we became sinners by birth we then can become righteous by born again in Christ.
- to become sinner or righteous person it's not about doing but by birth.
เนื่องจากว่าผู้เชื่อส่วนมากทุกวันนี้เข้าใจผิดคิดว่าที่เราเป็นคนบาป สาเหตุมาจากการทําบาปของเรา ผู้เชื่อส่วนมากเชื่อว่าเด็กที่เกิดมาไร้เดียงสา innocent บริสุทธิ์ใช่ไหม? แล้วพอโตขึ้นเขาเริ่มทําบาปและโตขึ้นๆ ก็เริ่มทําบาปมากขึ้นๆ จึงกลายเป็นคนบาป
พี่น้องผู้เชื่อส่วนมากก็ยังเชื่ออีกน่ะว่าถ้าหากเราเลิกทําบาปเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา เลิกโกหก เลิกโกรธ เลิกหยิ่งผยองพองตัว เลิกดื่มเหล้า เราคิดว่าการเลิกทําในสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้จะนํามาซึ่งการเป็นคนชอบธรรม
แต่สําหรับพระเจ้า พระองค์ทรงเปิดเผยความจริงในโรมบทที่ 5:19 ว่า "มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปเพราะเหตุอาดัมคนเดียวที่ไม่เชื่อฟัง" เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า เราทุกคนที่เกิดมาจากอาดัมก็กลายเป็นคนบาปทันทีตั้งแต่เราเกิด ตั้งแต่เราอยู่ในท้องแม่
เมื่อเราเกิดเป็นเด็กทารก เราก็กลายเป็นคนบาปแล้ว โรมบทที่ 3:23 กล่าวว่า "ไม่มีคนชอบธรรม แม้แต่คนเดียวไม่มีเลย" ทุกคนกลายเป็นคนบาปไปหมด
อีกครั้ง.. มนุษย์ทุกคนที่เกิดจากอาดัมเป็นคนบาปไม่ว่าจะรักษาชีวิตทําตัวให้บริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ก็ยังถูกนับว่าเป็นคนบาปสําหรับพระเจ้าต่อพระพักตร์ของพระเจ้า
การที่มนุษย์เราจะทําดีหรือทําบาปก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนฐานะเปลี่ยนสภาพเปลี่ยน condition หรือ position ของเราให้เป็นคนชอบธรรมได้ เพราะว่าการที่เราเป็นคนบาป ไม่ใช่เพราะการทําบาป และการที่มนุษย์จะเป็นคนชอบธรรม ก็ไม่ใช่เพราะการกระทําที่ชอบธรรม หรือการเลิกทําบาปแล้วมาทําดีดําเนินชีวิตที่ชอบธรรมบริสุทธิ์ ไม่ใช่..
การที่มนุษย์เป็นคนบาป หรือเป็นคนชอบธรรม ก็เพราะการถือกําเนิด มนุษย์ถือกําเนิดจากอาดัมที่เป็นคนบาป มนุษย์จึงกลายเป็นคนบาป การกระทําไม่เกี่ยว
อีกครั้ง.. โรมบทที่ 5:19 กล่าวว่าการที่เราจะเป็นคนชอบธรรมหรือเป็นคนบาปไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการกระทํา it's not about doing but by birth เป็นเรื่องของสภาพ เป็นเรื่องของฐานะ เป็นเรื่องของ position หรือ condition ถ้าหากเราอยู่ในอาดัม เราเกิดจากอาดัม (ตราบใดที่เราไม่ออกจากอาดัม เราก็ยังเป็นคนบาป)
เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเลิกทําบาป ดําเนินชีวิตให้บริสุทธิ์มากมายเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนเราให้เป็นคนชอบธรรมได้ โรมบทที่ 5:12 กล่าวว่า "ตัวบาปเข้ามาในโลกเพราะคนคนเดียว" ถามว่าเข้ามาตอนไหน? คำตอบก็คือตอนที่อาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า
