เดินตามแบบอย่างของเปาโล 8 อย่าง

อยากเป็นผู้ชนะต้องเดินตามแบบอย่างของเปาโล:

1. ท่านยอมแพ้ต่อการเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาป (โรม 7:24)

2. ท่านใส่ใจในเรื่องการวิ่งแข่งเพื่อเข้าอาณาจักร (1 คร 9:26-27)

3. ท่านใส่ใจในการนับทุกวันว่า พระคริสต์อยู่ในท่าน และดำเนินชีวิตแทนท่านทุกวัน (กท 2:20)

4. ท่านใส่ใจเรื่องการนับว่าตายแล้วทุกวัน (1 คร 15:31)

5. ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นคนใหม่ทุกวัน (อฟ 4:24)

6. ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นทาสของพระเยซูทุกวัน (โรม 1:1)

7. ท่านใส่ใจเรื่องการมองทุกสิ่งใหม่หมดทุกวัน (2 คร 5:16-17)

8. ท่านใส่ใจเรื่องการสนิทในพระเยซูทุกวัน (1 ธส 5:17)

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง เราขอบพระคุณพระเจ้าเป็นพระคุณอันล้นเหลือ ที่เราคนที่ไม่มีค่า คนที่ไม่คู่ควร คนที่ไม่เหมาะที่จะรับไข่มุกจากพระเจ้า แต่วันนี้พระองค์สำแดงความรักความเมตตาพระคุณพระกรุณาต่อพวกเราทั้งหลาย เราสรรเสริญยกย่องพระนามของพระองค์สรรเสริญพระเยซู

การเป็นคริสเตียนที่ไม่ได้ถูกเปิดตา ไม่ได้มาถึงอาหารผู้ใหญ่ ไม่เข้าถึงพระคำล้ำลึก พระคำแห่งความจริงโดยพระวิญญาณแห่งความจริง เป็นชีวิตที่ลำบากมาก เป็นชีวิตที่ไม่ต่างไปจากคนที่ตาบอดที่อยู่ในความมืด จะทำอะไร จะแตะต้องอะไร จะไปหาอะไร จะเดินไปทางไหน คือมันยากมันยุ่งยากไปหมดเลย

แต่ขอบคุณพระเจ้ามีแสงสว่างแล้ว แสงสว่างจ้า ภายในห้องคือมันเห็นทุกสิ่ง สรรเสริญพระเยซูในวันนี้ที่เราพบความสว่างจ้าในความคิดสติปัญญา จิตใจ ในวิญญาณ ในจิต ในทุกส่วนของร่างกายของเรา ขอบคุณพระเยซูเอเมน

ข้อที่ 1. เปาโลยอมแพ้ต่อการเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาป (โรม 7:24) คืออะไร

- เปาโลรู้ดีว่าสองฝ่ายที่ต่อสู้กันไปมา คือเนื้อหนัง และพระวิญญาณ (ก็คือพระวิญญาณของพระคริสต์) ไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรากับเปาโล ท่านจึงไม่พยายามฝืนใจบังคับตนด้วยเรี่ยวแรงกำลังสติปัญญาของตนอีกต่อไป ความหมายก็คือเชื่อว่าสิ่งที่ทำได้แล้ว ก็คือพระคริสต์เป็นคนทำแทนแล้ว

และสิ่งที่ยังทำไม่ได้ก็สารภาพบาป และไม่ใส่ใจ ไม่ต้องไปใส่ใจ คือถ้าทำก็มันทำยังไงได้ ถ้าไปแตะก็กลายเป็นเนื้อหนังก็อยู่ใต้พระบัญญัติ เพราะฉะนั้นก็จำเป็น ก็คือไม่อยากทำไม่ยินยอม แต่มันจำเป็น เนื้อหนังชนะตอนนั้นอยู่ ก็สารภาพบาป และไปปักใจที่พระเยซู มองมาที่พระเยซู

"พระเยซูข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ พระเยซูข้าพระองค์ตายแล้ว พระเยซูข้าพระองค์เป็นคนใหม่ พระเยซูข้าพระองค์สนิทในพระองค์ พระองค์สนิทในข้าพระองค์ พระเยซู พระเยซู"

คำว่า "พระเยซู" ให้มันเป็นร้อยๆ คำต่อวัน คำว่า "เอเมน" กินข้าว เดิน ไป มา นั่ง นอน ทำอะไรก็ตาม เอเมนๆๆ และเชื่อว่าทุกคำที่เราพูดเป็นถ้อยคำที่มาจากพระวาทะ ที่เราได้รับจากพระวาทะ เพราะว่าทุกวันนี้เรามีชีวิตของพระวาทะ พระวาทะก็คือพระคริสต์ ก็คือพระบุตร ก็คือพระเจ้าพระบุตร เอเมน

