ต้องมีการประชุมนะครับ ไม่ใช่เราเจอกัน นมัสการพระเจ้า กลับบ้าน จบ ไม่ครับ ผู้ดูแลคริสตจักรต้องมาประชุมครับ
1. ควรมีการประชุมอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง ครั้งละสองถึงสามชั่วโมง เพื่อนำปัญหามาแก้ไข หรือถ้าหากคริสตจักรอยู่ในระยะเริ่มต้น อาจมีการประชุมสองสัปดาห์ต่อครั้ง หรือใช้ออนไลน์ให้เป็นประโยชน์
ติดต่อหรือ Connect กัน พูดคุยกัน สามัคคีธรรมกัน คริสตจักรเราตอนนี้เป็นแบบนี้ ฯลฯ
การประชุมถ้าจะมาพบกันในคริสตจักรมันไม่สะดวก แต่ละคนอยู่ไกล หรือยุ่งยาก เราก็ใช้ไลน์ก็ได้ ไม่เป็นไร ยุคสมัยนี้เป็นสมัยเทคโนโลยี เราใช้ให้เป็นประโยชน์ครับ
...
2. เพื่อจัดการหรือแก้ไขปัญหาในสัปดาห์นั้นๆ
...
3. ไม่ตัดสินใจทันที แต่ประชุมเพื่อแสวงหาคำตอบ หรือทางออกจากพระวิญญาณ
สมมติว่าผม พี่น้องบาส และพี่น้องอาร์มเป็นผู้ดูแล หรือเป็นผู้ปกครองคริสตจักร ทุกๆ สัปดาห์เราจะมาแล้วก็คุยกัน สามัคคีธรรมร่วมกัน
เมื่อเจอปัญหาอะไรเราเอามาคุยกัน สามัคคีธรรม อธิษฐานมอบไว้ให้พระเจ้า แล้วก็เราไม่ตัดสินใจ ปล่อย รอ ไปทำสิ่งอื่นก่อน หลังจากนั้นพระเจ้าก็จะดลบันดาลให้บางคน ให้สองคน อย่างน้อยสองคนที่มีใจเดียวกัน ที่พูดคุยตรงกัน แล้วก็ตกลงลงมติ ตกลงใช้วิธีนี้แก้ไขปัญหา
เราฝึกไปนานๆ นะครับ เราจะเห็นการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแน่นอนครับ
...
4. มีความสำคัญกว่าทุกๆ การประชุม เพื่อร่วมใจขอพระคริสต์เป็นสติปัญญาของเรา
ในการประชุมคริสตจักร การประชุมของผู้ดูแลสำคัญมากที่สุด สำคัญมากกว่าการนมัสการพระเจ้าในวันแรกของสัปดาห์ หรือวันอาทิตย์ เพราะว่านี่คือหัวใจของคริสตจักร ที่จะเป็นการ Manage หรือการบริหารคริสตจักร เราต้องมีการประชุมครับ
เวลาตัดสินใจ อย่าตัดสินใจทันที แต่อธิษฐานมอบไว้กับพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าเป็นนายเรา คนที่คิด คนที่ตัดสินใจ และสติปัญญาเป็นของข้างบน เอเมน
1. เกี่ยวกับเรื่องการสามัคคีธรรม คือการประชุมของสาวกในสมัยแรก เน้นเกี่ยวกับการฝึกชีวิต และเดินในวิญญาณในพระวิญญาณ
...
2. สำหรับพระเจ้า คือการยกย่องสรรเสริญ สำหรับผู้เชื่อ คือรับชีวิต รับการชำระด้วยพระคำเพื่อการเติบโต
...
3. เราไม่ใส่ใจที่การเคลื่อนไหวของพระวิญญาณ การอัศจรรย์ หรือรายการต่างๆ แต่เราใส่ใจที่นมัสการ ยกย่อง สรรเสริญพระบิดา และสนิทในพระองค์ร่วมกับพี่น้องเท่านั้น
เวลาเรานมัสการพระเจ้า ถ้าเห็นอะไรเคลื่อนไหว เห็นอะไรแปลกๆ ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำ เราอย่าไปสนใจ อันนั้นเป็นเรื่องเล็กมาก เราใส่ใจที่พระคริสต์ที่เป็นตัวตน ใส่ใจที่ยกย่องสรรเสริญพระบิดาครับ เพราะว่าในท่ามกลางคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ เราจะเห็นอะไรที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำเยอะมาก
...
