ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้มีการเขียนหนังสือยอห์นบทที่ 2:13-25 เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เทศกาลปัสกา ภาษากรีกก็คือ πάσχα, τό อ่านว่า พาส-คา แปลว่าผ่านไป ผ่านเลยไป ก็คือทูตสวรรค์แห่งความตายผ่านเลยไป ผ่านบ้านของชาวยิวที่เอาเลือดแกะทาที่ขอบประตู ในสมัยที่ชนชาติอิสราเอลต้องการอพยพออกมาจากประเทศอียิปต์แล้วก็กษัตริย์ฟาโรห์ไม่ยอม
เพราะฉะนั้นเหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้น แล้วก็ทูตสวรรค์แห่งความตาย ก็คือผ่านเลยไป ไม่เอาเรื่อง ไม่ทำลายบุตรชายคนโตของบ้านทุกหลังที่ทาเลือดแกะ
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ เราขอบพระคุณพระบิดาที่เลือดพระโลหิตของพระเยซู ที่พระบิดามองเห็น แล้วก็ทูตแห่งความตายก็มองเห็น ไม่มีใครกล้าแตะเรา สรรเสริญพระเยซู
ไม่เพียงแต่ทูตสวรรค์แห่งความตาย ผีมารซาตานอะไรก็แล้วแต่ วิญญาณชั่วทั้งหลาย ไม่มีใครมาแตะเราได้ ทุกสิ่งทูตแห่งความตายจะผ่านเลยไป เขาเห็นฝ่ายวิญญาณเขาจะมองเห็นพระเจ้าประทับอยู่ในเรา และเขาจะเห็นพระโลหิตของพระเยซูเป็นสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับพระบิดา
เพราะฉะนั้นในชีวิตนี้เราขอบพระคุณพระบิดาที่ทุกสิ่งที่ยากๆ ก็จะกลายเป็นง่ายได้ ขอบพระคุณพระบิดาเนื่องจากพระโลหิตเรื่องร้ายจะกลายเป็นดีได้ หนักก็จะกลายเป็นเบาได้ เมื่อเราสารภาพ เมื่อเราขอโทษ เมื่อเราร้องทูลต่อพระเจ้าทางพระโลหิต โทษของพระเจ้าทุกสิ่งก็จะผ่านเลยไป แล้วก็มาถึงวันพิพากษาครั้งสุดท้ายการพิพากษาครั้งสุดท้าย เราขอบพระคุณพระบิดาที่โทษแห่งบึงไฟก็จะผ่านเลยไป เราไม่ต้องมีส่วนในบึงไฟ สรรเสริญพระบิดา
1. เทศกาลปัสกา
2. เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ
3. เทศกาลถวายผลแรก
4. เทศกาลเพ็นเทคอส หรือเทศกาลเก็บเกี่ยว
5. เทศกาลเสียงแตร หรือว่าจะฉลองปีใหม่ของชาวยิว
6. เทศกาลวันลบมลทิน
7. เทศกาลอยู่เพิง
สำหรับเรา เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับเทศกาลปัสกาเมื่อชนชาติอิสราเอลสมัยก่อนเขาต้องฉลองปีละครั้ง แต่พวกเราตอนนี้นะครับเราสรรเสริญพระเยซูเมื่อไหร่ ก็เรียกว่าการฉลองปัสกา เราสรรเสริญ เรายกย่อง เราขอบพระคุณ เรากระโดดโลดเต้นดีใจ เพราะว่าโทษแห่งความตาย โทษแห่งการพิพากษา โทษทั้งหลาย การตีสอนทั้งหลายมันผ่านเลยไป สรรเสริญพระเยซู
ข้อที่ 14. และในพระวิหารทรงพบคนเหล่านั้นที่ขายบรรดาวัวตัวผู้ และพวกแกะ และนกเขาทั้งหลาย และบรรดาคนรับแลกเงินกำลังนั่งอยู่
