...
วิวรณ์ บทที่ 14 (ข้อ 1–5): ความชื่นชมยินดีของคน 144,000 คน
14:1 ข้าพเจ้าได้แลเห็น และดูเถิด พระเมษโปดกทรงยืนอยู่ที่ภูเขาศิโยน และผู้ที่อยู่กับพระองค์มีจำนวนแสนสี่หมื่นสี่พันคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีพระนามของพระบิดาของพระองค์เขียนไว้ที่หน้าผากของเขา
** "ภูเขาศิโยน" ในที่นี้ คือภูเขาศิโยนบนสวรรค์
** "แสนสี่หมื่นสี่พันคน" คือผู้เชื่อชาวอิสราเอลที่ถูกเลือกให้รอดและรับขึ้นบนสวรรค์ในช่วงเจ็ดปีแห่งความทุกข์ทรมานเพื่อรอที่จะกลับมาครอบครองโลกนี้ร่วมกับพระเยซูคริสต์
14:2 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงจากสวรรค์ดุจเสียงน้ำมากหลาย และดุจเสียงฟ้าร้องสนั่น และข้าพเจ้าได้ยินเสียงพวกดีดพิณเขาคู่กำลังบรรเลงอยู่
14:3 คนเหล่านั้นร้องเพลงราวกับว่า เป็นเพลงบทใหม่ต่อหน้าพระที่นั่ง หน้าสัตว์ทั้งสี่นั้น และหน้าพวกผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถเรียนรู้เพลงบทนั้นได้ นอกจากคนแสนสี่หมื่นสี่พันคนนั้น ที่ได้ทรงไถ่ไว้แล้วจากแผ่นดินโลก
14:4 คนเหล่านี้เป็นคนที่มิได้มีมลทินกับผู้หญิง เพราะว่าเขาเป็นพวกพรหมจารี พระเมษโปดกเสด็จไปที่ใดคนเหล่านี้ก็ตามเสด็จไปด้วย พวกเขาเป็นผู้ที่ทรงไถ่จากมวลมนุษย์ เป็นผลแรกถวายแด่พระเจ้าและแด่พระเมษโปดก
14:5 ปากเขาไม่กล่าวคำอุบายเลย เพราะเขาไม่มีความผิดต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้า
** ผู้ชนะเหล่านี้เป็นผลแรกที่ถูกรับขึ้นก่อน
** ผู้ชนะ คือผู้ที่ได้รับจิตใจใหม่ ชีวิตไม่ได้อยู่ในบาปประจำวัน (ไม่ขึ้นลงๆ) และสันติสุขครอบครองจิตใจเขาได้แล้วหรือสุกงอมแล้วนั่นเอง
...
ทูตสวรรค์องค์แรกประกาศข่าวประเสริฐนิรันดร์
14:6 แล้วข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งที่บินอยู่ในท้องฟ้า เพื่อประกาศข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในโลก แก่ทุกชาติ ทุกตระกูล ทุกภาษา และประชากร
14:7 ท่านประกาศด้วยเสียงอันดังว่า "จงยำเกรงพระเจ้า และถวายสง่าราศีแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว และจงนมัสการพระองค์ `ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล' และบ่อน้ำพุทั้งหลาย"
** ในยุคคริสตจักร พระเยซูคริสต์และสาวกประกาศข่าวประเสริฐเรื่อง พระเยซูคริสต์ ราชอาณาจักรสวรรค์ ราชอาณาจักรของพระเจ้า รับชีวิตนิรันดร์ ความรอด ๆลๆ แต่ในช่วงสามปีครึ่งสุดท้ายฑูตสวรรค์จะประกาศข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะ
** การที่จะได้รับความรอดในช่วงสามปีครึ่งสุดท้ายนี้ ต้องอดทนจนถึงที่สุด ต้องยำเกรงไม่ทอดทิ้งพระเจ้าและความเชื่อ ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามที่ถูกข่มเหงนั้น (มธ 24)
ทูตสวรรค์องค์ที่สองประกาศเรื่องการล่มจมของบาบิโลน