4. เรารับสันติสุข ความชื่นชมยินดีได้ผ่านการนมัสการ
...
5. ไม่มีผู้นำรายการ
...
6. ไม่มีการถวายเพลงพิเศษ
...
7. ไม่มีเชิญพี่น้องลุกยืนขึ้นหรือนั่งลง ทุกคนรู้หน้าที่ตนเป็นอย่างดี
คริสตจักรที่อเมริกา และคริสตจักรที่ประเทศลาวตอนนี้ก็เป็นแล้วครับ คือเราไม่มีผู้นำรายการ ถึงหน้าที่ของใครคนนั้นก็ลุกขึ้น แล้วก็ทำครับ ไม่จำเป็นต้องมีผู้นำรายการ
ไม่มีการถวายเพลงพิเศษ การถวายเพลงพิเศษเราตัดออก ถามว่าทำไมต้องตัด เพราะว่าคนที่ถวายเพลงพิเศษเค้าร้องคนเดียว แล้วพี่น้องก็นั่งมอง จ้องมองเค้า ให้เค้าร้องเพลงจบ คือเค้าทำคนเดียว เด่น ดี ดังคนเดียว
คริสตจักรที่เป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์ เราทำอะไร เราเน้นการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมกัน ร่วมกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราไม่ทำคนเดียว ไม่ให้คนใดคนหนึ่งอยู่ในสปอตไลต์ หรือว่าเป็นคนที่เด่น ดัง ดีเกินใคร
คริสตจักรเรา เราทำทุกสิ่งเน้นทำร่วมกัน ทำด้วยกัน ทำพร้อมกัน เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์ครับ เราจึงตัดรายการถวายเพลงพิเศษ เราไม่มีครับ
ไม่มีเชิญพี่น้องลุกขึ้น ลุกยืนขึ้นหรือนั่งลง ทุกคนรู้หน้าที่ตนเป็นอย่างดี
สมมติว่าเรากำลังนั่งอยู่ นมัสการพระเจ้า แล้วมีคนหนึ่งลุกยืนขึ้น และอธิษฐานว่า“พระบิดาพวกเรารักพระองค์ ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์ตายเพื่อไถ่บาปพวกเรา” ทุกคนก็เอเมนไปด้วย แล้วพี่น้องแต่ละคนก็ยืนขึ้นๆ ลุกยืนขึ้นด้วยกัน เพื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันครับ
ใครทำอะไร เราก็ทำตามเค้า คือการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พระเจ้าต้องการสิ่งนี้ คือให้เราทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันครับ
...
8. ไม่มีรายการถวายทรัพย์
...
9. ไม่มีการประกาศ แต่เน้นที่อธิษฐาน ร้องเพลง อ่าน / ฟังพระคำพระเจ้าร่วมกัน
สองชั่วโมงเราทำสิ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีการประกาศ ไม่มีเพลงพิเศษ ไม่มีการถวายทรัพย์ ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่นมัสการล้วนๆ เพราะว่าคำว่านมัสการ ก็คือนมัสการล้วนๆ
เราทำตามแบบของคนยิว คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ทำตามแบบของคนยิว คนยิวทำอยู่ในหนังสือกิจการฯ สาวกทั้งหลาย เปโตร มัทธิวนมัสการพระเจ้า ก็อปมาจากคนยิว
คนยิวเวลาก้าวขาเข้ามาในพระวิหาร เค้าเริ่มนมัสการพระเจ้าเลย อยู่ชั่วโมงหนึ่งหรือสองชั่วโมง เค้าก็จะนมัสการพระเจ้าอยู่นั่นแหละครับ
เราเน้นสิ่งเดียว คือนมัสการ เอเมน
...
10. พวกเราเน้นที่ยกย่อง สรรเสริญ บอกรัก และฟังถ้อยคำจากพระวิญญาณผ่านพี่น้องทั้งหลาย
...
11. การคิดบวก ไม่สนใจเรื่องจำนวนคนมากหรือน้อย
- ไม่น้อยใจ ไม่ดีใจ ไม่ตื่นเต้น เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่เราทำดีที่สุด และรอรับบำเหน็จจากพระเยซูเท่านั้น
...