อันนี้เราขอบคุณพระเยซูที่เมื่อก่อนเราไม่เข้าใจ ว่าเขาค้าขายเขาซื้อขายเขาขายแกะขายวัวขายอะไรกันเนี่ยเพื่ออะไร เราไม่เข้าใจ แต่ต่อมาเราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เปิดตาพวกเราให้รู้ว่า นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าไม่ต้องการให้ถวายสิบลดที่เป็นเงิน คือเป็นสัตว์เลี้ยงเท่านั้นหรือเป็นข้าวเป็นอะไรก็ตามที่เป็นอาหารนะครับ เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่าขอบพระคุณพระเยซูที่สิบลดไม่ใช่เงิน
แล้วเราขอบพระคุณพระเยซูที่ตอนนี้ไม่มีสิบลดแล้ว แต่เป็นร้อยลด พระเจ้าซื้อเราแล้ว เราเป็นของพระเจ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วน่ะ คืออะไร? ก็คือทุกสิ่งที่เรามีอยู่เป็นชื่อของเรา แต่เจ้าของที่แท้จริงก็คือพระบิดา สรรเสริญพระเยซู เราเต็มใจยกให้พระเจ้า เมื่อยกให้แล้ว พระเจ้าก็ประหารชีวิตเราชีวิตเก่ามันผ่านกางเขนไม่ได้ มันจบที่กางเขนมันเล็ดลอดผ่านไปไม่ได้ พระเจ้าไม่อนุญาต
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตใหม่ ตัวใหม่ หัวใจใหม่ วิญญาณใหม่ ทุกสิ่งถวายเป็นเครื่องบูชาอันหอมหวนแด่พระบิดา พระองค์ทรงยอมรับเครื่องถวายนี้ทุกๆ ครั้งที่เราผู้เชื่อที่เป็นภาชนะทองคำแล้ว เราขอบคุณพระเจ้าเราไม่ใช่ภาชนะดินแล้ว บ้านของพระเจ้ามีหนึ่งหลังบ้านใหญ่ของพระเจ้า แต่เราพบว่ามีภาชนะดินยังมีอีกเยอะมาก เราอธิษฐานเผื่อพี่น้องเหล่านั้นและช่วยเขาเท่าที่จะช่วยได้
แต่เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เรากลายมาเป็นภาชนะทองคำแล้ว เนื่องจากเราได้รับพระคำล้ำลึก พระคำที่แปลถูก จึงเข้าสู่การชำระ
และสำหรับเรื่องพระวิหาร ก็คือชนชาติอิสราเอล ที่ประทับ ของกษัตริย์ของพวกเขา ก็คือพระราชวัง แต่สำหรับพระเจ้าที่ประทับของพระองค์ไม่ได้อยู่ในวังเหมือนกษัตริย์ พระเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยกับเขาแล้วก็นั่งพูดคุยกัน ไม่ใช่ คือใครที่มาหาพระเจ้าก็ต้องไปที่พระวิหารเท่านั้น
พระเยซูเสด็จมาในฐานะพระบุตรพระเจ้า หรือพระเจ้าพระบุตร พระองค์จึงมีสิทธิอำนาจในการชำระพระวิหารได้ ซึ่งชาวยิวหลายคนตอนนั้นเราจะเห็นว่าเขาไม่เข้าใจการกระทำของพระองค์ และในวันนั้นพวกเขาจึงไม่พอใจ และกล่าวหาว่าพระองค์หมิ่นประมาทพระเจ้า พวกเขาได้เสนอให้พระเยซูทำอะไรบางอย่าง เพื่อยืนยันว่าถ้าเป็นพระเจ้า ถ้าเป็นบุตรพระเจ้าก็ทำการอัศจรรย์สิ
แล้วพระเยซูก็ตรัสกับพวกเขาเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ก็คือสามวัน ภายในสามวันเราจะก่อพระวิหารขึ้นมาใหม่ พระวิหารจะถูกทำลาย และจะก่อขึ้นใหม่ภายในสามวัน เป็นความหมายฝ่ายวิญญาณ ก็คือวิหารหลังนี้ที่พระเยซูพูดถึง ก็คือร่างกายของพระเยซูเอง
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีเรือนมีบ้าน มี House เป็นนิเวศ เป็นที่อยู่อาศัยของพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
