จากประสบการณ์ชีวิตคริสเตียนของผู้เชื่อส่วนมากเมื่อต้อนรับพระเยซูก็จะคิดว่านี่คือศาสนาใหม่ของฉัน และพอได้อ่านหนังสือมัทธิวและไปโบสถ์ พี่น้องที่โบสถ์และผู้นำก็สอนว่าต้องเลิกทำบาปเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย ให้สมกับการมาเป็นคริสเตียนและเพื่อให้ได้รอดจากนรกบึงไฟ เราจึงเริ่มพยายามเปลี่ยนแปลงการกระทำทั้งหลายแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ผู้นำก็บอกว่าเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ มานมัสการพระเจ้า อธิษฐาน อ่าน พระเจ้าจะเปลี่ยนแปลงและเสริมกำลังเราให้เลิกทำบาปได้ พอหลายปีผ่านไป กลับเป็นว่าเรายิ่งทำบาปมากกว่าเดิมแต่ซ่อนเร้นความบาปชั่วเอาไว้ และสร้างตัวละครหนึ่งขึ้นมาเพื่อหลอกเราเอง และหลอกพี่น้องที่โบสถ์ว่าเราเป็นคริสเตียนที่ดี เข้มแข็ง รักพระเจ้า มีความสุขมาก คุณเคยเป็นหรือไม่
หลายคนพอมีประสบการณ์มามากพอจึงเข้าใจเล็กน้อยเรื่อง พระเจ้าไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นเรื่องความสัมพันระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า แต่เขาไม่เข้าใจว่าผูกพันแบบไหน บอกรักอย่างไร ต้องทำตัวอย่างไร การดำเนินชีวิตคริสเตียนในรูปแนวชีวิต มันคืออะไรกันแน่ หนังสือกาลาเทียมีมากมายหลายสิ่งที่พระวิญญาณตรัสผ่านเปาโลให้เขียนขึ้นเพื่อเปิดตาเราเรื่องความแตกต่างระหว่างพระเยซูกับศาสนา เมื่อพระวิญญาณเปิดเผยเราจะพบว่า รูปแนวชีวิตคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการไม่ใช่รูปแนวศาสนาที่ศาสนาคริสต์กระทำกันในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว กับพระเจ้า พี่น้อง คนในครอบครับ และคนที่ไม่เชื่อ การมองบวก การไม่ตัดสินแต่สงสาร การรักมากกว่าการมองไปที่ถูกผิดของตนและของผู้อื่น
ตั้งแต่สมัยสาวกในหนังสือกิจการมาจนถึงทุกวันนี้ ผู้เชื่อถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายที่เชื่อไม่เหมือนกันและขัดแย้งถกเถียงกันเรื่อง เชื่อเท่านั้นก็รอด และเชื่อเท่านั้นไม่พอต้องเชื่อฟังรักษาพระบัญญัติถวายสิบลดรับบัพติศมาจึงจะรอด ต่างฝ่ายต่างก็อ้างพระคัมภีร์หลายข้อเพื่อสนับสนุนความเชื่อของตน สมัยแรก สาวกทั้งหลายของพระเยซู และเปโตร ก็ยังลังเลและไม่เข้าใจเรื่องหลักการแห่งความรอดในยุคพระคุณ พวกเขายังไม่รู้ว่าพระคุณแท้ที่จริงคืออะไร บวกกับการที่เคยอยู่ในศาสนายิวมาตั้งแต่เล็กจนโต จึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเข้าใจคำว่า พระคุณของพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์ เมื่อเปาโลกลับใจ ท่านก็ประกาศข่าวประเสริฐทำให้มีผู้เชื่อมากมายทั่วแผ่นดิน และคริสเตียนในแค้วนกาลาเทียก็ต้อนรับพระเยซู เนื่องมาจากการเดินทางมาประกาศกับพวกเขา