1. เปาโลถูกจับแต่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนชัดเจนจากพวกยิวว่าท่านทำผิดอะไรโดยที่พวกเขาต้องการให้เปาโลถูกประหาร
2. นายพันจึงมอบเปาโลให้พวกทหาร
3. เปาโลยืนยันว่าท่านเป็นยิว มาจากเมืองทาร์ซัส แคว้นซีลีเซีย
4. เปาโลขอพูดกับพวกยิวเป็นภาษาฮีบรูว่า..
22:1 “ท่านทั้งหลาย พี่น้องและบรรดาท่านผู้อาวุโส ขอท่านทั้งหลายฟังคำให้การของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจะแก้คดีให้พวกท่าน ณ บัดนี้”
22:2 (และเมื่อเขาทั้งหลายได้ยินว่า ท่านพูดเป็นภาษาฮีบรูแก่พวกเขา พวกเขาก็ยิ่งเงียบลง และท่านกล่าวว่า)
22:3 “แท้จริง ข้าพเจ้าเป็นคน ๆ หนึ่งซึ่งเป็นยิวคนหนึ่ง เกิดในเมืองทาร์ซัส เมืองหนึ่งในแคว้นซีลีเซีย แต่ได้เติบโตขึ้นในกรุงนี้ที่เท้าของกามาลิเอล และได้รับการสั่งสอนตามลักษณะอันสมบูรณ์แบบแห่งพระบัญญัติของบรรพบุรุษ และได้มีความกระตือรือร้นต่อพระเจ้า เหมือนอย่างพวกท่านทุกคนในวันนี้
** เปาโลเป็นยิวที่เคยเคร่งพระบัญญัติมาก บิดาของท่านเป็นฟาริสีและท่านเองก็เป็นเหมือนกัน
22:4 และข้าพเจ้าได้ข่มเหงทางนี้จนถึงตาย โดยผูกมัดและจำไว้ในคุก ทั้งชายและหญิง
22:5 ตามที่มหาปุโรหิตเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ด้วย และพร้อมกับสภาทั้งหมด ข้าพเจ้าได้รับจดหมายหลายฉบับจากท่านผู้นั้นไปยังพวกพี่น้อง และได้ไปยังเมืองดามัสกัส เพื่อที่จะจับมัดคนทั้งหลายซึ่งอยู่ที่นั้นพามายังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อให้ได้รับการลงโทษเสีย
** ท่านเคยถูกมอบหมายหน้าที่ให้ไปไล่จับข่มเหงและฆ่าคริสเตียนมากมาย
22:6 และต่อมา ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางไป และเข้ามาใกล้เมืองดามัสกัส ประมาณเวลาเที่ยง ในทันใดนั้นมีแสงสว่างกล้ามาจากฟ้าล้อมข้าพเจ้าไว้รอบ
** เปาโลได้พบพระเยซูระหว่างเดินทางไปยังเมืองดามัสกัส
22:7 และข้าพเจ้าก็ล้มลงถึงพื้นดิน และได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม’
** เซาโล คือชื่อของท่านก่อนกลับใจ และ เปาโล คือชื่อที่พระเยซูตั้งให้ภายหลังเมื่อท่านกลับใจ
** เจ้าข่มเหง ( เรา I ) ทำไม - คือเมื่อเปาโลข่มเหงผู้เชื่อ ก็เท่ากับได้ข่มเหงพระเยซูเหมือนกันเนื่องจากว่าพระเยซูอยู่ในผู้เชื่อทั้งหลายที่เปาโลข่มเหง หรือ ผู้เชื่อเป็นอวัยวะของพระเยซูซึ่งเมื่อเปาโลข่มเหงพระกายก็เท่ากับข่มเหงพระเยซูเหมือนกัน
22:8 และข้าพเจ้าได้ทูลตอบว่า ‘พระองค์ทรงเป็นผู้ใด พระองค์เจ้าข้า’ และพระองค์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราคือเยซูแห่งนาซาเร็ธ ผู้ซึ่งเจ้าข่มเหงนั้น’
22:9 และคนทั้งหลายที่อยู่กับข้าพเจ้าได้เห็นแสงสว่างนั้นอย่างแท้จริง และตกใจกลัว แต่พวกเขาไม่ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ที่ตรัสกับข้าพเจ้านั้น
