เอเมนขอบคุณพระเยซูที่พระองค์จะสอนพวกเรา ขอบคุณพระเยซูที่จะนำพวกเรา ขอบคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะเปิดตาพวกเราให้เข้าใจความหมายฝ่ายวิญญาณ เกี่ยวกับการเลี้ยงดูห้าพันคนของพระเยซู เอเมน
มัทธิวบทที่ 14:13-21 สำหรับพระคัมภีร์ตอนนี้มัทธิวบทที่ 14 พูดถึงเรื่องพระเยซูเลี้ยงห้าพันคน ห้าพันคนในที่นี้ไม่นับผู้หญิงและเด็ก ก็แสดงว่าน่าจะเป็นประมาณซักเจ็ดพันหรือแปดพันก็ได้ เพราะว่าเด็กจะมีจำนวนที่มากับพ่อแม่ แล้วผู้หญิงก็จะตามสามีไป สามีไปไหนส่วนมากก็จะตามไป เพราะฉะนั้นน่าจะเป็นประมาณเจ็ดพันหรือแปดพันหรือหมื่นคนเราไม่รู้แน่ชัด
ทีนี้พระเยซูเดินทางมาสาวกก็เดินมาตามพระเยซู แล้วก็ผู้คนเต็มทุ่งหญ้า แล้วมีคนประมาณเจ็ดพันคนถึงหมื่นคนที่มาฟังพระเยซู ถามว่าพระเยซูใช้ลำโพงยี่ห้อไหน คนที่อยู่ห่างไกลจากพระเยซูจึงได้ยิน (สมมุติยืนอยู่ที่สูง) ยืนอยู่ที่สูงคิดว่ายืนอยู่ที่สูงแล้วคนจะได้ยินหรอ.. เคยแปลกใจไหมลองคิดภาพดู ลานธาตุหลวง (ลานวัดขนาดใหญ่) ลานธาตุหลวงคนสิบพันคนอยู่นั้น แล้วคนๆ หนึ่งพูดโดยไม่มีลำโพงไม่มีไมค์เขาได้ยินได้ยังไง สังเกตนะทุกครั้งที่พระเยซูพูด ทุกคนจะเงียบ มันจะเงียบมากเลย
แล้วพระเจ้าจะบันดาลให้ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ แล้วพระเจ้าจะดลบันดาลให้หูทุกหูได้ยิน ไม่ว่าคุณจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม และอีกอย่างหนึ่งสิ่งที่เราเชื่อ สิ่งที่เราเชื่อก็อาจจะเป็นเหมือนพวกคุณพูดที่พระเยซูส่วนมากจะใช้แบบระบบหม้อกระทะ คือเนินเขาภูเขาพระเยซูจะเลือกเป็นที่ยืน แล้วให้ทุกคนอยู่ข้างล่าง เวลาพูดเสียงจะลอยไปแต่เสียงมันจะก้อง มันจะเป็นระบบ Echo พระเจ้าใช้ระบบแบบธรรมชาติช่วย มันจะเสียงก้องไป
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพระเจ้าดลบันดาลให้ทุกคนได้ยิน พระเจ้าดลบันดาลให้หูให้ฟังเสียงพระเยซูได้ ขนาดพระเยซูพูดไม่ดังไม่แรง เวลาพระเยซูพูดพระเยซูจะไม่ร้องตะโกน ในพระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูเป็นคนที่อ่อนน้อมสุภาพ พระเยซูจะไม่ร้องตะโกน แต่ยอห์นผู้ให้บัพติศมาจะร้องตะโกน ท่านทั้งหลายจงกลับใจ พูดร้องดังๆ แต่พระเยซูพูดธรรมดาพูดเสียงธรรมดา แต่ว่าไม่เป็นเรื่องประเด็น ประเด็นอยู่ตรงนี้คือพระเยซูเลี้ยงคนประมาณเจ็ดพันคนถึงหมื่นคน