เรามีถ้อยคำแห่งชีวิต ถ้อยคำที่เป็นฤทธิ์เดช เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่เราพูดพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นคนทำ เมื่อเรายิ่งสนิท เราบอกรัก เราพูดว่าเอเมน เราพูดว่าพระเยซู คำเหล่านี้จะเป็นฤทธิ์เดชที่อยู่ภายในเรา ที่จะช่วยให้เราต่อสู้กับเนื้อหนัง และเอาชนะได้

อย่าลืมน่ะว่า ต้องใช้เวลา แต่หน้าที่ของเราอย่าไปใส่ใจอย่าไปสนใจ เปาโลยอมแพ้ต่อการเอาเนื้อหนังไปต่อสู้ เราก็ยอมแพ้ เราไม่ต่อสู้อีก เราทำก็จำใจทำ แต่สารภาพ เรามีพระโลหิต ขอบคุณพระเยซู เราสารภาพแล้วกลับมาอยู่ในพระคริสต์ ปักใจในการสนิท บอกรัก พูดคุย สนทนา อยู่ในพระคริสต์ตลอดเวลา

ข้อที่ 2. ก็คือการใส่ใจในเรื่องวิ่งแข่งเพื่อเข้าอาณาจักรของเปาโล (1 โครินธ์ 9:26-27)

- การแสวงหาอาณาจักรและความชอบธรรมของพระเจ้า คือหัวใจของเปาโล ท่านไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่น ถ้าเราดูจากหนังสือกิจการ และหนังสือทุกเล่มที่ท่านเขียน คือท่านยอมทนยากลำบากเรื่องปัญหา และมรสุมทุกประการเพื่อเข้าอาณาจักร ในกิจการ 14:22 ท่านไปอยู่ที่ไหน ท่านก็พูดถึงเรื่องอาณาจักรตั้งแต่เช้าจนค่ำ ขณะที่ผู้อื่นสอนเรื่องต่างๆ เรื่องอื่นๆ กิจการ 19:8 และ กิจการ 28:23,31

เปาโลยึดข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร และเน้นการฝึกเดินในพระวิญญาณ เพื่อท่านจะได้รับความชอบธรรมของพระเจ้า และท่านจะไม่พลาดโอกาสเดียวในชีวิตของท่าน ขอบคุณพระเยซูเราเอาเปาโลเป็นแบบอย่างในการเดิน คือใส่ใจเรื่องอาณาจักร ประกาศเรื่องอาณาจักร พูดถึงเรื่องอาณาจักร และความชอบธรรมของพระเยซู เพื่อที่จะเข้าไปในอาณาจักรให้ได้ มันเป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเรา อย่าพลาด เราใส่ใจเรื่องเดียวเท่านั้นในชีวิตของเรา ก็คืออาณาจักร

ถามว่า..เรื่องอาณาจักรนี้ใครเป็นคนสั่ง?

คำตอบ..คือพระเยซูตรัสในมัทธิว 6:33 สิ่งที่สำคัญอย่าแสวงหาสิ่งอื่น แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน

เปาโลเป็นคนที่เชื่อฟังพระเยซู ท่านจึงแสวงหาอาณาจักร ทุกวันนี้เราเชื่อฟังพระเยซูหรือไม่ ถ้าหากเราเชื่อฟัง เราก็แสวงหาอาณาจักร พูดถึงเรื่องอาณาจักรตั้งแต่เช้าจนค่ำ อยู่ที่ไหนไปที่ไหนกี่ปีกี่เดือน ก็พูดถึงเรื่องอาณาจักร พูดถึงเรื่องอาณาจักร เพื่อผู้เชื่อทั้งหลายจะเข้าสู่สันติสุขทุกวันเวลาได้ เพื่อผู้เชื่อทั้งหลายจะเข้าสู่ชีวิตที่มาถึงอาหารผู้ใหญ่ และคริสเตียนและคนที่มาเชื่อใหม่ก็จะเข้าสู่อาหารที่จะทำให้เขาไม่กลัวพระเจ้า รอดแล้วรอดเลย มั่นใจในความรอด มีสันติสุขเดินไปกับพระเจ้า

ข้อที่ 3. เปาโลใส่ใจในการนับทุกวันว่าพระคริสต์อยู่ในท่าน และดำเนินชีวิตแทนท่านทุกวัน (กท 2:20)

- เราเห็น กาลาเทีย 2:20 และก็ ฟีลิปปี 1:21 เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์ ภาษาอังกฤษ For to me to live is Christ คือมันชัดเจนมาก การมีชีวิต ก็คือพระคริสต์ ไม่ใช่ข้าพเจ้า นี่คือความหมาย

และขอบคุณพระเยซู โคโลสี 1:29 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงทำงานหนักโดยการต่อสู้อยู่ตามการกระทำกิจของพระองค์ เราเห็นกันน่ะ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงทำงานหนัก ด้วยโดยการต่อสู้ตามการกระทำกิจของพระองค์ ไม่ใช่โดยต่อสู้โดยการทำการงานการใช้เรี่ยวแรงกำลังของท่านเอง ด้วยการกระทำกิจของพระองค์ผู้ทรงกระทำกิจในตัวข้าพเจ้าอย่างทรงฤทธิ์ ภาษาอังกฤษก็คือ power ful หรือ great power แปลภาษากรีกใช้คำว่า ไดนามอ หรือ ไดนาไมต์ ก็คือระเบิดที่มันรุนแรงร้ายแรงมาก

ขอบคุณพระเจ้าชีวิตพระเจ้าในเราทุกวันนี้ เป็นชีวิตที่ทรงพลังมาก ทรงฤทธิ์มาก มีพาวเวอร์มาก เป็นการกระทำกิจของพระวิญญาณที่อยู่ในเรา เพียงแต่เราอยู่ในพระคริสต์ตลอดเวลา พูดคุย สนทนา บอกรักพระองค์ตลอดเวลา

เอเฟซัส 3:7,20 ซึ่งข้าพเจ้าได้รับตำแหน่งการแต่งตั้งให้เป็นผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐนั้น ตามของประทานแห่งพระคุณพระเจ้าซึ่งโปรดประทานแก่ข้าพเจ้า โดยการกระทำที่ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้แห่งฤทธิ์เดชของพระองค์ ไม่ใช่โดยกำลังแห่งกำลังของข้าพเจ้าแต่โดยฤทธิ์เดชของพระองค์ เอเมน และข้อที่ 20 บัดนี้แด่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์สามารถกระทำอย่างบริบูรณ์ มากยิ่งกว่าที่พวกเราจะทูลขอหรือคิดได้ ตามฤทธิ์เดชที่กระทำกิจอยู่ภายในเรา ขอบคุณพระเยซูฤทธิ์เดชของพระเจ้าชีวิตของพระเจ้าเป็น powerful พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่ ที่กระทำกิจภายในเรา เพียงแต่เราหน้าที่ของเรา คือฝึกเท่านั้น ฝึกเดินในพระองค์ ขอบคุณพระเจ้า

ข้อที่ 4. เปาโลใส่ใจเรื่องการนับว่าตายแล้วทุกวัน (1 คร 15:31)

- สำหรับการใส่ใจเรื่องการนับว่าตายทุกวัน เปาโลเขียนใช่ไหมบอกว่า จงนับว่าพวกท่านเองได้ตายต่อบาปอย่างแท้จริง เราเข้าใจน่ะคำนี้ คือพวกท่านได้ตายต่อบาปอย่างแท้จริง ท่านย้ำคำว่า "อย่างแท้จริง" ไม่ใช่ตายเล่นๆ ไม่ใช่ตายสมมุติ ไม่ใช่ตายในความคิด แต่ตายอย่างแท้จริง ก็คือตายจริงๆ

คุณตายแล้ว มานั่งนับ มานั่งคิด นั่งนึกในความคิดของเรา เอ๋.. เราตายแล้วหรอ ตายจริงหรอ ตายยังไง ตายแบบไหน คือไปค้นหาทั้งหมดในพระคัมภีร์เรื่องตาย แล้วมานั่งอธิษฐาน "พระเยซู โอเค มันตายแล้ว มันเป็นเรื่องจริงแล้ว เป็นความจริงมันเกิดขึ้นแล้ว ถ้าพระองค์ยอมรับ โอเค" นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เปาโลทำ และเปาโลก็ทำ แล้วเมื่อเราทำตาม เราก็ประสบความสำเร็จ คือได้เห็นความตายมันอ่อนแอลงทุกวันทุกวัน

โรม 6:2 คือพวกเราที่ตายต่อบาปแล้วจะดำรงชีวิตในบาปอีกต่อไปได้อย่างไร

โรม 6:3 พวกท่านไม่ทราบหรือว่าพวกเราหลายคนที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมาเข้าในความตายของพระองค์

โรม 6:4 เหตุฉะนั้นพวกเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินชีวิตใหม่ ได้ดำเนินชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น

โรม 6:5 เพราะว่าพวกเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในลักษณะที่เหมือนกับความตายของพระองค์ พวกเราก็จะเป็นขึ้นมาในลักษณะที่เหมือนกับการทรงเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์

โรม 6:6 โดยทราบสิ่งนี้แล้วว่ามนุษย์เก่าของเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว มนุษย์เก่าของเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว มนุษย์เก่าของคุณถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อร่างกายแห่งบาปนั้นจะถูกทำลายเสีย เพื่อต่อจากนี้ไปพวกเราจะไม่รับใช้บาป

โรม 6:7 เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็เป็นอิสระจากบาป สรรเสริญพระเยซู

โรม 6:8 บัดนี้ ถ้าพวกเราตายแล้วกับพระคริสต์ พวกเราก็เชื่อว่าพวกเราจะดำรงชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย

และสิ่งที่เปาโลนับทุกวัน ก็คือ 1 โครินธ์ 15:31 ข้าพเจ้าตายทุกวัน ภาษาอังกฤษ I die daily. คำว่า die เป็นอดีตกาล เป็น Past Tense ขอบคุณพระเยซูเราตายแล้วทุกวัน ทุกวันๆๆ เรานับ เราจะประสบความสำเร็จ และนี่คือที่มาเบื้องหลัง คือคำสั่งของพระเยซูเอง

ลูกา 9:23 พระองค์ตรัสแก่พวกเราทุกคนว่า ถ้าผู้ใดปรารถนาจะตามเรามา ให้ผู้นั้นปฏิเสธตัวเอง และรับกางเขนของตนทุกวัน และตามเรามา ความหมาย รับกางเขนของเราทุกวัน ก็คือตายทุกวัน และตามเรามา (เอาตัวไหนตามมา) ก็เอาตัวใหม่ตามพระเยซูไป เอเมน และขอบคุณพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านเปาโลอีก โคโลสี 3:3 เพราะว่าพวกท่านได้ตายแล้ว และชีวิตของพวกท่านถูกซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า

ข้อที่ 5. เปาโลใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นคนใหม่ทุกวัน (อฟ 4:24)

- เอเฟซัส 4:24 และให้พวกท่านสวมมนุษย์ใหม่ ให้พวกท่านสวมใหม่ (ให้ใคร ให้ใครสวมมนุษย์ใหม่?) ให้พวกเราเอเมน ให้พวกเรา ให้พวกเรา ให้พวกท่าน ให้พวกเรา เอเมน ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าเปิดตาแล้วเรารู้ว่าทุกวันนี้เราเป็นคนใหม่ เราเป็นขึ้นมาใหม่ เรามีชีวิตใหม่ เพราะฉะนั้นเราจึงควรที่จะสวมชีวิตใหม่ สวมมนุษย์คนใหม่คนนี้ ก็คือเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ทุกวัน เอเมน และให้พวกท่านสวมมนุษย์ใหม่ซึ่งถูกสร้างขึ้นตามแบบอย่างของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง

โคโลสี 3:10 และได้สวมมนุษย์ใหม่ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ในความรู้ ตามแบบพระฉายาของพระองค์ ผู้ได้ทรงสร้างมนุษย์ใหม่นั้นขึ้น

2 โครินธ์ 5:17 เปาโลไม่ได้มองเขาเองว่าเป็นคนใหม่เพียงคนเดียว คือยังไม่พอ เขามองทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์เป็นคนใหม่เหมือนกันเท่ากันด้วย ก็คือเราทุกคนใหม่แล้วในพระคริสต์ เอเมน

สำหรับโรมบทที่ 6:4 เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินในชีวิตใหม่ ดำเนินในชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น ขอบคุณพระเยซูเราดำเนินในชีวิตใหม่ เราสวมมนุษย์คนใหม่ เราเป็นคนใหม่ตั้งแต่เช้าจนค่ำ เราใหม่ๆๆๆ เอเมนเราใหม่แล้ว

ข้อที่ 6. เปาโลใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นทาสของพระเยซูทุกวัน (โรม 1:1)

- เมื่อเปาโลเขียนจดหมายท่านจะเน้นย้ำคำว่า ผู้รับใช้ ทาส

คำว่า ทาส และ ผู้รับใช้ ที่เปาโลใช้ ภาษากรีกมีความหมายเดียวกัน ก็คือการเป็นทาส ก็คือการเป็นผู้รับใช้ที่ไม่มีสิทธิ์ อำนาจ ไม่มีตัวตน คือท่านไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตของท่านเพื่อความสุข เพื่อเนื้อหนัง เพื่อทุกสิ่งที่ท่านต้องการ ความปรารถนาของท่านไม่มีอีก แต่ให้ทุกสิ่งเป็นตามน้ำพระทัยของพระเจ้า นี่คือคำว่า ผู้รับใช้ และ ทาส ที่เปาโลใช้

เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้า เราทุกวันนี้ เราพูดถึงคำว่า เราเป็นผู้รับใช้ เราเป็นสาวก เราเป็นทาสของพระเยซู เราเป็นทาสเป็นผู้รับใช้แบบไหน แบบเปาโลหรือว่าแบบเราเอง (เราเป็นแบบเปาโล เอเมน)