12. มีการแก้คำผิดอยู่เสมอ
- คนที่ผิดยอมต่ำ ถ่อม ขอบพระคุณพระเจ้า และเอเมนด้วย
...
13. เรื่องการเผยพระวจนะของแต่ละคน
- พูดเรื่องอะไรดี ไม่พูดเรื่องอะไรดี
- ทุกคนรับการเสริมสร้าง ทั้งคนพูดด้วย
- พูดมากหรือน้อย
สิ่งที่สำคัญ เวลาเผยพระวจนะในคริสตจักรพวกเรา ขอให้เรามีกาละเทศะ เราพูดน้อยๆ แต่เป็นคำพูดที่มีความหมาย ลึกซึ้ง แล้วก็สามารถเสริมสร้างพี่น้องได้ อย่าพูดไปเรื่อยเปื่อย หรือยืดยาว
ขอให้เราดู สังเกตคำพูดของเราเองว่า พี่น้องตอบสนองยังไง และเรากลับมาคิดใหม่ เพราะว่าบางคนพูดยาว พูดไปเรื่อยเปื่อย พูดๆๆ… และไม่คิดถึงพี่น้องว่าเค้าจะคิดยังไง จะรับได้ยังไง หรือจะเป็นยังไงครับ
...
14. การรักษาห้องให้อยู่ในความเงียบสงบ
คริสตจักรบางคริสตจักร อาจารย์เทศนาอยู่ พี่น้องก็คุยกัน หรือบางคนก็เล่นเฟสบุ๊ก เล่นไลน์ ฯลฯ
เรารักษาจิตใจให้สงบ มีใจเดียวให้พระเจ้า นมัสการพระบิดา “ข้าพระองค์รักพระองค์ ข้าพระองค์นมัสการพระองค์ ข้าพระองค์มาเพื่อยกย่องสรรเสริญพระองค์ ขอบพระคุณพระบิดาที่ข้าพระองค์ทำหน้าที่ได้สำเร็จแล้ว เอเมน” ไม่คิดถึงเรื่องอื่น ไม่หลายใจ
ถาม:
พูดเรื่องอะไรดี ไม่พูดเรื่องอะไรดี มีความหมายว่ายังไงคะ
ตอบ:
บางคนเวลาเผยพระวจนะ ก็พูดว่า “ขอพระคุณพระเจ้า เดี๋ยวนี้พระเจ้าอวยพรชีวิตครอบครัวชั้น ขอบพระคุณพระเจ้า ตอนนี้พระเจ้าทำให้เรามีธุรกิจรุ่งเรื่อง” พี่น้องได้รับการเสริมสร้างมั๊ยครับ
...
ถาม:
เราเอาปัญหาของเรามาพูดได้มั๊ยคะ
ตอบ:
เราไม่เอาปัญหาของเรามาพูดครับ
การเผยพระวจนะ ถ้าผู้นำ ศิษยาภิบาล หรือคนที่เป็นผู้พูดหลักพูดเรื่องอะไร เราก็เสริมเค้าด้วยเรื่องนั้น
สมมติว่า ตอนนี้ศิษยาภิบาลพูดเรื่องความรัก เราก็พูดตามเรื่องความรัก ถ้าศิษยาภิบาลพูดเรื่องซื่อสัตย์ เราก็พูดตามเรื่องซื่อสัตย์ ถ้าพูดเรื่องอาณาจักรสวรรค์ เราก็พูดเรื่องอาณาจักรสวรรค์ อย่าพูดเรื่องอื่นครับ พระคำพระเจ้าเรื่องเดียวในวันอาทิตย์นั้นๆ
ขอให้เราเรียนรู้นะครับ ขอพระเจ้าช่วยเรา ขอพระวิญญาณบริญาณบริสุทธิ์ช่วยเราในการพูดใหม่ พูดคิดถึงคนอื่น อย่าพูดคิดถึงแต่ตัวเอง
...
