ถามว่าชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ หรือผู้ชนะ เราต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน
เริ่มแรกเราต้องเชื่อก่อน คือเชื่อและจดจำ และทำให้พระคำของพระเจ้าเรื่องความจริงนี้เป็นความจริงของเรา ความจริงนี้ก็คือ เราตายแล้วในชีวิตเก่าในตัวเก่า ตัวเก่าของเรานี้ตายแล้ว มนุษย์คนเก่าของเราตายกับพระเยซูบนไม้กางเขนแล้ว เราเชื่ออย่างตายใจ เราเชื่อทุกวัน เราตายทุกวัน
สำหรับผม ผมท่อง กท. 2:20 และอีกหลายๆ ข้อหลายๆ บท ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า เราตายแล้วกับพระคริสต์ คือ “ข้าพเจ้าถูกตรึงแล้วกับพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า”
เราบอกตัวเราเองว่า “เราตายแล้ว” และเราบอกพระเจ้าด้วยว่า “พระองค์ ข้าพระองค์เชื่อ เชื่อในความจริงของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่เห็น แต่ข้าพระองค์เชื่อ เพราะพระคำของพระเจ้าเป็นความจริง พระคำพระเจ้าไม่เคยโกหก และพระองค์กระทำแล้วเมื่อสองพันปีก่อน ข้าพระองค์ถูกตรึงกับพระเยซูคริสต์ และข้าพระองค์ตายแล้วจริงๆ”
----------
ความเชื่อที่สอง ก็คือเราเชื่อว่า ทุกวันนี้เราเป็นบุคคลผู้ใหม่ บุคคลที่ได้บังเกิดใหม่แล้ว และบุคคลที่แท้จริงนั้นก็คือ “มนุษย์วิญญาณ”
ชีวิตจริงของเรา คือ “วิญญาณ” ที่อยู่ภายในเรานี้ มนุษย์วิญญาณที่อยู่ข้างในคนนี้เขาเกิดใหม่แล้ว เขามีชีวิตใหม่ เขามีพระคริสต์อยู่กับเขาสองคนในร่างเดียวกัน และใช้ร่างกายนี้
ทุกวันนี้มนุษย์วิญญาณคนนี้สัมพันธ์ สนิทสนม พูดคุย สนทนา อธิษฐาน ใกล้ชิด และสามัคคีธรรมกับพระเยซูคริสต์ที่อยู่กับเขา ซึ่งเป็นพระวิญญาณที่เสด็จมาอยู่กับเขา ตั้งแต่วันที่เขาเริ่มเชื่อ
----------
ทุกวันนี้ พระวิญญาณต้องการที่จะเปิดตาเรา ต้องการที่จะช่วยเราให้เห็นว่า เรานี้เป็นบุคคลใหม่ เป็นคนดีแล้ว เป็นคนชอบธรรมแล้ว บริสุทธิ์แล้ว เพอร์เฟคแล้วต่อพระพักต์พระเจ้า
ถ้าหากเราอยู่ในความจริงนี้ทุกๆ วัน และสนิทกับพระคริสต์ บอกรักพระองค์ เราบอกรักเราพูดคุย เราจะแบ่งเวลาเป็นชั่วโมงก็ได้ ถ้าเผลอตอนนี้เราก็พูดใหม่ เริ่มใหม่ กลับเข้ามาใหม่
เพราะว่าการฝึกนี้ เราจะพบกับปัญหาว่า จิตใจของเราจะออกไปทางฝ่ายเนื้อหนังเป็นระยะๆ เราก็ต้องดึงกลับมา เราสารภาพกับพระเจ้า เรากลับมาพูดคุยสนทนากับพระเจ้าใหม่ สนิทในพระคริสต์ทุกวันแบบนี้
-----------
เมื่อเราเข้าใจพระคำพระเจ้าในลักษณะที่ถูกต้อง การตีความหมาย การแปลที่ถูก เราก็จะกินสิ่งเหล่านั้น คืออ่านและรับเข้ามา ขณะที่เราอ่านอยู่ เราเชื่อว่าเรากินเข้าไป พระคำของพระเจ้าก็จะเป็นความจริง
พระคำของพระเจ้า ถ้าเเปลผิดก็จะไม่เป็นความจริง ไม่เป็นชีวิต และไม่เป็นฤทธิ์เดช ไม่มีอะไร ไม่มีความหมาย และไม่มีคุณค่าอะไรเลย เป็นตัวหนังสือ เป็นตัวอักษรที่ไม่มีคุณค่า แต่ถ้าหากพระคำของพระเจ้าแปลถูก ตีความหมายถูกด้วยความหมายแห่งพระวิญญาณ พระวิญญาณเปิดตาเรา เราก็จะสามารถเห็นการทำงานของพระคำพระเจ้า