เพราะฉะนั้นเมื่อก่อนเรามองไปที่พระบัลลังก์ของพระเจ้าที่พระที่นั่งในสวรรค์ ทูตสวรรค์ทั้งหลายจะเห็นแค่ดวงสว่าง แล้วพระเจ้าอาจจะทำเป็นภาพจำลองให้ทูตสวรรค์เหล่านั้นได้เห็น หรือคนที่ขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ได้เห็นว่าพระเจ้าเป็นผู้ชายแล้วก็ใส่ชุดสีขาว แต่ส่วนมากก็จะเป็นดวงสว่าง แต่เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ และเป็นขึ้นมาใหม่ พระองค์เป็นเรือนหลังใหม่ แล้วเสด็จขึ้นไปบนสวรรค์ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่ในพระองค์ เมื่อทูตสวรรค์ทั้งหลายเหลียวมองที่พระบัลลังก์ก็เห็นพระเยซู
เราอย่าแปลกใจที่ในพระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูประทับที่ข้างขวา พระบิดาที่ข้างซ้าย อันนั้นไม่ใช่ คือความหมายเล็งถึงพระเยซูอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็อยู่ในพระเยซู ฉะนั้นพอมาถึงยุคพันปี และฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ ทุกคนจะเห็นคนที่นั่งอยู่ที่พระบัลลังก์ คือพระเยซู
พอมาถึงตอนที่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว พระเยซูก็รักษาโรค เราจะเห็นว่ามีหลายคนเชื่อวางใจ และยอมรับพระเยซูว่าเป็นพระเจ้าเป็นพระผู้ไถ่ แต่พระคัมภีร์บอกว่าพระองค์ไม่ไว้ใจใคร เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ท่ามกลางพี่น้องคริสเตียนพวกเรา เราใช้ความรักก็เชื่อใจ ความรักก็วางใจในทุกสิ่ง อันนั้นคือ การเชื่อใจ การวางใจ "ในพระคริสต์" "ในพระคริสต์" และพระเจ้าอนุญาติให้วางใจใครก็วางใจคนนั้น
แต่อย่าไว้วางใจในทุกสิ่ง ความหมายก็คือเราอย่าวางใจในเนื้อหนัง ในมนุษย์อาดัม ในสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในพระคริสต์ เพราะว่าวันนี้คนมากมายรักพระเยซู พอถึงตอนยอห์นบทที่ 6 มีผู้ชาย 5,000 คน ผู้หญิง เด็กยังไม่นับว่ามีเท่าไหร่ พวกเขาติดตามพระเยซูมาตลอด แต่พอพระเยซูพูดคำว่า จงกินเราและดื่มเลือดของเรากินร่างกายของเราดื่มเลือดของเรา ท่านจะมีชีวิตอยู่โดยเรา ทุกคนหนีไปหมดเลย ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว มีแค่สาวก 12 คนที่อยู่กับพระเยซูตอนนั้น (ยอห์น 6:47-58)
แล้วเราอย่าแปลกใจนะครับ คำสอนที่เป็นพระคำล้ำลึก คำสอนที่แปลถูก คำสอนที่ผมเรียกว่ามานาฯ เป็นสิ่งที่มาจากสวรรค์ แล้วซาตานมันไม่ชอบ เป็นคำสอนที่นำมนุษย์ให้ใกล้พระเจ้ามากที่สุด ให้เอาหัวใจมาถวายแด่พระเจ้า เอาความรักมาให้พระเจ้า เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ พระเจ้าต้องการนะครับ คือความรัก หัวใจของเรา
แต่ซาตานมันขัดขวางมันรู้ว่าพวกนี้จะเอาหัวใจเอาความรักมาให้พระเจ้า เป็นสิ่งที่พระเจ้าชอบ มันก็จะขัดขวาง อะไรที่พระเจ้าชอบมันจะขัดขวาง
คริสเตียนคนทั่วๆ ไป ทำอะไรก็แล้วแต่ทำเถอะ ขยันทำลงไปประกาศข่าวประเสริฐประกาศลงไป รับใช้สร้างโบถ์สเยอะๆ สร้างไปไม่เป็นไร