แล้วทีนี้พระเยซูถามว่าใคร ใครมีอาหารเอามา พระเยซูก็ไม่ได้เอาอาหารไป สาวกของพระเยซูสิบสองคนก็ ไม่มีใครเอาอาหารมาด้วยก็ไม่มีสักคนเลย เพราะว่าเขาค่ำไหนนอนนั่น คือมีอะไรก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน เขาไปไหนไปที่ไหนค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น แต่ว่าขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าเลี้ยงดูสาวกของพระเยซูและพระเยซู ก็ให้มีศิษย์เอาอาหารมาให้
แต่วันนั้นปรากฏว่า วันนั้นมีประมาณหมื่นคนประมาณเจ็ดพันถึงหมื่นคน ไม่มีใครเอาอาหารออกมา ไม่มีใคร เราเชื่อกันว่าหลายคนถืออาหารมาด้วย แต่พระเยซูถามว่ามีใครมีอาหารเอาออกมา มากินด้วยกัน ไม่มีใครเลย รู้ไหมมีคนเดียว มีคนเดียวแล้วคนนั้นเป็นเด็กด้วยเป็นเด็กน่ะ พระเยซูถามน่ะว่ามีใครมีอาหารเอาออกมาแล้วมากินด้วยกัน มีใครมีอะไรก็ตามเอาออกมาเลยมากินด้วยกัน ไม่มีใครออกมา
แต่เด็กคนหนึ่งเดินออกมา เขาถืออะไร ขนมปัง 5 ก้อนแล้วก็มีปลา 2 ตัว อันนี้เขาถือของพ่อแม่เขาถือให้พ่อแม่ เด็กคนนี้เขาไม่ได้เอาอาหารมากินเพราะว่ามีขนมปัง 5 ก้อนมีปลา 2 ตัว แสดงว่าเอามากับพ่อกับแม่กินด้วยกัน มากับพ่อแม่แล้วถือให้พ่อแม่ เด็กคนนี้เด็กดีน่ะ แล้วปรากฏว่าเด็กคนนี้เดินออกมา อาจจะไม่ได้คุยกับพ่อกับแม่ด้วยว่า พ่อแม่ลูกจะเอาอาหารไปให้พระเยซูน่ะ คือพระเยซูถามก็เดินออกไปเลย แล้วพระเยซูก็รับคือมันมีแค่นี้ แล้วคนเป็นพันเป็นหมื่นคนจะกินได้ยังไง
รู้ไหมวิธีการขยายขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัวพระเยซูทำยังไง...
1. โมทนาขอบพระคุณพระเจ้า
2. หัก ถ้าไม่หักพระเยซูจะแจกไม่ได้ ก็คือการหัก
เด็กเท่านี้ (เด็กเล็กๆ) ที่เสียสละ คือท่ามกลางผู้เชื่อมากมายที่ติดตามพระเยซู เราอย่าลืมนะสังเกตดูสิ มีแต่คนส่วนมาก ส่วนมาก ส่วนมากทั่วไปจะเห็นแก่ตัว มีส่วนน้อยและมีเด็กที่มีความเชื่อน้อยที่มีความเสียสละ เราเข้าใจความหมายไหม
อันที่ 1. พระเยซูอธิษฐาน
- คำอธิษฐานสำคัญมาก เรื่องอาหารก็ตาม ธุรกิจก็ตาม ทำงานก็ตาม เป็นพนักงานให้เขา เป็นนายจ้าง เป็นอะไรเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นยังไงก็ตาม.. คุณอย่าลืมอธิษฐานก่อน เพื่อพระเจ้าจะขยายธุรกิจของคุณ เพื่อพระเจ้าจะทำให้ทุกสิ่งเจริญรุ่งเรืองได้ คุณต้องอธิษฐานก่อน แล้วพระเจ้าจะให้รุ่งเรืองได้ อธิษฐาน
