ขอบคุณพระเยซูสำหรับอาหารผ่านทางพระคำของพระองค์สำหรับวันนี้ คือในหนังสือกิจการบทที่ 19 พระเยซูพวกเรารักพระองค์และพวกเราขอบพระคุณที่พระองค์เองที่เป็นอาหารที่เป็นมานาเพื่อให้พวกเราได้กินได้ดื่ม ไม่เพียงแต่เฉพาะได้อ่านและเข้าใจเท่านั้น และขอบคุณพระเยซูที่พวกเราได้กินอย่างอิ่มเต็ม เต็มล้นในพระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอบคุณสำหรับความรักผ่านการสั่งสอน ตักเตือน โดยพระคำของพระองค์สำหรับวันนี้ และขอบคุณสำหรับคำนี้ก็คือ the way ทางนั้น ขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์ประทานทางนั้นให้แก่พวกเรา และทางนั้นก็คือตัวตนของพระเยซู และทางนั้นก็คือพระเยซูคริสต์เอง ไม่ใช่วิถีการดำเนินชีวิต ไม่ใช่หลักการ ไม่ใช่คำสอน
แต่ทางนั้น ก็คือตัวตนของพระคริสต์ ซึ่งพวกเราจะต้องติดสนิทอยู่กับทางนั้น ไม่ห่างออกไปไหน ไม่ออกไปจากทางนั้น อยู่ในทางนั้น กินกับทางนั้น นอนกับทางนั้น พูดคุยบอกรักทางนั้น สรรเสริญพระเยซู
ขอบคุณสำหรับพระองค์ที่พระองค์เป็นทางนั้นให้พวกเราแล้ว เอเมน
คือเมื่อก่อนคริสเตียนเมื่ออ่านยอห์นบทที่ 14 ข้อที่ 6 มักจะคิดว่า พระเยซูเป็นทางนั้น ก็คือพระเยซูเสด็จมาเพื่อตายไถ่บาปและนำมนุษย์มาสู่ความรอด คือเป็นหนทางเป็นทางนั้น
แต่จริงๆ แล้ว คำว่าทางนั้นมันมีความหมายมากกว่าที่เราเข้าใจ เราคิดไม่ได้ นอกจากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปิดให้เรา
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ ขอบคุณพระเจ้าที่ให้พระองค์พระคริสต์พระเยซู ตัวตนของพระองค์เอง พระองค์เองนั่นแหละที่เป็นทางนั้น ไม่ใช่ถนนหนทาง ไม่ใช่วิถีทางการดำเนินชีวิต ไม่ใช่หลักคำสอน ไม่ใช่หนทางกุญแจอะไรทั้งหลายที่จะเข้าไปสู่ความรอด
แต่ คือการที่เราจะใช้ชีวิตในทางนั้น ก็คือ ทางสายใหม่ ถนนเส้นใหม่ ชีวิตใหม่ คนใหม่ พระบัญญัติใหม่ พันธสัญญาใหม่ ทุกสิ่งใหม่หมด เพราะว่าทางนั้นก็คือทางที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ทางนั้นออกมาจากอุโมงค์ และนำเราทั้งหลายเข้าสู่ทางนั้น และเรามีส่วนในทางนั้น เรากับทางนั้นเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วปัจจุบันนี้ ขอบคุณพระเจ้า เอเมน
อีกครั้ง พระเยซูตรัสว่าเราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต คำว่า เราเป็นทางนั้น I am the way คำว่า I am ในที่นี้ ก็คือ อิชัวะ ก็คือ ยาโฮวาห์ ก็คือพระองค์ตรัสว่าเราเป็น “เราเป็น” และเราเป็น ในที่นี้ ก็คือ เป็นเอง คือตัวตนของพระองค์เองที่มาสู่ทางนั้น ก็คือทางที่จะเข้าถึงพระบิดาและพระบิดาจะเข้าถึงเรา
ทางนั้น ก็คือทางที่เราจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า เราเข้าไปอยู่ในพระเจ้าและพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา มีผู้เดียวเท่านั้นที่จะเป็นทางนั้นให้เรามาถึงชีวิต 2 คนอยู่ในร่างเดียวกันได้ ก็คือพระคริสต์ ก็คือพระเยซู