แต่ใครจะนำความรักมาให้พระเจ้า มาสนิทในพระเจ้า มาถวายหัวใจแด่พระเจ้าอันนี้มันจะขัดขวาง
เพราะฉะนั้นเราไม่แปลกใจว่ามีหลายคนที่มาพบพระคำล้ำลึกแล้ว บางคนมาถึง บางคนมาไม่ถึง ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ขอบพระคุณพระบิดา เราสรรเสริญพระเจ้าที่เราได้มาถึงพระคำล้ำลึก แล้วก็ได้ลิ้มรสได้สัมผัสกับความรักของพระเยซู และพระเยซูก็ได้สัมผัสความรักจากพวกเราไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นให้เราถวายความรักหัวใจอันบริสุทธิ์นี้ให้พระเจ้าทุกวัน สิ่งดีจะเกิดขึ้นกับเราแน่นอน
สำหรับผมขอบพระคุณพระเยซูที่ถูกชำระมาถึงจุดที่ คือไม่ต้องเสียใจ ไม่น้อยใจ ไม่โกรธเคืองใคร เมื่อถูกกล่าวหา หรือใส่ร้าย ใครพูดผิดผมก็ไม่ใส่ใจ เพียงแต่ชวนคุย ถ้าหากคุยแล้วไม่เกิดผล ผมก็ถอยออกมา แล้วถ้าหากใครพูดถูกนะครับ ผมก็ถ่อมใจยอมรับ และแก้ไข
ส่วนเรื่องใครจะอยู่ หรือใครจะไป ผมก็เอเมน แล้วก็ใครจะบอกว่าพระคำล้ำลึกสอนผิด เป็นคำสอนเท็จ ผมก็เอเมน แต่นะครับใครที่นำมาใช้แล้วเกิดผลอย่างมากมายในชีวิต เกิดสันติสุข ไม่กลัวพระเจ้า เอาความรักมาให้พระเยซูทุกวัน เก็บเกี่ยวความรักให้พระเจ้า ผมก็เอเมนขอบคุณพระเยซู
แต่เพียงแต่ผมรู้ว่าพระเจ้าเป็นคนเลือกว่าใครจะเป็นอย่างไรในตอนจบ ชีวิตในพระคริสต์ คือมันเบาสบายมาก เป้าหมายของผมก็คือไม่มองไปที่คำพูดของใคร หัวใจของมนุษย์ผมไม่สนใจนะครับ
เพราะว่าพระเยซูสอนผมในข้อนี้นะครับ ก็คือพระองค์ไม่ไว้ใจใคร มนุษย์ก็คือมนุษย์ เมื่อเรามาถึงการชำระที่ไม่ถึงขั้นสูงสุด คือเราไว้ใจใครไม่ได้ พระเจ้ารักเราทุกคน เราก็รักกันและกัน แต่การไว้ใจนะครับ ก็คือขอให้เราคิดถึงตรงนี้ เพื่ออะไรครับ เพื่อเราจะไม่เสียใจภายหลัง คือมนุษย์ก็คือมนุษย์ มนุษย์เปลี่ยนใจได้ รักเราวันนี้เกลียดเราพรุ่งนี้ก็เป็นได้ ก็เห็นกันมาเยอะแล้วใช่มั้ย
เพราะฉะนั้นอย่างน้อยเรารัก เรารัก เราอธิษฐานเผื่อ เราทำทุกสิ่งที่พระเจ้าให้เราทำ ทำเท่าที่ทำได้ แล้วเราตอนนี้รอชีวิตที่เป็นภาชนะดินอยู่นะครับ ให้กลายเป็นภาชนะทองคำครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์สมบูรณ์แบบเพื่อถวายแด่พระเจ้า เราสรรเสริญพระเยซู
สิ่งที่สำคัญที่ผมอยากให้พวกเราทำความเข้าใจให้ละเอียด ก็คือที่พระเยซูบอกว่า สามวันภายในสามวันเราจะสร้างขึ้นมาใหม่ ตรงนี้คือชีวิตของพระเยซูเอง ร่างกายของพระเยซูเองที่จะเป็นเรือนของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ส่วนเราทั้งหลายที่เป็นเรือนของพระเจ้าอีกหลายหลังเป็นนิเวศหลายหลัง เป็นเรื่องของในยอห์นบทที่ 14 นะครับ แต่ตอนนี้นะครับก็คือพระเยซูจะเป็นนิเวศเป็นวิหารเป็นเรือนของพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ครับ
ถาม.
