6:1 ฝ่ายบุตรจงเชื่อฟังบิดามารดาของตนในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเป็นการถูกต้อง
** ครอบครัวคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ พ่อแม่ดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างแก่ลูกๆ ทั้งหลายในแต่ละวัน และบุตรได้รับการสั่งสอนให้ฝึกเดินในความเชื่อ ตามวิถีทางของผู้ชนะที่รับมานาที่ซ่อนไว้ซึ่งเป็นพระคำล้ำลึกที่เปิดเผยให้ผู้ที่ถ่อมใจ
** ในองค์พระผู้เป็นเจ้า คือการเชื่อฟังที่พึ่งพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเขา เขาไม่อาจทำดีเชื่อฟังพระเจ้า และบิดามารดาเองได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเวลา พ่อแม่มีหน้าที่สอนแนะนำบุตรทั้งหลายเท่านั้น ส่วนเรื่องการเชื่อฟังนอบน้อมมากน้อยเท่าไหร่ อยู่ที่พระเจ้าจะช่วยเขาให้เติบโต พ่อแม่ต้องรักและอดทนนาน และให้โอกาสอย่างมากมายต่อบุตรทุกคน
** บิดามารดา ในที่นี้คือผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณที่ดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่คริสเตียนศาสนา ซึ่งรู้และเข้าใจพระคำล้ำลึกทั้งรู้จักรักลูกแบบ อากาเป และสำแดงชีวิตพระคริสต์ได้อย่างสม่ำเสมอ และเป็นที่รักเคารพของลูกๆ ทั้งหลาย
** เราทำหน้าที่ของเราเพื่อบำเหน็จและตามคำสั่งของพระบิดา แต่เราจะไม่คาดหวังว่าลูกจะดำเนินในวิญญาณและเดินในวิญญาณ พระบิดาอาจนำเขาเข้าสู่ชีวิตแบบศาสนาก่อนเพื่อจะรับการเปิดตาสู่มานา (พระคำที่เป็นอาหารผู้ใหญ่)
6:2 ‘จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า’ (นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วย)
6:3 ‘เพื่อเจ้าจะอยู่เย็นเป็นสุข และมีอายุยืนนานที่แผ่นดินโลก’
** พระบัญญัติมากมายหลายข้อที่มีพระสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนอย่างไร และนี่คือข้อแรกในพระคัมภีร์เดิม
- พระบัญญัติใหม่ของพระเยซูเน้นที่มัทธิวบทที่ 5-7 เป็นหลัก แต่มีอีกมากมายหลายข้อทั้งในพระคัมภีร์ใหม่และบางข้อในพระคัมภีร์เดิม
** หมายเหตุ : ในยุคพระคุณ พระบัญญัติเดิมถูกเรียกว่าใหม่แล้ว และพระบัญญัติของโมเสสถูกเรียกว่าของพระเยซูแล้ว เมื่อเปาโลหรือยอห์น อ้างถึงพระคัมภีร์เดิมไม่ได้หมายความว่าเรายังรักษาพระบัญญัติเดิม แต่เรารักษาพระบัญญัติใหม่ และของพระเยซู พระเจ้าทรงยกระดับมาตรฐานของพระบัญญัติเดิมให้สูงขึ้น และครบบริบูรณ์แล้ว
** ถ้าหากบุตรทั้งหลายเชื่อฟังบิดามารดา เขาจะอยู่ดี และมีอายุยืนยาวตามที่พระเจ้าทรงสัญญาแน่นอน
** เปาโลเอ่ยถึงพระบัญญัติเดิม แต่ข้อดังกล่าวกลายเป็นพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูแล้ว
** สำหรับพี่น้องที่ยังไม่เข้าใจเรื่อง พระบัญญัติเดิมและพระบัญญัติใหม่ ขอให้ค้นหาคำว่า พระบัญญัติในเว็ปไซต์ของเรานะครับ
** พระบิดาทรงตอบแทนผู้เชื่อไม่ใช่แต่เฉพาะตำแหน่งในอาณาจักรและแผ่นดินโลกใหม่เท่านั้น