ถาม.
ทำไมเมื่อถูกเปิดตามากขึ้น ได้รับมานามากขึ้น พระเจ้าเปิดมากขึ้นแล้วทำไมยิ่งทำบาปมากขึ้น
ตอบ.
เป็นคำถามที่ดีมากและน่าสนใจมากน่ะครับ ยิ่งคุณได้เรียนรู้มากขึ้น คุณรู้ว่าตัวเก่า ตัวใหม่ ชีวิตเก่า ชีวิตใหม่ พระเจ้าอยู่ในเรา พระคริสต์อยู่ในเรา พระคริสต์จะทำแทน ทุกเรื่องพระเจ้าเปิดตาเราก็ยิ่งทำบาปมากขึ้น นี่คือการที่พระเจ้าจะเปิดโปง พระเจ้าต้องการทำลายตัวเก่าของเราที่มันดิ้นอยู่ มันไม่ยอมตาย มันไม่อยากตาย มันอยากจะใช้ชีวิตของมัน อย่าลืมน่ะครับจิตเก่ามันมีความคิด มันมีชีวิต มันต้องการเป็นอยู่ มันไม่ต้องการอยากตาย อยากตายมีใครอยากตายไหมครับไม่มีน่ะครับ
เพราะฉะนั้นจิตเก่ามันรู้ว่ามันจะตาย และตัวบาปมันก็รู้ว่ามันจะถูกทำลายมันรู้ดี เมื่อเราถูกเปิดตาพระคำของพระเจ้าที่เป็นความจริงเข้ามาสู่เรา ความจริงความสว่างต่อสู้กับความมืด ความมืดมันเริ่มกลัว มันรู้ว่ามันจะพ่ายแพ้ สุดท้ายมันก็ลุกขึ้น มันก็ต่อสู้ มันไม่อยากตาย มันไม่อยากหนี แล้วทำให้เราก็ต้องทำบาปมากขึ้นๆ แต่ในที่สุดพระวิญญาณบริสุทธิ์ชนะพระเจ้าชนะ
สงครามทุกวันนี้อยู่ภายในเรามีสงครามเดียวคืออะไร ?
คือพระวิญญาณต่อสู้กับตัวบาป และเนื้อหนังก็ต่อสู้กับพระวิญญาณ ต่อสู้กันไปมา ใช้เวลานานมากหลายปีบางคนก็ 10 ปี 5 ปี 15 ปี 20 ปี จนในที่สุด สุดท้ายถ้าเราสนิทมากๆ ถ้าเราถูกเปิดตามาก แล้วเรายอมจำนนต่อพระเยซูมากๆ ยอมตายทุกวัน บอกว่าตายๆๆๆๆ วันนี้ข้าพระองค์ตาย พรุ่งนี้ข้าพระองค์ตาย แล้วชีวิตนี้เป็นชีวิตใหม่ๆๆๆ วันนี้ใหม่ พรุ่งนี้ใหม่ มะรืนนี้ใหม่ ใหม่หมด เราทำแบบนี้น่ะครับ แล้วก็บอกรักเพื่อสนิทในพระเยซูให้มาก สุดท้ายใครชนะครับ อย่าบอกน่ะครับว่าตัวบาปชนะ คือพระเจ้าแน่นอนครับ คือพระเจ้าเป็นผู้ชนะอยู่แล้ว และสุดท้ายเราก็จะชนะถ้าหากว่าเราสนิท "อยู่ใกล้ผู้ชนะเราก็เป็นผู้ชนะ" "อยู่ใกล้มารเราก็เป็นมารใช่ไหม"
เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องการทำลายตัวเก่าของเรา พระเจ้าต้องการเปิดโปงเราน่ะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งไหนที่เราทำ เป็นจุดอ่อน เป็นจุดบกพร่องของเรามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งทำสิ่งนั้นมากเท่านั้น คือคนที่โกรธมากๆ สุดท้ายน่ะครับ มารับมานาก็จะโกรธยิ่งมากขึ้นๆๆ เราจะเห็นน่ะครับความโกรธของเขาน่ากลัวมาก คือพระเจ้าต้องการเปิดเผย เปิดโปงสิ่งที่ไม่ดีของเรา สุดท้ายเรายอมรับยอมแพ้ ยอมจำนนต่อพระเจ้าจริงๆ มีเพลงที่แต่งขึ้นน่ะครับว่ายอมจำนนทั้งหมด surrender all และคริสเตียนมากมายทั่วโลกทุกวันนี้ก็ร้อง และหลายครั้งเขาอธิษฐานเขาก็บอกว่าพระบิดาพวกเรายอมจำนนต่อพระองค์จริงๆ แล้วไม่ใช่.