ตอนที่พระเยซูยังไม่ได้สิ้นพระชนม์ พระวิญญาณอยู่ในพระวิหารใช่ไหม
ตอบ.
ถูกแล้วครับ ตอนที่พระเยซูยังไม่ได้สิ้นพระชนม์นะครับ พระเจ้าพระบิดาสถิตในที่พระวิหารเป็นเรือนของพระองค์เป็นนิเวศน์ของพระเจ้า ใครที่จะต้องการพบพระเจ้าก็คือต้องไปที่พระวิหารเท่านั้น พระเจ้าไม่ได้อยู่ที่พระราชวังไม่ได้อยู่ที่บ้านของใคร
ถาม.
แสดงว่าพระวิญญาณอยู่ที่พระวิหารด้วย แล้วก็อยู่ในพระเยซูด้วย
ตอบ.
พระวิญญาณอยู่กับพระเจ้าแน่นอนครับ แล้วก็พระวิญญาณก็เคลื่อนไหวไปมานะครับ พระวิญญาณก็ล่องคือท่องไปมาในประเทศอิสราเอลทำงานกับชนชาติอิสราเอล
แต่ตอนนี้พระวิญญาณไม่จำกัดแล้วนะครับไปทั่วโลกได้ เราขอบคุณพระเจ้าที่ยุคนี้ยุคพระคุณเป็นยุคแห่งการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานหนักมากเพื่อช่วยไถ่มนุษย์โลก โดยใช้ผู้เชื่อทั้งหลายออกไปแล้วก็ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ เรื่องความรอด พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เคยพักผ่อน พระองค์ทำงานทุกวันตลอดเวลา
แล้วก็ขอบพระคุณพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทำงานในคริสตจักร ทั้งคริสตจักรศาสนาและคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ พระองค์ทำทุกสิ่งทุกวิธีเพื่อช่วยมนุษย์ให้มาถึงพระเจ้า แล้วก็เพื่อช่วยคริสเตียนที่มาถึงพระเจ้าแล้ว ให้เข้ามาอยู่ใกล้พระเจ้าอีก ก็คือพวกเรานี่แหละ
เราขอบพระคุณพระเยซูที่ยูทูปมานาฯ บทเรียนทั้งหลายที่พวกเราทำกัน พวกเราช่วยกัน เป็นสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เบื้องหลังนะครับ เราสรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่บังเอิญที่เราได้รับบทเรียนนี้ ไม่ใช่บังเอิญที่เราได้พบ ได้รับการเปิดตา ได้รับการหยอดตา ได้รับการรักษาตา ตาของเราเป็นตาที่ดีแล้วตาวิเศษแล้วนะครับ ตาที่มองทะลุพระคำพระเจ้าแล้ว เราขอบพระคุณพระเยซู นี่คือผลงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
คำพยาน
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีญาติมีเพื่อนมีพี่น้องคริสตจักรส่งคลิปมานาไปให้เขา เขาก็ไม่ฟังไม่สนใจ แต่พอถึงเวลาถึงกำหนด เขาเจอมรสุมหนักมาก แล้วปกติเขาจะฟังคำเทศนาของหลายคนในยูทูป ก็มือถือก็อยู่ในมือของเขานะครับ ปรากฏว่าเขาฟังเทศนาของบางคนอยู่แล้วก็เผลอหลับไป พอเผลอหลับปุ๊บ คืออยู่ดีๆ นะครับนิ้วของเขานิ้วโป้ง ก็คือไปกดลงที่คลิปของมานาที่ซ่อนไว้ พอดีก็มีเสียงผมพูดขึ้นมา เขาก็ฟังก็ลองฟังดู ฟังจบคลิปแรกนะครับ ก็ฟังคลิปที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 เขาฟังมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ น่าจะ 6-7 เดือนแล้ว