กุญแจที่จะนำมนุษย์มาถึงทางนั้น “ทางนั้น” ก็คือข่าวประเสริฐของพระเจ้าที่ประกาศผ่านเปโตรและเปาโลและสาวกทั้งหลายและผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ ข่าวประเสริฐนี้ ก็คือข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ และเราเองจะได้รับพระคุณโดยทางความเชื่อเท่านั้น ไม่ใช่ด้วยการรักษาพระบัญญัติ เป็นทางสายใหม่ เป็นทางที่เราร่วมตาย ร่วมถูกฝัง และร่วมเป็นขึ้นมากับพระเยซู อยู่ในพระเยซู เข้าสู่การรักษาพระบัญญัติใหม่ด้วยคนใหม่คนนี้ ทุกสิ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เรียกว่าการเข้ามีส่วนมีชีวิตอยู่กับทางนั้น ก็คือตัวตนของพระเยซูนี่เอง
“ทางนั้น” อีกครั้ง ไม่ใช่ถนน ทางนั้นไม่ใช่วิธีการดำเนินชีวิต ไม่ใช่หลักการการดำเนินชีวิตเพื่อที่จะมาถึงความรอด แต่เราจำกันได้นะว่าพระเยซูไม่ได้ตรัสนะว่า เรามาเพื่อจะนำท่านให้ไปถึงทางนั้น หรือเรามาเพื่อจะแนะนำท่านให้ไปถึงทางนั้น หรือบอกว่าหรือบอกพวกเราว่า มีวิธีที่ดีที่สุดที่จะนำเราไปสู่ทางนั้น แต่ในยอห์นบทที่ 14 ข้อที่ 6 ก็คือ เราเป็นทางนั้น I am the way เราเป็น ทางนั้นก็คือตัวเราเอง ขอบคุณพระเจ้า
เพราะฉะนั้น การดำเนินชีวิตของเราจะต้องเพื่อที่จะรับพระพรทุกประการและสันติสุขและความหวังใจ เราต้องติดสนิทอยู่กับพระเยซูผู้เป็นทางนั้น การดำเนินชีวิตของเรา live in Christ ก็คือ live in the way การใช้ชีวิตของเรา การมีชีวิตอยู่ในแต่ละวันของเราจะต้องอยู่ในทางนั้น ก็คืออยู่ในพระคริสต์ และการเดินในแต่ละวัน walk in the spirit , walk in Christ ก็คือเดินไปกับทางนั้น เราจะเดินออกนอกทางนั้นไม่ได้
การออกนอกพระคริสต์ ออกนอกพระเยซู ก็คือออกนอกทางนั้น และเมื่อออกนอกทางนั้นเราจะหลงทาง เราจะกลับเข้าไปสู่ชีวิตของอาดัมกลับเข้าไปสู่ชีวิตของเนื้อหนัง สุดท้ายทุกสิ่งที่เราได้รับก็ว่างเปล่า สูญเปล่า
ที่สำคัญทุกวันนี้ ขอบคุณพระเจ้า การดำเนินชีวิต การเดินการหายใจ การไปมา การอยู่กิน การทำงาน การค้าขาย ทุกสิ่ง ตั้งแต่เช้าจนค่ำ ต้องติดสนิทอยู่กับทางนั้น เอเมนฮาเลลูยา
อยากสัมผัสกับชีวิต เมื่อเราอ่อนล้า เมื่อเราผิดหวัง เมื่อเราเศร้าใจ เมื่อเราเหนื่อยล้า เมื่อเราไม่มีกำลัง ไม่มีพลัง เมื่อเรายิ้มไม่ได้ เรากลับเข้ามาติดสนิทอยู่กับทางนั้น ขอบคุณพระเยซู
และที่สำคัญทางนั้นที่พระองค์ตรัส ก็คือเราเป็นความจริง เราเป็นความจริง I am the reality คือไม่ใช่ความจริงที่แบบว่า ความไม่โกหก ความเป็นจริง ในที่นี้ ก็คือ สำหรับโลกนี้สำหรับพระเจ้า ก็คือทุกสิ่งมันเป็นความไม่จริงไปแล้ว มันตกต่ำมันเสื่อมทราม ตกจากสภาพของความจริง มาสู่ความไม่จริง จากสิ่งที่มั่นคงถาวรเป็นอมตะ กลายเป็นเงาเป็นสิ่งชั่วคราวไปแล้ว
เพราะฉะนั้น พระเยซูเอง พระองค์เอง เป็น reality เป็นความเป็นจริง
เพราะฉะนั้นการที่เราจะนับตายทุกวัน เราจะนับตายทุกวันเราต้องนับตายอยู่ในความจริง เชื่อความจริงนี้ เราถูกฝังเราต้องเชื่อว่าการถูกฝังร่วมกับพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อนในหนังสือโรมบทที่ 6 เป็นความจริงแน่นอน
