6:1 จงระวังให้ดี ท่านอย่าทำทานต่อหน้าคนอื่นเพื่อจะให้เขาเห็น ถ้าทำอย่างนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์
6:2 เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทำทาน อย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนคนหน้าซื่อใจคดกระทำในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อให้คนสรรเสริญ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
** การให้ของคริสเตียน เราทำทุกสิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครรู้ การทำทาน การช่วยเหลือ การใช้จ่ายทรัพย์สินของเราเพื่อคนยากจนขัดสน เราทำในที่ลับลี้ เพื่อพระเจ้าที่สถิตอยู่ในที่ลี้ลับจะประทานบำเหน็จให้เราในที่เปิดเผย
- ในที่เปิดเผย ในที่นี้ คือเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา และพระองค์จะประทานบำเหน็จให้เราอยู่ต่อหน้าทุกคนในวันพิพากษาครั้งแรก คือพิพากษาคริสเตียน ก่อนที่จะเข้าในอาณาจักร
- อย่าเป่าแตร ก็คือ อย่าทำทุกสิ่ง อย่าทำอะไรให้ใครรู้เป็นอันขาด ว่าเราช่วยเหลือใคร ใช้เงินหรือทรัพย์สินของเราให้ใคร "เป่าแตร" ก็คือ การพูด การบอกคนนั้นคนนี้ หรือว่าแสดงตัวให้ผู้อื่นเห็นว่าเรากำลังทำดีต่อผู้อื่นอยู่
- เหมือนคนหน้าซื่อใจคด ก็คือ การแสดงละคร การสวมหน้ากาก ใส่หน้ากาก ทำตัวเป็นคนเข้มแข็ง แต่แท้ที่จริงเราไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งอย่างนั้น (เป็นคริสเตียนที่ใส่หน้ากาก)
- และในธรรมศาลา หมายถึง คริสตจักร (เปรียบเสมือนคริสตจักร)
- และตามถนน ก็คือ นอกคริสตจักร
- เพื่อให้คนสรรเสริญ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ก็คือ เมื่อเรากระทำทุกสิ่งการช่วยเหลือการใช้จ่ายทรัพย์สิน การกระทำของเราให้คนอื่นได้รู้ เราเป่าแตรให้คนอื่นรู้ เมื่อคนอื่นรู้ แม้แต่พี่น้องคริสตจักร หรือคนข้างนอก "การยกย่อง คำชม" ของผู้อื่น ก็คือบำเหน็จของเรา เราได้บำเหน็จครบแล้ว พระเจ้าจะไม่มีบำเหน็จให้เรา
6:3 ฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำนั้น
** มือขวาก็คือเรา มือซ้ายก็คือพี่น้องคริสเตียน เราเป็นอวัยวะ พระเยซูคือพระเศียร (ศีรษะ) เราคือพระกายของพระเยซู บางคนเป็นมือซ้าย บางคนเป็นมือขวา พระเยซูตรัสถึงมือขวาก็คือเราทำการดี การช่วยเหลือผู้อื่นอย่าให้พี่น้องคริสเตียนของเรารู้ ว่าเรากำลังทำอะไร
6:4 เพื่อทานของท่านจะเป็นการลับ และพระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับ พระองค์เองจะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่านโดยเปิดเผย
** บำเหน็จในที่เปิดเผย ก็คือเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา และพระองค์จะประทานบำเหน็จให้เราอยู่ต่อหน้าทุกคนในวันพิพากษาครั้งแรก คือพิพากษาคริสเตียน ก่อนที่จะเข้าในอาณาจักร
สรุป เพราะฉะนั้น การทำดีการช่วยเหลือผู้อื่น เราจะไม่ขาดรางวัล ถ้าหากเรากระทำทุกสิ่งไม่ให้คนอื่นรู้ ไม่ให้พี่น้องคริสตจักรรู้ ไม่ให้คนอยู่ข้างนอกรู้ คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการให้ของเรา และเราไม่ต้องบอกใบ้ให้คนอื่นรู้ว่าเรากำลังทำอะไร หรือพยายามทำให้เขารู้ อาจจะไม่พูดบอกแต่ทำในลักษณะบอกใบ้