เขาไม่ยอมหยุด เขาบอกว่าหยุดไม่ได้ แล้วเขาฟังของคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว เขาถามว่าไม่รู้เป็นอะไร แล้วเขาก็บอกทุกคนว่าฟังของคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว คือยังไม่ได้นำมาใช้นะครับยังไม่ได้ปฏิบัติ แต่สันติสุขเกิดท่วมท้น คือสันติสุขไม่รู้มาจากไหนแค่ฟังนะครับแค่ฟัง แต่ต่อมาก็นำมาฝึกนะครับ อะไรที่ขอบพระคุณพระเจ้าที่มานาฯ อธิบายเขาก็นำมาใช้มาฝึกก็เกิดผล ตอนนี้เขามีของประทานประกาศข่าวประเสริฐแล้วก็แบ่งปันมานานะครับ
หลายคนก็เคยฟังคำสอนของผู้อื่น ก็ลองฟังของมานาดู ปรากฏว่าเกิดผลครับ ก็สรรเสริญพระเยซู ไม่ใช่บังเอิญที่ปรากฏว่านิ้วโป้งของเขาคือจะกดลงไป แล้วก็อยู่ดีๆ คลิปมานาก็เลื่อนมาถึง ก็ขอบพระคุณพระเจ้า
มีอยู่ประเด็นหนึ่งนะครับที่ผมอยากจะคุยกับพวกเรา ก็คือเราไม่ต้องแปลกใจนะครับที่สำหรับบางคนที่รับมานาแล้วก็หนีไป หลายคนรับแล้วก็หนีไป คือสำหรับคนเหล่านี้สิ่งที่ผมเห็นนะครับ ก็คืออันนี้ก็ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าเมตตาใช้ผม แต่จะมีคนบางกลุ่มจำนวนหนึ่งที่อาจจะชอบในคำพูดของผม อาจจะชอบชีวิตและนิสัยของผม หรืออาจจะชอบสไตล์การพูดหรือน้ำเสียง สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ชวนเขาให้มาฟังให้มาร่วมให้เข้ามา แต่คนเหล่านี้นะครับไม่ได้ถูกเปิดตาจริงๆ
เขาบอกว่าโอ้..บทเรียนนี้ดี ขอบพระคุณพระเจ้า มาทางพระโลหิต รอดแล้วรอดเลย อะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งเหล่านั้นนะครับ คือปรากฏว่าพอเขามาถึงจุดหนึ่งที่อาจจะสะดุดผมหรืออาจจะไม่ชอบผม หรือวันใดวันหนึ่งนะครับเขาบอกว่ามานาไม่ถูกแล้ว แสดงว่าเขายังไม่ได้ถูกเปิดตาหรือเปิดตาแต่ไม่ครบไม่มากพอนะครับ
สำหรับพี่น้องที่มาถึงมานาที่ครบ มาถึงมานาที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมเปลี่ยนใจ ไม่ไปไหน รับมานาได้อย่างไม่มีปัญหา ก็คือคนที่ได้ฟังเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์
...
เราขอบพระคุณพระองค์ที่สอนพวกเราเรื่องพระโลหิตของพระเยซูที่ทาที่ขอบประตู คือทาชีวิตของเรา ตอนนี้เรา พระเจ้าผ่านไปไม่เอาเรื่องเรา ขอบคุณพระเยซู
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ตอนนี้มีพระเยซูที่เป็นร่างกายมนุษย์ ตอนนี้เป็นกายทิพย์อยู่บนสวรรค์แล้ว เป็นเรือนเป็นบ้านเป็นที่อยู่อาศัยของพระเจ้าพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่เพียงแต่เท่านั้นเราทั้งหลายก็เป็นวิหาร เราก็เป็นเรือนของพระเจ้าที่พระองค์ประทับอยู่ในเรา
และเราขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์สอนเราว่า อย่าไว้ใจใคร มนุษย์ก็คือมนุษย์ วันนี้รักเรา วันพรุ่งนี้เกลียดเรามาก วันนี้รักเรามากๆ พรุ่งนี้เกลียดเรามากๆ ก็เป็นได้ แต่สิ่งที่เราวางใจก็คือคนเดียวเท่านั้นก็คือพระเยซูคริสต์
ขอบพระคุณพระเยซูที่เราทำใจ เราปล่อยวางได้ เรารู้ว่าพระเจ้าทรงจัดวางขีดเส้นทางของแต่ละคนไว้จนครบแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
แล้วเราขอบพระคุณพระเยซูที่ภาระของเราก็เบา แอกก็เบา กางเขนก็เบา เราได้อยู่ในการพักผ่อนทุกวัน สรรเสริญพระเยซู