และการเป็นขึ้นมาของพระเยซู เราต้องเชื่อต้องนับว่าเป็นความจริง และเรามีส่วนในการตายนั้น เราตาย เราถูกฝัง เราเป็นขึ้นมากับพระเยซู เราต้องยอมรับว่านี่คือความเป็นจริง ไม่ใช่สิ่งที่เป็นบทเรียนเป็นความรู้เท่านั้น แต่มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วในพระคริสต์ และพระคริสต์นี่แหละที่เป็นความเป็นจริงที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นจริงได้ เอเมน
สำหรับพระเจ้า สำหรับพระเจ้าความเป็นจริงนี่เริ่มขึ้นในฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่ตามองเห็น ไม่ใช่ด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่จะสัมผัสได้ แต่โดยทางความเชื่อในฝ่ายวิญญาณ
เมื่อเราอยากเห็นความเป็นจริงของพระเจ้าเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา อยากมีประสบการณ์กับสันติสุขกับพลังกับความหวังกับพระพรทั้งหลายที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้แล้ว ก็ต้องอาศัยความเชื่อ ก็ต้องอยู่ในความเป็นจริง ก็ต้องติดสนิทอยู่กับพระคริสต์ ห่างพระคริสต์ไม่ได้ พระคริสต์เป็นถนนเป็นทางนั้น พระคริสต์เป็นความเป็นจริงที่เราจะต้องอยู่กับพระองค์ อยู่ใกล้พระองค์ สนิทในพระองค์ พระองค์สนิทในเรา ห่างกันไปไหนไม่ได้
กิ่งที่ถูกตัดออกไม่ติดสนิทในเถา ก็คือพระคริสต์ กิ่งก็จะเหี่ยวแห้งไป ขาดสันติสุขขาดพลังขาดชีวิต ไม่มีอะไรเลย สุดท้ายก็ถูกเผาทิ้ง
ขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์เปิดตาพวกเรา ให้เราได้รู้ว่าเราเป็นกิ่งที่ต้องติดสนิทอยู่กับเถาองุ่น ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระองค์มาเพื่อไม่ได้สอนให้เราไปสู่ทางนั้น แต่พระองค์เองเป็นทางนั้น และขอบคุณที่พระองค์เองเป็นความจริง และขอบคุณพระองค์ที่เมื่อเราติดสนิทอยู่ในพระองค์อยู่ในทางนั้นและในความจริง สุดท้ายเราก็เต็มล้นด้วยชีวิตของพระเจ้า สรรเสริญพระเยซู
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่พระองค์ให้เราเห็นชัดเจน เรื่องความสำคัญของการติดสนิทอยู่ในทางนั้น อยู่กับทางนั้น และติดสนิทอยู่กับความเป็นจริง ก็คือตัวตนของพระเยซู เราขาดจากพระเยซูไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
เพราะฉะนั้นการพูดคุย สนทนา บอกรักกับพระองค์ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่าชีวิตในพระคริสต์ ชีวิตคริสเตียนการเป็นคริสเตียนเราขาดพระคริสต์ไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว
เพราะว่าร่างกายของมนุษย์ขาดการหายใจขาดอากาศหายใจหรือขาดน้ำขาดอาหาร เราจะอยู่ไม่ได้ฉันใด เราขาดพระคริสต์ขาดการติดสนิทในพระคริสต์ ก็ไม่ได้ฉันนั้น สรรเสริญพระเยซูขอบคุณพระเยซูสำหรับทางนั้น สำหรับความจริง สำหรับชีวิตที่พระองค์ประทานแก่พวกเรา ก็คือตัวตนของพระเยซู ในเส้นทางการดำเนินชีวิตใหม่ในพระเจ้า และอยู่กับพระบิดา พระบิดาก็อยู่กับพวกเรา เอเมน
ถาม.
ขอถามอาจารย์ครับ ก็คือการที่เราขาดพระเยซูไม่ได้เนี่ย เราในแต่ละวันเราติดสนิทกับพระองค์เนี่ย เราบอกว่าเอเมนพระเยซู แล้วก็สักพักนึง ประมาณสัก 5 นาที 10 นาที เเล้วก็เอเมนพระเยซู คือบางทีเราไม่รู้จะพูดอะไรอย่างเงี้ยเราเอเมนพระเยซู แบบนี้ถือว่าเป็นการติดสนิทอยู่ตลอดเวลาไหมครับ เอเมน
ตอบ.