แต่ไม่นานต่อมา คริสเตียนชาวยิวที่ไม่เข้าใจพระคัมภีร์ และข่าวประเสริฐเรื่องพระคุณของพระเจ้าคือเชื่อเท่านั้นก็รอด พวกเขาจึงเดินทางไปทั่วเพื่อสั่งสอนให้คริสเตียนรักษาพระบัญญัติถวายสิบลดขณะที่ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา และเมื่อเปาโลทราบจึงเขียนจดหมายไปถึงแค้วนกาลาเทียเพื่อตำหนิและเตือนไม่ให้พวกเขาเชื่อคำสอนของคริสเตียนชาวยิว เปาโลเรียกคำสอนของคริสเตียนยิวนี้ว่า ข่าวประเสริฐอื่น คือเชื่อเท่านั้นไม่พอต้องเชื่อฟังจึงจะรอด ส่วนข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ก็คือเชื่อเท่านั้นก็ได้รอด
พระบัญญัติฆ่าชีวิต แต่พระคุณให้ชีวิต
พระบัญญัติเราทำเพื่อพระเจ้า แต่พระคุณพระเจ้าทำเพื่อเรา
พระบัญญัติมาเพื่อกักขังเรา แต่พระคุณมาเพื่อปลดปล่อยเรา
พระบัญญัติเปิดเผยความบาปเรา แต่พระคุณปกปิดความบาปเรา
พระบัญญัติเป็นแค่ตัวอักษร แต่พระคุณเป็นชีวิตและเป็นพระเยซู
(ยอห์น 1:17 "เพราะว่าได้ทรงประทานพระราชบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ ")
.......
1. ข่าวประเสริฐของพระคริสต์ คือเชื่อเท่านั้นก็ได้รอด
2. ข่าวประเสริฐอื่น หรือการสอนผิดว่า เชื่อเท่านั้นไม่พอ ต้องรักษาพระบัญญัติ เชื่อฟัง ทำดี จึงได้รอด
3. ใครที่สอนว่า การได้รอดนั้นจะต้องเชื่อฟังจะถูกสาปแช่ง
4. เปาโลยืนยันว่า พระเจ้าแต่งตั้งท่าน และคำสอนของท่านมาจากพระวิญญาณจริงๆ เนื่องจากว่าคริสเตียนหลายคนกล่าวหาท่านว่าท่านไม่ได้มาจากพระเจ้า เหมือนผู้เชื่อมากมายที่ทุกวันนี้ไม่ยอมรับคำสอนในจดหมายฝากของเปาโล
.......
1. พระคริสต์ กับ พระบัญญัติเดิม
2. พระคริสต์ กับ ศาสนาและประเพณีของโลก
3. รอดโดยการเชื่อเข้าในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยการรักษาพระบัญญัติ หรือเชื่อฟัง
* การเชื่อฟัง คือผลที่บ่งบอกว่าเราเชื่อจริงและบังเกิดใหม่แล้วจริงๆ
(แต่การเชื่อฟังเหล่านี้ไม่ได้ใช้เพื่อช่วยเราให้รอด ไม่ใช่หลักการแห่งความรอด เพราะหลักการแห่งความรอดคือ รอดด้วยเชื่อเท่านั้น)
* ถ้าโดยทางความเชื่อ ก็ไม่ใช่โดยการรักษาพระบัญญัติ จะขัดแย้งกัน เพราะว่าพระคุณก็จะไม่เรียกว่าพระคุณ
(โรม 11:6 “แต่ถ้าเป็นทางพระคุณก็หาได้เป็นเพราะทางการกระทำไม่ ฉะนั้นแล้ว พระคุณก็ไม่เป็นพระคุณอีกต่อไป แต่ถ้าเป็นทางการกระทำก็หาได้เป็นเพราะทางพระคุณไม่ ฉะนั้นแล้ว การกระทำก็ไม่เป็นการกระทำอีกต่อไป”)
1. การเชื่อเท่านั้น ทำให้เราได้รับความรอด
2. การเชื่อเท่านั้น ทำให้เราได้รับพระวิญญาณ
3. การเชื่อ...ทำให้เราได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า
4. การเชื่อ...ทำให้เราได้รับการก่อร่างขึ้นของพระคริสต์ในเรา เพื่อเราจะมีจิตใจใหม่ และทำได้ทุกสิ่ง (มีผลของพระวิญญาณ)