** ตอนที่พระเยซูมาปรากฏต่อหน้าเปาโล คนทั้งหลายที่เดินทางไปกับท่านก็ได้เห็นแสงสว่างนั้นเช่นกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงของพระเยซู
22:10 และข้าพเจ้าทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะต้องทำประการใด พระองค์เจ้าข้า’ และองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้น และเข้าไปในเมืองดามัสกัส และที่นั่นจะบอกเจ้าให้ทราบถึงสิ่งทั้งหลายซึ่งได้ถูกกำหนดไว้เพื่อให้เจ้ากระทำนั้น’
22:11 และเมื่อข้าพเจ้ามองอะไรไม่เห็นเนื่องจากสง่าราศีของแสงสว่างนั้น โดยถูกจูงมือไปโดยคนเหล่านั้นที่อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เข้ามาในเมืองดามัสกัส
22:12 และคนหนึ่งชื่อ อานาเนีย เป็นคนที่นมัสการพระเจ้าตามพระบัญญัติ โดยมีชื่อเสียงดีในหมู่พวกยิวทุกคนซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น
22:13 ได้เข้ามาหาข้าพเจ้า และยืนอยู่ และกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า ‘พี่เซาโลเอ๋ย จงได้รับการมองเห็นของท่านเถิด’ และในชั่วโมงเดียวกันนั้นข้าพเจ้าก็เงยหน้าเห็นเขา
** สง่าราศีของพระเจ้าทำให้เปาโลตาบอด และอานาเนียที่กลับใจนานแล้วรักษาท่านให้หาย
22:14 และเขาได้กล่าวว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเราได้ทรงเลือกท่านไว้ เพื่อที่ท่านจะได้รู้จักพระประสงค์ของพระองค์ และจะได้เห็นพระองค์ผู้ชอบธรรมนั้น และจะได้ยินพระสุรเสียงแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์
22:15 เพราะว่าท่านจะเป็นพยานฝ่ายพระองค์ให้คนทั้งปวงทราบถึงเหตุการณ์ซึ่งท่านได้เห็นและได้ยินนั้น
** เปาโลถูกเลือกให้ได้รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าและข้อลึกลับมากมาย เพื่อที่จะนำไปเปิดเผยต่อผู้เชื่อทั้งหลาย อย่างเช่นเรื่องพระสัญญานิรันดร์ พระบัญญัติใหม่ คนใหม่ ชีวิตในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา เราเป็นวิหารหรือบ้านของพระเจ้าทั้งสามพระภาค พระวิญญาณบริสุทธิ์จะอยู่กับเราตลอดไปและเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณของเรา และอีกมากมาย
22:16 และบัดนี้ไฉนท่านรอช้าอยู่ จงลุกขึ้น และรับบัพติศมา และชำระล้างบาปของท่านออกไปเสีย โดยร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า’
** เมื่อเปาโลกลับใจและมาพบพี่น้องผู้เชื่อ พวกเขาจึงรีบให้ท่านรับบัพติศมาในน้ำ
** ชำระล้างบาป wash away the sins ได้มาจากการเชื่อและต้อนรับพระเยซูว่าเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ซึ่งเรารับบัพติศมาในน้ำและได้เข้าสู่กระบวนการชำระของพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 1. เราได้รับการชำระด้วยพระโลหิต ได้บังเกิดใหม่ ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราได้กลายเป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด เราได้ถูกนับเข้าในการตาย ถูกฝังและเป็นขึ้นมาจากความตายร่วมกับพระคริสต์
** ร้องออกพระนามพระเยซู คือการเอ่ยถึงร้องเรียกหาพระเยซูนั่นเอง
- เปาโลเป็นยิวที่เคยเคร่งพระบัญญัติมาก บิดาของท่านเป็นฟาริสีและท่านเองก็เป็นเหมือนกัน
- เปาโลเคยถูกมอบหมายหน้าที่ให้ไปไล่จับข่มเหงและฆ่าคริสเตียนมากมาย
