ถ้าเราแยกเรื่อง "รับสุข" และเรื่อง "เชื่อฟัง" ออกเป็นสองงานของพระเจ้า ทุกสิ่งจะดีเอง
...
ขอให้เราเข้าใจก่อนว่า สุข คือสิ่งที่พระเจ้าให้ขณะที่พระเจ้ากำลังทำงานในเราเพื่อกำจัดตัวบาปในเรา เพื่อให้เราเลิกทำบาปได้
สุข คือของขัวญ เราได้รับทันทีที่เราเชื่อในพระเยซู (โรม 5:1 / ยน 4:14) เราไม่ต้องขอเพราะเรามีอยู่แล้ว เพียงแต่เชื่อว่ามี เราก็สัมผัสสุขได้ ถ้าขอแสดงว่าเราไม่เชื่อว่าพระเจ้าประทานให้เราแล้ว
- 2 ทิโมธี 1:4 กรีกแปลว่า เต็มล้นแล้ว πληρωθῶ เพื่อข้าพเจ้าจะเต็มล้นด้วยสันติสุขแล้ว (ภาษาอังกฤษแปลถูกคือ Filled with joy เป็นอดีตกาล) ความหมายก็คือ เราจะมีประสบการณ์การเต็มล้นด้วยสันติสุขโดยการเชื่อเอาว่ามีแล้ว
...
คริสเตียนควรรับการทำงานสองส่วน
1. รับสุขทุกเวลา ขณะที่ทำบาปอยู่
2. รับการก่อขึ้นในพระคริสต์เพื่อเลิกทำบาปได้ในเวลาต่อมา
- (การเลิกบาปได้อย่างแท้จริง คือการก่อขึ้นของพระคริสต์ในเรา ซึ่งจะต้องใช้เวลาทำลายตัวบาปในแต่ละจุดของเรา เมื่อเราทำบาปมากเราจะกลัวมากและขาดสุขที่แท้จริง)
...
เราแยกสองสิ่งนี้ออกจากกัน ทำบาปก็ทำต่อไป แต่ขอพระเจ้าเปลี่ยนเรา อย่าพยายามเปลี่ยนเราเองหรือบังคับตนแบบยากมากๆ (ฝืนใจทำ) ถ้าทำแบบนี้คือเราเอาตัวเราเข้าไปอยู่ใต้พระบัญญัติ เราจะไม่เห็นการทำแทนของพระเยซู (อยู่ใต้พระคุณ)
ขณะเดียวกันเราไม่กลัวพระเจ้า เราเชื่อว่ามีบ่อน้ำแห่งชีวิตในเราคือสุข พระเจ้าให้เราก่อนที่จะเชื่อฟังได้
เมื่อทำบาป รีบมาสารภาพกับพระบิดาแล้วตั้งใหม่ในการสนิทกับพระเยซู และสะสมมานา อีกไม่นานเราจะโต และเลิกทำบาปเอง
...
สรุป.
คริสเตียนไม่มีสุข เพราะเชื่อฟังทั้งหมดยังไม่ได้
คริสเตียนกลัวเพราะไม่เข้าใจการงานของพระบิดา
คริสเตียนไม่รู้ว่าพระเจ้ามองเราเป็นเด็กและป่วยอยู่ (ยรม 17:9)
...
พระเจ้าให้สุขก่อน (โรม 5:1 / ยน 4:14) จากนั้นก็ทำงานเป็นปีๆ เพื่อให้เราเลิกทำบาปได้จริงๆ (ไม่ใช่เสแสร้ง)
เปโตร เปาโล และสาวกมากมายต้องรอเวลาหลายปีกว่าจะโต และเลิกทำบาปได้ แต่ถ้าเราไม่พบอาหารแข็ง เราจะโตไม่ได้ แต่กลับเป็นเด็กฝ่ายวิญญาณไม่มีสุขทุกเวลา และไม่ได้โตไปจนวันตาย