1. พี่น้องจอมปลอม คือคริสเตียนที่เชื่อแต่กลับสอนว่าเชื่อเท่านั้นไม่พอ ต้องเลิกทำบาปได้จึงจะรอด
2. อย่ายกชาวยิวขึ้น คริสเตียนทุกคนสำคัญกว่าพวกยิว
3. พระเจ้าใช้เปโตรเพื่อประกาศกับคนยิว และใช้เปาโลเพื่อประกาศกับคนต่างชาติ
4. การทำดี ไม่ได้ช่วยให้เราเป็นคนดีต่อหน้าพระเจ้าได้ แต่การเชื่อว่าพระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเรา เราจึงเป็นคนดี ชอบธรรมต่อพระเจ้า
5. ยิว พยายามรักษาพระบัญญัติ เพื่อให้ได้เป็นคนชอบธรรม แต่เขาก็ยังเป็นคนบาปสำหรับพระเจ้า
6. เราตายต่อพระบัญญัติแล้ว พระเจ้าประหารเราร่วมกับพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อน และเรามีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้าร่วมกับพระเยซู
7. หลักการดำเนินชีวิตของคริสเตียน คือเราตัวเก่าตายแล้วกับพระคริสต์คนเก่า เราคนใหม่มีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ที่เป็นวิญญาณที่อยู่ในเรา แต่พระคริสต์เป็นผู้มีชีวิตและทำทุกสิ่งแทนเรา
8. ถ้าหากเราต้องทำดีเพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรม พระเยซูก็ไม่มีประโยชน์อะไร
2:1 แล้วสิบสี่ปีต่อมา ข้าพเจ้ากับบารนาบัสได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มอีก และพาทิตัสไปด้วย
** เปาโลเดินทางไปประกาศกับคนต่างชาติทั่วแผ่นดินทั้งในอิสราเอลและทั่วอาณาจักรโรมัน และสิบสี่ปีต่อมาท่านก็ได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มอีก
2:2 ข้าพเจ้าขึ้นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้เล่าข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ชนต่างชาติให้เขาฟัง แต่ได้เล่าให้คนสำคัญฟังเป็นส่วนตัวเกรงว่าข้าพเจ้าอาจจะวิ่งแข่งกันหรือวิ่งแล้วโดยไร้ประโยชน์
** การรับใช้ เดินทางไปไหนมาไหน และการประกาศกับใครหรือไม่กับใครของเปาโล ทุกสิ่งเน้นที่การสำแดงและการนำพาของพระเจ้าเป็นหลัก นี่คือตัวอย่างของการก่อชีวิตและการรับใช้ด้วยทองคำเงินและเพชรพลอย ท่านจะไม่อาศัยอารมณ์ความรู้สึกและจิตของตนเป็นสิ่งนำพา แต่มาจากการนำพาของพระวิญญาณทุกครั้ง
สรุป...ก็คือการกระทำการรับใช้ทุกสิ่งที่ไม่มีการสำแดงและการนำพาของพระเจ้าก็คือการเข้าส่วนในการวิ่งแข่งที่ 'ไร้ประโยชน์'
2:3 แต่ถึงแม้ทิตัสซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าจะเป็นชาวกรีก เขาก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เข้าสุหนัต
** พี่น้องคริสเตียนยิวสอนให้ผู้เชื่อมากมายรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้รอดและให้เข้าสุหนัตเหมือนพวกยิว แต่คริสเตียนไม่ต้องเข้าสุหนัต เนื่องจากว่าเราได้เข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณในพระคริสต์แล้ว (โคโลสี 2:11) ศาสนายิวยึดถือสามสิ่งที่เป็นหลักสำคัญซึ่งก็คือการเข้าพิธีสุหนัต การรักษาวันสะบาโต และการกินดื่มอาหารที่ควรกินหรือไม่ควรกินเพื่อรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ สามสิ่งนี้คือพระบัญญัติของพระเจ้า แต่เป็นเพียงเงาของสิ่งที่จะมาภายหลังซึ่งก็คือการเสด็จมาเพื่อตายไถ่บาปมนุษย์และนำผู้เชื่อเข้าส่วนในบัพติศมาของพระองค์ (โคโลสี 2:11-12, 16-17)
2:4 เพราะเหตุของพี่น้องจอมปลอมที่ได้ลอบเข้ามา เพื่อจะสอดแนมดูเสรีภาพซึ่งเรามีในพระเยซูคริสต์ เพราะพวกเขาหวังจะเอาเราไปเป็นทาส
** พี่น้องจอมปลอม (สอนผิด) false brothers คือพี่น้องคริสเตียนยิวที่ทั้งเชื่อพระเยซู และรักษาพระบัญญัติด้วย เพื่อการได้กลายเป็นคนชอบธรรม
** เสรีภาพของคริสเตียน ก็คือการได้รอดที่มาจากการเชื่อเข้าในพระคริสต์ ไม่ใช่ได้รอดโดยการรักษาพระบัญญัติเหมือนยิว และการทำดีรักษาพระบัญญัติก็ไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนชอบธรรมได้ แต่เมื่อเชื่อเข้าในพระเยซูเราก็ได้กลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับยิวที่เคร่งครัดศาสนาคนหนึ่ง
สรุป...ก็คือผู้เชื่อไม่ต้องไปที่พระวิหารร่วมกับศาสนายิว ไม่ต้องถือเรื่องการกินดื่ม ไม่ถือและฉลองเทศกาล ถือวัน ถือเดือน และปี ไม่ต้องเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนังของยิว และไม่ต้องถือรักษาสะบาโตของยิวอีกต่อไป เนื่องจากว่า การตายของพระเยซูและเราบัพติศมาเข้าในพระองค์เราจึงกลายเป็นของพระเจ้า
2:5 แต่เราไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้กับเขาแม้สักชั่วโมงเดียว เพื่อให้ความจริงของข่าวประเสริฐนั้นดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไป
** เพื่อให้ความจริงของข่าวประเสริฐนั้นดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไป คือข่าวประเสริฐแห่งความรอดโดยทางความเชื่อเท่านั้น
2:6 แต่จากพวกเหล่านั้นที่เขาถือว่าเป็นคนสำคัญ (เขาจะเคยเป็นอะไรมาก่อนก็ตาม ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับข้าพเจ้าเลย พระเจ้ามิได้ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใด) คนเหล่านั้นซึ่งเขาถือว่าเป็นคนสำคัญ ไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่ข้าพเจ้าเลย
** แต่จากพวกเหล่านั้นที่เขาถือว่าเป็นคนสำคัญ คือยิว และคริสเตียนยิว มักจะถือว่าเขาเป็นคนสำคัญสำหรับพระเจ้า แต่ในยุคพระคุณเขาไม่มีความสำคัญอะไรแล้ว เราผู้เชื่อทุกคนเท่าเทียมกัน
2:7 แต่ตรงกันข้าม เมื่อเขาเห็นว่า ข้าพเจ้าได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนเหล่านั้น ที่ไม่ถือพิธีเข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คน ที่ถือพิธีเข้าสุหนัต
2:8 (เพราะว่า พระองค์ผู้ได้ทรงดลใจเปโตร ให้เป็นอัครสาวกไปหาพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต ก็ได้ทรงดลใจข้าพเจ้าให้ไปหาคนต่างชาติเหมือนกัน)
** พระเจ้าทรงใช้ เปโตรไปประกาศกับชาวยิว แต่ทรงใช้ เปาโลประกาศกับชาวต่างชาติ (งานหลัก)
2:9 เมื่อยากอบ เคฟาสและยอห์น ผู้ที่เขานับถือว่าเป็นหลักได้เห็นพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้ว ก็ได้จับมือขวาของข้าพเจ้ากับบารนาบัสแสดงว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพื่อให้เราไปหาคนต่างชาติ และท่านเหล่านั้นจะไปหาพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต
2:10 ท่านเหล่านั้นขอแต่เพียงไม่ให้เราลืมนึกถึงคนจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากระตือรือร้นที่จะกระทำ
** การประกาศรับใช้ของคริสเตียน เราไม่เพียงแต่ใส่ใจที่นำคนมาถึงพระเจ้าเพื่อให้เขาได้รอดเท่านั้น แต่เราไม่ลืมที่จะช่วยเหลือคนยากจนด้วย แต่ที่สำคัญก็คือเราทำทุกสิ่งและวิ่งแข่งโดยพระคริสต์เป็นผู้กระทำกิจภายในเราเพื่อการวิ่งแข่งจะไม่ใช่การวิ่งแข่งที่ ไร้ประโยชน์
สรุป...พี่น้องที่สอนผิด คือคริสเตียนทุกคนที่สอนเรื่องการรักษาพระบัญญัติอย่างเคร่งครัด การถือวัน เดือน ปี สุหนัด รักษาวันสบาโต เหมือนยิวเพื่อให้ได้รอด เป็นเหตุให้ผู้เชื่อมากมายไม่มั่นใจในความรอด วันไหนทำดีเชื่อฟังได้ก็คิดว่าตนจะรอดแต่เมื่อไหร่ทำบาปก็คิดว่าจะไม่รอด
ก่อนที่จะสร้างโลก พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะให้ทูตรสวรรค์ทั้งหลายและสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างได้รู้จักพระองค์ผ่านอาดัมและลูกหลาน
ขั้นตอนที่หนึ่งพระเจ้าประทานวิญญาณให้อาดัมแต่ยังไม่ประทานชีวิตของพระองค์ให้เขา ซึ่งเขาต้องมารับชีวิตของพระเจ้าเองด้วยการกินผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต (ของพระเจ้า) แต่เมื่อซาตานรู้ทัน มันจึงทำลายแผนการของพระเจ้าด้วยการให้อาดัมกินผลไม้จากต้นไม้แห่งความรู้ดีชั่ว มนุษย์จึงล้มเหลวต่อแผนการของพระเจ้า โลกจึงเต็มด้วยชีวิตและนิสัยของมารซาตาน
พระเจ้าจึงประทานพระบุตรเพื่อไถ่มนุษย์ และนำเขากลับมาสู่แผนการของพระเจ้าเป็นครั้งที่สอง พระเยซูนำชีวิตของพระเจ้ามาให้มนุษย์อีกเพื่อให้มนุษย์ได้รับชีวิตดั่งกล่าวด้วยการกินพระเยซู (ยอห์น 6:47-56 / 10:10)
พระเจ้าทำงานเป็นขั้นตอนต่อมนุษย์เพื่อนำเขามาถึงชีวิตที่สำแดงชีวิต และนิสัยของพระเจ้าได้ ด้วยการประหารชีวิตเก่า และประทานชีวิตใหม่ให้เราทั้งหลาย
จากนั้นพระคริสต์ก็เข้ามาอยู่ในเรา เป็นหนึ่งเดียวกับเรา และดำเนินชีวิตแทนเราในเราผ่านเรา ซาตานก็รู้ทันอีก และพยายามขัดขวางแผนการงานของพระเจ้าเป็นครั้งที่สอง มันล่อลวงผู้เชื่อให้เขียน และแปลพระคำพระเจ้าผิด และทำให้ชีวิตคริสเตียนกลายพันธุ์เป็นศาสนาคริสต์
สุดท้ายผู้เชื่อก็เต็มด้วยจิตใจที่หยิ่งผยองพองตัว และไม่ได้พบข้อลึกลับ และน้ำพระทัยของพระเจ้าเรื่อง พระคริสต์ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี ผู้เชื่อเหล่านั้นจึงไม่รู้ และไม่เข้าใจกาลาเทียบทที่ 2 ข้อที่ 20 ว่าคืออะไร
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงเมตตาผู้เชื่ออีกมากมายที่ได้รับการเปิดตาและเข้าใจเรื่อง กท 2:20 ซึ่งเป็นหลักการแห่งการดำเนินชีวิตคริสเตียนตามน้ำพระทัยพระเจ้า เราคนเก่าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแต่พระคริสต์ต่างหากที่เป็นผู้ดำเนินชีวิตอยู่ในเราคนใหม่ เรามีหน้าที่ถวายอวัยวะทั้งหมดของเราเพื่อให้พระคริสต์เป็นผู้ขับเคลื่อนและกระทำทุกสิ่งผ่านเรา ฟป 1:21 สำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตอยู่ ก็คือพระคริสต์ สรรเสริญพระเจ้า
2:11 แต่เมื่อเปโตรมาถึงอันทิโอกแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้คัดค้านท่านซึ่งๆ หน้า เพราะว่าท่านทำผิดแน่
2:12 ด้วยว่าก่อนที่คนของยากอบมาถึงนั้น ท่านได้กินอยู่ด้วยกันกับคนต่างชาติ แต่พอคนพวกนั้นมาถึง ท่านก็ปลีกตัวออกไปอยู่เสียต่างหาก เพราะกลัวพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัต
** อาจารย์เปาโลตำหนิเปโตรและสาวกคนอื่นๆ ที่ไม่กล้ารับประทานกับคนต่างชาติ เมื่อคริสเตียนยิวมาถึงที่นั่น
2:13 และพวกยิวคนอื่นๆ ก็ได้แสร้งทำตามท่านเช่นกัน แม้แต่บารนาบัสก็หลงแสร้งทำตามคนเหล่านั้นไปด้วย
2:14 แต่เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าเขาไม่ได้ดำเนินในความเที่ยงธรรมตามความจริงของข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าจึงว่าแก่เปโตรต่อหน้าคนทั้งปวงว่า “ถ้าท่านเองซึ่งเป็นพวกยิวประพฤติตามอย่างคนต่างชาติ มิใช่ตามอย่างพวกยิว เหตุไฉนท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตามอย่างพวกยิวเล่า”
** ดำเนินในความเที่ยงธรรมตามความจริงของข่าวประเสริฐนั้น คือการมองทุกคนเท่ากัน ไม่มีใครดีกว่าต่ำสูง ไม่มียิว ไม่มีกรีก หรือต่างชาติอีกต่อไป
2:15 เราผู้มีสัญชาติเป็นยิว และไม่ใช่คนบาปในพวกชนต่างชาติ
2:16 ก็ยังรู้ว่าไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมได้โดยการกระทำตามพระราชบัญญัติ แต่โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เท่านั้น ถึงเราเองก็มีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการกระทำตามพระราชบัญญัติ เพราะว่าโดยการกระทำตามพระราชบัญญัตินั้น ‘ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นคนชอบธรรมได้เลย’
** ข้อ 16 ยืนยันว่า ไม่มีใครที่จะรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้มาซึ่งความชอบธรรมได้
2:17 แต่ถ้าในขณะที่เรากำลังขวนขวายจะเป็นคนชอบธรรมโดยพระคริสต์นั้น เราเองยังปรากฏเป็นคนบาปอยู่ พระคริสต์จึงทรงเป็นผู้ส่งเสริมบาปหรือ ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย
2:18 เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าก่อสิ่งซึ่งข้าพเจ้าได้รื้อทำลายลงแล้วขึ้นมาอีก ข้าพเจ้าก็ส่อตัวเองว่าเป็นผู้ละเมิด
** สำหรับพระเจ้า ชาวยิวที่รักษาพระบัญญัติ อย่างเคร่งครัด ก็ยังเป็นคนบาปสำหรับพระเจ้า
2:19 เหตุว่าโดยพระบัญญัตินั้นข้าพเจ้าได้ตายจากพระบัญญัติแล้ว เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า