- เปาโลได้พบพระเยซูระหว่างเดินทางไปยังเมืองดามัสกัส
- เซาโล คือชื่อของท่านก่อนกลับใจ และ เปาโล คือชื่อที่พระเยซูตั้งให้ภายหลังเมื่อท่านกลับใจ
- เมื่อเปาโลข่มเหงผู้เชื่อ ก็เท่ากับได้ข่มเหงพระเยซูเหมือนกันเนื่องจากว่าพระเยซูอยู่ในผู้เชื่อทั้งหลายที่เปาโลข่มเหง
- สง่าราศีของพระเจ้าทำให้เปาโลตาบอด และอานาเนียที่กลับใจนานแล้วรักษาท่านให้หาย
- เปาโลถูกเลือกให้ได้รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าและข้อลึกลับมากมาย เพื่อที่จะนำไปเปิดเผยต่อผู้เชื่อทั้งหลาย
- เมื่อเปาโลกลับใจและมาพบพี่น้องผู้เชื่อ พวกเขาจึงรีบให้ท่านรับบัพติศมาในน้ำ
- การชำระล้างบาป wash away the sins ได้มาจากการเชื่อและต้อนรับพระเยซูว่าเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
- ร้องออกพระนามพระเยซู คือการเอ่ยถึงร้องเรียกหาพระเยซูนั่นเอง
22:17 และต่อมา เมื่อข้าพเจ้ากลับมายังกรุงเยรูซาเล็มอีก คือขณะที่ข้าพเจ้าอธิษฐานอยู่ในพระวิหาร ข้าพเจ้าก็เข้าในภวังค์
22:18 และได้เห็นพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงเร่งรีบ และเจ้าจงออกไปจากกรุงเยรูซาเล็มโดยเร็ว ด้วยว่าพวกเขาจะไม่รับคำพยานของเจ้าเกี่ยวกับเรา’
22:19 และข้าพเจ้าได้ทูลว่า ‘พระองค์เจ้าข้า คนเหล่านั้นทราบอยู่ว่า ข้าพระองค์ได้จับใส่คุกและเฆี่ยนตีในธรรมศาลาทุกแห่ง คือคนทั้งหลายที่ได้เชื่อในพระองค์
22:20 และเมื่อโลหิตของสเทเฟนพยานผู้ยอมตายเพื่อพระองค์ได้ถูกทำให้หลั่งออกนั้น ข้าพระองค์ได้ยืนอยู่ใกล้ด้วย และได้เห็นชอบในความตายของเขา และเฝ้าเสื้อผ้าของคนเหล่านั้นที่ได้ฆ่าเขา’
22:21 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงไปเถิด เพราะเราจะส่งเจ้าไปไกลจากที่นี่ ไปยังคนต่างชาติ’”
** สำหรับพระเจ้า พระองค์มาเพื่อไถ่ชนชาติอิสราเอลก่อนตามพระสัญญา และทรงทราบดีว่าอิสราเอลมากมายจะไม่ต้อนรับพระเยซู ข่าวดีจึงมาถึงคนต่างชาติ และเปาโลคือผู้ที่ถูกเลือกให้ไปประกาศกับชาวต่างชาตินั่นเอง
22:22 และเขาทั้งหลายได้ฟังท่านกล่าวถึงคำนี้ และจากนั้นก็ร้องด้วยเสียงอันดังของพวกเขา และกล่าวว่า “เอาคนเช่นนี้ไปจากแผ่นดินโลก เพราะไม่เหมาะที่เขาจะมีชีวิตอยู่”
22:23 และขณะที่พวกเขากำลังโห่ร้อง และถอดเสื้อของพวกเขาออก และเอาผงคลีดินซัดขึ้นไปในอากาศ
** ชาวยิวที่ได้ยินคำพูดของเปาโลโกรธมากจึงแสดงอาการต่างๆ ในข้อที่ 23
22:24 นายพันจึงสั่งให้พาท่านเข้าไปในกรมทหาร และสั่งให้ท่านถูกไต่สวนโดยการเฆี่ยน เพื่อนายพันจะได้ทราบว่าพวกเขาร้องปรักปรำท่านด้วยเหตุประการใด
22:25 และขณะที่พวกทหารมัดท่านด้วยสายหนังหลายเส้น เปาโลได้กล่าวแก่นายร้อยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า “เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายที่จะเฆี่ยนคนที่เป็นสัญชาติโรม และยังไม่ถูกตัดสินความหรือ”
22:26 เมื่อนายร้อยได้ยินอย่างนั้นแล้ว เขาก็ไปและบอกนายพัน โดยกล่าวว่า “ระวังนะว่าท่านกระทำอะไร เพราะว่าคนนี้เป็นคนสัญชาติโรม”