อันที่ 2. ก็คือหัก หักคืออะไร
- หักคือการเสียสละ เสียสละ แบ่งปัน ถ้าคุณอยากร่ำรวย ถ้าคุณอยากมีฐานะ ถ้าคุณอยากมีอยู่มีกิน ถ้าคุณอยากสบาย หักชีวิตของคุณ หักทรัพย์สมบัติของคุณ หักๆๆๆๆ แล้วแบ่งกัน แบ่งคนที่ยากจน แบ่งคนที่ขัดสน แบ่งคนที่เดือดร้อน แบ่งให้เขา แบ่งปัน หักแล้วแบ่ง หักแล้วแบ่ง จำคำนี้ไว้แล้วมันจะเกิดผลกับชีวิตเรา พระเจ้าจะให้เรายัด สั่น แน่น พูน ล้น
ที่ผ่านมาเราทุกข์เพราะอะไร เพราะเราไม่หักมัน เราไม่แบ่งปัน ที่ผ่านมาเรามีปัญหาเรื่องการเงินการงานการธุรกิจการค้าเพราะอะไร เพราะเราไม่หักมัน เราไม่แบ่งปันคนทุกข์คนยาก เราไม่ช่วยเหลือคนอื่น การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นสิ่งที่ดีเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่พระเจ้าต้องการ เพราะว่าคนเราเกิดมา บางคนทุกข์ยาก บางคนลำบาก บางคนขัดสน มันเป็นหน้าที่หนึ่งที่เราจะช่วยสังคมช่วยมนุษย์ช่วยเหลือคนที่ขัดสน นี่คือเคล็ดลับของการมีอยู่มีกิน มีฐานะร่ำรวยได้ หักมัน แต่อย่าลืมอธิษฐาน อธิษฐาน
ถาม.
อีกประเด็นหนึ่งอาจารย์ที่หลายคนที่ติดตามพระเยซู ใช่ติดตามเพื่อฟังหรือเพื่อชีวิตหรือเพื่อ...
ตอบ.
เราจะเห็นว่าในพระคัมภีร์บันทึกเกี่ยวกับการเลี้ยงผู้คนมีแค่สองครั้ง แต่อย่าลืมน่ะ เราเชื่อ เราเชื่อน่ะว่ามีหลายครั้งที่พระเยซูเลี้ยงเขา หลายครั้งเหลือเกิน ที่มีคนเอามาเล็กๆ น้อยๆ พระเยซูทำให้มันเต็มแล้วก็ไปแจกกันกิน คือคนพวกนี้ห้าพันหรือหมื่นคน เขาตามพระเยซูส่วนมากจะตามเพราะผลประโยชน์ อยากกิน แล้วก็อยากเห็นการอัศจรรย์ ตามพระเยซูมาเพื่ออยากเห็นการอัศจรรย์ อยากเห็นฤทธิ์เดชพระเจ้า อยากรักษาโรคให้หาย คืนมาเอาปัญหามาให้พระเยซู บางคนเป็นทุกข์โศก โศกเศร้าเสียใจ มาหาพระเยซูเพื่อให้พระเยซูทำให้หายดี
ในพระคัมภีร์มัทธิวบทที่ 4 ข้อที่ 23-24 บอกว่า หลายคนที่โศกเศร้าเสียใจก็มาหาพระเยซู พระเยซูก็รักษาให้หาย หลายคนที่ถูกผีเข้าพระเยซูก็รักษาให้หาย หลายคนที่ป่วยไข้พระเยซูก็รักษาให้หาย เขาก็มาหาพระเยซูหลายคนก็มา
(สมัย 30 ปีก่อน มีเด็กคนหนึ่งเรียกว่า หมอเทวดา อยู่ประเทศลาว หมอเทวดาอายุน้อยๆ คือเขาไปเหยียบบนท้องใครโรคก็จะหายดี ขึ้นเหยียบท้องคน ผู้ใหญ่ก็นอนให้เหยียบ เด็กน้อยคนนี้ก็มาเหยียบท้อง เหยียบท้องแล้วก็หาย เป็นโรคอะไรก็หาย หมอเทวดา คนแห่กันมาแต่แขวง/เมืองไหนก็มาหมด หมอเทวดา)