- ซาตานเมื่อมันอยู่ข้างนอกมนุษย์พระคัมภีร์เรียกว่าซาตาน
- แต่เมื่อมันเข้ามาสิงสถิตอยู่ในชีวิตของมนุษย์พระคัมภีร์เรียกมันว่าตัวบาป
โรมบทที่ 5:12 กล่าวว่าตัวบาปได้เข้ามาในโลก โลกในที่นี้ไม่ใช่ต้นไม้ ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำ แผ่นดิน ไม่ใช่.. โลก ในที่นี้เป็นคําเดียวกันที่ท่านยอห์นกล่าวไว้ในยอห์น 3:16 คือเพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก โลก ในที่นี้ก็คือ มนุษย์ นี่เอง
โรม 7:17,20 กล่าวชัดเจนมาก ว่าตัวบาปสิงสถิตอยู่ในเรา ภาษาอังกฤษใช้คำว่า sin dwell in me / sin ก็คือตัวบาป dwell ก็คือสิงสถิต สถิตอยู่ in me ก็คือในข้าพระเจ้า ตัวบาป ในที่นี้ เป็นบุลคลและมีชีวิต เพราะว่าถ้าหากสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะสิงสถิตอยู่กับใครกับคนไหนกับที่ไหน จะสิงสถิตได้ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นมีชีวิต ตัวบาปเป็นสิ่งที่มีชีวิตเป็นบุลคลเป็นชีวิตของซาตานที่เข้ามาอยู่ในมนุษย์
และในทุกวันนี้แม้แต่คริสเตียนก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าเรายังอยู่ในฝ่ายเนื้อหนังตัวบาปก็จะคงอยู่ และตัวเก่าของเราก็จะยังมีชีวิตอยู่ พูดง่ายๆ ก็คือทุกวันนี้ในฝ่ายเนื้อหนังของเรามีตัวบาปและตัวเก่าอยู่ด้วยกันอยู่ร่วมกันและตัวบาปนี้เป็นนายของตัวเก่าของเรา
และในโรมบทที่ 7:21-23 และโรมบทที่ 8:2 กล่าวว่า ตัวบาปไม่ได้มาตัวเปล่าน่ะ ตัวบาปเมื่อเข้ามาอยู่ในเรา มันนําเอากฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายเข้ามาด้วย
ถามว่า กฎแห่งความบาป คืออะไร? และ กฎแห่งความตาย คืออะไร?
กฎแห่งความบาปก็คือ เมื่อไหร่ที่เราจะเชื่อฟังพระเจ้า เมื่อไหร่ที่เราจะรักษาพระบัญญัติ ตัวบาปนั้นก็จะลุกขึ้นและมีพลังอํานาจเหนือเรา แทนที่เราจะทําดีเชื่อฟังพระเจ้าได้ แต่มันทําให้เราทําบาปแทนที่
สําหรับชีวิตของมนุษย์ในฝ่ายเนื้อหนัง อาจารย์เปาโลกล่าวชัดในโรมบทที่ 7:18 ว่าในฝ่ายเนื้อหนังในชีวิตของฝ่ายอาดัม ไม่มีอะไรดีเลยที่สิงสถิตอยู่ นอกจากตัวบาป
และในโรมบทที่ 7:11 กล่าวว่าตัวบาปจะมีพลังอํานาจเหนือกว่ากฎแห่งจิตใจของเรา กฎแห่งจิตใจของเราเป็นกฎที่อ่อนแอมาก กฏแห่งจิตใจก็ชอบในความดี รักชอบในการทําดี แต่ทําไม่ได้เพราะว่าตัวบาปมีพลังมากกว่า และตัวบาปจะมีพลังก็ต่อเมื่อเราเริ่มลุกขึ้นและปฏิบัติตามรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า การปฏิบัติตามรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า ก็คือการเอาชีวิตของเราเข้าไปอยู่ฝ่ายเนื้อหนังและใช้ตัวเก่าของเรารักษาพระบัญญัติ และเมื่อเราอยู่ในฝ่ายเนื้อหนังตัวบาปก็จะมีอํานาจเหนือเราทันที
(คริสเตียนศาสนารักษาพระบัญญัติ และอยู่ในเนื้อหนัง / คริสเตียนในวิญญาณ เดินในพระวิญญาณ)
ตัวบาปมันรู้น่ะว่าทุกครั้งที่เราพยายามปฏิบัติตาม รักษาพระบัญญัติ ก็คือเราเข้าไปอยู่ใต้พระบัญญัติ และเมื่อเราเข้าไปอยู่ใต้พระบัญญัติ เราก็เป็นเนื้อหนัง เราก็กลายเป็นมนุษย์เนื้อหนัง มนุษย์อาดัมเป็นตัวเก่า และตัวบาปก็จะลุกขึ้นมีพลังอํานาจเหนือเราทําให้เราทําบาปแทนที่