22:27 แล้วนายพันจึงมา และกล่าวแก่ท่านว่า “จงบอกเราเถิด เจ้าเป็นคนสัญชาติโรมหรือ” ท่านกล่าวว่า “ใช่แล้ว”
22:28 และนายพันจึงตอบว่า “ด้วยการเสียเงินมาก ข้าจึงได้รับอิสรภาพนี้” และเปาโลกล่าวว่า “แต่ข้าพเจ้าได้รับอิสรภาพนี้โดยกำเนิด”
** เปาโลเป็นลูกหลานชาวยิวซึ่งถือกำเนิดที่เมืองทาร์ซัส แคว้นซีลิเซีย ท่านจึงมีสัญชาติเป็นชาวโรมัน ท่านได้รับสิทธิทุกประการและเดินทางไปมาในอาณาจักรโรมันได้อย่างง่ายดาย
22:29 แล้วในทันใดนั้นพวกทหารก็ไปจากท่าน คือผู้ซึ่งควรจะไต่สวนท่าน และนายพันก็ตกใจกลัวด้วย หลังจากเขาทราบว่าท่านเป็นคนสัญชาติโรม และเพราะว่าเขาได้มัดท่านไว้
22:30 ในวันรุ่งขึ้น เพราะเหตุว่านายพันอยากจะทราบแน่ชัดว่า ทำไมเปาโลถูกกล่าวหาโดยพวกยิว นายพันจึงได้ปล่อยท่านจากบรรดาเครื่องพันธนาการของท่าน และสั่งพวกปุโรหิตใหญ่กับบรรดาสมาชิกสภาให้มาประชุมกัน และได้นำตัวเปาโลลงมา และตั้งท่านไว้ต่อหน้าเขาทั้งหลาย
1. ยิวเดิมทีเป็นลูกหลานของอับราฮัมและเป็นประชากรของพระเจ้า พวกเขาจึงได้รับสิทธิในการรับพระพรที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ก่อน จากนั้นก็คนต่างชาติเมื่อพวกเขาไม่รับพระสัญญาที่พระเจ้านำมาสู่พวกเขาโดยทางพระเยซูคริสต์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกสิ่งคือแผนการของพระเจ้าเนื่องจากว่าพระเจ้าทรงรักโลกและต้องการไถ่ทุกคนไม่ว่าจะยิวหรือต่างชาติก็ตาม
2. ยิวแท้ตอนนี้ไม่ใช่ยิว แต่เราผู้เชื่อต่างหากที่เป็นยิวแท้ (ยิวฝ่ายวิญญาณ) พระสัญญานิรันดร์ที่พระเจ้าทรงสัญญาแก่อับราฮัมจึงเป็นของพวกเรา
3. เราไม่จำเป็นต้องใส่ใจและให้ความสำคัญต่อชาวยิวที่ประเทศอิสราเอลและทั่วโลกอีกต่อไป เนื่องจากว่าพวกเขาตกต่ำและไม่ต้อนรับพระเยซู ความพินาศจึงมาถึงพวกเขา เราคริสเตียนอธิษฐานเผื่อคนทุกชาติให้ได้มาถึงความรอดผ่านทางพระเยซู เราไม่ต้องเดินทางไปดูพระวิหาร กรุงเยรูซาเล็ม และอุโมงค์ฝังศพพระเยซู เพราะว่าพระเยซูอยู่กับเราในเราทุกวันและทุกเวลา
4. ทุกวันนี้ไม่มีพระวิหารแล้ว และธรรมศาลาในอิสราเอลและทั่วโลกเป็นที่อยู่ของซาตาน (วว 2:9; 3:9)
1. ยิว เป็นลูกหลานของอับราฮัม (Jewish)
• ยิว เป็นลูกหลานของอับราฮัม (อับราฮัมมีบุตรชายชื่ออิสอัค อิสอัคมีบุตรสองคนชื่อยาโคบและเอซาว ยาโคบต่อมาพระเจ้าให้ชื่อใหม่ว่า อิสราเอล อิสราเอลมีบุตรชาย 12 คน ต่อมามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองที่ตกเป็นทาสในอียิปต์เป็นเวลาประมาณ 400 ปี คนพวกนี้ถูกเรียกว่า ชาวฮี-บรู Hebrew) ยิว คือชื่อที่คนทั่วไปเรียกชนชาติอิสราเอล คำนี้มาจากตระกูลยูดาห์หนึ่งในชนชาติอิสราเอลสิบสองตระกูล
2. โมเสส คือชายที่พระเจ้าทรงเรียกให้นำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ (Moses)
• โมเสส คือชายที่พระเจ้าทรงเรียกให้นำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์เพื่อเดินทางไปอาศัยที่ดินแดนคานาอัน (ดินแดนแห่งพันธสัญญา) พระเจ้าประทานพระสัญญาและพระบัญญัติชั่วคราวให้อิสราเอลรักษาเพื่อรับพระพรจากพระองค์ จนกว่าพระคริสต์จะเสด็จมาและประทานพระสัญญาใหม่แก่อิสราเอลและคนต่างชาติทั่วโลกโดยทางความเชื่อ