พระเยซูไปไหนคนก็มุงล้อมเต็ม เดินตามอยากไปดูการอัศจรรย์ อยากเห็นพระเยซูรักษาโรคไล่ผี อยากเห็นพระเยซูเอาคนง่อยคนที่เป็นง่อยลุกขึ้นยืนได้ มันอัศจรรย์น่ะ มันประหลาดมาก เขาอยากเห็นเขาก็ตามพระเยซู คนที่ตามพระเยซูจริงๆ มีน้อยมาก
พวกคุณจำได้ไหมพระเยซูเลี้ยงห้าพันคน และอีกต่อมาไม่นาน อีกต่อมาประมาณวันรุ่งขึ้น พระเยซูบอกว่าถ้าพวกท่านกินเรา พวกท่านจะมีชีวิตโดยเรา เขาหนีหมดเลย เพิ่งเลี้ยงอาหารเขาน่ะ แล้วพระเยซูสอนว่า เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ถ้ากินเรา พวกเจ้าจะมีชีวิตโดยเรา เขาหนีหมดเลย หนีหมดเลยห้าพันเจ็ดพันหนีหมดเลย ไปอ่านดูในยอห์นบทที่ 6 มันตรงกับยอห์นบทที่ 6 หนีหมดเลยหลายพันคนนี้ไปเลย แล้วเหลือสาวกสิบสองคน พระเยซูถามว่าพวกเจ้าจะหนีจากเราด้วยหรอ แล้วเปโตรบอกว่าไม่หนีเด็ดขาด ไม่ไปไหนเราจะอยู่กับพระองค์ เหลือแค่สิบสองคน จากห้าพันคนหมื่นคน
เห็นไหมนี่คือการทดสอบ เรามาหาพระเจ้า มาหาแบบไหน เรามาเพื่อต้องการอะไร
ถ้าเรามาเพื่อให้พระเจ้าอวยพร อย่ามาดีกว่า
ถ้าเรามาเพื่อรักษาโรค อย่ามา
ถ้าเรามาเพื่อถูกผีเข้าให้ได้ผี อย่ามา
ถ้าเรามาเพื่อเหตุผลอื่น นอกจากจะมาเชื่อพระเยซูและติดตามพระเยซูรักพระเยซู มาหาพระเจ้า มานมัสการพระเจ้า มาพบพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ มาเลย
เราต้องการพ่อเราต้องการพระบิดาเราต้องการพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ เรามา
เรามานมัสการพระองค์ แล้วที่เหลือพระเจ้าจะอวยพรพระเจ้าจะรักษาโรคพระเจ้าจะไล่ผี พระเจ้าจะเลี้ยงดู อันนั้นเป็นสิ่งเรื่องรอง เหตุผลหลักที่เรามาหาพระเจ้าเพื่อนมัสการเพื่อต้องการพระเจ้า
สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่ยาวและก็ไม่มียากเพียงแต่เราเข้าใจตรงนี้ ว่าพระเยซูเลี้ยงคนห้าพันคน ที่จริงแล้วมีประมาณเจ็ดพันแปดพัน แล้วคนที่เสียสละ พระเยซูถามว่า คนเยอะขนาดนี้วันนี้มีใครได้เอาอาหารออกมาเพื่อจะได้แบ่งกันกิน เราจะทำให้อาหารมันเพิ่มพูนขึ้นจะได้แบ่งกัน ไม่มีใครเอาออกมา แต่เด็กน้อยคนหนึ่งเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ยังรู้จัก รู้จักกว่าผู้ใหญ่เดินออกมาแล้วเอายื่นให้พระเยซูมีขนมปัง 5 ก้อน พระเยซูหัก หัก ๆๆๆ สุดท้ายมาเป็นหมื่นๆ ก้อน รู้ไหมเหลืออีก เหลือ.
สำหรับพระพรของพระเจ้าไม่ใช่ว่าให้พอดีพอเพียง พระเจ้าน่ะให้เหลือ ถ้าเรารู้จักหัก รู้จักเสียสละ การใช้ชีวิตอยู่เพื่อการเสียสละมันมีประโยชน์เยอะ เพราะพระคัมภีร์บทนี้แหละ
คนอยู่ประเทศอเมริกาเห็นไหมคนอเมริกาคนฝรั่ง เขาเสียสละ ทิ้งบ้าน ทิ้งเมือง ทิ้งการงานดี ทิ้งธุรกิจการค้า เขามีเงินเท่าไหร่เขาไปประเทศอินเดียไปประเทศแอฟริกา เขามาลาวมาไทย พม่าไปหมด และไปแจกจ่ายเอาเงินไปซื้อนั่นซื้อนี่ไปแจกคนทุกข์คนยาก แล้วเขาปลูกบ้านน้อยๆ อยู่ บางคนไปอินเดียปลูกตูบอยู่ข้างทาง เป็นมิชชันนารี เป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ เห็นไหมล่ะนี่คือการเสียสละ คือการยอมหัก
เพราะฉะนั้นเราเหมือนกัน เราก็เหมือนกัน เรายอมถูกหัก หักชีวิตของเรา หักชีวิตของเราให้มันตาย เชื่อว่าเราตายกับพระเยซูบบนกางเขนสองพันปีก่อน
คุณอย่าลืมน่ะทุกสิ่งที่เราทำมันไม่ได้ฟรี พระเจ้ามีค่าตอบแทน ถ้าคุณทำดีพระเจ้าก็ตอบแทนด้วยสิ่งดีพระพร ถ้าคุณทำบาปพระเจ้าก็นำการลงโทษการตีสอนมาให้
แต่ถ้าเราสารภาพพระเจ้าจะผ่อนโทษให้จากหนักเป็นเบาหรือว่าอาจจะไม่มีเลย การยกโทษของพระเจ้ามหัศจรรย์น่ะ คือบางครั้งพระเจ้าทำให้หนักเป็นเบาได้ หรือจากหนักหายไปเลย คือพระเจ้าไม่เอาโทษ มันอยู่ที่พระเจ้า
แล้วสารภาพทันทีอย่ารอพรุ่งนี้อย่ารอมะรืนนี้เดี๋ยวจะลืม ทุกบาปต้องมีการสารภาพ พระเจ้าจึงยกโทษให้ แต่ถ้าเราไม่สารภาพก็จะมีการตีสอนอยู่นั่นแหละ ตีสอน ตีสอนแบบผ่อนยาวก็มีน่ะ เราไม่สารภาพ พระเจ้าก็ตีอยู่นั่นแหละ
แต่ว่าสำคัญที่สุด สำคัญที่สุดคริสเตียนเราต้องมีสันติสุข สันติสุขนี้เราต้องมีทุกวันทุกเวลา คือได้มาจากการไม่กลัวพระเจ้า เราได้สันติสุขมาโดยการไม่กลัวพระเจ้า ไม่ต้องกลัว พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าที่น่าเกลียดน่ากลัว พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าที่แบบต้องลงโทษต้องชี้หน้าเราตัดสินเรา ไม่. พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรักและพระเจ้าแห่งความเมตตา พระเจ้ารักและเมตตาเรา
พ่อที่รักลูก (พ่อที่เป็นโจร พ่อที่เป็นคนไม่ดี พ่อเป็นคนชั่ว ยังรู้จักรักลูก) แล้วพระเจ้าของเรา เป็นพระเจ้าแสนดีด้วย แล้วพระเจ้ามีความรักและเมตตาด้วย เราทำผิดกี่ครั้งพระเจ้าก็จะยกโทษให้ 70×7 พระเจ้าสัญญา เอเมน ไม่ต้องกลัว เราจึงเกิดมีสันติสุข
ต่อจากนั้นเราไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่รอด เราเชื่อพระเยซูปุ๊บเราได้รอด และเราได้รอด ก็คือรอดแล้วรอดเลย คุณจะไม่เสียความรอดไปเป็นอันขาด ไม่สูญเสียความรอด นอกจากว่าวันหนึ่งคุณสัญญาว่าวันนี้ฉันจะทิ้งพระเจ้าจะทิ้งพระเจ้าไปจะไม่เอาพระเยซูแล้ว จะกลับไปศาสนาเก่าไม่เชื่อพระอะไรทั้งนั้น คุณตกนรกแน่นอน.. ฉะนั้นขออย่าทิ้งพระเยซูเท่านั้นก็พอ.
