บางคนมีผลงานยิ่งใหญ่ บางคนประกาศจัดงานฟื้นฟูแล้วมีคนมาเชื่อเต็มเลย
ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นจะเป็น อัครสาวก คือ อัครสาวกทำได้แบบนั้นแต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นทุกคน อัครสาวกมีจิตใจใหม่แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนเป็นอัครสาวก ทุกคนที่มีจิตใจใหม่ไม่ได้หมายความว่าสุกงอมแล้วเป็นอัครสาวกไม่ใช่ คือ พระเจ้าเลือกบางคนให้เป็นอัครสาวก ทุกวันนี้มีเป็นไปได้เพราะมันเป็นของประทาน (อฟ 4:11)
---
ถาม.
ฉะนั้นหัวใจอันสำคัญของสาวกแท้ๆผู้ที่ติดตามพระเยซูคืออะไร
ตอบ.
หัวใจอันสำคัญของสาวกที่ติดตามพระเยซู ก็คือ สนิท บอกรัก พูดคุย รักพระเยซูมาก พูดง่ายๆ คือใกล้ชิด พระเยซูบอกว่าโมเสส ผู้เผยพระวจนะในสมัยก่อนๆ ก็ยังเล็กกว่า ผู้เล็กน้อยที่อยู่ในอาณาจักรสวรรค์ ( มธ 11:11 )
ผู้เล็กน้อยอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ คือ คริสเตียน คือพวกเราที่พบมานาที่ซ่อนไว้ ที่เราเป็นผู้ร่วมงานของพระเยซู เรายังยิ่งใหญ่กว่าโมเสส เรายังยิ่งใหญ่กว่าโนอาห์ ยิ่งใหญ่กว่าอับราฮัม พระเยซูตรัสเอง
ถามว่าทำไมโมเสสไม่มีโอกาสได้เป็นใหญ่กว่าพวกเรา พวกเราทำไมยิ่งใหญ่กว่าอับราฮัม ยิ่งใหญ่กว่าโมเสสทำไม เพราะว่าในเรามีพระเยซู มีพระบิดา มีพระวิญญาณ ถามว่าโมเสสมีพระเจ้าสถิตอยู่ทุกวันไหม อับราฮัมมีพระคริสต์สถิตอยู่ทุกเวลาไหม ไม่น๋ะนานๆ ที่หนึ่ง พระเจ้าจะเข้ามาสถิตอยู่ในเขาเหล่านั้น แต่พวกเรามีพระคริสต์มีพระเจ้าพระบิดาพระบุตร มีพระวิญญาณอยู่ในเราทุกๆ วัน (ยน 14:16-17,20 / คส 1:27 )
เพราะฉะนั้นเราจึงมีโอกาสที่จะใกล้ชิดพระเยซูใกล้ชิดพระเจ้าทั้งสามพระภาคมากกว่าผู้เผยพระวจนะในสมัยก่อน
---
ถาม.
เพราะเหตุใดโมเสสพระเจ้ามาสถิตอยู่กับเขาเป็นบางครั้ง
ตอบ.
พระเจ้าอยู่กับเขาเป็นบางครั้งเพราะว่าเขาเป็นคนบาป เขาเป็นคนบาปเขาไม่เคยบังเกิดใหม่ เขาไม่เคยรักพระเยซูตอนนั้นพระเยซูยังไม่ได้มาเพื่อตายไถ่บาป พระโลหิตยังไม่ได้ตั้งไว้เพื่อการไถ่บาปชั่วนิรันดร์และพระคริสต์ไม่ได้สัญญาว่าจะเข้ามาอยู่ในเขา คือ ตอนนั้น โมเสส อับราฮัม ดาเนียล โนอาห์ หลายคนสมัยก่อน ตอนนั้นเขายังไม่ได้บังเกิดใหม่และเขายังไม่ได้มีวิญญาณใหม่ วิญญาณเข้าตายอยู่ฉะนั้นพระเจ้าเข้าสถิตอยู่กับเขาทุกวันทุกเวลาไม่ได้
แต่ทุกวันนี้ เรามีโอกาสได้ใกล้พระบิดาได้ใกล้พระเยซูได้ใกล้พระวิญญาณ เพราะว่าเรามีวิญญาณใหม่ที่บังเกิดใหม่แล้ว แล้ววิญญาณเราทุกวันนี้เป็นวิหาร ( 1 คร 6:19-20 ) พระเจ้าย้ายเข้ามาอยู่ข้างในเป็นบ้านของพระเจ้า พระเจ้าอยู่กับเราทุกวันทุกเวลาทุกนาที เพราะฉะนั้นเราจึงเป็นใหญ่กว่าพวกเหล่านั้นที่อยู่ในสมัยก่อนที่พระเยซูมา
---
ถาม.
ตรงนี้มันจะสอดคล้องกันกับผู้ต้นจะกลายเป็นผู้ปลายผู้ปลายจะกลายเป็นคนต้นไหม
ตอบ.