การใช้คำว่า “เอเมนพระเยซู” เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะว่าพระเยซูเองนั่นแหละที่เป็นเอเมน เป็นพระเอเมน ในวิวรณ์บทที่ 3:14
สำหรับการใช้คำว่า “เอเมน” เท่านั้นเนี่ยก็คือการเริ่มต้น และภายในความคิดในจิตใจของเรา ก็คือขอพระวิญญาณให้สอนเราที่จะพูดให้ได้มากกว่านี้ แต่การเริ่มต้นด้วยการ “เอเมน” เมื่อเราทำงาน ทำอะไรก็ตามนะครับ “เอเมนพระเยซู” อีกนาทีต่อมา “เอเมนพระเยซู” หรือจะพูดว่า “พระเยซู” ก็ได้นะครับ หรือ “เอเมน” ก็ได้
เป็นสิ่งที่พระเจ้าจะทำกิจในพวกเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานอยู่เสมอ สันติสุขนะครับจะแพร่กระจายภายในจิตใจของเราภายในหัวใจของเรา และพลังของพระเจ้าเราก็จะไม่ขาด เอเมน
เมื่อพระวิญญาณสอนเรามากขึ้นนะครับ เราจะมีความปรารถนาที่จะพูดมากกว่าคำว่า เอเมน ก็คือ “พระเยซูข้าพระองค์รักพระองค์ พระเยซูข้าพระองค์ไม่รู้จะพูดอะไร ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์พูดแทนข้าพระองค์ ข้าพระองค์ต้องการที่จะติดสนิทอยู่ในทางนั้น อยู่ในความจริง และในชีวิต เพื่อที่จะรับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการที่พระองค์จัดเตรียมไว้ให้ เอเมน” พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนเรา
โมเสสพูดไม่เก่งฉันใด เราทุกวันนี้พระเจ้าก็จะช่วยให้พูดเก่งได้ฉันนั้น ไม่ใช่การทำงานของเราการฝึกของเรา แต่เป็นการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
ถาม.
ขอถามอีกนิดนึงครับอาจารย์ ก็คือผมทำงานไปอะไรอย่างเงี้ย แล้วผมก็ชวนพระเยซูคุยเรื่องเกี่ยวกับงานของเรา แบบนี้ได้ไหมครับ ว่าพระเยซูทำแบบนี้ดีไหม ได้ไหม ทำไมมีปัญหาแบบนี้มาพระเยซู อะไรอย่างเงี้ยคุยแบบนี้ได้ไหมครับ เอเมน
ตอบ.
นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการ ขอบคุณพระเยซูนะครับที่ถามนะครับ
เป็นการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องการค้าขาย ทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ การที่จะทำกับข้าว หรืออะไรก็ตาม จะใส่มากใส่น้อย ใส่ผงชูรสไหม หรือไม่ใส่ พระเยซูจะทำยังไงดีกับเรื่องนี้เรื่องนู้น เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการนะครับ
เพราะว่า 1 โครินธ์ 1:30 พระเยซูเป็นสติปัญญาของเรา และสำหรับพระคำพระเจ้าบอกว่า พระองค์เป็นที่ปรึกษาของเรา ที่ปรึกษานะครับก็ทุกเรื่องสิครับ ใช่ไหม ไม่ใช่แต่เฉพาะบางเรื่อง ทุกเรื่อง พระเจ้าต้องการที่จะเป็นที่ปรึกษา เป็นผู้ใช้ชีวิตแทนเรา คิดแทนเราทั้งหมด
เนื่องจากว่าเราเองไม่เห็นสิ่งที่จะเข้ามาในชีวิตของเรา เราไม่รู้นะครับว่าใครจะทำอะไรกับเรา เราไม่รู้ว่าอาหารที่เรากิน กับข้าวที่เราจัดเตรียม การค้าขายที่เราทำ มันจะกำไรหรือขาดทุน เราไม่รู้นะครับ
เพราะฉะนั้น ผู้รู้ ก็คือพระเจ้า และพระเจ้าตอนนี้ก็คืออยู่ในเรา และเราคุยกับพระองค์ได้ และพระองค์พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษา เป็นผู้ให้ความคิดสติปัญญาแก่เรา
“พระเยซูทำแบบนี้ดีไหม พระเยซูขายเท่าไหร่ดีอันนี้ อันนี้จะทำยังไง รู้สึกว่าเหมือนว่า ดูเหมือนว่าจะขาดทุน แต่พระองค์คิดเห็นยังไง”
คือให้พระองค์เป็นผู้คิดเป็นผู้ตัดสินใจ สุดท้ายเมื่อเราฝึกทำแบบนี้บ่อยๆ ทุกวัน เราจะเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ก็คือการอัศจรรย์ เรื่องความคิดสติปัญญา คือทำไมเราฉลาดมากขนาดนี้ คือทำไมเราคิดออกได้แบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลยถ้าเราทำมันไม่น่าจะได้ผลมากขนาดนี้ นี่คือสิ่งที่เราจะเห็นในอนาคต เอเมน
ทำต่อไปนะครับ เป็นการฝึกนะครับ ผมหนุนใจให้พวกเราพี่น้องที่ยังไม่ได้ทำแบบนี้เริ่มฝึกกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การดำเนินชีวิต การพูดคุยกับผู้คน การตรึกตรอง การพิจารณา วางแผนเรื่องการงานการค้าขาย ทุกสิ่ง ให้พระคริสต์เป็นสติปัญญาของเรา เพราะว่าพระองค์พร้อมที่จะทำอยู่แล้ว 1 โครินธ์ 1:30
ถาม.