ถาม.
อธิษฐาน เราอธิษฐานในใจได้ไหม
ตอบ.
อธิษฐานในใจได้ ถ้ามีคนเยอะนะครับอธิษฐานในใจ ไม่ต้องพูด เดี๋ยวคนเขาอยู่รอบข้างเราเขาจะรู้สึกแปลกๆ เอ่อ..คนนี้เขาทำอะไร.. เราอธิษฐานในใจนะครับ ถ้าไม่มีใครเราพูดได้พูดขึ้นมาได้ พระเยซูสั่งใช่ไหมอย่าอธิษฐานต่อหน้าผู้คน จงเข้าไปในที่ลี้ลับ ลับลี้ เพื่อพระเจ้าในที่ลับนี้จะประทานบำเหน็จให้แก่ท่าน (มธ 6:5-6)
คริสเตียนทุกวันนี้หลายคนนะครับ อธิษฐานแบบอวด อวดคนอื่น อยากให้รู้ว่าเป็นคนชอบอธิษฐาน นั่งอยู่ที่สาธารณะ นั่งทานข้าวอะไรก็ "พระบิดาขอบคุณพระองค์สำหรับอาหารที่พระองค์ประทานประจำวัน" มองดูว่าใครจะมองดูเราบ้าง "ขอบคุณพระเยซู" อวดนะครับอวดอธิษฐาน (พระเยซูสั่งว่าอย่าทำเป็นอันขาดถ้าทำจะไม่ได้บำเหน็จ)
สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่ยาวและก็ไม่มียากเพียงแต่เราเข้าใจตรงนี้ ว่าพระเยซูเลี้ยงคนห้าพันคน ที่จริงแล้วมีประมาณเจ็ดพันแปดพัน แล้วคนที่เสียสละ พระเยซูถามว่า คนเยอะขนาดนี้วันนี้มีใครได้เอาอาหารออกมาเพื่อจะได้แบ่งกันกิน เราจะทำให้อาหารมันเพิ่มพูนขึ้นจะได้แบ่งกัน ไม่มีใครเอาออกมา แต่เด็กน้อยคนหนึ่งเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง ยังรู้จัก รู้จักกว่าผู้ใหญ่เดินออกมาแล้วเอายื่นให้พระเยซูมีขนมปัง 5 ก้อน พระเยซูหัก หัก ๆๆๆ สุดท้ายมาเป็นหมื่นๆ ก้อน รู้ไหมเหลืออีก เหลือ
สำหรับพระพรของพระเจ้าไม่ใช่ว่าให้พอดีพอเพียง พระเจ้าน่ะให้เหลือ ถ้าเรารู้จักหัก รู้จักเสียสละ การใช้ชีวิตอยู่เพื่อการเสียสละมันมีประโยชน์เยอะ เพราะพระคัมภีร์บทนี่แหละ
คนอยู่ประเทศอเมริกาเห็นไหมคนอเมริกาคนฝรั่ง เขาเสียสละ ทิ้งบ้าน ทิ้งเมือง ทิ้งการงานดี ทิ้งธุรกิจการค้า เขามีเงินเท่าไหร่เขาไปประเทศอินเดียไปประเทศแอฟริกา เขามาลาวมาไทย พม่าไปหมด และไปแจกจ่ายเอาเงินไปซื้อนั่นซื้อนี่ไปแจกคนทุกข์คนยาก แล้วเขาปลูกบ้านน้อยๆ อยู่ บางคนไปอินเดียปลูกกระต๊อบอยู่ข้างทาง เป็นมิชชันนารี เป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ เห็นไหมล่ะนี่คือการเสียสละ คือการยอมหัก
เพราะฉะนั้นเราเหมือนกัน เราก็เหมือนกันนะครับ เรายอมถูกหัก หักชีวิตของเรา หักชีวิตของเราให้มันตาย เชื่อว่าเราตายกับพระเยซูบบนกางเขนสองพันปีก่อน
วันที่พระเยซูตาย เราก็ตาย คุณก็ตาย เราทุกคนตายหมด วันที่พระเยซูตายบนกางเขนพระเยซูนับเอาเรานับเอาทุกคนและตายกับพระองค์ และพระองค์นับแล้วพระองค์บอกว่าสำเร็จแล้ว วันนั้นเป็นวันที่เราทุกคนตายกับพระองค์ ประวัติศาสตร์ของพระเยซูอยู่กางเขน คือประวัติศาสตร์ของเราทุกคนด้วย
ถาม.
ตายเฉพาะผู้ที่เชื่อ หรือว่าทั่วโลก
ตอบ.
ตายเพื่อทุกคน ตายเพื่อทุกคน ทั้งเชื่อและไม่เชื่อด้วย ตายเพื่อทุกคน แต่คนที่ได้รับประโยชน์ คือคนที่เชื่อ คนที่ได้ประโยชน์ได้เห็นปาฏิหาริย์
โรม 6:3 เปาโลได้พูดโดยพระวิญญาณว่า ท่านไม่รู้หรือว่า ท่านทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์
โรม 6:4 บอกว่า เราได้ถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว วันที่พระเยซูถูกฝังอยู่ในอุโมงค์ 3 วัน เราก็อยู่นั่น เราทุกคนอยู่นั่น และพระคัมภีร์บอกว่า โรม 6:4 บอกว่า พระเยซูได้ฟื้นคืนพระชนม์ เพื่อพวกเราทุกคนจะมีชีวิตใหม่
2 โครินธ์ 5:14 บอกว่า มีผู้ชายคนหนึ่งได้ตายเพื่อคนทั้งปวง เหตุฉะนั้นคนทั้งปวงจึงตายแล้ว
กาลาเทีย 2:20 บอกว่ายังไง ข้าพเจ้า (เปาโล) ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า พระเจ้านี่ไม่ใช่แต่เปาโลคนเดียวนะ พระเยซูตายไม่ใช่เปาโลไปตายด้วย 2 คน ไม่ใช่. เราทุกคนพระคัมภีร์บอกว่าเราทุกคนได้ตายหมดแล้ว คุณตายแล้วนะ รู้ตัวไหมว่าตายแล้วกับพระเยซูสองพันปีก่อน
วันที่พระเยซูตายพวกเราตายกับพระองค์ทุกคน และเป็นอยู่ทุกวันนี้คือใครล่ะ เป็นคนใหม่ เป็นคนที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย เป็นคนที่ผ่านอุโมงค์มาแล้ว ผ่านกางเขนมาแล้ว ออกมาจากอุโมงค์กับพระเยซูแล้ว เราไม่รู้ตัวเฉยๆ ว่าเราเป็นคนใหม่
เราเกิดมากับพ่อกับแม่ เกิดมาแล้ว โตขนาดนี้ แล้วชื่อเอ ชื่อบี ชื่อซี เราไม่รู้ว่าที่จริงนะเรามีชื่อฝ่ายวิญญาณ เราไม่รู้ว่าที่จริงเราเป็นลูกพระเจ้าที่พระเจ้าเตรียมเราทุกคนไว้แล้ว เราน่ะไม่รู้ เพราะฉะนั้นตื่นซะ ตื่น เราตายแล้ว ตัวนี้คือตัวใหม่เป็นคนใหม่ ถ้าเชื่อแบบนี้ทุกวันๆ สันติสุขก็จะเริ่มเกิด และเชื่อแบบนี้ทุกวันๆ เราจะสามารถชนะบาปได้ เชื่อแบบนี้ทุกวันแล้วเราจะเห็นว่าโลกมันจะเป็น..คือพระเจ้าจะนำพาชีวิตเราแบบ อัศจรรย์ อัศจรรย์
เพราะฉะนั้นสะสมบทเรียนนี้เยอะๆ แล้วจะได้คำตอบ มีสันติสุขทุกวันทุกเวลา ใจเบาสบาย กางเขนเบา ภาระเบา แอกเบา ได้รับการพักผ่อน นี่คือมาหาพระเยซูถูกทาง เอเมน
แต่ว่ามันเป็นอย่างนี้สำหรับพระเจ้าน่ะ สำหรับพระเจ้าทุกคนที่จะรอดพระเจ้าเลือกไว้แล้วพระเจ้าหมายไว้แล้ว ทุกคนที่จะรอดพระเจ้าหมายไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง แต่ว่าหน้าที่ของเราคือไปประกาศ เพราะว่าถ้าไม่มีคนประกาศเขาจะได้ยินได้ยังไงใช่ไหม