พระคำพระเจ้าจะเป็นชีวิตหล่อเลี้ยงเรา เป็นฤทธิ์เดชทำให้เราเกิดผล ทำให้เราเติบโต รับการชำระ เปิดตา เป็นอิสระ ไม่กลัวพระเจ้า และมีสุขมากๆ และพระคำนี้เป็นฤทธิ์เดช ที่จะสามารถนำเราเข้าสู่การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในที่สุด
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะชำระเรา เปลี่ยนเราให้มีจิตใจใหม่ เลิกโกรธ เลิกหยิ่งผยองพองตัว แต่เป็นคนที่ต่ำ ถ่อมถึงดิน และเป็นคนที่เสียเปรียบด้วย
และให้เราเป็นคนที่รักพระเจ้า รักฝ่ายวิญญาณโลกฝ่ายวิญญาณ รักปักใจในเบื้องบน มากกว่าที่เราจะปักใจใส่ในสิ่งที่เป็นสิ่งของในโลกนี้ ที่เป็นฝ่ายเนื้อหนัง
-----------
การอยู่ในความเชื่อ คือเราตายแล้ว และเราเป็นคนใหม่แล้ว เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และการเข้าใจความหมายที่ล้ำลึก ที่พระวิญญาณเปิดเผยให้เราเข้าใจว่า พระคำของพระเจ้านี้ต้องเเปลแบบนี้ ต้องแปลแบบนั้น ไม่ใช่ตามความคิดของเราที่ “คิดว่า”
คิดว่าอันนี้มันถูก คิดว่าพระคำของพระเจ้าบทนี้ตอนนี้น่าจะเป็นแบบนี้นะ… อ๋อ บุตรน้อยหลงหาย ต้องเป็นคริสเตียนที่หลงหายนะ หรืออีกหลายๆ บทหลายๆ ข้อครับ
คือเราแปลพระคำพระเจ้านี้ไปตามความคิดของอาดัม ซึ่งเป็นไม้ทั้งท่อนที่บังตาเรา เราไม่เห็นไม่เข้าใจ แต่เมื่อพระเจ้าเปิดตา พระเจ้าให้การตีความหมาย การแปลที่มาจากทองคำ ซึ่งเป็นพระสติปัญญาของพระเจ้า เราก็จะเข้าสู่การชำระด้วยพระคำ จิตใจก็มีสุขมากๆ
----------
พี่น้องมีประสบการณ์เหล่านี้แล้วใช่ไหม? ก็ขอบคุณพระเจ้าที่เป็นการทำงานพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นการที่พระเจ้ามองดูจิตใจของทุกๆ คน
พี่น้องทุกคนที่ถ่อมและแสวงหาจริงๆ จิตใจส่วนลึกของเราเราหิวกระหายมาก เราต้องการการเติบโต เราต้องการที่จะทิ้งทุกอย่าง คือเรายอมจำนนแล้ว เมื่อถึงเวลา พระเจ้าก็จะนำเรามาถึงพระคำล้ำลึก ซึ่งสามารถที่จะช่วยเราให้เข้าถึงการเติบโต และการเปลี่ยนแปลงได้
พระวจนะคำของพระเจ้าเป็นชีวิต เป็นความจริง เป็นฤทธิ์เดช และพระคำของพระเจ้านี้จะปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระ (ยน. 8:33)
----------
การที่เราได้เข้าใจพระคำของพระเจ้าอย่างถูกต้องแล้ว ตีความหมายตามแบบของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เปิดเผยให้เรา และชีวิตประจำวันของเราก็คือถวายตัวใหม่ ถวายบุคคลใหม่ที่เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว ให้พระเจ้าใช้เป็นอวัยวะ
เราเป็นเหมือนรถ พระเยซูเป็นเหมือนคนขับรถ เราเป็นอวัยวะที่มอบให้บุคคลที่ชอบธรรม ก็คือพระคริสต์ ให้ผู้ชอบธรรมคนนี้ใช้ชีวิตของเรา ใช้อวัยวะนี้สำแดงรสเค็มออกมา และสำแดงความสว่างของพระองค์ออกมา (โรม 6:13)