ก็แสดงว่าสมมุติผมถามเรื่องว่า ทำธุรกิจอะไรดี ทำมาค้าขายอะไรดี แต่คือผมมักจะไม่ค่อยได้รับคำตอบที่มาเป็นเสียงอะไรพวกเนี้ยครับ แสดงว่าเราคุยแบบนี้บ่อยๆ มันจะมาทางอื่นที่ไม่ใช่เป็นเสียงพระเจ้าโดยตรง อาจจะมาเป็นทางความคิดสติปัญญาที่พระเจ้าให้มา เห็นภาพจาก Facebook จากคนนั้นคนนี้ส่งมาให้ อันนี้ก็คือเป็นคำตอบใช่ไหมครับ
ตอบ.
พระเจ้าตรัสกับเราผ่านทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเรา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทางโซเชียล อะไรก็ตามที่เราใช้อยู่ เราดูอยู่ สิ่งเหล่านี้นะครับ พระเจ้าจะเป็นคนทำเพื่อให้เราเห็นภาพ
แต่การกระทำของพระเจ้า พระองค์จะไม่ทำครั้งเดียว จะย้ำ 2-3 ครั้งเพื่อให้เรามั่นใจว่านี่คือคำตอบจากพระเจ้า
อย่ารอฟังเสียงพระเจ้าเท่านั้นนะครับ พระเจ้าไม่ได้ตรัสกับเราเฉพาะแต่ทางการพูด แต่พระเจ้าตรัสกับเราทางการกระทำ ทางสื่อโซเชียล ทาง Facebook ทาง youtube ทั้งอะไรก็แล้วแต่ที่เราเดินไปมาแล้วเราเห็นเราได้ยิน เป็นสิ่งที่พระเจ้ากระตุ้นเรากระตุกเรา คือสะกิดเรานะครับ
เพราะฉะนั้นสังเกตให้ดี เรียนรู้ที่จะสังเกต การตอบการพูดคุยของพระเจ้ากับเรา หรือบางครั้งเราเปิดพระคัมภีร์ ทำไมเปิดเจอหน้าเดียว จะเปิดเรื่องเดียว เจอแต่เรื่องนี้ นั่นอาจจะเป็นการตอบการพูดคุย การให้สติปัญญา กับพระเจ้าของเรา ก็ได้
เมื่อเราขอสติปัญญา ขอการนำพา ขอให้พระองค์คิดแทนตัดสินใจแทน ให้พระองค์ทำแทน สิ่งหนึ่งที่ผมพบเห็นบ่อยๆ นะครับ ถ้าหากว่าผมบอกว่า “ขอให้เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า อย่าให้เป็นตามใจเป็นตามความคิดของข้าพระองค์ เป็นการกระทำของข้าพระองค์”
เมื่อเราทำนะครับ พระเจ้าก็จะห้าม ก็จะขัดขวางไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น แล้วเมื่อมันไม่เกิดขึ้น เราก็ควรจะขอบคุณพระเจ้า แล้วเมื่อเราขอบคุณพระเจ้า ผลตามมาในที่สุด เราจะเห็นว่าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่เมื่อทำแล้วจะเสียหาย สูญเสีย ขอบคุณพระเยซูที่ไม่ได้ทำ นี่คือคำตอบนี่คือสิ่งที่เราได้เห็นบ่อยๆ เมื่อเราขอการนำพา ขอสติปัญญาจากพระเจ้า
ถาม.
คืออยากถามความปรารถนา พระเยซูเป็นความปรารถนาของเรา ก็คือบางครั้งเราขอหรือว่าเราทำสิ่งใดไม่สำเร็จ ก็คือไม่สำเร็จ แต่ว่าเราไม่ล้มเลิก ก็คือพระเยซูเป็นความปรารถนาของเราแบบนี้ถูกไหมครับ เพราะว่าถ้าเราเองก็น่าจะล้มเลิกไปแล้ว แต่ว่าพระเยซูนี่เป็นความปรารถนาของเรา พระเยซูก็นำเราในการฝึกต่อไป ก็คือความหมายของคำว่า พระเยซูเป็นความปรารถนาของเรา เอเมนครับ
ตอบ.