เป็นคำพูดของจิต แต่มันไม่ได้มาจากจิตใต้สำนึกของเรา คนที่จะพูดว่ายอมจำนนจริงๆ จากจิตใต้สำนึกก็คือคนที่เจอมรสุม เจอปัญหา คือทำบาป คือทำมามาก คือถูกเปิดโปงคือทำมากจริงๆ คนนี้คือคนที่ยอมรับ ยอมแพ้ ว่าจริงๆ แล้วเราไม่มีอะไรดีเลย คือทำดีไม่ได้จริงๆ แต่ความบาปมันยิ่งทำมากกว่าเก่า และในที่สุดเขาก็ยอมจำนนต่อพระเจ้าจริงๆ หลังจากนั้นชีวิตผู้ชนะก็เริ่มเข้ามา การเปลี่ยนแปลงก็มาทีละจุด ทีละจุดๆ
อย่าตกใจน่ะครับที่เห็นนิสัยหรือภาษาบ้านๆ เราเรียกว่า เห็นสันดานเก่า ที่มันโผล่ออกมา ออกมาเต็มๆ ออกมาตัวเป็นๆ เราจะรู้ โอ้จริงๆ แล้วเราน่ากลัวขนาดนี้เลยหรอ พระเจ้าต้องการให้เราเห็นว่าจริงๆ แล้วเราเป็นยังไง เราเป็นอะไร เราไม่ได้มีดีอะไรเลย
ถ้าอยากเห็นตัวอย่างชัดเจนก็คือดูเปาโลในโรมบทที่ 7 ครับ เราเคยคิดกันใช่ไหมว่าเปาโลเมื่อก่อนเป็นคนดีเคร่งศาสนาเป็นฟาริสี แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนสวมหน้ากากน่ะครับ ใส่หน้ากาก แสดงละคร เปาโลไม่ได้มีอะไรดีเลย แต่สรรเสริญพระเยซูเมื่อรับพระคำล้ำลึกถูกเปิดตาโดยพระเยซูเองที่ไปสอนเขาอยู่ที่ประเทศอาราเบีย 3 ปีครึ่ง ปรากฏว่าเขากลายเป็นผู้ชนะได้ในที่สุดขอบคุณพระเจ้า
แต่อย่าลืมนะ เปาโลพูดถึงสองครั้งที่เขาบอกว่ายังวิ่งแข่งอยู่ ยังมาไม่ถึงหลักชัย ยังวิ่งอยู่ จนสุดท้ายครั้งที่สามเขาบอกว่า ขอบคุณพระเจ้าข้าพเจ้าชนะแล้ว
และวันหนึ่งน่ะครับพวกเราจะกล้าพูดเต็มปากน่ะครับ เราชนะแล้ว นี่คือประสบการณ์น่ะครับ ชนะโดยประสบการณ์
แต่สำหรับผู้ชนะแน่นอนครับเราบังเกิดใหม่ เราเชื่อพระเยซู เราถูกเรียกว่าผู้ชนะตั้งแต่ตอนแรกที่เราเชื่อ แต่ประสบการณ์ชีวิต เราค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ค่อยๆฝึก จนเข้าสู่ชีวิตที่สุกงอมจริงๆ คือเลิกทำบาปได้แล้ว นานๆทำทีหนึ่งน่ะครับ
...
ถาม.
ช่วงที่ผมเป็นคริสเตียนศาสนา ช่วงนั้นเหมือนกับว่าผมอยากออกไปรับใช้พระเจ้าอยากออกไปหนุนใจพี่น้องที่โน่นที่นั่นที่นี่ แต่เวลาที่รับมานาที่ซ่อนไว้นี้ ไม่อยากออกไปแล้วไม่รู้เป็นอะไรครับ ตั้งแต่ก่อนผมอยากออกไปมากนะตอนเป็นคริสเตียนศาสนา แต่ว่าตอนช่วงรับมานานี้ไม่อยากไปเหมือนเก่าไม่รู้เป็นอะไรครับ เอเมน
ตอบ.
มีสองกรณีครับสำหรับคนที่เคยไปเคยขยันมาก รับใช้พระเจ้าตื่นแต่เช้ามืด หรือนอนดึกเพื่อการงานของพระเจ้าเพื่อการรับใช้ เพื่อสะสมพระพรบำเหน็จ แต่หลังจากที่เรารับมานา รับการเปิดตาแล้ว ปรากฏว่าคือไม่รู้สึกว่าอยากจะไป มีสองสาเหตุครับ
สาเหตุแรกก็คือ เราเริ่มเห็นว่าสิ่งที่เราทำมันสูญเปล่า แล้วเราเริ่มเห็นน่ะครับเมื่อก่อนเราทำ เราทำมาเยอะ แต่มันไม่ได้อะไร เราก็เริ่มหยุด และรอการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ รอการทรงนำของพระเจ้าเพื่อจะนำเราว่า เมื่อไหร่เวลาไหน ตอนไหน อันนี้เป็นสิ่งที่ดีน่ะครับ
เราไม่ต้องทำทั้งวัน พระเจ้าไม่ได้ใช้เราให้เหนื่อยให้ลำบากทำงานหนักมากเกินไป อย่าลืมน่ะครับแอกที่เบา ภาระเบา การงานเบา จำน่ะครับคือคำพูดของพระเยซู และแม้แต่ครั้งเดียวในวันหนึ่ง แม้แต่ครั้งเดียวที่พระเจ้าตรัสแล้วเราไป นี่คือการเชื่อฟังพระเจ้าและทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าคือการรับใช้ที่แท้จริง
...