14:8 ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งตามไปประกาศว่า "บาบิโลนมหานครนั้นล่มจมแล้ว ล่มจมแล้ว เพราะว่านครนั้นทำให้ประชาชาติทั้งปวงดื่มเหล้าองุ่นแห่งความเดือดดาลของเธอในการล่วงประเวณี"
** บาบิโลน = กลุ่มโรมันคาทอลิก
** คาทอลิก รู้จักพระเจ้า เชื่อพระเยซู แต่ผิดเพี้ยนในด้านคำสอนและการดำเนินชีวิตอย่างมากมาย
** คาทอลิกกราบไหว้และอธิษฐานต่อนางมารีย์ สาวกสิบสองคนของพระเยซู และบาทหลวงทั้งหลายของพวกเขา พวกเขากราบไหว้รูปเคารพ และสมาชิกไม่ได้รับอนุญาตให้อธิษฐานและสารภาพบาปต่อพระเจ้าโดยตรง เพราะถือว่ามนุษย์เป็นคนบาป ต้องผ่านพระหรือบาทหลวงเท่านั้น
ทูตสวรรค์องค์ที่สามประกาศว่าทุกคนที่นมัสการสัตว์ร้ายจะตกนรกเป็นนิตย์
14:9 และทูตสวรรค์ซึ่งเป็นองค์ที่สามตามไปประกาศด้วยเสียงอันดังว่า "ถ้าผู้ใดบูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของตน
14:10 ผู้นั้นจะต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธของพระเจ้า ซึ่งไม่ได้ระคนกับสิ่งใด ที่ได้เทลงในถ้วยพระพิโรธของพระองค์ และเขาจะต้องถูกทรมานด้วยไฟและกำมะถันต่อหน้าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย และต่อพระพักตร์พระเมษโปดก
14:11 และควันแห่งการทรมานของเขาพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์ และผู้ที่บูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และผู้ใดก็ตามที่รับเครื่องหมายชื่อของมันจะไม่มีการพักผ่อนเลยทั้งกลางวันและกลางคืน"
** ข้อ 11 คนที่ไม่เชื่อพระเจ้า และติดตามสัตว์ร้ายจะต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อใช้หนี้แห่งการติดตามเป็นสาวกของมัน
ผู้ที่จะรอดในช่วงสามปีครึ่งสุดท้าย
14:12 นี่แหละคือความอดทนของพวกวิสุทธิชน คือผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และความเชื่อของพระเยซูไว้
14:13 และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงจากสวรรค์สั่งข้าพเจ้าว่า "จงเขียนไว้เถิดว่า ตั้งแต่นี้สืบไปคนทั้งหลายที่ตายในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสุข" และพระวิญญาณตรัสว่า "จริงอย่างนั้น เพื่อเขาจะได้หยุดพักจากความเหนื่อยยากของเขา และการงานที่เขาได้กระทำนั้นจะติดตามเขาไป"
บทความเพิ่มเติม: คริสเตียนจะถูกส่งไปยังบึงไฟหรือไม่