เมื่อผู้เชื่อดำเนินชีวิตรับใช้และนมัสการตามน้ำพระทัย พระองค์ก็ทรงประทานผลตอบแทนแก่เราด้วยตามการกระทำของเรา เราจึงไม่ได้รับแต่ปัญหาเข้ามาในชีวิตเท่านั้น
** ถึงแม้ว่าแผ่นดินโลกจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของซาตาน แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การดูแลของพระเจ้าอยู่เบื้องบน คนที่ไม่เชื่อเมื่อทำดี เขาก็ได้รับผลจากพระเจ้าในชีวิตนี้ (เท่านั้น)
6:4 ฝ่ายท่านผู้เป็นบิดา อย่ายั่วบุตรของตนให้เกิดโทสะ แต่จงอบรมบุตรด้วยการสั่งสอน และการตักเตือนตามหลักคำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
** หน้าที่ของพ่อแม่ที่มาสู่การเดินในพระวิญญาณ จะสอนและตักเตือนพระคำพระเจ้าตามที่เขาได้รับมาและฝึกเดิน เขาทำได้มากน้อยเท่าไหร่ เรามอบเขาไว้กับการเลี้ยงดู ดูแลของพระเจ้า ถ้าหากเขาจะตกจากพระคุณ เราก็อธิษฐานเผื่อเขา เพราะว่าผู้ชนะของพระเยซู คือทุกคนที่พระบิดาทรงเลือกเอาไว้แล้ว
- ตามหลักคำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือเราผู้เชื่อใช้หลักการการดำเนินชีวิต รับใช้ และนมัสการ ทั้งการจัดการกับชีวิตครอบครัวตามแบบที่พระเจ้าทรงวางรากเอาไว้ในพระคัมภีร์ เราจึงไม่ยึดหลักคำสอน ปรัชญา ศาสนาต่างๆ
6:5 ฝ่ายพวกทาสจงเชื่อฟังผู้ที่เป็นนายฝ่ายเนื้อหนังด้วยใจเกรงกลัวจนตัวสั่น ด้วยน้ำใสใจจริงเหมือนกระทำแก่พระคริสต์
** สมัยก่อนชาวยิว และชาวโรมันมีทาสรับใช้ เมื่อข่าวประเสริฐได้ประกาศไปทั่ว ผู้เชื่อจึงมีชนชั้นและฐานะที่แตกต่างกัน แต่ให้ทุกคนเป็นเหมือนเดิม แต่รักกันฉันพี่น้องในพระคริสต์อีกด้วยเพื่อเห็นแก่พระเยซู ยุคสมัยนี้ถ้าหากใครเป็นทาสหรือนายก็ควรที่จะรักกันฉันพี่น้องในพระคริสต์ ไม่ใช่ข่มเหง หรือมองคนที่เป็นลูกจ้าง หรือลูกน้องของเราต่ำอยู่เสมอ สรุปก็คือต่างก็มีความรักต่อกันและกัน
6:6 ไม่เหมือนอย่างคนที่ทำแต่ต่อหน้า อย่างคนที่ทำให้ชอบใจคน แต่จงทำเหมือนอย่างทาสของพระคริสต์ คือกระทำตามชอบพระทัยพระเจ้าด้วยความเต็มใจ
** เปาโลยอมเป็นทาสของพระคริสต์ ทาสแตกต่างจากคนใช้คือ ทาสถูกขายให้นายและตัวเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปไหน ทำอะไรได้ตามใจชอบอีกต่อไปแล้ว ชีวิตทั้งชีวิตขึ้นอยู่กับนายว่าจะใช้ให้เขาทำอะไร และจะขายให้ใคร
** เรารักพี่น้อง รักทาส หรือนายของเราด้วยจริงใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง อย่าเป็นเหมือนฟาริสีที่ทำดีแต่ต่อหน้า แต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงให้เราพบทางเดินที่ง่ายสบาย ภาระเบาแล้ว ฉะนั้นเราควรจะถอดหน้ากากที่เราเคยใส่มานาน
6:7 จงปรนนิบัตินายด้วยจิตใจชื่นบาน เหมือนกับปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ปรนนิบัติมนุษย์