ถาม:
เหมือนเป็นการพูดเพื่อเสริมสร้าง
ตอบ:
พูดเพื่อเสริมสร้างครับ เสริมสร้างพี่น้อง และเสริมสร้างเราด้วย
มีบางคนบอกว่า เวลาเข้ามาในคริสตจักร เราคิดใส่ใจแต่ว่าจะเสริมสร้างพี่น้อง ไม่นะครับ เราต้องเสริมสร้างพี่น้อง และเสริมสร้างเราด้วย คนที่พูดจะได้รับการเสริมสร้างมากกว่าใคร ถ้าเราพูดเราเองจะได้รับการเสริมสร้างมากกว่าเพื่อน เพราะเราเองจะจำได้ดี
ถาม:
ถ้ามีพี่น้องลุกขึ้นพูด แล้วพี่น้องคนอื่นควรจะนิ่งฟัง
ตอบ:
ควรจะนิ่งฟังและไม่คุยกัน แต่ที่ผ่านมาคริสตจักรหลายคริสตจักร ที่ประเทศลาวก็เป็น ผมกำลังแบ่งอยู่ พี่น้องบางคนอยู่ข้างหลัง เวลาผมพูด บางคนอดไม่ได้ ก็พูดกับคนข้างๆ ว่า “อาจารย์เจเค้าบอกว่า ต้องทำแบบนี้ๆ ได้ยินมั๊ยอาจารย์เจเค้าบอก” ผมก็เลยบอกว่า “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมครับพี่น้อง ผมช่วยเค้าได้ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องช่วยผมก็ได้ครับ”
...
ถาม:
แล้วการนมัสการเราจะเริ่มเวลาไหน เพราะบางทีกำหนดไว้สิบโมง ช่วงแปดโมงคนมาก่อนก็พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยที่ไม่ได้พูดในการสามัคคีธรรม หรือว่าในบริบทของพระคำ
ตอบ:
สมมติว่า เรากำหนดว่าเก้านาฬิกาหรือสิบนาฬิกาเราจะเริ่ม คนที่มาก่อนก็อธิษฐานครับ เข้ามานั่งปุ๊บก็พูดว่า “เอเมนพระเยซู” พี่น้องที่มาร่วมก็ร่วม “เอเมนพระเยซูด้วย” ด้วย นมัสการพระเจ้าก่อนใครครับ
ขอให้เราใส่ใจนะครับ เวลามาแล้วอย่าคุยกันเรื่องอื่น เรามาเพื่อนมัสการพระเจ้า
พี่น้องสังเกตมั๊ยครับ ตอนเช้าวันอาทิตย์ผมไม่ตอบใคร หรือถ้าบางคนอยากคุยกับผม ผมก็บอกว่า “ขอโทษนะครับ หลังนมัสการผมจะกลับมาคุยด้วย”
เช้าวันอาทิตย์อย่าส่งไลน์หาใคร อย่าคุยกับใคร เอาหัวใจที่บริสุทธิ์เตรียมไว้ให้พระเจ้าผู้เดียวเท่านั้น มาเพื่อการยกย่องสรรเสริญ อย่าเอาเรื่องอื่นมาแบก อย่าเอาเรื่องอื่นมาคิดก่อน เพราะว่าเราจะกลายเป็นคนหลายใจ ใจมันคิดไปหลายอย่าง เราเอาใจบริสุทธิ์มาให้พระเจ้าก่อนนะครับ เอเมน
...
ถาม:
สมมติว่าเราเดินทางมาเหนื่อย เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง เราควรเอามาพูดมั๊ยก่อนการนมัสการ
ตอบ:
ไม่ครับ เรารถติดคนอื่นไม่ได้รถติดกับเรา เราจะเอาภาระมาให้คนอื่นแบกทำไม ไม่ต้องระบาย ไม่ต้องบอกครับ
เข้าในคริสตจักร อย่าพูดเรื่องโลก อย่าพูดเรื่องเนื้อหนัง เราพูดว่า “เอเมนพระเยซู พวกเรารักพระองค์ เอเมนพระเยซู มาถึงแล้ว ข้าพระองค์คิดถึงพระองค์ที่อยู่ในท่ามกลาง
คริสตจักร อยู่ในพระกายนี้ เอเมนพระเยซู” คือเข้ามาแล้วฝ่ายวิญญาณเท่านั้น อย่าเอารถติดเข้ามา อย่าเอาบีทีเอสเข้ามา