และทีนี้พระเจ้าบอกให้เราเตือน ว่าให้พวกท่านระวังอย่าละทิ้งความเชื่อ ถึงว่าพระเจ้ารู้ว่าบางคนจะทิ้งความเชื่อ แต่ก็ต้องเตือนเพราะว่าพระเจ้ายุติธรรม สักหน่อยคนจะต่อว่า ว่าทำไมไม่เตือนกัน (ความหมายอย่าละทิ้งความเชื่อ ก็คืออย่าทิ้งพระเยซูทิ้งพระเจ้า) อย่าละทิ้งเพราะว่าแต่ละยุคแต่ละสมัยมันจะมีคนละทิ้งความเชื่อ จะเลิกเชื่อพระเยซูและกลับไปศาสนาเก่าของเขา
คนยิวหลายคนสมัยแต่ก่อน มาเชื่อพระเยซูแล้วมากับสาวกของพระเยซูแล้ว แต่ในที่สุดพวกฟารีสีธรรมอาจารย์ดึงกลับดึงเอาคืน เขาก็กลับคืนไป ในพระคัมภีร์ฮีบรูเขียนไว้หลายคนละทิ้งความเชื่อ และกลับไปคืนไปศาสนายิว ปัจจุบันนี้หลายคนศาสนาพุทธมาเชื่อพระเยซูแล้วกลับคืนไปพุทธ เพราะว่าไม่เห็นอะไร เขาเข้าไม่ถึง แล้วเขาไม่เห็น เขาก็เลยท้อใจน้อยใจแล้วก็เลยกลับไป
เพราะฉะนั้นเปาโลบอกว่าอย่าละทิ้งความเชื่อ เราเชื่อเราเดินให้มันถูกทาง เสาะแสวงหาค้นให้มันถูกทาง ถ้าค้นถูกจริง แอกจะเบา จะมีสันติสุขทุกวันเวลา
ตั้งแต่เริ่มถูกเปิดตาพระวิญญาณเปิดให้เราได้เข้าใจ เราเห็นว่ามีสันติสุขทุกเวลามันเป็นไปได้ ไม่งั้นพระเยซูจะสัญญาทำไม พระเยซูบอกว่าน้ำที่เราให้พวกเจ้าดื่ม พวกเจ้าจะไม่กระหายอีกเลย สันติสุข น้ำคือสันติสุข พระเยซูให้แล้วจะไม่หายอีก
แต่ว่าทำไมทุกวันนี้คริสเตียนหลายคนยังไม่มีน้ำแห่งชีวิต ยังไม่มีสันติสุข ยังกระหายอยู่ใช่ไหมล่ะ เพราะอะไรเพราะเขากินไม่เป็น เพราะเขาไม่รู้วิธีเอาน้ำแห่งสันติสุข แล้วพวกเราได้หรือยังสันติสุข (ได้แล้ว) ขอบคุณพระเจ้า โควิด (โรคระบาด) เกิดก็มีความสุขไม่มีความหวั่นไหว เงินเดือนไม่ได้เดือนหนึ่งก็ไม่หวั่นไหว มีมาม่ากินหักสี่ก็ไม่หวั่นไหว ก็มีสันติสุขไม่เคยขาด
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์นำพาพวกเราในวันนี้ ขอบคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สอนพวกเรา และขอบคุณพระเจ้าที่รักพวกเรา ป้อนอาหารจากสวรรค์ที่มาจากพระองค์ เป็นอาหารแห่งชีวิตเพื่อพวกเราจะเติบโตขึ้นสู่นิสัยพระเยซู จะเลิกทำบาปและดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ พวกเรารักพระเยซู รักพระเยซู