** ทาสหรือคนใช้สมัยก่อนไม่มีอิสระ และถูกข่มเหงใช้งานอย่างหนัก พวกเขาจึงเกลียดชังนายของตน เมื่อเราเป็นบุตรพระเจ้า ทั้งนายและทาส หรือคนใช้ ก็สามารถที่จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และนายก็ไม่ข่มเหงกดขี่ทาส หรือคนที่อยู่ใต้อำนาจของตน ทาสก็รักนาย และรับใช้นายด้วยเต็มใจยินดี
6:8 เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าผู้ใดกระทำความดีประการใด ผู้นั้นก็จะได้รับบำเหน็จอย่างนั้นจากองค์พระผู้เป็นเจ้าอีก ไม่ว่าเขาจะเป็นทาสหรือเป็นไท
** เปาโลกล่าวถึง ทาส และนายที่เป็นคริสเตียน
** สมัยนี้บ้านเราไม่มีทาสแต่มีแม่บ้านหรือคนใช้หรือคนงานที่ทำงานให้นายจ้าง (ที่ไม่เชื่อ) เราจึงเชื่อฟังนายจ้าง เคารพรัก เพราะเราถือว่าพระเจ้าใช้เขาให้เป็นนายจ้างของเรา พระเจ้าทรงดูแลและปกป้องเราเสมอจากการถูกข่มเห็งทำร้าย ถ้าหากเราทำตามพระบัญญัติใหม่ข้อนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาสั่งให้เราทำผิดกฏหมายหรือกราบไหว้พระอื่นเราก็ทำ เรารับใช้นายฝ่ายเนื้อหนังแต่จะไม่กระทำผิดต่อนายฝ่ายวิญญาณของเราเป็นอันขาด
6:9 ฝ่ายนายจงกระทำต่อทาสในทำนองเดียวกัน คืออย่าขู่เข็ญเขา เพราะท่านก็รู้แล้วว่านายของท่านทรงประทับอยู่ในสวรรค์ และพระองค์ไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใดเลย
** เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงเป็นได้ทั้งเจ้านาย และทาสในเราผู้เชื่อทุกคน
- พระคริสต์เป็นนายที่น่ารักอยู่ภายในผู้เชื่อ ที่เป็นเจ้านายฝ่ายเนื้อหนัง
- พระคริสต์เป็นทาสที่น่ารักอยู่ภายในผู้เชื่อ ที่เป็นทาสฝ่ายเนื้อหนัง
- พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเจ้านายและทาส บำเหน็จอยู่ที่เจ้านายและทาส มีผลของพระคริสต์ได้มากน้อยเท่าไหร่
6:10 พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า สุดท้ายนี้ขอท่านจงเข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์
** เปาโลเตือนให้ผู้เชื่อเข้มแข็งในพระคริสต์ ก็คือการสนิทอยู่ในพระองค์ และเดินในฝ่ายวิญญาณปักใจในพระวิญญาณ
6:11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้
** เราพบว่าการต่อสู้กับมารซาตานที่นี่ ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์เดชแบบขับไล่ แต่ต่อสู้เพื่อรู้ทันกลอุบายล่อลวงของมารซาตาน ที่ทำสงครามเงียบภายในคริสตจักร ท่ามกลางผู้เชื่อทั้งหลาย
6:12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอบครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพ ในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
** มารซาตานและลูกน้องเดิมที ปกครองครอบครองอาณาจักรที่อยู่บนท้องฟ้า เมื่ออาดัมทำบาปมันจึงครอบครองโลกนี้ และยึดเป็นอาณาจักรของมัน
6:13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้นและเมื่อเสร็จแล้วจะยืนมั่นได้
** วันอันชั่วร้าย ก็คือตั้งแต่สมัยอัครสาวกจนถึงทุกวันนี้ ถ้าหากเรามีอาวุธครบชุด เราจะไม่หลงทาง ถูกล่อลวง โดยผู้เชื่อผู้นำผู้สอนที่ไม่ได้ถูกเปิดตา มาชักจูงเราไปเชื่อผิด ฝึกเดินผิด และรับใช้ผิดอีกต่อไป
6:14 เหตุฉะนั้นท่านจงยืนมั่น เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก
** "เอาความจริงคาดเอว" คืออยู่ในความจริงของพระเจ้า ไม่ใช่ความจริงในอาดัม หรือที่ตามองเห็น ความจริงของพระเจ้า คือเราเป็นคนชอบธรรมไม่ใช่คนบาป เราใหม่ไม่ใช่เก่า เราอยู่ในพระคริสต์ไม่ได้อยู่ในอาดัม เราชนะแล้วไม่ใช่ผู้แพ้ เรามีสันติสุขแล้วและไม่กระหายอีก เรามีพระวิญญาณสถิตในเราแล้ว เรามีพระคริสต์อยู่ในเราแล้ว และครอบครองจิตใจครบทุกห้องแล้ว เราเป็นพระกายเดียวและเป็นหนึ่งเดียว (ในพระคริสต์) แล้ว
** "เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก" คือเชื่ออย่างตายใจว่าเราเป็นคนชอบธรรมแล้วในพระคริสต์ คือเชื่อว่าเรามีเสื้อทั้งสองตัวแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะไม่เห็นจิตใจใหม่ก็ตาม แต่เราเชื่อเอาทุกวันเพื่อรอการทำงานของพระวิญญาณในเรามากขึ้นๆ อย่าให้ซาตานใช้ผู้เชื่อมาฟ้องเราว่าเราเป็นคนบาปหรือไม่ชนะ เพราะในพระคริสต์เราชอบธรรมและชนะแล้ว
6:15 และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า
** เรานำข่าวดีเรื่อง น้ำแห่งชีวิต ไปสู่คนที่ไม่เชื่อ และไปบอกต่อพี่น้องที่ไม่มีสุขทุกวันเวลา
6:16 และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของผู้ชั่วร้ายนั้นเสีย
** "เอาความเชื่อเป็นโล่" คือเชื่อเอา อย่าเดินด้วยสายตาอารมณ์และความรู้สึก แต่เชื่อเอาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เห็น ถ้าหากเราเชื่อพระวิญญาณก็นำสิ่งที่เราเชื่อในพระคำพระเจ้ามาสู่เรา
- เราเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ (เอา) และจบลงก็ด้วยเชื่อ (เอา) ไม่มีการกระทำเพื่อรับทุกสิ่งที่พระเจ้าสัญญาจะประทานให้ อย่างเช่น การได้รับการอภัยบาป การได้บังเกิดใหม่ การได้กลายเป็นคนชอบธรรม การได้รับพระวิญญาณ การได้กลายเป็นผู้ชนะ ฯลฯ
- ผู้ชอบธรรมเดินด้วยการเชื่อเอา (โรม 1:17)
- จงเดินด้วยการเชื่อเอา อย่าเดินด้วยสายตา (2 คร 5:7)
** "ดับลูกศรเพลิงของผู้ชั่วร้ายนั้นเสีย" คือเราไม่หลงเชื่อการล่อลวงของมาร โดยใช้พี่น้องผู้เชื่อมาบอกเราว่า ต้องกระทำโน่นนี่นั่น ต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องถวายสิบลด ต้องเชื่อฟังไม่อย่างนั้นจะไม่รอด และไม่ได้รับพระพร ฯลฯ
6:17 จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือพระวจนะของพระเจ้า
** "เอาความรอดเป็นหมวกเหล็ก" คือเราเชื่อว่าเรารอดแล้วรอดเลย และจะไม่สูญเสียความรอดอีกเลย และเรารอดก็รอดโดยพระคุณทางความเชื่อ อย่าให้ใครมาทำให้เราหลุดออกจากความเชื่อนี้เป็นอันขาด เพราะเราจะหลุดจากพระคุณของพระเจ้า เหล่านี้คือพระคำที่เป็นพระแสงของพระวิญญาณ เพื่อต่อสู้กับความไม่จริงของมารซาตาน ที่กำลังแพร่ในท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลายของพระเจ้า
6:18 จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่างและจงขอในวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อวิสุทธิชนทุกคน
** ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะดีหรือร้าย เราขอในพระวิญญาณ คือขอให้น้ำพระทัยของพระบิดาสำเร็จ (อย่าให้เป็นตามใจเรา ซึ่งเรียกว่าขอในเนื้อหนัง)
** จงระมัดระวังด้วยความเพียรทุกอย่าง คือเฝ้าระวังอยู่ และพูดคุยสนทนา (สนิท) ในพระคริสต์อยู่เสมอ และอธิษฐานเผื่อพี่น้องผู้เชื่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องที่รับการเปิดตาแล้ว หรือยังไม่ถูกเปิดตา เราก็ไม่ลืมพวกเขา
6:19 และอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อจะทรงประทานให้ข้าพเจ้ามีคำพูด และเกิดใจกล้าประกาศถึงข้อลึกลับแห่งข่าวประเสริฐได้
** การประกาศถึงข้อลึกลับแห่งข่าวประเสริฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาณาจักร หรือรอดโดยพระคุณทางความเชื่อ หรือเราตายจากพระบัญญัติแล้ว ทั้งเรื่องพระคริสต์ในเราและอีกมากมาย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าผู้เชื่อส่วนใหญ่ไม่รับสิ่งที่เปาโลนำมาบอกกล่าวต่อคริสตจักรทั้งหลายในสมัยนั้น
** การประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ เรื่องความรอด เป็นเรื่องธรรมดา คือนำมนุษย์มาถึงพระเจ้า
** แต่การประกาศข้อลึกลับ คือเรื่องอาณาจักร เรื่องพระคริสต์อยู่ในเรา เรื่องรอดโดยพระคุณทางความเชื่อเท่านั้น เรื่องคริสตจักรคือพระกายวิญญาณ เรื่องความจริงของพระเจ้า คือเชื่อเอาไม่ใช่การพึ่งการกระทำดีของเรา มาเพิ่มเสริมเติมเพื่อให้พระโลหิตของพระเยซูไถ่เราได้ และอีกหลายเรื่อง เป็นเรื่องยาก คือนำพระเจ้าเข้ามาอยู่ในมนุษย์
6:20 เพราะข่าวประเสริฐนี้เองทำให้ข้าพเจ้าเป็นทูตผู้ต้องติดโซ่อยู่ เพื่อข้าพเจ้าจะเล่าข่าวประเสริฐด้วยใจกล้าตามที่ข้าพเจ้าควรจะกล่าว
** การประกาศข้อลึกลับ เราผู้ประกาศต้องเป็นเหมือนเปาโลไม่มากก็น้อย คือการข่มเหงการกล่าวหาว่าร้ายสารพัด อย่าคิดว่าทุกสิ่งจะราบรื่นเหมือนดั่งที่เราเคยคิด แต่เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เรามีสุขทุกวันเวลา และอยู่ในกระบวนการการก่อขึ้น เพื่อจะเดินในชีวิตพระคริสต์ที่ครบบริบูรณ์วันต่อวันได้
6:21 แต่เพื่อให้ท่านได้รู้เหตุการณ์ทั้งปวงของข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างไร ทีคิกัส ซึ่งเป็นน้องที่รัก และเป็นผู้รับใช้อันสัตย์ซื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้บอกท่านให้ทราบถึงเหตุการณ์ทั้งปวง
6:22 ข้าพเจ้าให้ผู้นี้ไปหาท่าน ก็เพราะเหตุนี้เอง คือให้ท่านได้ทราบถึงเหตุการณ์ทั้งปวงของเรา และเพื่อให้เขาหนุนน้ำใจของท่าน
6:23 ขอให้พวกพี่น้องได้รับสันติสุข และความรักโดยความเชื่อมาจากพระเจ้าพระบิดาและจากพระเยซูคริสต์เจ้า
** คือขอให้พี่น้องได้รู้เถิดว่าความสงบสุข (peace) อยู่กับพวกท่านแล้ว จงค้นหาความจริงเพื่อท่านจะสัมผัสความสุขสงบในพระเจ้านี้
6:24 ขอพระคุณดำรงอยู่กับบรรดาคนที่รักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราด้วยความจริงใจ เอเมน [เขียนถึงชาวเอเฟซัสจากกรุงโรม และส่งโดยทีคิกัส]
** พระคุณ คือการกระทำของพระเยซูในเรา เปาโลขอให้ผู้เชื่อจำเริญขึ้นในการกระทำแทน หรือการกระทำกิจในผู้เชื่อให้มากขึ้นในแต่ละวัน
คำอธิบายเพิ่มเติม…
** การทำงานของมารซาตาน แนบเนียนกว่าที่ท่านคาดคิดซะอีก **
- ทุกวันนี้ เรามักคิดว่า มารซาตานทำงานเพื่อล่อลวงคริสเตียนให้ทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ... แต่สิ่งที่เราไม่คาดคิด ก็กำลังเกิดขึ้นและเป็นไปภายใน คริสตจักร ชีวิตคริสเตียน และครอบครัวของคริสเตียน แบบเงียบๆ มารเริ่มทำงานตั้งแต่ พระเยซูเริ่มออกไปหว่านเมล็ดพืชแห่งราชอาณาจักร....
- งานชิ้นแรกของมารซาตาน คือมาขโมยเอาเมล็ดพืชแห่งราชอาณาจักรนั้นไปจากเราผู้เชื่อทั้งหลาย (มธ 13:4) ทุกวันนี้เราจึงแสวงหาสวรรค์ และไม่รู้ว่าราชอาณาจักรแท้ที่จริงนั้นคืออะไร (มธ 13:11, 17, 19, 34)
- งานชิ้นต่อมา คือเอาข้าวละมาน (คริสเตียนปลอม ที่ไม่ได้บังเกิดใหม่) เข้ามาปะปนกับข้าวสาลี (คริสเตียนแท้) (มธ 13:24-30)
- จากนั้นมันก็เข้ามาในคริสตจักร แบ่งแยกแตกกิ่งก้านสาขาคริสตจักรออกเป็นหลายคณะนิกาย ไม่ให้เราเป็นหนึ่งเดียวในพระกาย เพราะเราขาดความรักแท้ และทนอยู่ร่วมกันไม่ได้ มารจึงฉวยโอกาสครอบครองคริสตจักรแบบไม่มีใครรู้ และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ (มธ 13:31-32 / วว 2:13-14)
- จากนั้นมารก็ฉวยโอกาสทำให้ผู้เทศนา ผู้สอน ผู้แบ่งปันพระคำพระเจ้าได้เข้าใจความหมายพระวจนะผิดๆ จึงเกิดมีการแปลผิดอย่างมากมาย กลายเป็นเชื้อยีสต์เต็มทั่วคริสตจักรเพื่อไม่ให้ผู้เชื่อเติบโตสู่พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ (มธ 13:33 / ยน 17:17; 8:32 / โรม 12:2)
- ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าก็ไม่ท้อแท้ในการที่จะเข้ามาช่วยคริสตจักรของพระองค์ บรรดาผู้ที่ถ่อมใจแท้ และแสวงหาชีวิตในพระวิญญาณก็มีโอกาสได้พบพระคุณพระเจ้า แต่คนที่ไม่ถ่อมก็จะคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คริสตจักรฉันก็ปกติดี พระเจ้าก็ทำงานอยู่นะ ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ สามวันดีสี่วันบาป สามวันสุขสี่วันทุกข์ ไม่เป็นไรหรอก รอไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จะดีเอง (ฮบ 13:5)
'สงครามระหว่างพระเจ้ากับมารซาตาน เป็นไปอย่างเงียบๆ แต่ทุกวันนี้จะมีสักคนที่รู้ทัน'
- ขอพระเจ้าช่วยเรา เพื่อการจำเริญขึ้นในพระคุณจะมาถึงเรา ผู้ถ่อมใจ (มธ 13:11)
ยุทธภัณฑ์ของคริสเตียน