• พระเจ้ายืนยันว่าจะประทานพระสัญญาใหม่ แก่อิสราเอลเพื่อมาแทนที่พระสัญญาอันเดิม
- ยรม 31:31-34 ซึ่งสำเร็จใน ลูกา 22:20 และทรงดลใจเปาโลกล่าวย้ำต่อผู้เชื่อชาวยิวในหนังสือฮีบรู 8:8-12 และ 10:16-17 ซึ่งพระสัญญาใหม่นี้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูจะได้รับ และ 2 คร 3:6
** พันธสัญญาใหม่ ยรม 31:31-34 >> 31 “ดูเถิด วันเหล่านั้นจะมาถึง” พระเยโฮวาห์ตรัส “ที่เราจะทำพันธสัญญาใหม่กับวงศ์วานแห่งอิสราเอล และกับวงศ์วานของยูดาห์ 31:32 ไม่ใช่ตามพันธสัญญาที่เราได้กระทำกับบรรพบุรุษของพวกเขา ในวันที่เราได้จูงมือของพวกเขาเพื่อนำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งพันธสัญญาของเรานั้นพวกเขาได้หัก ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีต่อพวกเขา” พระเยโฮวาห์ตรัส 31:33 “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาที่เราจะกระทำกับวงศ์วานแห่งอิสราเอล ภายหลังวันเหล่านั้น” พระเยโฮวาห์ตรัส “เราจะบรรจุราชบัญญัติของเราไว้ในส่วนภายในของพวกเขา และจะจารึกราชบัญญัตินั้นไว้ในใจของพวกเขา และจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา 31:34 และพวกเขาจะไม่สอนเพื่อนบ้านของตนแต่ละคน และพี่น้องของตนแต่ละคนอีกต่อไป โดยกล่าวว่า ‘จงรู้จักพระเยโฮวาห์’ เพราะพวกเขาทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดของพวกเขาจนถึงคนใหญ่คนโตที่สุดของพวกเขา” พระเยโฮวาห์ตรัส “เพราะเราจะให้อภัยความชั่วช้าของพวกเขา และเราจะไม่จดจำบาปของพวกเขาอีกต่อไป”
- ลูกา 22:20 // 22:20 ในทำนองเดียวกัน ทรงหยิบถ้วยเหมือนกันหลังจากอาหารเย็น โดยตรัสว่า “ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ซึ่งหลั่งออกมาเพื่อท่านทั้งหลาย
- ฮบ 8:8-12 // 8:8 ด้วยว่าโดยทรงพบข้อผิดพลาดกับพวกเขา พระเจ้าจึงตรัสว่า ‘“ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับวงศ์วานแห่งอิสราเอล และกับวงศ์วานของยูดาห์ 8:9 ไม่ใช่ตามพันธสัญญาซึ่งเราได้กระทำกับบรรพบุรุษของพวกเขา ในวันที่เราจูงมือของพวกเขาเพื่อนำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เพราะว่าเขาเหล่านั้นไม่ได้ดำเนินต่อไปในพันธสัญญาของเรา และเราไม่ใส่ใจพวกเขาแล้ว” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ 8:10 “ด้วยว่านี่เป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับวงศ์วานแห่งอิสราเอล ภายหลังวันเหล่านั้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุบรรดาราชบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของพวกเขา และจะจารึกราชบัญญัติเหล่านั้นไว้ในใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าองค์หนึ่งแก่พวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรหมู่หนึ่งแก่เรา 8:11 และพวกเขาจะไม่สอนเพื่อนบ้านของแต่ละคน และพี่น้องของแต่ละคน โดยกล่าวว่า ‘จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า’ เพราะทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่คนโตที่สุด 8:12 เพราะเราจะเมตตาต่อบรรดาการอธรรมของพวกเขา และบรรดาบาปและความชั่วช้าของพวกเขา เราจะไม่จดจำอีกต่อไป”’
