ไม่เชื่อ และหาว่าพระเยซูใช้อำนาจผี (มธ 12:24-32)
- ทรงเตือนสาวกให้ระวังเชื้อของพวกฟาริสีที่หน้าซื่อใจคต ใครจะมาใหญ่เหนือพวกเขาไม่ได้ เขาจะไม่รับพระเยซู และจะกำจัดพระองค์ โดยอ้างว่ามีผีสิง (ลก 12:1, 8-10)
...
3. คริสเตียนหมิ่นพระวิญญาณได้หรือไม่
- การหมิ่นพระวิญญาณ คือคนที่ไม่เชื่อไม่ยอมรับการทำงานสองอย่างของพระวิญญาณ คือไม่ต้อนรับพระเยซู (ลก 12:8-10) และกล่าวหาว่าพระเยซูทำการอัศจรรย์โดยใช้อำนาจผี (มธ 12:24-32 / มก 3:22, 30)
- คริสเตียนจะไม่พูดเป็นอันขาดว่า พระเยซูใช้อำนาจของผี หรือซาตานเป็นอันขาด
- คริสเตียนที่ไม่ยอมรับผู้รับใช้บางคน ที่เน้นเรื่องการไล่ผี หรือรักษาโรค วางมือ ล้มที่โบสถ์ เขาไม่ได้ดูหมิ่นพระวิญญาณ แต่ไม่ยอมรับการกระทำเหล่านั้น เพราะเขาทำหลายสิ่งเกินความจริง และไม่มีในพระคัมภีร์
- สำหรับเรื่องการไล่ผี ไม่ใช่มาไล่ที่โบสถ์ทุกอาทิตย์ หรือบ่อยเกินไป เพราะผีที่เข้าสิงคนที่ไม่เชื่อจะทำให้คนนั้นมาไม่ได้ มีอาการปวดหัวตัวร้อน หรืออะไรบางอย่าง เราต้องไปไล่ที่บ้านของเขา
- บางครั้งคนที่มีทูตสวรรค์ชั่วเป็นเจ้าของชีวิต ถูกเชิญมาร่วมประชุม เมื่อได้ยินพระคำพระเจ้า เขาจะขอกลับบ้านทันทีเพราะอยู่ไม่ได้
- เมื่อกลุ่มพี่น้องที่เชื่อเรื่องไล่ผีที่โบสถ์ ผีมันก็จะพากันมาเล่นละครเพื่อหลอกเขาให้ใส่ใจที่การไล่ผีนั้น และออกจากการนมัสการพระเจ้า มันแย่งจิตใจผู้เชื่อ และเวลาที่เราใช้เพื่อสรรเสริญพระบิดาไปจากเราแล้ว
อย่าลืมว่า คริสตจักร คือที่ที่เรามาเพื่อยกย่องสรรเสริญพระบิดาร่วมกัน เพื่อรับสุข และการก่อขึ้นของชีวิตฝ่ายวิญญาณ
** สรุป..การหมิ่นพระวิญญาณคือ **
1. ไม่เชื่อในพระเยซู
2. ไม่ยอมรับการงานที่พระเยซูกระทำว่ามาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
- คริสเตียนจะไม่ทำสองสิ่งนี้เป็นอันขาด แต่คริสเตียนดับพระวิญญาณ (ขี้เกียจไม่ร้อนรนกระตือรือร้นอยู่ในเนื้อหนังในแต่ละวัน) และทำให้พระวิญญาณเสียพระทัย (ทำบาปประจำและไม่แสวงหาวิธีเลิกทำบาป)
- เนื่องจากว่าพี่น้องมากมายไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง จึงใช้สองคำนี้ไปในทางที่ผิด และกลัวพระเจ้าจะลงโทษ เพราะคิดว่าเขาดับพระวิญญาณ และคงจะเป็นเรื่องใหญ่...
- ดับพระวิญญาณ ตรงข้ามกับพระวิญญาณเผาไหม้ในวิญญาณเรา (โรม 12:11) ดับพระวิญญาณไม่ใช่ไม่กระโดดโห่ร้อง ร้องห่มร้องไห้ หัวเราะ พูดภาษาแปลกๆ วิ่งไปมา กลิ้งที่พื้น โห่ร้องดังสนั่นจนเด็กตกใจ หรือไม่เน้นของประทานทุกครั้งที่นมัสการ...
1.- ดับพระวิญญาณ ไม่ใช่ทำให้พระวิญญาณเสียพระทัย เป็นคนละอย่างกัน
- ดับพระวิญญาณ คือไม่ให้พระวิญญาณเผาไหม้วิญญาณเราให้กระตือรือร้น ร้อนรน และออกจากการสนิทในพระคริสต์ ไปใส่ใจที่เนื้อหนัง สิ่งบันเทิง หรือกระวนกระวายเรื่องชีวิต ฯลฯ
- พระวิญญาณจะเผาไหม้วิญญาณเราให้ร้อนรน ร้อนใจ กระตือรือร้น เพื่อขยันมากขึ้น ร้อนใจอยากอ่านพระคำพระเจ้า อยากอธิษฐาน อยากออกไปประกาศ อยากร่วมกับพี่น้อง อยากสนิท
- ดับพระวิญญาณ ก็คือ ขี้เกียจ ไม่ปักใจไม่สนใจใส่ใจในการเข้าใกล้สนิท และให้พระวิญญาณเผาไหม้วิญญาณเรา (โรม 12:11)
2.- ส่วนทำให้พระวิญญาณเสียพระทัย ก็คือ การทำบาปที่ไม่เลิก และไม่แสวงหาการเปลี่ยนแปลงของเรา (ไม่กลับใจ ไม่ใส่ใจในการให้พระคริสต์ก่อชีวิตขึ้นภายในเรา)
** สรุป ดับพระวิญญาณคือ ไม่ร้อนรน ส่วนทำให้พระวิญญาณเสียพระทัยคือ ทำบาป ไม่เหมือนกัน
...
ถาม.
การดับพระวิญญาณ คือไม่อยากอ่าน bible. ไม่อยากไปโบสถ์ ไม่ทำอะไรเลยที่เกี่ยวกับพระเจ้า เป็นความต้องการหรือเป็นความไม่รู้ของผู้เชื่อเอง?
ตอบ.
คริสเตียนเราดับพระวิญญาณประจำ
แต่คริสเตียนเข้าใจผิดคำนี้ คิดว่าดับพระวิญญาณ คือไม่กระโดด ร้องเสียงดังลั่นใน คริสตจักร หรือไม่เน้นให้พระวิญญาณเคลื่อนไหว
...
ถาม.
ถ้าดับแล้ว ทำให้ลุกไหม้อีกได้ไหม?
ตอบ.
ได้แน่นอน การดับเป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน วันนี้ดับพรุ่งนี้รับการเผาไหม้ใหม่ ตอนนี้ดับ อีกห้านาทีรับการเผาไหม้ได้
- พระวิญญาณต้องการเผาไหม้วิญญาณ และกระตุ้นใจเราทุกวัน ถ้าเราดับ พระวิญญาณก็ไม่ท้อ รอจนกว่าเราจะกลับมาปักใจที่ฝ่ายวิญญาณ พระองค์ก็จุดใหม่อีก เพราะพระองค์ทรงรักเรามากมาย