6:5 เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนคนหน้าซื่อใจคด เพราะเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและที่มุมถนน เพื่อจะให้คนทั้งปวงได้เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
6:6 ฝ่ายท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับจะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่านโดยเปิดเผย
6:7 แต่เมื่อท่านอธิษฐาน อย่าใช้คำซ้ำซากไร้ประโยชน์เหมือนคนต่างชาติ เพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะทรงโปรดฟัง
บทความเพิ่มเติม : การกระทำสามสิ่งเพื่อบำเหน็จในที่เปิดเผย (มธ 6:2-4 การให้และการทำทาน)
6:8 ท่านอย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะว่าสิ่งไรซึ่งท่านต้องการ พระบิดาของท่านทรงทราบก่อนที่ท่านทูลขอแล้ว
6:9 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
6:10 ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ในสวรรค์เป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
6:11 ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้
6:12 และขอทรงโปรดยกหนี้ของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกหนี้ผู้ที่เป็นหนี้ข้าพระองค์นั้น
6:13 และขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากความชั่วร้าย เหตุว่าอาณาจักร และฤทธิ์เดชและสง่าราศีเป็นของพระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ เอเมน
6:14 เพราะว่าถ้าท่านยกการละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงโปรดยกโทษให้ท่านด้วย
6:15 แต่ถ้าท่านไม่ยกการละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านจะไม่ทรงโปรดยกการละเมิดของท่านเหมือนกัน
** เมื่อเรา อธิษฐาน อย่าให้ใครรู้ อย่า อธิษฐาน ในเฟสแต่ทำเป็นการลับ
ไม่เน้นขอ แต่ขอบพระคุณ เพราะว่าทรงจัดเตรียมให้เราแล้ว เราเกิดมาเพื่อ ยกย่องสรรเสริญ ขอบพระคุณ เท่านั้น
** คำอธิษฐานที่เราทำทุกวัน คือ
1. ขอพระนามของพระองค์เป็นที่เคารพบูชา
2. ขอให้ราชอาณาจักรของพระองค์ลงมาตั้งอยู่
3. ขอให้เป็นตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
- ยิ่งผู้ชนะอธิษฐานสามสิ่งนี้มากเท่าไหร่ อาณาจักรจะมาเร็วๆนี้
** สามข้อนี้จะเป็นจริงเกิดขึ้นในยุคหน้า
1. พระนามจะเป็นที่สักการะบูชา
2. อาณาจักรจะมาตั้งอยู่
3. น้ำพระทัยพระเจ้าจะสำเร็จ
บทความเพิ่มเติม : การทดลองของคริสเตียนที่ผู้เชื่อมากมายไม่เข้าใจ
6:16 ยิ่งกว่านั้นเมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนคนหน้าซื่อใจคด ด้วยเขาแสร้งทำหน้าให้ผิดปกติ เพื่อจะให้คนเห็นว่าเขาถืออดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว
6:17 ฝ่ายท่านเมื่อถืออดอาหาร จงชโลมทาศีรษะและล้างหน้า
6:18 เพื่อท่านจะไม่ปรากฏแก่คนอื่นว่าถืออดอาหาร แต่ให้ปรากฏแก่พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่านโดยเปิดเผย
** เรื่องการอธิษฐานและอดอาหาร
คริสเตียนส่วนมากมักบอกผู้อื่นว่าอดหรือแกล้งทำเพื่อให้คนรู้ ถ้าทำอย่างนี้ พระเจ้าไม่มีรางวัลให้
เมื่อเรา อธิษฐานเผื่อใครเราพูดคำเดียวขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในชีวิตคนนั้นขอพระเมตตาและพระคุณมาถึงคนนั้น