- ฮบ 10:16-17 // 10:16 ‘“นี่เป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะกระทำกับพวกเขาภายหลังวันเหล่านั้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุบรรดาราชบัญญัติของเราไว้ในใจของพวกเขา และจะจารึกราชบัญญัติเหล่านั้นไว้ในจิตใจของพวกเขา 10:17 และบรรดาบาปและความชั่วช้าของพวกเขา เราจะไม่จดจำอีกต่อไป”’
- 2 คร 3:6 ผู้ซึ่งทรงกระทำให้พวกเราเป็นพวกผู้ปรนนิบัติที่สามารถแห่งพันธสัญญาใหม่ มิใช่ของตัวอักษร แต่ของพระวิญญาณ ด้วยว่าตัวอักษรนั้นประหารให้ตาย แต่พระวิญญาณนั้นประทานชีวิต
3. พระเยซู นำพระสัญญาของอับราฮัมคือพระสัญญานิรันดร์สำหรับพระเจ้า
ก. ยิวเก่า และคนต่างชาติทั่วโลก เมื่อเชื่อก็จะกลายเป็นยิวใหม่ ยิวฝ่ายวิญญาณ หรือลูกหลานของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณนั่นเอง
ข. พระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับอับราฮัมก็กลายมาเป็นของยิวใหม่ (คริสเตียนทุกคน)
ค. “พันธสัญญาของอับราฮัม” พระเยซูเรียกว่า “พันธสัญญาใหม่” (ลูกา 22:20) ส่วนพระบัญญัติเดิม พระองค์ทรงเรียกว่า “พระบัญญัติใหม่” (ยน 13:34-35) หรือ “พระบัญญัติของเรา” (ยน 15:10-12)
- ลูกา 22:20 // 22:20 ในทำนองเดียวกัน ทรงหยิบถ้วยเหมือนกันหลังจากอาหารเย็น โดยตรัสว่า “ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ซึ่งหลั่งออกมาเพื่อท่านทั้งหลาย
- ยน 13:34 เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่ท่านทั้งหลายคือ ให้ท่านทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน เรารักท่านทั้งหลายมาแล้วอย่างไร ท่านทั้งหลายจงรักซึ่งกันและกันด้วยอย่างนั้น
- ยน 15:10 ถ้าท่านทั้งหลายรักษาบรรดาบัญญัติของเรา ท่านทั้งหลายก็จะเข้าสนิทอยู่ในความรักของเรา เหมือนที่เรารักษาบรรดาพระบัญญัติของพระบิดาของเราแล้ว และเข้าสนิทอยู่ในความรักของพระองค์ 15:11 สิ่งเหล่านี้เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อความปีติยินดีของเราจะดำรงอยู่ในท่านทั้งหลาย และเพื่อความปีติยินดีของท่านทั้งหลายจะเต็มเปี่ยม
15:12 นี่แหละเป็นบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน เหมือนที่เรารักท่านทั้งหลายแล้ว
4. ยิวก่อนจากนั้นความรอดก็จะมาถึงคนต่างชาติ
- โรม 1:16
- โรม 2:9-10
- ฮีบรู บทที่ 9 จนถึง 11
5. ยิวที่ไม่เชื่อหลังจากพระเยซูจนถึงทุกวันนี้
ก. พวกเขาชดใช้หนี้ที่ปฏิเสธพระเยซูมาจนถึงทุกวันนี้
ข. พวกเขาไม่ใช่ยิวและอยู่ภายใต้การดูแลของพระองค์อีกต่อไปแล้ว
ค. คริสเตียนไม่ควรให้ความสำคัญต่อพวกเขามากกว่าชาติอื่น แต่มองเขาว่าเป็นคนที่ไม่เชื่อ และห่วงใย ใส่ใจ อธิษฐานเผื่อพี่น้องคริสตียนทั่วโลกซึ่งเป็นยิวแท้ฝ่ายวิญญาณ
ง. พระวิหาร และธรรมศาลาของยิวไม่ใช่ที่ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นที่อยู่ของมาร (วว 2:9/3:9/ มธ 13:31-32)