** เราผู้เชื่อทุกคนได้ตายต่อพระบัญญัติแล้ว และเรามีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า (ไม่ใช่เพื่อพระเจ้า - ภาษาไทยแปลผิด // อังกฤษแปลถูก I died to law and live to God ตายต่อพระบัญญัติ และมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้าหรืออยู่กับพระเจ้า)
** ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว (2 คนเก่าตายด้วยกัน คือพระคริสต์คนเก่าและเปาโลคนเก่า) / ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป (เปาโลคนเก่า) / แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า (พระคริสต์ที่เป็นพระวิญญาณ และเปาโลที่บังเกิดใหม่แล้ว) / และชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ (เปาโลคนใหม่) / ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อของพระบุตรของพระเจ้า (คนใหม่)
** ความเชื่อของพระบุตร ไม่ใช่ความเชื่อในพระบุตร...เมื่อเรามีพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา ต่อมาพระคริสต์จะใช้ความเชื่อของพระองค์ในเราต่อพระเจ้าด้วย ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า
2:21 ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำให้พระคุณของพระเจ้าไร้ประโยชน์ เพราะว่าถ้าความชอบธรรมเกิดจากพระราชบัญญัติแล้ว พระคริสต์ก็ทรงสิ้นพระชนม์โดยเปล่าประโยชน์
** พี่น้องผู้เชื่อบางกลุ่ม ไม่เห็นความจริงนี้ จึงเชื่อว่าต้องเชื่อฟังรักษาความรอดไว้ตลอดชีวิตจึงจะได้รอด
** คือการเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ ไม่ใช่การรักษาพระบัญญัติเชื่อฟัง พยายามทำดี
a. เปาโลไปเยรูซาเล็มเพื่อเตือนพี่น้องเรื่องข่าวประเสริฐของพระเยซู (เชื่อเท่านั้นก็ได้รับการชำระให้กลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว Justify by faith)
b. คริสเตียนที่เชื่อว่า เชื่อเท่านั้นก็ได้รอด ก็หลุดพ้นจากการเป็นทาส คริสเตียนที่ไม่เชื่อก็ยังเป็นทาส คือชีวิตและการรับใช้ต้องแบกภาระหนักแอกก็หนักและกางเขนก็หนักมาก
c. อัครสาวกหลายคนและเปโตรยังเกรงกลัวคริสเตียนยิวและไม่กล้านั่งร่วมโต๊ะกับชาวต่างชาติ เนื่องจากว่าชาวยิวถือว่าช่าวต่างชาติเป็นคนบาปและพวกตนชอบธรรม
d. ไม่ว่ายิวหรือต่างชาติ ทุกคนก็เป็นคนบาปทั้งนั้น ถ้าหากไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์
- การรักษาพระบัญญัติ ไม่ได้ช่วยให้ชาวยิวได้กลายเป็นคนชอบธรรมเลย เนื่องจากว่าไม่มีใครรักษาพระบัญญัติได้ครบ ถ้าทำผิดข้อเดียวก็ถือว่าเป็นโมฆะ (ยก 2:10 เพราะว่าผู้ใดรักษาพระราชบัญญัติได้ทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว ผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดพระราชบัญญัติทั้งหมด)
e. พระเยซูทรงนับเราเข้าในการตายของพระองค์ เราจึงตายต่อพระบัญัติแล้ว และเมื่อเราได้บังเกิดใหม่เป็นคนใหม่เราจึงมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า
f. เราถูกตรึงกับพระคริสต์ เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป *แต่พระคริสต์ต่างหาก* ที่มีชีวิตอยู่ในเรา นี่คือหลักการการดำเนินชีวิตคริสเตียนในแต่ละวัน