เพราะฉะนั้นทุกครั้งเราบอกว่า "เอเมนพระเยซูข้าพระองค์เป็นทาสของพระองค์ เป็นผู้รับใช้ของพระองค์" เรานึกในใจว่าเราไม่มีสิทธิ์ เราไม่มีอำนาจ เราไม่มีอิสระอีกแล้ว แต่ชีวิตนี้ให้พระองค์เป็นคนนำไปใช้ ให้พระองค์เป็นคนใช้เพื่อสำแดงความชอบธรรมของพระองค์ผ่านเรา เราเชื่อแบบนั้น ในที่สุดพระองค์ก็จะยึดสิทธิเสรีภาพของเรา และให้เราเป็นเครื่องใช้แห่งความชอบธรรมเท่านั้น ไม่ให้ไปแตะต้องความบาปอีก

โรมบทที่ 7:6 แต่บัดนี้พวกเราได้รับการช่วยให้พ้นจากพระบัญญัติแล้ว

ขอบคุณพระเยซูที่เราทุกวันนี้ได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากพระบัญญัติ เราไม่เกี่ยวอะไรกับพระบัญญัติ ไม่ต้องไปรักษาพระบัญญัติ อีกแล้ว เพราะว่า โดยได้ตายต่อสิ่งที่พวกเราเคยถูกขังไว้แล้วนั้น ก็คือพระบัญญัติ

เพื่อพวกเราจะได้รับใช้ คำนี้คือคำว่า ทาส หรือ รับใช้ เป็นคำเดียวกัน เพื่อพวกเราจะได้รับใช้ในความใหม่แห่งพระวิญญาณ และไม่ใช่ในความเก่าแห่งตัวอักษร

ขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้เราเป็นทาส เราเป็นผู้รับใช้ในความใหม่แห่งวิญญาณในพระวิญญาณ ก็คือพระองค์จะเป็นคนทำกิจในเรา โดยที่เราไม่ต้องไปพยายาม ไม่ต้องไปทำอะไรเพื่อที่จะรักษาพระบัญญัติให้ได้ สรรเสริญพระเยซู ขอบคุณพระเยซูที่ทุกวันนี้เราเป็นทาสของพระองค์แล้ว เราเป็นผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว สรรเสริญพระเยซู

ข้อที่ 7. เปาโลใส่ใจเรื่องการมองทุกสิ่งใหม่หมดทุกวัน (2 คร 5:16-17)

- ในพระคริสต์ คือตำแหน่งที่พระเจ้าย้ายเราเข้ามาเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว และในพระคริสต์มีแต่สิ่งที่ได้ผ่านกางเขนและอุโมงค์ของพระเยซู เพราะฉะนั้นอย่ามอง อย่าหันไปสนใจเรื่องฝ่ายเนื้อหนัง เรื่องปัญหา และสิ่งที่เป็นด้านลบทั้งหลาย เพราะว่ามันคือเงา เป็นสิ่งชั่วคราวสำหรับพระเจ้า ในพระคริสต์ คือชีวิต และสันติสุขที่จะนำเราไปสู่อาณาจักร และมงกุฎที่ไม่รู้ร่วงโรยได้

อย่ามอง อย่าสนใจ อย่าใส่ใจ เกี่ยวกับเรื่องปัญหาต่างๆ เพราะว่าพระเจ้าอนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพื่อที่จะให้เราเข้มแข็ง เพื่อที่จะให้เราฝึกเดินในพระองค์ และให้เราใกล้สนิทในพระองค์ ให้เรามองว่ายุคนี้เป็นยุคทำนา ทำงานในสวนองุ่นของพระเจ้า คือการประกาศ รับใช้ และเราฝึกเดินในพระวิญญาณในขณะเดียวกัน และให้เรามองว่า ปัญหาคือสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เข้ามา เพื่อการฝึกเดินของเรา และเพื่อให้เราสนิท และอีกครั้ง ก็คือเพื่อให้เราสนิทในพระองค์ เพราะว่าพระองค์รักเรา อยากอยู่ใกล้เรา และอยากให้เราอยู่ใกล้พระองค์ เอเมน

ข้อสุดท้ายข้อที่ 8 เปาโลใส่ใจเรื่องการสนิทในพระเยซูทุกวัน (1 ธส 5:17)

- การสนิทเป็นเรื่องของการรับชีวิตพระเจ้า จริงๆ แล้วการสนิทเป็นเรื่องของการรับชีวิตพระเจ้า เราไม่สนิทเราก็ไม่ได้ชีวิต และไม่ได้เต็มล้นด้วยชีวิต และชีวิตของเราก็จะเหี่ยวแห้งไป

การสนิทเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ และสิ่งที่ตอบแทน ก็คือให้เราเกิดผลมาก เมื่อเราเกิดผลมาก พระองค์ก็ได้รับเกียรติ บำเหน็จก็เป็นของเรา เอเมน

เพราะฉะนั้นซาตานรู้ดีว่าพระเจ้าต้องการให้เราสนิทในพระองค์ และพระองค์ก็สนิทในเรา ซาตานมันรู้ มันจึงพยายามขัดขวางทำให้คริสเตียนกลายเป็นศาสนาคริสต์ กลายพันธุ์เป็นมนุษย์ศาสนาคนหนึ่ง ไม่เคยมีชีวิตที่สนิทในพระเยซู ไม่เคยบอกรักในพระเยซู ไม่เคยเดินในพระวิญญาณ ไม่เคยอยู่ในพระคริสต์ ความรู้เหล่านี้ซาตานมันปิดตาบังตาปิดหูเรา เราตาบอดมานานหลายปี แต่เมื่อเรามีโอกาสพระเจ้าไถ่เราเปิดตาเรา เอายาหยอดตามาทาตาเรา ขอบคุณพระเยซูเราจะไม่พลาดโอกาส เราจะฝึกไปด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน เพื่ออาณาจักรเป็นของเรา

อีกครั้งสรุป

งานของคริสเตียนของทุกวันนี้ไม่ใช่ไปต่อสู้กับเนื้อหนัง แต่ฝึกเดินในพระวิญญาณ ปักใจในพระวิญญาณ เดินในพระวิญญาณ กิน นอน ไป มา พูด คิด อธิษฐาน อ่าน นมัสการ รับใช้ ในวิญญาณ เอเมน

เราจะเห็นชีวิตของเปาโล ยิ่งเปาโลฝึกมากเท่าไหร่ พระวิญญาณก็ทำกิจและช่วยท่านให้เกิดผลมากเท่านั้น ถ้าหากเราเดินตามแบบอย่างของเปาโล เรายิ่งฝึกเดินมากเท่าไหร่ พระวิญญาณก็จะกระทำกิจ และช่วยเราให้เกิดผลมากเท่านั้นเหมือนเปาโล

ขอบคุณพระเจ้า เปาโลไม่ท้อ เปาโลรู้ดีว่าต้องใช้เวลา หน้าที่ของเปาโล ก็คือฝึกเดิน และอยู่ในสุขทุกเวลา หน้าที่ของเราก็คือไม่ท้อ เรารู้ดีเหมือนกันว่าต้องใช้เวลา และเราก็อยู่ในสันติสุขทุกเวลาแล้ว

ขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง สุดท้าย โคโลสี 1:29 เปาโลกล่าวโดยพระวิญญาณว่า เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงทำงานหนักด้วยโดยต่อสู้ตามการกระทำของพระองค์ โดยต่อสู้ตามการกระทำกิจของพระองค์ ผู้ทรงกระทำกิจในตัวข้าพเจ้าอย่างทรงฤทธิ์

สรรเสริญพระเจ้าเป็นข้อพระคัมภีร์ที่มีชีวิตและฤทธิ์เดชมาก และเป็นคำตอบของชีวิตคริสเตียนทุกวันนี้ คือเราต่อสู้โดยการกระทำกิจของพระองค์ และเป็นการกระทำกิจของพระองค์อย่างทรงฤทธิ์ สรรเสริญพระเยซู เราไม่ต้องต่อสู้ แต่พระองค์เป็นคนต่อสู้ให้เรา เรายิ่งสนิทในพระองค์ บอกรักพระองค์ เดินในพระวิญญาณ อยู่ในพระคริสต์มากเท่าไหร่ เราก็เห็นการทำกิจของพระองค์มากเท่านั้นเหมือนเปาโล

สรุป.. เดินตามแบบอย่างของเปาโล 8 อย่าง:

1. ท่านยอมแพ้ต่อการเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาป (โรม 7:24)

** คืออะไร เปาโลรู้ดีว่า สองฝ่ายที่ต่อสู้กันไปมา คือเนื้อหนัง และพระวิญญาณ (พระคริสต์) ท่านไม่พยายามฝืนใจ บังคับตน ด้วยเรี่ยวแรงกำลังสติปัญญาของตนอีกต่อไป ความหมายก็คือเชื่อว่าสิ่งที่ทำได้แล้ว ก็คือพระคริสต์ทำแทน และสิ่งที่ยังทำไม่ได้ก็สารภาพบาป และไม่ใส่ใจมัน ไม่มองไปที่มัน แต่มองไปที่พระเยซู ปักใจที่สนิทบอกรักพระองค์ ท่านกินพระองค์ สนิทในพระองค์ นับ ท่อง จำ ว่าตายแล้วเป็นคนใหม่แล้ว ถวายตัวใหม่นี้แล้ว

