ฟีลิปปีบทที่ 1:12-21
1:20 เราจะเห็นว่าเปาโลต้องการอยากให้ผู้เชื่อทุกคนได้เข้าใจ พระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้น ก็คือการเลิกทำบาปของเรา พระเจ้าทำทีละจุด ไม่ใช่ทำให้บริสุทธิ์ชอบธรรมทีเดียวเลย เนื่องจากว่าเราเป็นมนุษย์และเราอ่อนแอเราเสื่อมแล้วตกต่ำ จะทำให้บริสุทธิ์ทันทีเดี๋ยวนั้นเลยไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะว่าร่างกายเราจะรับไม่ได้ แล้วก็สำคัญที่สุดก็คือ เราจะเลิกทำบาปได้ทีละจุด ทีละจุด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเราจะเห็นคุณค่าของฤทธิ์เดชของความรักของการทำงานของพระเจ้า
...
1:21 ก็คือสำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ อันนี้จะเป็นกับกาลาเทียบทที่ 2:20 "ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว แต่ข้าพเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ข้าพเจ้าเอง แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า และชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตร (ของพระบุตร) ของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า"
** ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว (2 คนเก่าตายด้วยกัน คือพระคริสต์คนเก่าและเปาโลคนเก่า) / ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป (เปาโลคนเก่า) / แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า (พระคริสต์ที่เป็นพระวิญญาณ และเปาโลที่บังเกิดใหม่แล้ว) / และชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ (เปาโลคนใหม่) / ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อของพระบุตรของพระเจ้า (คนใหม่)
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเปิดตานี้ แล้วก็เราได้เห็นว่าทุกวันนี้คือเราเชื่อไปเชื่อในแต่ละวัน เชื่อ เราไม่เห็นเราก็เชื่อ ว่าพระคริสต์มองแทนเรา พูดแทนเรา ทำแทนเรา รักแทนเรา ฟังแทนเรา อะไรก็แล้วแต่ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดเลย ก็คือพระคริสต์เป็นคนทำ พระคริสต์เป็นคนพูด พระคริสต์เป็นคนคิด พระคริสต์เป็นคนเชื่อ เมื่อเราทำแบบนี้จนชินจนเคยชิน เราจะเห็นอำนาจของพระเจ้าเราจะเห็นการเคลื่อนของพระคริสต์ที่ทำผ่านเรา อันนี้แน่นอนครับเนื่องจากว่าผู้เชื่อหลายคนที่เข้าสู่มานาที่ซ่อนไว้ ก็ฝึกเดินเขาจะพบสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ก็คือ การเคลื่อนของพระวิญญาณของพระคริสต์ เอเมน
ฟีลิปปีบทที่ 1 : 22-30
ข้อที่ 22 เปาโลพูดถึงผลของงานการรับใช้ ไม่เกี่ยวอะไรกับผลของชีวิต แต่แน่นอนที่สุดท่านมีผลของชีวิตพระคริสต์อย่างเต็มอยู่แล้วเพราะว่าท่านมาถึงจุดที่พระบิดาจะรับท่านไปแล้ว
** ผู้ชนะ หรือสุกงอมเต็มที่แล้ว โดยส่วนมากพระเจ้าจะรับไป หรือพระคัมภีร์เรียกว่าเป็นข้าวที่สุกงอม
สำหรับผู้เชื่อ เราอยู่ในสวรรค์บนดินและไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์บนฟ้าได้เมื่อถึงเวลา สวรรค์บนดินเราก็มีสุขทุกเวลาและอยู่ภายใต้การดูแลปกป้องของพระบิดา แต่สวรรค์บนฟ้าไม่มีสิ่งที่เป็นลบ ไม่มีการต่อสู้กับบาปและมารซาตานเหมือนอย่างในสวรรค์บนดิน
เปาโลเลือกที่จะขอพระบิดาให้ท่านได้อยู่ในโลกนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนที่ไม่เชื่อและเพื่อพี่น้องคริสเตียนทั้งหลาย(ข้อที่ 24)
ข้อที่ 26 ถ้าหากไม่มีท่านเปาโลในเวลานั้นๆ จะทำให้พี่น้องผู้เชื่อมากมายที่ยังไม่โต จะเดือดร้อนและหลงไปจากความจริงแห่งพระคำ เนื่องจากว่าผู้เชื่อที่ยังเด็กย่อมต้องการผู้นำผู้สอนที่มีของประทานเหมือนอย่างท่าน
ข้อที่ 27 ดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ คือให้คนรอบข้างเห็นพระคริสต์ผ่านเรา ทั้งคำพูด กิริยาอาการ สันติสุข ความสงบสุข และความสว่าง (ความชอบธรรม) ทั้งหัวใจที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพี่น้องได้ ซึ่งพระเยซูเป็นผู้ประทานทุกสิ่งให้เราในเราเพื่อให้เราทำได้
...
คำอธิบายเพิ่มเติม
สำหรับหนังสือฟีลิปปี เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตที่พระคริสต์ทำแทนและขยายใหญ่ขึ้นและการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ ไม่ใช่เรา
ในข้อที่ 22 เปาโลพูดถึงผลงาน ผลงานก็คือ การประกาศ การรับใช้ การสั่งสอน การสร้างชีวิตผู้เชื่อให้เติบโต ไม่เกี่ยวอะไรกับการสำแดงชีวิตใหม่ แน่นอนที่สุด การสำแดงชีวิตใหม่ เรามี เราทำ เราเป็นอยู่ แต่ในข้อที่ 22 เปาโลเน้นถึงการมีผลงาน ก็คือผลของการประกาศ
ส่วนสำหรับผู้ที่สุกงอมชนะแน่นอนครับ เราส่วนมากจะถูกรับไป เราเห็นในพระคัมภีร์ แล้วก็ในชีวิตจริงของหลายคนที่ในประวัติศาสตร์ ก็คือเชื่อกันว่าพระคัมภีร์ พระเยซูเล็งถึงผู้ชนะก็คือข้าวที่สุกงอมแล้ว ก็จะถูกเก็บเกี่ยวไม่มีใครทิ้งข้าวที่สุกงอมไว้ในทุ่งนาแล้วไม่มาเก็บเกี่ยว แต่มีบางคนที่พระเจ้าเมตตาพี่น้องผู้เชื่อหรือคริสตจักรหรือในเมืองนั้นแถบๆ นั้น ที่ต้องการผู้เลี้ยงที่มีของประทานเหมือนเปาโล ก็เลยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ถูกจองจำกักขังนานเกินไป สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น อันนี้พูดถึงเรื่องส่วนมากโดยส่วนมาก
สำหรับเราการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ใช่ครับเปาโลเขามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ในหัวใจ ภายในจิตใจของเขา ก็คือมีสันติสุข เขาไม่ขาดสุขจากพระเจ้าเลยและโลกนี้เป็นสวรรค์บนดินสำหรับผู้ชนะ เรารู้แล้วว่าเมื่อเราถูกเปิดตาแล้ว เราได้รับอะไรบ้าง คือสันติสุข ความสงบสุข ใจสงบสุขนิ่ง คือไม่กลัวพระเจ้า ไม่กลัวว่าทำบาปแล้วจะเป็นอะไร จะตกนรกไหมเรารู้ความจริงแล้ว
เพียงแต่ว่าเราต้องแข่งขันกันเข้าเส้นชัยเพื่ออาณาจักร เรารอดแน่นอนแต่เราไม่ประมาทนะครับ เราทุกคนพระเจ้าให้เราคิดแบบนักลงทุนที่ฉลาด ก็คือ แข่งขันกันเพื่อเข้าอาณาจักร อย่างที่ผมพูดโลกนี้เป็นสวรรค์บนดิน แต่สวรรค์บนฟ้าใครก็ปรารถนาที่จะไปเหมือนเปาโลก็อยากไป แต่ขณะที่ท่านอยู่สวรรค์บนดินก็อยู่ในท่านและอยู่ในเราทุกๆ คน
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าเมื่อเราอยู่สวรรค์บนฟ้าก็ไม่ต้องต่อสู้กับมารซาตาน ไม่ต้องต่อสู้กับตัวบาปอีกต่อไป แต่เราขณะที่ยังอยู่ในโลกนี้ก็มีบางครั้งที่เผลอ พลั้ง พลาด หลุดไปก็มี แต่ขอบคุณพระเจ้าเมื่อผู้ที่เป็นหนุ่มและเป็นพ่อ ก็คือกลับเข้ามาอยู่ในฝ่ายวิญญาณได้สบายมาก ง่ายมาก สะดวกมาก ไม่มีอะไรขัดขวางเราที่จะเข้าใกล้พระบิดาอีกแล้ว
...
ข้อที่ 26 ก็คือถ้าไม่มีท่านเปาโลในเวลานั้น เราเข้าใจกันดีนะครับ มนุษย์โดยทั่วไปส่วนมากแม้แต่คริสเตียนศาสนาเขาต้องการผู้นำที่มีตัวตน เพราะฉะนั้นเรามีพระเยซูก็จริง แต่คริสเตียนทั่วไปก็คือต้องการผู้นำที่อยู่กับเขาและเปาโลเองก็บอกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกท่าน เราจะยอมขอพระบิดาไม่ให้รับไป ขออยู่กับพวกท่านสักระยะหนึ่งก่อน แต่ก็ยังสองจิตสองใจอยู่ใช่ไหม แต่ ยังไงก็ดีเปาโลบอกว่า ข้าพเจ้ายินดีที่จะอยู่กับพวกท่านเพื่อประโยชน์แก่พวกท่านและที่เปาโลบอกว่าเพื่อความปราบปลื้มของท่านจะมีมากเนื่องจากว่าถ้าหากไม่มีผู้นำ เขาจะเป็นทุกข์หลายคนจะเป็นทุกข์ ความปราบปลื้มไม่ใช่สันติสุข ไม่ใช่ความสงบที่อยู่ภายในใจ แต่เป็นความปลาบปลื้มที่ได้รับจากการมีผู้นำที่อยู่กับพวกเขา
...
ข้อที่ 27 การดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐ ก็คือการใช้ชีวิตของพระคริสต์ให้คนรอบข้างเห็นผ่านเรา ก็คือ กิริยาอาการก็ดี สันติสุขก็ดี ความสงบสุขก็ดี ความสว่างก็คือสำแดงความรัก ความอดทนนาน อดทนนานต่อกัน ใครพูดยาวใครพูดสั้น ใครพูดน่าฟังไม่น่าฟัง ใครพูดดีพูดไม่ดี ใครทำดีทำไม่ดี ใครเอาปัญหาเข้ามาสู่พวกเรา และให้พวกเราช่วยกันแก้ช่วยกันช่วย ก็คือทุกสิ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เราเอามาฝึก เอเมนไหมครับ อย่าคิดว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วก็คือมันเกิดขึ้น พระเจ้าให้เกิดเพื่อเราฝึก
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเยซูที่เราอยู่ด้วยกันเป็นคริสตจักร สิ่งที่สำคัญที่สุดคำสุดท้ายที่เปาโลพูดถึง ให้เรามาถึงการมีหัวใจที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พระบิดาประสงค์ให้พวกเรามี