วันนี้ผมหวังว่าพวกเราจะเห็นชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่อง คำว่าทางนั้น ความจริง และชีวิต แล้วใช่ไหมครับ
นี่คือการเริ่มต้นที่ดีที่จะเข้าสู่ชีวิตที่ให้พระคริสต์เป็นความปรารถนา เมื่อเรายืนยันเมื่อเราเชื่ออย่างตายใจและเห็นภาพชัดเจนมากเกี่ยวกับทางนั้นความจริงและชีวิตของพระเยซูที่อยู่ในเรา ตัวตนของพระองค์เป็นทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิต
เพราะฉะนั้นเราติดสนิทในทางนั้น ในความจริง ในชีวิต อีกไม่นานนะครับเราจะเห็นกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตทำกิจในพวกเรา และพระองค์เองนะครับจะเป็นผู้ที่ปรารถนาแทนเรา คืออยากไป อยากมา อยากพูดคุย อยากประกาศข่าวประเสริฐ อยากรับใช้ อยากนมัสการ อยากชวนพี่น้องมาล้างเท้า มาเสริมสร้างกันและกัน คือมันมีความปรารถนาเกิดขึ้นมากกว่าที่เราเคยคิดที่อยากทำ
เราบางครั้งก็ขี้เกียจ เราบางครั้งก็คือมีข้อแม้มีเหตุผลมากมาย ข้ออ้าง แต่สำหรับพระเจ้ามันมีการกระตือรือร้นเกิดขึ้นมาทันที ความปรารถนาที่ร้อนแรงแรงกล้าของพระเจ้าจะปรากฏจะทำงานจะให้เรามีประสบการณ์ในความปรารถนาของพระเจ้ามาก
ซึ่งไม่ต้องแปลกใจนะครับเมื่อเราติดสนิทอยู่ในทางนั้นในความจริงในชีวิตที่เป็นตัวตนของพระเยซูแล้ว แน่นอนที่สุดครับพระองค์จะให้เราเป็นคนที่อยากทำ อยากประกาศ อยาก อยากนะครับ ไม่มีความขี้เกียจ ไม่มีข้ออ้างข้อแม้อะไรอีกต่อไป
ถาม.
เอเมนขอบคุณพระเยซูเอเมนขอแบ่งปันค่ะ ขอแบ่งปันค่ะพี่น้องชอบคลิปที่อาจารย์บอกว่า ให้เราเป็นรถ และให้พระคริสเตียซูเป็นคนขับ ชอบคลิปนี้มากเลยค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนนะครับ คือมีผู้เชื่อมากมายที่ไม่เข้าใจ โรม 6:11-13 จงยกอวัยวะของท่าน ให้เป็นเครื่องใช้แห่งการชอบธรรม การชอบธรรมก็คือตัวตนของพระเยซู จงยกอวัยวะก็คือร่างกายของเรา มือ ลิ้น ปาก หู ตา ทุกสิ่ง พระเจ้าจะเป็นคนใช้เอง ก็ไม่ต่างไปจากพระเจ้าก็คือคนขับ และเราเองก็เป็นรถ
จงกินเราและพวกท่านจะมีชีวิตอยู่โดยเรา ความหมายก็คือ จงกินเรา และพวกท่านจะเป็นรถที่ให้เราเป็นคนขับเอง ชีวิตของเราไม่ใช่เราเป็นคนขับเคลื่อนไปนะครับ แต่พระเจ้าเป็นคนขับเคลื่อนแทน มันเป็นชีวิตที่สบายมากๆ คือเราไม่ต้องคิด พระเจ้าคิดแทนเรา เราไม่ต้องทำ พระเจ้าทำแทนเราผ่านร่างกายของเรานี้
สรรเสริญพระเจ้าเป็นหนทางชีวิต เป็นความจริงเป็นชีวิตที่มันประเสริฐมันอัศจรรย์มากๆ ชีวิตคริสเตียนมันไม่ได้เหงา มันไม่ได้น่าเบื่อ มันไม่ได้หนัก มันไม่ได้ยาก ไม่มีอะไรที่เป็นแบบเราเห็นในสมัยที่เราอยู่ในคริสเตียนศาสนา แต่มันเป็นชีวิตที่อัศจรรย์ มันเป็นชีวิตที่พิเศษ มันเป็นชีวิตที่ผู้คนแสวงหา แต่ไม่เจอ
ขอบคุณพระเจ้า เป็นบุญของพวกเรา เป็นโชคลาภของพวกเรา ที่เรามาพบหนทางสายนี้ ที่เป็นทางแห่งความจริงเป็นชีวิตและเป็นทางนั้นของพระเจ้ามาสู่เรา สรรเสริญพระเยซูอีกครั้งเอเมน