เราจะเห็นว่าโรมบทที่ 6:14 กล่าวว่าเพื่อตัวบาปจะไม่มีอํานาจเหนือเราครอบครองเราเพราะว่าเราไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ
โรมบทที่ 7:9 กล่าวว่าถ้าหากไม่มีพระบัญญัติ ถ้าหากเราไม่รักษาพระบัญญัติตัวบาปก็ไม่มีพลังอํานาจเหนือเราได้
พี่น้องคริสเตียนส่วนมากไม่ทราบว่าเมื่อเราทําบาป เราไม่ได้เป็นคนทําน่ะ แต่ตัวบาปเป็นคนกระทํา เมื่อเราอ่านในโรมบทที่ 7:8-24 เราจะพบว่าการกระทําดีที่เรา ปรารถนาที่จะกระทำ เราก็ทำไม่ได้ แต่เราทำบาปแทนที่ และไม่ใช่เราน่ะเป็นคนที่ทำ แต่ตัวบาปต่างหากที่อยู่ในเราเป็นคนกระทำ
เราจะเห็นว่าในโรมบทที่ 7:24 อาจารย์เปาโลยอมแพ้ ร้องออกมาเลยว่า โอ้ ทำไมๆ ชีวิตของข้าทำไมถึงอ่อนแอถึงขนาดนี้ และต่อจากนั้นอาจารย์เปาโลก็บอกว่าใครที่จะมาช่วยข้าพระเจ้าได้ อาจารย์เปาโลยอมแพ้ต่อตัวเอง และอาจารย์เปาโลร้องเรียกหาผู้อื่นที่จะมาช่วยท่าน
พี่น้องคริสเตียนมากมายเมื่ออ่านพระคัมภีร์โรมมักจะคิดว่าเป็นประสบการณ์ของอาจารย์เปาโลคนเดียวใช่ไหม?
แต่เเท้ที่จริงเรื่องราวชีวิตของอาจารย์เปาโลในโรมบทที่ 7 เป็นประสบการณ์ของชีวิตคริสเตียนทุกคน เมื่อเรามาถึงจุดที่ยอมแพ้เหมือนอาจารย์เปาโลที่ร้องโอ๊ยครวญครางว่า โอ้ ชีวิตของข้าทําไมถึงอ่อนแอสิ้นหวังอย่างนี้
แล้วท่านยังกล่าวต่ออีกว่าใครจะมาช่วยข้าพเจ้า "ใคร" ก็คือเรียกหาผู้อื่นน่ะ ข้อที่ 25 อาจารย์เปาโลกล่าวว่า ขอบพระคุณพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ ขอบพระคุณพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์คือทางออก คือคําตอบของปัญหาสองปัญหานี้ ก็คือพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อตายไถ่บาปของเรา
ปัญหาแรก คือเรื่องของการเป็นคนบาป พระเยซูคริสต์ช่วยเราแล้ว
และอีกปัญหาหนึ่ง ก็คือสง่าราศี สง่าราศีก็คือพระเยซูคริสต์ในสภาพของพระวิญญาณเข้ามาอยู่ในเราและดําเนินชีวิตแทนเรา ให้เรามีสง่าราศีเกิดขึ้นได้
อีกครั้ง.. ปัญหาเรื่องความบาป หรือการเป็นคนบาปของเรา พระเยซูจัดการแล้ว พระเยซูทรงช่วยเราแล้วให้กลายเป็นคนชอบธรรม เพราะเหตุอาดัมคนเดียวที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าทําให้เรากลายเป็นคนบาป และเพราะเหตุคนคนเดียวที่เชื่อฟังพระเจ้า ก็คือพระเยซูคริสต์ จึงทําให้เรากลายเป็นคนชอบธรรม
พี่น้องจะเห็นว่าอาดัมทําบาป มนุษย์กลายเป็นคนบาป
พระเยซูเป็นคนชอบธรรมทําดีเชื่อฟังพระเจ้า มนุษย์จึงกลายเป็นคนที่ชอบธรรมได้ ไม่เกี่ยวกับเราน่ะไม่เกี่ยวเราไม่เกี่ยวกับการกระทําของเรา การทําดีทําชั่วของเราไม่ได้ทําให้เราเป็นคนบาปหรือเป็นคนชอบธรรม แต่ด้วยการถือกําเนิดจากอาดัมเราเป็นคนบาป และถ้าเราอยากเป็นคนชอบธรรม ก็คือเกิดใหม่ การบังเกิดใหม่ นํามาซึ่งการได้กลายเป็นคนชอบธรรม
แล้วถามว่าทํายังไงที่เราจะได้บังเกิดใหม่?
คำตอบก็คือเชื่อ เชื่อเท่านั้น ความเชื่อของเราทําให้พระเจ้าบันดาลชีวิตวิญญาณของเราให้กลายเป็นคนใหม่ ให้ได้รับการบังเกิดใหม่ และพระเจ้าเข้ามาอยู่ในวิญญาณของเราและเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณของเรา เราจึงได้รับการชําระให้เป็นคนบริสุทธิ์แล้วโดยทางความเชื่อ
มนุษย์เรากลายเป็นคนบาปเนื่องจากอาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่การบังเกิดใหม่ในพระคริสต์เป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้เรามีสภาพกลายเป็นคนชอบธรรมได้
แต่ก่อนที่เราจะบังเกิดใหม่ได้ ต้องทํายังไง?
เราต้องตายก่อน ถามว่าเราจะตายได้ยังไง?
คำตอบคือเชื่อ เชื่อในความจริงของพระเจ้า พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนสองพันปีก่อน พระองค์นับเราทุกคนเข้าส่วนร่วมในการตายกับพระองค์แล้ว เพียงแต่เราเชื่อ เราจะได้สัมผัสการตายนี้
และไม่เพียงแต่เท่านั้น เมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ เราก็เป็นขึ้นกับพระองค์ด้วย และได้รับชีวิตใหม่ และเมื่อพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดา พระองค์จึงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่เรา และความจริงเหล่านี้เป็นความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อสองพันปีก่อนโน่น
เราขอบคุณพระเจ้า เพียงแต่เราเชื่อ เราจะได้รับทุกสิ่ง คือเราจะมีประสบการณ์การตายกับพระเยซูคริสต์ และเรามีประสบการณ์การฟื้นคืนเป็นขึ้นกับพระเยซูคริสต์
และทุกวันนี้เราเพียงแต่ค้นหาความจริง ค้นหาประวัติศาสตร์ของเราร่วมกับพระเยซูคริสต์เมื่อสองพันปีก่อน การได้รู้จึงเป็นสิ่งที่สําคัญมาก
คริสเตียนส่วนมากไม่รู้ เมื่อเราเชื่อพระเจ้าใช่ไหม เราพยายามใช้ตัวเก่านี่แหละตัวอาดัมนี่แหละพยายามทําดี พยายามเปลี่ยนแปลง พยายามเชื่อฟังพระเจ้า พยายามรักษาพระบัญญัติ แต่ในที่สุดเราก็ล้มเหลว และชีวิตของเราไม่ไปถึงไหน บางวันก็ขึ้น บางวันก็ลง บางวันก็ดี บางวันก็บาป บางวันก็สุข บางวันก็ทุกข์ ชีวิตเราจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างงี้ ขึ้นลงๆ จนถึงวันตาย
และหวังว่าวันหนึ่งเราจะถูกเปิดตา และชีวิตของเราจะอยู่ในสันติสุขทุกวันเวลาได้ และชีวิตของเราจะไม่ต้องขึ้นลงอีกต่อไป และชีวิตของเราจะเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงได้รับจิตใจใหม่ พระลักษณะใหม่ของพระเยซูคริสต์ก่อร่างสร้างตัว และขยายเติบโตมากขึ้นในชีวิตของเรา ตัวเก่าของเราก็ตายไป ตัวใหม่ของเราก็เป็นอยู่ และตัวใหม่ที่เราเป็นอยู่ ก็คือพระเยซูคริสต์ที่เป็นอยู่แทนเรา ดำเนินชีวิตแทนเรา และเกิดผลแห่งพระวิญญาณแทนเรา