การเก็บเกี่ยวบนแผ่นดินโลก
14:14 ข้าพเจ้าได้แลเห็น และ ดูเถิด มีเมฆขาว และมีผู้หนึ่งประทับบนเมฆนั้นเหมือนกับบุตรมนุษย์ สวมมงกุฎทองคำบนพระเศียร และพระหัตถ์ถือเคียวอันคม
** เหตุการณ์ในช่วงสามปีครึ่งสุดท้าย…พระเยซูทรงประทับอยู่บนเมฆ
** "สวมมงกุฎทองคำบนพระเศียร" เล็งถึงพระเยซูในฐานะของบุตรมนุษย์ที่จะเป็นกษัตริย์ของโลกนี้ในยุคพันปี
** "เคียว" เล็งถึงการเสด็จมาเก็บเกี่ยวโลกของพระเยซู (เก็บเกี่ยวผู้เชื่อคือองุ่นดีและไม่ดีใน มธ 7:21-23; 2 คร 5:10)
14:15 และมีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกมาจากพระวิหารร้องทูลพระองค์ ผู้ประทับบนเมฆนั้นด้วยเสียงอันดังว่า “จงใช้เคียวของพระองค์เกี่ยวไปเถิด เพราะว่าถึงเวลาที่พระองค์จะเกี่ยวแล้ว เพราะว่าผลที่จะต้องเก็บเกี่ยวในแผ่นดินโลกนั้นสุกแล้ว”
** ผลที่สุกงอม คือผู้ชนะ ซึ่งพระเยซูจะเก็บเกี่ยวเพื่อเก็บไว้ในยุ้งฉาง (นครเยรูซาเล็มในอาณาจักรยุคพันปี)
14:16 และพระองค์ผู้ประทับบนเมฆนั้น ได้ทรงตวัดเคียวนั้นบนแผ่นดินโลก และแผ่นดินโลกก็ได้ถูกเกี่ยวแล้ว
14:17 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ออกมาจากพระวิหารบนสวรรค์ ถือเคียวอันคมเช่นเดียวกัน
** ทูตสวรรค์มีส่วนในการเก็บเกี่ยวโลกร่วมกับพระเยซู
14:18 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งผู้มีฤทธิ์เหนือไฟ ได้ออกมาจากแท่นบูชา และร้องบอกทูตองค์นั้นที่ถือเคียวคมนั้นด้วยเสียงอันดังว่า “ท่านจงใช้เคียวคมของท่านเกี่ยวเก็บพวงองุ่นแห่งแผ่นดินโลก เพราะลูกองุ่นนั้นสุกดีแล้ว”
** พระคัมภีร์เปรียบชาวยิวเหมือนต้นมะเดื่อ (บ้าน) ผู้เชื่อ (คริสเตียน) ทุกคนเปรียบเหมือนข้าวสาลี คนต่างชาติคือต้นองุ่นและผู้ชนะเปรียบเหมือนองุ่นแท้ (ยน 15:1-6) ส่วนผลองุ่นที่ไม่ดีที่จะถูกทำลายในบทที่สิบสี่นี้คือคนต่างชาติที่ไม่เชื่อ (ดูข้อ 19-20)
** ดูข้อที่ 15
14:19 ทูตสวรรค์นั้นก็ตวัดเคียวบนแผ่นดินโลก และเก็บเกี่ยวผลองุ่นแห่งแผ่นดินโลก และขว้างลงไปในบ่อย่ำองุ่นอันใหญ่แห่งพระพิโรธของพระเจ้า
14:20 บ่อย่ำองุ่นถูกย่ำภายนอกเมือง และโลหิตไหลออกจากบ่อย่ำองุ่นนั้นสูงถึงบังเหียนม้า ไหลนองไปประมาณสามร้อยกิโลเมตร
หมายเหตุ: คนที่ไม่เชื่อทั้งยิวและต่างชาติมากมายที่ยังไม่ตายจะมีชีวิตในช่วงยุคพันปีเป็นประชากรที่อาศัยอยู่นอกอาณาจักร และคนเหล่านี้มีจำนวณมากมายที่จะหลงเชื่อและร่วมมือเป็นกองทัพของซาตานในช่วงสุดท้ายของยุคพันปี และถูกพิพากษาส่งไปยังบึงไฟในวันสุดท้าย