เราขอบคุณพระเจ้านะครับสำหรับความรักและพระเมตตาของพระองค์สำหรับชีวิตของพี่น้อง อันนี้คือการเริ่มต้นทำกิจของพระเจ้าที่จะไถ่ชีวิตของพี่น้อง รอดูตอนต่อไปยังมีตอนต่อไป พระเจ้าจะทำงานมากขึ้น จะช่วยเหลือ ปกปักรักษา ดูแล และรักษาโรคให้หาย และรักษาใจด้วยนะครับ เพื่อจะเข้าสู่สันติสุขทุกวันและทุกเวลา
ผมขอแนะนำอย่างนึงนะครับ ก็คือ อยู่ในการสนิท อยู่ในการบอกรัก และเรียนรู้บทเรียนพระคำล้ำลึกนี้ ซึ่งความรู้ทั่วไปนี้ก็คือความรู้ที่ในลักษณะตื้นเขิน แต่สำหรับมานาที่ซ่อนไว้ก็คือพระคำล้ำลึก ก็คือมันลึกเกินไปที่มนุษย์จะเข้าใจได้ แต่โดยการเปิดตาเปิดเผยของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจึงมาถึงความเข้าใจนี้ และขอบคุณพระเจ้าสำหรับตาที่ 3 ของพี่น้องถูกเปิดแล้ววันนี้ และขอให้สะสมต่อไปนะครับ
และเราขอบพระคุณพระเจ้าที่พี่น้องทุกท่านในที่นี้ก็คือได้รับการเปิดเผย เปิดตา ตาที่ 3 ก็ถูกเปิดมานานแล้ว เราสรรเสริญพระเยซูและเราขอบพระคุณพี่น้องด้วยนะครับที่อธิษฐานเผื่อพี่น้อง
ซึ่งหลักการ 3 เดือนเนี่ยขอบคุณพระเยซูที่พระองค์อนุญาตให้ผมใช้เพื่อแนะนำหลายคนแล้วก็ได้ผล ซึ่งบางคนบางครอบครัวก็จะมีการหย่าร้าง หรือจะมีอะไรที่เกิดขึ้นร้ายแรงมากสำหรับชีวิต แต่สุดท้าย 3 เดือนเนี่ย จริงๆ แล้วพระเจ้าทำงานแค่ประมาณ 1 เดือนเดือนกว่าเราก็เห็นผล พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานหนักมากสำหรับชีวิตของเราทุกคน
อย่าลืมพระเยซูรักเรา คำนี้เป็นความจริง คำนี้เป็นอมตะ คำนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าสัตย์ซื่อ เอเมนขอบคุณพระเยซู
เป้าหมายจุดประสงค์ที่พวกเรามีกลุ่มไลน์ ก็เพื่อเหตุผลนี้ ก็คือล้างเท้ากันและกัน เสริมสร้างกันและกัน ช่วยเหลือกันและกัน หนุนใจกันและกัน และอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพราะฉะนั้นถ้าหากเรามีปัญหาอะไร หนักใจ เป็นทุกข์ มีอะไรที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา เราเห็นว่ามันรับยาก ก็ขอให้พี่น้องอธิษฐานเผื่อ เพื่อสิ่งที่หนักจะกลายเป็นเบา สิ่งที่ยากจะกลายเป็นง่าย และสิ่งที่ร้ายก็จะกลายเป็นดี เอเมน
สำหรับผมนะครับคือ สิ่งที่ผมสรรเสริญพระเจ้า ยกย่องพระเจ้าเป็นที่สุด ขอบพระคุณพระบิดาเป็นที่สุด ก็คือ เรามีโอกาสได้มาพบเจอ ทางนั้น รักความจริงของพระเจ้า และชีวิตของพระเจ้า คือเมื่อเป็นคริสเตียนเราได้มาพบหนทางสู่ความรอดก็จริง เราไปโบสถ์นะครับเราไม่เห็นพระเจ้า เราอยู่ท่ามกลางพี่น้องคริสเตียน แต่เราไม่เห็นพระเยซู คือเหมือนกลับกลายเป็นบุคคลที่เข้ามาสู่ศาสนาคริสต์ เป็นอีกศาสนานึง คือเปลี่ยนจากศาสนาพุทธมาเป็นศาสนาคริสต์เท่านั้นเอง ชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แล้วก็ไม่มีอะไรที่มันพอที่จะให้เราตื่นเต้นดีใจ