** เราจะไม่สอนหรือแนะนำพระเจ้าว่าขอแตะใจเขา ขอให้เขาถ่อมใจ ขอพระองค์ทำแบบนี้แบบนั้น ฯลฯ ที่ผู้เชื่อส่วนมากทำกัน
(ข้อ 19-34)
** พระเยซูย้ำถึงสามครั้งว่า อย่ากระวนกระวายแต่ คริสเตียนไม่เชื่อวางใจ
** ถ้าทรงยืนยันถึงสามครั้ง คือทรงสัญญาแน่นอนผู้เชื่อควรจะทำตามนั้น ปล่อยวางโลกปัญหาทั้งหมดไว้ที่พระเจ้า
** ถ้าเปลี่ยนความคิดได้ เราจะสุขสงบในพระเจ้าอย่างเช่น:
1. โลกนี้เป็นห้องสอบ เข้าอาณาจักร
2. ทุกปัญหา คือข้อสอบ
3. ถ้าพลาดข้อไหน เริ่มใหม่
4. สุดท้ายถ้าสอบไม่ผ่าน รอทนทุกข์อยู่ข้างนอก
5. การสอบผ่าน คือการพึ่งพระเยซูสอบแทนเรา
6:19 อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลกที่ตัวมอดและสนิมอาจทำลายเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้
** "ตัวมอด" "สนิม" และ "ขโมย" คืออะไรก็ได้ที่เกิดขึ้นกับเราและเป็นเหตุทำให้ต้องสูญเสียเงินทอง
6:20 แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในสวรรค์ที่ตัวมอดและสนิมทำลายเสียไม่ได้ และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้
** "การสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในสวรรค์" คือการช่วยเหลือคนยากจนขัดสน (มธ 19:21) ช่วยเหลือพี่น้องผู้เชื่อที่ขัดสน (กจ 2:45; 4:34-35; 11:29 / โรม 15:26) และช่วยเหลือผู้รับใช้ของพระเจ้าเพื่อการรับใช้อยู่กินของเขา (ฟป 4:16-17)
6:21 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหนใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย
** ความหวังและใจของเราควรจะอยู่ที่สวรรค์ และไม่ใช่โลกนี้ เราจึงควรสะสมทรัพย์สมบัติที่สวรรค์ด้วยการใช้เงินทองเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนยากจน พี่น้องที่ขัดสน และผู้รับใช้ที่ไม่ได้ทำงานแต่สละชีวิตทั้งเวลาเพื่อการรับใช้ประกาศข่าวประเสริฐ
6:22 ตาเป็นประทีปของร่างกาย เหตุฉะนั้นถ้าตาของท่านดีทั้งตัวก็จะเต็มไปด้วยความสว่าง
** "ตา" จะดีหรือไม่ดี อยู่ที่การหลายใจ หรือใจเดียวของเรา
** การมองที่พระเจ้า อยู่เพื่อพระเจ้า ทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า พระเจ้าก็จะไม่ให้ขัดสนขาดแคลนตลอดไปอย่างแน่นอน
6:23 แต่ถ้าตาของท่านชั่ว ทั้งตัวของท่านก็จะเต็มไปด้วยความมืดเหตุฉะนั้นถ้าความสว่างซึ่งอยู่ในตัวท่านมืดไปความมืดนั้นจะหนาทึบสักเพียงใด
** แต่ผู้เชื่อที่มองไปที่เงินทองการเป็นอยู่กระวนกระวาย คือคนที่ตาบอดเสียแล้วสำหรับพระเจ้า
** ถ้าหากเราใส่ใจในโลกนี้ และชีวิตนี้มากกว่าพระเจ้า และงานการทำนาในยุคนี้ เราตาบอด และเราจะไม่เห็นพระเจ้า และไม่รู้จักน้ำพระทัยของพระองค์
6:24 ไม่มีผู้ใดปรนนิบัตินายสองนายได้เพราะเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่งท่านจะปรนนิบัติพระเจ้า และเงินทองพร้อมกันไม่ได้
** "นายสองคน" ในที่นี้ ก็คือพระเจ้าและเงินทอง
** ผู้เชื่อมากมายแสวงหา และรักเงินทองมากกว่ารักพระเจ้าเสียอีก
6:25 เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่าอย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่มชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ
6:26 จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉางแต่พระบิดาของท่านทั้งหลายผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ
** ถ้าหากเรากล้าที่จะวางใจในพระเจ้า เราจะเห็นถึงการเลี้ยงดู การจัดเตรียม และพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อเรา
** สำหรับพระเจ้า เราคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด และมากกว่านกในอากาศตั้งหลายร้อยเท่า พระเจ้าจะไม่ปล่อยทิ้งเราให้ลำบากจนเกินไป และตลอดไปถ้าหากเราดำเนินชีวิตตามแบบของประชากรแห่งราชอาณาจักร และเลิกกระวนกระวายกับชีวิตนี้
** เรื่องการแสวงหาความสุขของชีวิตนี้ และเรื่องความกระวนกระวาย เป็นสิ่งที่เราตัดยาก แต่เราสามารถชนะได้ด้วยพระคริสต์ในเราที่ทำแทนเราเหมือนกับปัญหาเรื่องบาปข้ออื่นๆ ที่เราทำไม่ได้
6:27 มีใครในพวกท่าน โดยความกระวนกระวาย อาจต่อความสูงให้ยาวออกไปอีกสักศอกหนึ่งได้หรือ
6:28 ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนาว่า มันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย
6:29 และเราบอกท่านทั้งหลายว่า ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศีของท่าน ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง
6:30 แม้ว่าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้ และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ ผู้มีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ
6:31 เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม
6:32 (เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้) แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้
6:33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนแล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่าน
** "การแสวงหาราชอาณาจักร" คือการทำความเข้าใจเรียนรู้เรื่องอาณาจักรในยุคหน้าหรือยุคพันปี
** "การแสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้า" คือการเรียนรู้เรื่องพระเยซูอยู่ในเราเพื่อเราจะดำเนินชีวิตที่ชนะบาปในแต่ละวันได้เพื่อกลายเป็นคนชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์เพื่อเราจะพร้อมที่จะเข้าในราชอาณาจักรของพระเจ้าที่กำลังจะลงมาตั้งอยู่บนแผ่นดินโลกนี้ในยุคหน้า
** ชีวิตนี้ พระเจ้าจะจัดเตรียมอาหารการกินเสื้อผ้า ซึ่งจะมากหรือน้อยแล้วแต่พระเจ้าจะให้ เราจะไม่ต้องดิ้นรนเดือดร้อน แต่อยู่ไปวันๆ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายนี้ ตามน้ำพระทัยพระเจ้า คือคนที่ตาของเขามีอาการที่ดี
6:34 เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว"
การส่ำสมสมบัติในสวรรค์ – ระหว่างพระเจ้าและเงินทอง คือทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ ในพระนามพระเยซู และเชื่อว่า ทุกสิ่งพระเยซูเป็นเจ้าของ ไม่ใช่เราเป็นเจ้าของ เราจึงจะมีทรัพย์สมบัติมากมายในบัญชีสวรรค์
บ่าวสองนาย ก็คือการปักใจที่ฝ่ายวิญญาณพระวิญญาณ เราก็เป็นบ่าวผู้สัตย์ซื่อ และอยู่ในชีวิตและสันติสุข แต่ถ้าหากปักใจไปที่เนื้อหนังฝ่ายโลกนี้ เราก็เป็นบ่าวของเงินทอง และอยู่ในความบาปและความตาย
บทความเพิ่มเติม :