เมื่อพระเจ้าทรงใช้ท่านโมเสสให้นำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ พระองค์ได้ทำพันธสัญญากับพวกเขา ว่าจะเป็นพระเจ้าของเขาและเขาจะเป็นประชากรของพระเจ้า การอยู่ภายใต้พันธสัญญานี้ ผู้ชายอิสราเอลทุกคนจะต้องทำพิธีสุหนัต หลังจากเกิดมาได้ 8 วัน คนอิสราเอลทั้งชายและหญิงต้องรักษาพระบัญญัติ 10 ประการใหญ่และอีกสองร้อยกว่าข้อย่อย เพื่อรับพระพรและความรอดจากพระเจ้า
พระเจ้าจะประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขา คืออยู่ที่พระวิหารและเลือกผู้รับใช้ที่ละคนหรือที่ละคู่ เพื่อเป็นตัวแทนของพระองค์ในการติดต่อกับชนชาติอิสราเอล กษัตริย์และผู้นำประเทศทั้งหลายที่มีอำนาจต้องเชื่อฟังคำแนะนำของผู้รับใช้ของพระเจ้า เมื่อผู้นำประเทศอิสราเอลล้มเหลวในการปกครองเพราะไม่เชื่อฟังพระเจ้า พระเจ้าได้สัญญาจะประทานผู้หนึ่งซึ่งพระเจ้าจะอยู่ในท่านและนำชนชาติอิสราเอลให้พบความสงบสุขและอยู่ดีกินดีและทาสคนนี้ก็คือพระเยซูคริสต์นี่เอง แต่เมื่อพระเยซูได้เสด็จมาแล้ว พวกผู้นำชาวอิสราเอลก็ไม่รับพระองค์แถมยังตรึงพระองค์เหมือนนักโทษประหารที่กางเขน
พระเจ้าจึงได้ยกเลิกพันธสัญญากับพวกเขาและหันมาทำพันธสัญญากับชาวอิสราเอลและคนต่างชาติใหม่ทั่วโลกที่มาเชื่อในพระเยซูคริสต์ (ฮบ 8:6-13)
พระเจ้าก่อตั้งพันธสัญญาใหม่โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เพื่อการไถ่บาปนิรันดร์ (ฮบ 9:12)
เพื่อการได้กลายเป็นประชาการของพระเจ้า รับพระพร มรดก ความรอดพ้น จากพระองค์ ทุกๆ คนที่เชื่อไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือต่างชาติ จะกลายเป็นชนชาติอิสราเอลฝ่ายวิญญาณและร่วมเป็นหนึ่งเดียวในพระกายของพระคริสต์ ความเชื่อของคริสเตียนจะช่วยให้เรากลายเป็นคนชอบธรรม เท่ากับคนยิวที่รักษาพระบัญญัติอย่างเคร่งครัดตลอดชีวิต (โรม 4:22-25, 5:1, 19, 21)
พระโลหิตเท่านั้นที่กำจัดปัญหาทุกอย่างของผู้ที่เชื่อในพระองค์ แต่เรื่องได้ร่วมครอบครองเป็นรัฐบาลกับพระองค์ชุดเดียวชั่วนิรันดร์นั้น ต้องดำเนินชีวิตใหม่ เลิกทำบาปในแต่ละวัน โดยพระคริสต์สถิตอยู่ในเราเป็นคนทำแทนทุกวัน ถ้าไม่เช่นนั้นเราจะได้รอดแต่รอดเหมือนผ่านพ้นไฟ คือไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลย