ถาม:
อยากไปร่วมกับพี่น้องที่ยังไม่พบมานาอยากช่วยเขาค่ะ
ตอบ:
1.ถ้าหากเราไปร่วมกับคริสเตียนที่ยังไม่พบมานา เพื่อช่วยเหลือพวกเขา เรานมัสการในวิญญาณและในความจริง เราเป็นตัวใหม่เราอธิษฐานเผื่อ
เพราะว่าพระเจ้าให้เราแบ่งปันมานากับใครเราก็ช่วยเหลือคนนั้นเราไม่สามารถช่วยทุกคนได้และไม่สามารถ ลุกขึ้นและประกาศมานาในคริสจักรศาสนาได้ เราไปและทำตามสิ่งที่ถูกต้องที่ได้เรียนรู้จักมานาแล้ว และเราไม่อาจไปร่วมทุกสัปดาห์ได้ครับ
2.ด้วยความรักที่พระเจ้ามีต่อเราโดยพระคุณที่พระเจ้าทำในเรา และเพื่อเห็นแก่เรา พระเจ้าอาจตอบคำอธิษฐาน ของเราก็เป็นไปได้ครับ อย่าลืมนะครับว่า พระเจ้ารักผู้เชื่อในพระองค์ และยังช่วยเหลือผู้ที่อยู่รอบข้าง อย่างเช่นพ่อแม่เพื่อนญาติมิตรสหาย เราไปอยู่ที่ไหนที่นั่นมีพระพร
และเราอาจเป็นเหตุให้พระเจ้านำสิ่งดี สู่บริเวณนั้นก็เป็นได้ ยกเว้นแต่เฉพาะพวกที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรา พระเจ้าก็จัดการกับพวกเขา
ถาม:
ทำไมคริสเตียนวิญญาณ ไม่ควรพูดว่า เดี๋ยวคนคนนั้นต้องไปรับกับพระเจ้าเอง ในกรณีที่มีคนทำไม่ดี ทำผิดหรือทำให้เราไม่พอใจ
ตอบ:
คำพูดในลักษณะนั้นเป็นคำพูดที่ลบครับ ผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณเป็นคนที่น่ารักพูดดี อ่อมน้อมถ่อมตน พูดแต่สิ่งที่ทำให้คนอื่นถูกก่อสร้างเสริมสร้างอยู่เสมอ
ใครจะดีจะชั่ว ใครจะทำอะไร อยู่ที่พระหัตถ์ของพระบิดา หน้าที่ของเราคือรัก เราผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณคือนักรัก
ถาม:
พระคัมภีร์บทไหนข้อไหนที่พูดถึงเชื่อแล้ว จะมีชีวิตที่ครบ คือแบบที่ 1
และบทไหนข้อไหนที่กล่าวถึง ต้องเชื่อฟังแล้วจะได้ชีวิต นั่นคือแบบที่ 2
ตอบ:
เราจำกันได้นะครับว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่สาวกถามพระเยซูว่า ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้ พระเยซูตรัสตอบว่า สำหรับมนุษย์ เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้า ทุกอย่างก็เป็นไปได้ นี่คือ การได้รับ ชีวิตที่ครบแบบที่ 2 ครับ
ถาม:
คำว่า "ผู้ชนะ" บางคนที่เป็นผู้ชนะแบบพิเศษเรารู้ได้ยังไงว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้ชนะแบบกรณีพิเศษ
ตอบ:
เขาจะเจอมรสุมทุกรูปแบบ แล้วเจอบ่อยมาก ตอนแรกเขาอาจจะบ่นเบื่อ แต่ไม่นานต่อมา จิตเริ่มเข้มแข็ง เริ่มเข้าใจ
เริ่มถูกเปิดตาว่าพระเจ้า ให้สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่าทรงเลือกเขาให้เป็นผู้ชนะแบบพิเศษครับ
ถาม:
เขาจะได้บำเหน็จเยอะกว่าผู้ชนะแบบปกติใช่ไหมค่ะ
ตอบ:
แน่นอน
ถาม:
ถ้าเรายังไม่เจอแบบขนาดนี้ แสดงว่าเราเป็นผู้ชนะแบบปกติใช่ไหม
ตอบ:
ใช่ครับ
ถาม:
ขออาจารย์เจ สอนเรื่องการแบ่งปันพระคำการเทศนาในที่ประชุมครับ
ตอบ:
เรื่องการเทศนาหรือแบ่งปันหรือเรียกเรียกว่า เผยพระวจนะ พระเจ้าให้เรามีโอกาส พูดได้ แต่เราต้องตระหนัก ว่าสิ่งที่เราพูดว่าจะเสริมสร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณของผู้อื่นได้หรือไม่ จะหนุนใจให้กำลังใจ ให้ความหวัง และตักเตือนให้กลับใจหรือไม่ ถ้าหากเราไม่ใช่พูดหลักโดยปกติเราใช้เวลา 5-7 นาที คือเวลาที่พอเหมาะสม
ใครพูดได้ดีพี่น้องจะเสนอให้พูดต่อเอง ทำให้พี่น้องอึดอัด เราก็พอรู้ตัว และปรับปรุงแก้ไข หรือพูดให้น้อย คือไม่เกิน 5 นาทีครับ
ของประทานแห่งการเผยพระวจนะ พระเจ้าให้ผู้เชื่อส่วนมากในคริสตจักรครับ
เนื่องจากว่าการเผยพระวจนะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในท่ามกลางของประทานทั้งหลาย
เปาโลเรียงลำดับ ของปัญหาที่สำคัญที่สุด และลำดับที่ 1 ก็คือการเผยพระวจนะในพระคัมภีร์หลายตอนครับ
คนพูดหลัก อาจใช้เวลา 20 25 หรือ 25 นาที ตามที่คริสตจักรได้ตกลงกันแล้ว
ถาม:
คนพูดหลัก ควรเป็นผู้ชายใช่ไหมคะ
ตอบ:
ใช่ครับ แต่ถ้าผู้หญิง พูดได้ดีพระเจ้าใช้ก็พูดหลักได้ แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้นำ ผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาล (ศบ) แต่ทำในฐานะพี่น้องหญิงที่ถ่อมตน
ถาม:
ผู้นำผู้ปกครองและ ศบ. ต้องทำหน้าที่อะไรในคริสตจักรบ้างค่ะ
ตอบ:
ช่วยกันดูแลฝ่ายวิญญาณ
เผยพระวจนะ
สอนพระคัมภีร์
แนะนำหนุนใจในเรื่องการดำเนินชีวิต และรับใช้
4. ตักเตือนเมื่อพี่น้องทำผิด และแก้ปัญหา ระหว่างภายในพี่น้องในคริสตจักร
ถ้าหากพี่น้องส่วนมากไม่พร้อม เราก็อธิษฐานและรอไปก่อนครับเราไม่อยากให้พี่น้องทำด้วยฝืนใจ
เมื่อ ทุกคนถูกเปิดตาเรื่อง ความสำคัญของพระกาย ว่าพระเยซูต้องการมีพระกาย และรักพระกาย และเทพระพรลงมาที่พระกายมากกว่า เขาก็จะเริ่มกระตือรือร้น และพร้อมที่จะมาครับ
ทุกวันนี้พี่น้องมานา ยังถูกเปิดตาเรื่องของพระกายไม่มากพอ เราควรศึกษาเรียนรู้ เอเฟซัส และ1-2 โครินธ์นะครับ
ถาม:
แล้วกรณี ที่เราอยากไปร่วมพระกาย เราติดงานวันอาทิตย์ ในอนาคตพระเจ้าช่วยเรา ให้มาร่วมกับพี่น้องได้ไหม
ตอบ:
เราขอพระบิดาเปิดหนทางให้เรา ครับไม่นานเกินรอ อธิษฐานคือกุญแจครับ ขอบคุณพระเยซู ที่เราสร้างกลุ่มคริสตจักร เชื่อว่านี่คือการเริ่มต้นที่ดีครับ
อ่านเรื่อง: ไปโบสถ์ไหน?