แต่บางคนที่ไม่มีการทรงนำเลยพระเจ้าไม่ได้นำ แต่ทำๆๆ ทั้งวัน สุดท้ายมันก็กลายเป็น ไม้ ฟาง หญ้าแห้ง เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตการรับใช้ที่รอการทรงนำ มีค่ามากกว่า การทำทั้งวันขยันทั้งปีแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และบางคนน่ะครับอันนี้พูดถึงกรณีของบางคน มีบางคนที่ได้รับมานาแล้วปรากฏว่า รู้น่ะครับเขารู้ว่าทำไปแล้วเมื่อก่อนไม่ได้อะไรเลย และตอนนี้เองก็ยังไม่อยากทำ คือคิดไม่อยากจะทำแล้ว อันนี้คืออาการของอาการภายในของเราที่ไม่กลัวพระเจ้า ที่ไม่ได้กลัวพระเจ้าอีกและได้ก็ได้ รับก็รับ บำเหน็จมีมาก็เอาพระพรมีมาก็เอา ไม่เอาก็ไม่เป็นไรก็อยู่แบบนี้แหละมันสบายดี
หลายคนก็เริ่มขี้เกียจไม่อยากออกไป ไม่อยากทำ แต่อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่เหมาะสม
เมื่อเรารับมานาแล้วเราขอบคุณพระเจ้า เราเลือกที่จะทำในสิ่งที่พระเจ้าสั่งให้ทำ และไม่ทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่ให้ทำ แต่อย่าขี้เกียจ อย่าหยุด อย่านิ่ง อย่าเฉย คือไม่ทำอะไรเลย อันนั้นก็ผิด ผิดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า
สำหรับเราที่พระองค์ไถ่เราให้มาได้รับการเปิดตา พระเจ้าเปิดตาเราเพื่อให้เราใช้ชีวิตที่สุกงอม ชีวิตที่ไม่ทำบาป พระเจ้าเปิดตาเราเพื่อให้เรามีสันติสุขทุกวันเวลาและรับใช้พระเจ้าดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัย คือในพระคริสต์ ร่วมกับพระคริสต์และเพื่อพระคริสต์ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ
แต่อาการนี้มันจะมีนะ อาการนี้มันจะมีเป็นระยะๆๆ ครับ มันจะมีในเราคือเมื่อเราไม่กลัวพระเจ้าแล้วเมื่อเราไม่ได้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์พระบัญญัติเดิมแล้ว มันไม่เคร่งแล้วไง แล้วรู้สึกว่าชีวิตมันดี๊ดี ชีวิตมันสบายก็เลยไม่อยากทำอะไร มันจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ
แต่ขอให้เราน่ะครับ พูดคุยกับพระเยซู สนิทในพระเยซู แล้วบอกพระเยซูว่าขอพระองค์ชำระจิตใจที่เป็นแบบนี้ แล้วก็พระเจ้าจะช่วยเรา เอเมน
...
มีพี่น้องคนหนึ่งที่เป็นคนลาวเป็นผู้หญิงเขาชื่อแม่นัน แม่นันเมื่อก่อน ก่อนที่จะพบพระคำล้ำลึก เขาขยันมากตื่นแต่เช้ามืด แล้วมอไซค์คันเก่าๆ แล้วก็เงินไม่ค่อยมี แต่เขาก็พยายามหาเงินเท่าไหร่ก็ได้ คือขอให้มีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย เขาเดินทางไปเยี่ยมใครก็ได้เดินทางไปเรื่อยๆ ไปแล้วก็ประกาศข่าวประเสริฐไปรับใช้พระเจ้าแต่สุดท้าย 10 ปี 20 ปีผ่านไป ปรากฏว่าเขารับการเปิดตา ตอนนี้เขาเลือกทำในสิ่งที่เห็นว่าเป็นการนำของพระวิญญาณมากกว่า แล้วเขาบอกว่าเราสบายมาก ชีวิตดี๊ดีคือไม่ต้องลำบากไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องขี่มอไซค์ตากแดดไปทุกที่ ทุกแห่ง ทุกหน อากาศก็ร้อนลำบาก แล้วถนนที่ประเทศลาวหลายคนถ้าได้ดูในยูทูปจะเห็นว่าคือถนนไม่ดีเลยเป็นส่วนมากน่ะครับ แต่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับแม่นันที่ชีวิตเขาเปลี่ยน ก็คือเลือกทำในสิ่งที่จะได้กลายเป็นทองคำเงินและเพชรพลอย เลือกทำในสิ่งที่จะมีบำเหน็จมากกว่า