ซึ่งตอนแรกๆ ใช่ ตอนแรกๆ เราดีใจ เราตื่นเต้น เราร้องไห้เพราะว่าได้ยินข่าวประเสริฐ ได้ยินเสียงของพระวิญญาณตรัสผ่านอาจารย์คนนู้นคนนี้ ใช่ครับดีครับ แต่พอจะมาเดินกับพระเจ้าจริงๆ กับล้มเหลวทุกทาง การใช้ชีวิตคริสเตียนมันหนักมาก ต้องแบกภาระหนัก แอกหนัก กางแขนหนัก ทุกสิ่งหนักไปหมด ชีวิตอยู่ในการทำบาปวนไปวนมา แล้วก็อยู่ในชีวิตที่สุขแล้วก็ทุกข์ แล้วก็สุขแล้วก็ทุกข์ ไม่มีสันติสุขที่เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตที่อยู่ภายในเราทุกๆ วัน เหมือนพระเยซูสัญญา
คำสัญญาของพระเยซูเนี่ยเหมือนว่าจะไม่เห็นไม่ได้มีประสบการณ์ไม่ได้พบเจอ หลายปีผ่านไปเป็น 10 ปี หลายคนบางคนจนตาย ไม่เจอหนทางเส้นทางนั้นซึ่งเป็นตัวตนของพระเยซู
ขอบคุณพระเจ้านะครับ สำหรับบทเรียนพวกเราที่ได้รับมา คือพระคำล้ำลึกที่ถ่ายทอดผ่านเปาโลมาถึงพวกเรา เพราะว่าพระคำล้ำลึกนี้ ของพวกเรานี้ ที่พระเจ้าประทานให้นี้ เป็นพระคำที่นำเราให้มาติดสนิท ให้มารู้จักตัวตนของพระเยซู ให้มารู้จักว่าพระเยซูอยู่กับเราอยู่กับพวกเราอยู่ในพวกเราและต้องการที่จะช่วยเหลือเรา เป็นทางนั้นจริงๆ เป็นความจริง เป็นชีวิตของพระเจ้า ให้เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาก็อยู่ในเรา
ซึ่งศาสนาคริสต์ สมัยก่อนเราไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าในพระเจ้า พระเจ้าเข้าในเรา ไม่รู้ รู้แต่ว่าพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ นานๆ มาเยี่ยมเราที่บ้าน นานๆ วันอาทิตย์ก็มาเยี่ยมเราที่คริสตจักรกับพี่น้องทั้งหลาย
แต่ตอนนี้ขอบพระคุณพระเจ้า เรายกย่องสรรเสริญพระเจ้า ที่เราได้พบว่าพระเยซูอยู่ในเราและเราอยู่ในพระเยซู
การใช้ชีวิตคริสเตียนแท้ที่จริงเราขาดพระเยซูไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว
ฮาเลลูยาสรรเสริญพระเจ้า พระเยซูเป็นอากาศหายใจ
พระเยซูเป็นอาหารแห่งชีวิต พระเยซูเป็นเพื่อน
พระเยซูเป็นที่ปรึกษา พระเยซูเป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา
พระเยซูเป็นนาย พระเยซูเป็นพระบิดา
พระเยซูเป็นกัปตันแห่งความรอด
พระเยซูเป็นทุกสิ่งที่เราต้องการ
พระเยซูเป็นคำตอบทุกคำถามที่เราอยากรู้
สรรเสริญพระเจ้าวันนี้ตากระจ่าง ตาสว่าง เราเห็นพระคำพระเจ้าทะลุ แล้วก็การดำเนินชีวิตคริสเตียนของพวกเรามีความหมายมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด มากกว่าสมัยแต่ก่อน ซึ่งเราล้มลุกคลุกคลาน แล้วก็เดินไปด้วยการสุขบ้างทุกข์บ้างดีบ้างบาปบ้าง
แต่วันนี้เรามาถึงชีวิตที่ปกติ เรามาถึงชีวิตฝ่ายวิญญาณที่มันสุดยอดมาก เราขอบพระคุณพระเจ้า
สำหรับพี่น้องที่เริ่มสัมผัสสันติสุขนะครับ เราจะมีสันติสุขมากกว่านี้แน่นอน เมื่อเราสนิทในพระเยซู เมื่อเราบอกรักพูดคุยกับพระเยซูทุกๆ วัน
2 เธสะโลนิกา 5:7 จงพูดคุยกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ เอเมน