1. เราตอนนี้อยู่ในระยะแรกๆ ของเหตุการณ์ใน มธ บทที่ 24:4-14 ม้าสี่ตัวถูกปล่อยตั้งแต่ตอนที่พระเยซูแกะตราสี่ตรา เหตุการณ์เริ่มขึ้นในกิจการบทที่ 2 และม้าทั้งสี่กำลังวิ่งเร็วขึ้น)
2. พอกลียุคจะเริ่มขึ้น พระเยซูจะรับผู้ชนะชุดแรกขึ้นไปก่อน (สองคนโม่แป้ง ในเรือน ที่ทุ่งนา มธ 24:40-41)
3. เริ่มกลียุค ยิว 144000 ถูกรับ (วว 7:1-8) ผู้ชนะต่างชาติถูกรับ (วว 7:9-17)
4. กลียุคสามปีครึ่งแรกผ่านไป สามปีครึ่งสุดท้ายพระคริสต์เทียมเท็จมาปรากฏ (วว 13)
5. โมเสสและเอลิยาห์มาช่วยคริสเตียนที่ไม่ชนะ (วว 11:3-6)
6. พระคริสต์เทียมเท็จไล่ล่าฆ่าฟันผู้เชื่อมันเจาะจงเล่นงานที่อิสราเอลและจากนั้นก็ทั่วโลกมีผู้ชนะเกิดขึ้นและถูกรับขึ้นไป (วว 12:1-6)
7. ปีสุดท้ายของกลียุค ทูตสวรรค์เก็บเกี่ยวโลก รับผู้เชื่อขึ้นไปทั้งหมด ชนะหรือไม่ชนะก็ถูกรับ คือการเป่าแตรที่เจ็ดใน 1 ธส 4 และ วว 11:15
8. พระเยซูตัดสินผู้เชื่อที่ไม่ชนะใน มธ 7:21-27 และ โรม 14:10 เรียกว่าพระที่นั่งของพระคริสต์คือการตัดสินครั้งแรก
9. พระเยซูรับประทานอาหารมื้อค่ำร่วมกับผู้ชนะในสวรรค์ (วว 19:9)
10. พระเยซูและผู้ชนะลงมายังโลกเพื่อกำจัดพระคริสต์เทียมเท็จและลูกน้องของมัน และส่งไปยังบึงไฟก่อนใคร (วว 19:19-21)
11. ซาตานถูกขังเป็นเวลาพันปี (วว 20:1-3)
12. พระเยซูเริ่มครอบครองโลกนี้เป็นเวลาพันปีร่วมกับผู้ชนะ ส่วนผู้ไม่ชนะต้องร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นอกอาณาจักรจนครบพันปี (วว 11:15 / 20-4-6)
13. ชาวโลกที่เหลือตายก็ดำเนินชีวิตอย่างสุขสบายเกิดแก่ตาย ฯลฯ สิบชั่วคน (คนที่ไม่เชื่อที่ผ่านกลียุคไปได้ คือรอดตายจากยุคพระคุณและจากเจ็ดปี จะได้เป็นประชากรของอาณาจักรพันปีแต่เขาอยู่นอกอาณาจักรอย่างมีความสุขโลกนี้จะได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ภายใต้การครอบครองดูแลของพระเยซูและผู้ชนะ และถ้าพันปีผ่านไป ซาตานถูกปล่อยออกมาและชาวโลกเหล่านี้ไม่ยอมติดตามมันเพื่อต่อสู่กับพระเยซู ก็จะได้รอด แต่ถ้าใครติดตามซาตานก็จะถูกโยนลงไปในบึงไฟ) คนที่ไม่เชื่อยังจะต้องเกิดแก่เจ็บตายเพราะยังไม่มีกายใหม่
14. ซาตานถูกปล่อยออกมา มันล่อลวงคนที่ไม่เชื่อมาต่อสู้กับพระเยซู (วว 20:7)
15. ซาตานพ่ายแพ้และถูกส่งไปยังบึงไฟ (วว 20:7-10)
16. การพิพากษาครั้งสุดท้าย (พระบัลลังก์ใหญ่สีขาว) ตัดสินคนที่ไม่เชื่อเท่านั้นเพื่อส่งไปยังบึงไฟ คนที่ไม่เชื่อที่ตายในแดนมรณาก็ถูกส่งขึ้นมาเพื่อตัดสิน แดนมรณาถูกทิ้งลงในบึงไฟ (วว 20:11-15)
17. ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ พระเยซูคืนอำนาจแด่พระบิดา และทั้งสามครอบครองร่วมกันชั่วนิจนิรันดร์ (วว 21-22)