- วว 2:9 เรารู้จักบรรดาการกระทำของเจ้า และความทุกข์ลำบาก และความยากจน (แต่เจ้าก็มั่งมี) และเรารู้เรื่องการหมิ่นประมาทของคนเหล่านั้นที่กล่าวว่า พวกเขาเป็นพวกยิวและไม่ได้เป็น แต่เป็นธรรมศาลาของซาตาน
- วว 3:9 ดูเถิด เราจะทำให้พวกเขาที่เป็นของธรรมศาลาของซาตาน ซึ่งบอกว่าพวกเขาเป็นพวกยิว และไม่ได้เป็น แต่พูดมุสาจริงๆ นั้น ดูเถิด เราจะทำให้พวกเขามาและนมัสการแทบเท้าของเจ้า และให้ทราบว่า เราได้รักเจ้า
- มธ 13:31 พระองค์ตรัสคำอุปมาอีกเรื่องหนึ่งแก่เขาทั้งหลาย โดยกล่าวว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ซึ่งชายคนหนึ่งเอาไป และหว่านในนาของตน
- มธ 13:32 ซึ่งที่จริงก็เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวง แต่เมื่อเมล็ดนั้นงอกขึ้นแล้ว มันก็มีขนาดใหญ่โตที่สุดท่ามกลางผักทั้งหลาย และกลายเป็นต้นไม้ จนพวกนกแห่งฟ้าอากาศมา และอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของต้นนั้นได้”
จ. ในช่วงกลียุค ชาวยิว 144,000 คนจะได้รอด
6. ยิวแท้ กับพระสัญญาใหม่
ก. ขอบพระคุณพระเจ้า คริสเตียนคือยิวแท้สำหรับพระเจ้า ซึ่งถูกเรียกว่า คนใหม่คนเดียว
- โรม บทที่ 9-11 / อฟ 2:14-16 / อฟ 4:4 / 1 คร 12:13 / 10:17
ข. ขอบพระคุณพระเจ้า คริสเตียนคือลูกหลานอับราฮัมสำหรับพระเจ้า
- กท 3:7, 29 / โรม 9:7-8 // 9:7 และไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเป็นเชื้อสายของอับราฮัม พวกเขาทุกคนจึงเป็นลูกทั้งหลายแท้ของท่านด้วย แต่ ‘เชื้อสายของเจ้าจะถูกเรียกในอิสอัค’
9:8 คือว่า เขาทั้งหลายซึ่งเป็นลูกทั้งหลายตามเนื้อหนัง คนเหล่านี้ก็ไม่นับว่าเป็นลูกทั้งหลายของพระเจ้า แต่ลูกทั้งหลายแห่งพระสัญญานั้นจึงจะนับว่าเป็นเชื้อสายได้
ค. ขอบพระคุณพระเจ้า คริสเตียนเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณโดยพระเยซู
- คส 2:11-12 // 2:11 ในพระองค์นั้น พวกท่านก็ได้รับการเข้าสุหนัตเช่นกันด้วยการเข้าสุหนัตที่มิได้กระทำด้วยมือมนุษย์ โดยที่พวกท่านได้ถอดทิ้งกายแห่งบาปทั้งหลายของเนื้อหนังเสีย โดยการเข้าสุหนัตของพระคริสต์ 2:12 ได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ในบัพติศมา ซึ่งในบัพติศมานั้นพวกท่านได้เป็นขึ้นมาพร้อมกับพระองค์ด้วย โดยทางความเชื่อนั้นแห่งการกระทำกิจของพระเจ้า ผู้ได้ทรงบันดาลให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย
ง. ขอบพระคุณพระเจ้า คริสเตียนได้รับมรดกทุกประการที่พระเจ้าสัญญาแก่อับราฮัม
- กท 3:14 // 3:14 เพื่อพระพรของอับราฮัมจะได้มาถึงคนต่างชาติทั้งหลายโดยทางพระเยซูคริสต์ เพื่อพวกเราจะได้รับพระสัญญาของพระวิญญาณโดยความเชื่อ
จ. ขอบพระคุณพระเจ้า คริสเตียนอยู่ใต้พันธสัญญาใหม่ และพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู
- ลก 22:20 / ยน 13:34 / 15:20
• ขอพระวิญญาณเปิดตาพี่น้องผู้เชื่อทั้งหลายเพื่อที่จะไม่มีการขัดแย้งและเข้าใจผิดเรื่อง ยิว พระสัญญา และพระบัญญัติ เพื่อที่จะไม่ต้องเดินในความมืดและตกขอบ เอเมน