ไม่ใช่ครับ สำหรับเรื่องคำว่าคนต้นจะเป็นคนปลาย คนปลายสุดท้ายก็จะเป็นคนต้น คือการให้รางวัลของพระเยซูไม่เกี่ยวกับเรื่องผู้ต้นคนต้นก็คือสมัยก่อนก่อนไม่ใช่คนต้นจะเป็นคนปลาย คนปลายจะเป็นคนต้น คนต้นนับจากใครนับจากอัครสาวก 12 คน อัครสาวก 12 คนเรียกว่าคนต้น คนต้นก็คือเขารับเชื่อเป็นพวกแรก เขาติดตามพระเยซูเป็นพวกแรกเป็นคนงานพวกแรกที่ทำงานให้พระเยซู พวกนี้พระเยซูจะให้รางวัลตอนสุดท้ายจะเก็บเขาไว้ให้รางวัลตอนท้ายสุด แล้วคนที่ได้รับรางวัลก่อนก็คือคนที่ตายในช่วงยุค 7 ปี พวกตายในยุค 7 ปี ทำงานเพื่อพระเจ้าในช่วง 7 ปี พวกนี้จะได้มารับรางวัลก่อนเพื่อน คือ พระเจ้ากฎของพระเจ้าหลักการของพระเจ้ามันไม่เหมือนของมนุษย์ ไม่เหมือนของมนุษย์ กฎของพระเจ้าไม่เหมือนกฏมนุษย์
กฏมนุษย์ใครเข้าแถวหน้าใครมาก่อนได้ก่อนใช่ไหม ถ้าคุณไปตลาดเขาบอกว่าเข้าแถว คือไปซื้อของแล้วเข้าแถวเพื่อจ่ายเงินในแคชเชียร์ คนมาก่อนเข้าแถวก่อนก็ต้องได้ก่อน แต่สำหรับพระเจ้าแปลก สำหรับพระเจ้าก็คือ คนที่ทำงานก่อน คืออัครสาวก 12 คนทำงานให้พระเยซู พวกนี้ได้รับรางวัลได้บำเหน็จมารับค่าจ้างตอนสุดท้าย แต่ตอนพวกที่เกิดในช่วงยุค 7 ปี รับใช้พระเจ้าทำงานให้พระเจ้าพวกนี้พระเยซูมาปุ๊บจะเรียกพวกนี้ให้มารับรางวัลก่อน ถามว่าต่างกันไหมก็ไม่ได้ต่างกันหรอก ก็แค่แผนการ คือ ประการของพระเจ้าแตกต่างจากหลักการของมนุษย์แค่นั้นเอง
---
สรุป พวกเราทุกวันนี้สามารถเป็นอัครสาวกได้ แต่เราเลือกเองไม่ได้ พระเจ้าจะให้เป็นของประทาน ถ้าใครมีของประทานเป็นอัครสาวก ก็คือ คนนั้นสามารถนำคนมาเป็นร้อยเป็นพันได้หรือคนนั้นจะทำงานยิ่งใหญ่ได้ ถามว่าผมเป็นอัครสาวกไหม อันนี้ผมไม่ตอบนะครับ พวกเราคิดเอาเองเป็นหรือไม่เป็นผมไม่รู้แล้วก็ไม่ตอบน่ะครับ คือ ถ้าว่าเปิดตาให้พี่น้องชาวไทยชาวลาวได้มากขนาดนี้ ก็ไม่รู้อันนี้เราคิดเอาเอง แล้วผมถ้าเป็นก็ขอบคุณพระเจ้าถ้าไม่เป็นก็เอเมน สำหรับผมถือว่าธรรมดาพระเจ้าใช้ให้ทำแบบนี้ก็ทำไป
---
ถาม.
คริสเตียนทุกๆคนหลังจากที่ได้ติดตามพระเยซูแล้วได้เป็นสาวกแต่ถ้าหากว่าวันใดวันหนึ่งเขาทิ้งทางของพระเจ้าไป เราจะเรียกคนนั้นว่าเป็นสาวกได้ไหม
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนทุกคนที่เชื่อพระเยซู แล้วก็ติดตามพระเยซูเรียกว่าสาวก แล้วคนไหนที่อยู่ดีๆเป็นคริสเตียนแล้วเลิกเป็น ไม่ติดตามอีกแสดงว่าคนนั้นเป็นคริสเตียนปลอม ไม่ใช่ของแท้ คือ มาเชื่อชั่วคราวแล้วก็จากไป ถ้ามาอีกกับใจมาอีกแสดงว่าคนนั้นเป็นของแท้
เราดูกันที่วันสุดท้ายเราอย่าพึ่งมองว่าคนนี้มาเชื่อแล้วอยุ่ดีๆ ก็หายไปไม่เชื่อแล้วเขาประกาศว่าตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่เชื่อแล้ว เราอย่าพึ่งสรุปนะ ว่าคนนี้จะเป็นของปลอม บางครั้งเขาอาจจะไปเพราะว่าเขาเสียใจ บางครั้งเขาท้อเขาเบื่อเขาเห็นคริสเตียน เขาเบื่อหน่ายคือเขาเสียใจกับชีวิต เขาสิ้นหวังเขาก็หนีไป แล้วเขาก็ไม่รับพระเยซู แล้วต่อมาอีกไม่นานเขาก็กลับมาแสดงว่าคนนั้นเป็นของแท้ที่หนีไปชั่วคราว เราต้องดูตอนวันสุดท้ายว่าใครเป็นของแท้ของปลอม