วันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่อง ความชอบธรรมของพระเยซู และพระเยซูเป็นความชอบธรรมของเรา ว่ามีความแตกต่างกันยังไง
ความชอบธรรมของพระเยซู ก็คือการทำดี การดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมบริสุทธิ์ของพระเยซูคริสต์ ในช่วงระยะเวลาตลอด 33 กว่าปี ที่พระเยซูดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้
และความชอบธรรมของพระเยซูนี้ พระเยซูจะไม่เอามาให้เรา เหมือนอย่างที่พี่น้องคริสเตียนส่วนมากเข้าใจผิดคิดว่า เมื่อพระเยซูดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นคนชอบธรรม และความชอบธรรมของพระองค์นั้น พระองค์ก็จะประทานให้เรา เพื่อเราจะกลายเป็นคนชอบธรรม อันนี้เป็นความเข้าใจผิด
ความชอบธรรมของพระเยซู มีไว้เพื่อพระเยซูเอง เมื่อพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนในสภาพของคนชอบธรรม เป็นการตายแทนบาปของพวกเรา พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปที่พระเจ้าพระบิดายอมรับได้ เพราะว่า พระองค์ทรงดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ 33 ปีกว่า เป็นคนที่ชอบธรรมบริสุทธิ์ และความชอบธรรมนี้เป็นเหตุให้พระเจ้ารับพระโลหิตเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปชั่วนิรันดร์
พระคริสต์เป็นความชอบธรรมของเรา
ส่วนคำว่า พระคริสต์เป็นความชอบธรรมของเรา คืออะไร
พระเยซูคริสต์จะไม่ให้ความชอบธรรมของพระองค์แก่เรา เพื่อเราจะกลายเป็นคนชอบธรรม
แต่พระองค์เองในฐานะหรือสภาพของพระวิญญาณจะเสด็จมาอยู่กับเราอยู่ในเรา และบุคคลของพระเยซูนี่แหละ ที่เป็นความชอบธรรมของเรา (ตัวตนของพระเยซูเป็นความชอบธรรมของเรา)
อีกครั้ง ความชอบธรรมของพระเยซู มีไว้เพื่อพระองค์เอง ไม่ใช่เพื่อให้เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม ความชอบธรรมของพระเยซูที่ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ 33 ปีกว่า มีไว้เพื่อให้พระเจ้ายอมรับว่าพระองค์ชอบธรรมบริสุทธิ์ และพระโลหิตของพระองค์นั้นมีคุณค่ามากมายมหาศาลเพียงพอที่จะไถ่บาปมนุษย์ทั้งโลกได้
พระเยซูเป็นความชอบธรรมของเราล่ะ คืออะไร ก็คือพระเยซูที่เป็นบุคคล ที่เป็นพระวิญญาณที่เข้ามาอยู่ในเราอยู่กับเรา และพระองค์ทรงปกปิดเราจากความบาปจากชีวิตที่ผิดบาป ชีวิตอาดัม ทุกครั้งที่พระบิดามองมาที่เราก็จะเห็นพระเยซูปกปิดเราอยู่
1 คร 1:30 กล่าวว่า พระคริสต์เป็นความชอบธรรมของเรา
โรม 5:1 กล่าวว่า เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อ
เนื่องจากเราเชื่อพระเยซูคริสต์ พระเจ้ายอมรับความชอบธรรมของพระเยซู และเราจึงได้รับการชำระโดยพระโลหิต โดยทางความเชื่อ เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว
2 คร 5:17 กล่าวว่า ถ้าหากผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ คนนั้นก็ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆ ก็ผ่านไป ดูเถิดมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น
ทุกวันนี้พระเจ้าจะไม่มองเราในฝ่ายเนื้อหนัง พระเจ้าจะมองเราในฝ่ายวิญญาณ และทุกครั้งที่พระเจ้ามองมาที่เรา ก็จะเห็นพระเยซูที่เป็นพระวิญญาณปิดบังเราปกปิดเราจากชีวิตเก่าของเรา ซึ่งเป็นชีวิตที่ผิดบาป
2 คร 5:16 กล่าวว่า ตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่พิจารณาผู้ใดในฝ่ายเนื้อหนัง แต่เราจะพิจารณาในฝ่ายวิญญาณ
สรุป ก็คือความชอบธรรมของพระเยซู ก็คือความชอบธรรมของพระเยซู และพระเยซูจะไม่เอาความชอบธรรมนี้มาให้เรา เพื่อเราจะได้กลายเป็นคนชอบธรรม
แต่ความชอบธรรมของพระเยซูที่ดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมตลอด 33 ปีกว่า พระองค์เป็นคนชอบธรรม เพื่อพิสูจน์ว่าพระโลหิตของพระองค์ และชีวิตของพระองค์นั้นมีคุณค่าเพียงพอ และผ่าน ผ่าน พระเจ้ายอมรับว่าพระเยซู เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เป็นพระผู้ไถ่บาปของเรา และพระโลหิตของพระองค์เป็นพระโลหิตที่ชอบธรรมบริสุทธิ์และพระเจ้ายอมรับได้เพื่อเป็นค่าไถ่บาปของมนุษย์ทั้งโลก
พระคริสต์เป็นความชอบธรรมของเรา
ส่วนคำว่า พระคริสต์เป็นความชอบธรรมของเรา ก็คือพระเยซูคริสต์เองในสภาพของพระวิญญาณ เสด็จมาอยู่กับเรา มาปกปิดความบาปของเรา และตั้งแต่วินาทีที่เราเชื่อ เราก็กลายเป็นคนชอบธรรม เราเป็นคนชอบธรรมในพระคริสต์ ไม่ใช่ชอบธรรมในเราเอง เราเป็นคนชอบธรรมในฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่เป็นคนชอบธรรมในฝ่ายเนื้อหนัง
และสำหรับคริสเตียน ยุคพระคุณนี้ พระเจ้ามองมาที่เรา ผู้เชื่อทุกคน พระเจ้าจะไม่มองฝ่ายเนื้อหนังอีกต่อไป แต่พระเจ้าจะมองเราในฝ่ายวิญญาณ 2 คร 5:16 บอกชัดเจนว่า พระเจ้าจะไม่มองเราในฝ่ายเนื้อหนังอีกต่อไป แต่จะมองเราในฝ่ายวิญญาณ
2 คร 5:17 กล่าวว่า บุคคลผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆ ก็ผ่านไป ดูเถิดมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น เอเมน