** สรุป เดินตามแบบอย่างเปาโลข้อที่หนึ่ง..

- ไม่ต่อสู้ จำใจทำ

- สารภาพทันทีที่มีโอกาส // อย่าละเลย อย่าลืม สารภาพ และขอการชำระ เราทำบาปได้ และทำมาก ก็กล้าสารภาพได้ และสารภาพทุกครั้ง การชำระก็จะเกิดขึ้นภายในเรา (นี่คือการฝึกของเปาโล)

...

2. ท่านใส่ใจในเรื่องการวิ่งแข่งเพื่อเข้าอาณาจักร (1 คร 9:26-27)

** การแสวงหาอาณาจักร และความชอบธรรมของพระเจ้า คือหัวใจของเปาโล ท่านไม่ใส่ใจสิ่งอื่น

- ท่านยอมทนยากลำบากเรื่องปัญหา และมรสุมทุกประการเพื่อเข้าอาณาจักร (กจ 14:22)

(กจ 14:22 โดยกระทำจิตใจทั้งหลายของพวกสาวกให้มั่นคง และเตือนสติพวกเขาให้ดำรงอยู่ในความเชื่อนั้น และว่าพวกเราจะต้องเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าโดยผ่านความทุกข์ยากมากมาย)

- ท่านไปอยู่ที่ไหนก็พูดถึงเรื่องอาณาจักรตั้งแต่เช้าจนค่ำ ขณะที่ผู้อื่นสอนเรื่องต่าง ๆ (กจ 19:8 // กจ 28:23, 31)

** เปาโลยึดข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร และเน้นที่การฝึกเดินในพระวิญญาณเพื่อท่านจะไม่พลาดโอกาสเดียวในชีวิตของท่าน

...

- ฟป 1:21 เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้น การมีชีวิตอยู่ ก็คือพระคริสต์ (ก็คือไม่ใช่ข้าพเจ้า)

- คส 1:29 เพราะเหตุนั้นเองข้าพเจ้าจึงทำงานหนักด้วย โดยต่อสู้อยู่ตามการกระทำกิจของพระองค์ ผู้ทรงกระทำกิจอยู่ในตัวข้าพเจ้าอย่างทรงฤทธิ์ (great power)

- อฟ 3:7 ซึ่งข้าพเจ้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐนั้น ตามของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้า ซึ่งโปรดประทานแก่ข้าพเจ้าโดยการกระทำที่ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้แห่งฤทธิ์เดชของพระองค์

- อฟ 3:20 บัดนี้ แด่พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์สามารถกระทำอย่างบริบูรณ์มากยิ่งกว่าที่พวกเราจะทูลขอหรือคิดได้ ตามฤทธิ์เดชที่กระทำกิจอยู่ภายในพวกเรา

...

4. ท่านใส่ใจเรื่องการนับว่าตายแล้วทุกวัน (1 คร 15:31)

- โรม 6:11 พวกท่านจงนับว่า พวกท่านเองได้ตายต่อบาปอย่างแท้จริง แต่ดำรงชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา

- โรม 6:2 พวกเราที่ตายต่อบาปแล้ว จะดำรงชีวิตในบาปต่อไปอย่างไรได้

- โรม 6:3 พวกท่านไม่ทราบหรือว่า พวกเราหลายคนที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมาเข้าในความตายของพระองค์

- 6:4 เหตุฉะนั้น พวกเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินในชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น

- 6:5 เพราะว่าถ้าพวกเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในลักษณะที่เหมือนกับความตายของพระองค์ พวกเราก็จะเป็นขึ้นมาในลักษณะที่เหมือนกับการทรงเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ด้วย

- 6:6 โดยทราบสิ่งนี้แล้วว่า มนุษย์เก่าของพวกเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อร่างกายแห่งบาปนั้นจะถูกทำลายเสีย เพื่อต่อจากนี้ไปพวกเราจะไม่รับใช้บาป

- 6:7 เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็เป็นอิสระจากบาป

- 6:8 บัดนี้ ถ้าพวกเราตายแล้วกับพระคริสต์ พวกเราก็เชื่อว่าพวกเราจะดำรงชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย

- 1 คร 15:31 ข้าพเจ้าตายทุกวัน

- ลก 9:23 พระองค์ตรัสแก่พวกเขาทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดปรารถนาจะตามเรามา ให้ผู้นั้นปฏิเสธตัวเอง และรับกางเขนของตนทุกวัน และตามเรามา

- คส 3:3 เพราะว่าพวกท่านได้ตายแล้ว และชีวิตของพวกท่านถูกซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า

...

5. ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นคนใหม่ทุกวัน (อฟ 4:24)

- อฟ 4:24 และให้พวกท่านสวมมนุษย์ใหม่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง

- คส 3:10 และได้สวมมนุษย์ใหม่ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ในความรู้ ตามแบบพระฉายของพระองค์ ผู้ได้ทรงสร้างมนุษย์ใหม่นั้นขึ้น

- 2 คร 5:17 มองว่าเราใหม่ยังไม่พอ เรามองทุกคนในพระคริสต์ใหม่เหมือนกัน

- โรม 6:4 เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินในชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น

...

6. ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นทาสของพระเยซูทุกวัน (โรม 1:1)

** คำว่า รับใช้ ผู้รับใช้ ที่เปาโลใช้คือการรับใช้ในฐานะ ทาส

- โรม 1:1 เปาโล ผู้รับใช้/ทาส ของพระเยซูคริสต์

- โรม 7:6 แต่บัดนี้พวกเราได้รับการช่วยให้พ้นจากพระราชบัญญัติแล้ว โดยได้ตายต่อสิ่งที่พวกเราเคยถูกขังไว้ในนั้น เพื่อพวกเราจะได้รับใช้ในความใหม่แห่งวิญญาณ และไม่ใช่ในความเก่าแห่งตัวอักษร

...

7. ท่านใส่ใจเรื่องการมองทุกสิ่งใหม่หมดทุกวัน (2 คร 5:16-17)

- ในพระคริสต์ คือตำแหน่งที่พระเจ้าย้ายเราเข้ามาเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว และในพระคริสต์มีแต่สิ่งที่ได้ผ่านกางเขนและอุโมงค์ของพระเยซู เพราะฉะนั้น อย่ามอง อย่าหันไปสนใจเรื่องฝ่ายเนื้อหนัง ปัญหา และสิ่งที่เป็นด้านลบทั้งหลาย เพราะว่ามันคือเงาและสิ่งชั่วคราวสำหรับพระเจ้า ในพระคริสต์คือชีวิตและสันติสุขที่จะนำเราไปสู่อาณาจักรและมงกุฎที่ไม่รู้ร่วงโรยได้

- ให้เรามองว่า ยุคนี้เราทำนา ทำงานในสวนองุ่นของพระเจ้า คือประกาศรับใช้ ฝึกเดินในพระวิญญาณ

- ให้เรามองว่า ปัญหาคือสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เข้ามาเพื่อการฝึกเดินของเรา และเพื่อให้เราสนิทในพระองค์เพราะว่าพระองค์รักเราอยากอยู่ใกล้เรา และเราอยู่ใกล้พระองค์

...

8. ท่านใส่ใจเรื่องการสนิทในพระเยซูทุกวัน (1 ธส 5:17)

- การสนิท เป็นเรื่องของการรับชีวิตพระเจ้า เราไม่สนิทเราก็ไม่ได้รับชีวิตและเต็มล้นด้วยชีวิต และชีวิตเราก็จะเหี่ยวแห้งไป การสนิทเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ และสิ่งตอบแทนก็คือให้เราเกิดผลมาก เมื่อเราเกิดผลมากพระองค์ก็ได้เกียรติ บำเหน็จมากมายก็เป็นของเรา

- งานของคริสเตียนทุกวันนี้ไม่ใช่ไปต่อสู้กับเนื้อหนัง แต่ฝึกเดินในพระวิญญาณ ปักใจในพระวิญญาณ เดินในพระวิญญาณ กิน นอน ไป มา พูด คิด อธิษฐาน อ่าน นมัสการ รับใช้ ในพระวิญญาณ

** ยิ่งเปาโลฝึกมากเท่าไหร่ พระวิญญาณก็ทำกิจ และช่วยท่านให้เกิดผลมากเท่านั้น

** ถ้าหากเราเดินตามแบบอย่างเปาโล...ยิ่งเราฝึกเดินเหมือนท่านมากเท่าไหร่ พระวิญญาณก็ทำกิจ และช่วยเราให้เกิดผลมากเท่านั้น

** เปาโลไม่ท้อ ท่านรู้ดีว่าต้องใช้เวลา หน้าที่ท่าน คือฝึกเดิน อยู่ในสุขทุกเวลา

อีกครั้ง คส 1:29 เพราะเหตุนั้นเองข้าพเจ้าจึงทำงานหนักด้วย โดยต่อสู้อยู่ตามการกระทำกิจของพระองค์ ผู้ทรงกระทำกิจอยู่ในตัวข้าพเจ้าอย่างทรงฤทธิ์ (great power)

อ่านต่อ: