2:1 เหตุฉะนั้น ท่าน บุตรชายของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งในพระคุณซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์
** จงเข้มแข็งในพระคุณ คือเต็มล้นด้วยประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ อย่างเช่นสันติสุข และพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา ซึ่งเปาโลต้องการที่จะหนุนใจทิโมธีให้เข้มแข็งในพระคุณดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ
2:2 และสิ่งเหล่านั้นซึ่งท่านได้ยินจากข้าพเจ้าท่ามกลางพยานหลายคน สิ่งเดียวกันนั้นเองท่านจงมอบไว้กับคนทั้งหลายที่สัตย์ซื่อ ผู้ที่จะสามารถสอนคนอื่นได้ด้วย
** สิ่งเหล่านั้น คือถ้อยคำที่เปาโลสั่งสอนหนุนใจที่มาจากพระคำแห่งความจริงนั่นเอง
** จงมอบไว้กับคนทั้งหลายที่สัตย์ซื่อ คือบรรดาผู้เชื่อที่รักในพระคำแห่งความจริงและสัตย์ซื่อในความเชื่อและการเดินในพระวิญญาณ ทั้งมีของประทานในการเผยพระวจนะด้วย
2:3 ฉะนั้นท่านจงทนการยากลำบาก เหมือนอย่างทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์
** ต่อความทุกยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถูกข่มเห็ง การถูกกล่าวหาใส่ร้าย การต่อต้าน และการฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ เรานับว่าเราเป็นทหารที่ดีของพระเยซู
2:4 ไม่มีผู้ใดที่สู้รบ จะไปยุ่งเกี่ยวอยู่กับกิจการต่างๆ แห่งชีวิตนี้ เพื่อเขาจะเป็นที่ชอบใจของผู้ที่ได้เลือกเขาให้เป็นทหารนั้น
** ยุ่งเกี่ยวอยู่กับกิจการต่างๆ ก็คือการจดจ่อปักใจใส่ใจในฝ่ายเนื้อหนังร่างกายการดำเนินชีวิตจนไม่ได้สนิทบอกรักและเดินในพระวิญญาณในแต่ละวัน
2:5 และถ้าผู้ใดต่อสู้อย่างหนักเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะด้วย แต่เขาก็ไม่ได้ถูกสวมมงกุฎ นอกจากเขาสู้ตามกฎ
** ต่อสู้อย่างหนัก คือใส่ใจในการฝึกเดินอย่างสม่ำเสมอ
** สู้ตามกฎ คือเดินในพระวิญญาณด้วยตัวใหม่โดยเอาพระบัญญัติสองข้อของพระเยซูเป็นหลัก ซึ่งก็คือ รักพระเจ้าและเพื่อนบ้าน เอารักเป็นหลัก เป็นศูนย์กลาง ในการคิด พูด และกระทำ
2:6 กสิกรที่ตรากตรำทำงานก็ต้องเป็นคนแรกที่ได้รับผลทั้งหลาย
** การที่จะเป็นผู้ชนะ เราคือนักวิ่งแข่ง และคนเดียวที่จะเป็นผู้ชนะและได้รับรางวัลก็คือพระคริสต์ในเราทุกคน เช่นเดียวกัน สำหรับข้อที่ 6 เรานับว่าเราเป็นชาวนาของพระเยซู ยุคนี้เป็นยุคทำนาในไร่นาของพระเจ้าและเพื่อพระเจ้า พระคริสต์จะเป็นคนแรกที่ช่วยให้เราเก็บเกี่ยวผลมากมายซึ่งก็คือบำเหน็จในสวรรค์นั่นเอง
2:7 จงพิจารณาสิ่งที่ข้าพเจ้ากล่าวเถิด และขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความเข้าใจให้แก่ท่านในทุกสิ่ง
** ประทานความเข้าใจในทุกสิ่ง คือการได้รับการเปิดตาสู่พระคำล้ำลึกอย่างครบถ้วน
เข้มแข็งในพระคุณ คืออะไร
จงมอบ พระคำล้ำลึกแก่ผู้เชื่อที่สัตย์ซื่อ และสอนได้ คืออะไร
เราเป็นทหาร ชาวนา ของพระเยซูคืออะไร
- ทหารต้องต่อสู้กับใคร และอาวุธของเรามีอะไรบ้าง
- การยุ่งเกี่ยวกับเรื่องฝ่ายร่างกายคืออะไร
- ต่อสู้อย่างหนัก คืออะไร
- สู้ตามกฎ คืออะไร
- ชาวนาต้องเจอะเจอความทุกข์ยากลำบากฉันใด ชาวนาของพระเจ้าย่อมเจอะเจอความทุกข์ยากลำบากฉันนั้น
ขอประทานความเข้าใจคืออะไร
บทความเพิ่มเติม: คุณเป็นทหารที่ดีของพระเยซูหรือยัง?
2:8 จงระลึกถึงพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสืบเชื้อสายจากดาวิด ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศนั้น
** ระลึก คือ จำ จดจำ remember คือเปาโลต้องการเตือนให้ยิวได้รู้ว่า ข่าวประเสริฐของพระเจ้าเป็นจริง คือพระเยซูมาจากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดเป็นชาวยิว พระองค์ผู้นี้จะเป็นขึ้นมาจากความตาย
2:9 และเพราะเหตุข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าจึงทนทุกข์ ถูกล่ามโซ่ดังผู้ร้าย แต่พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่มีผู้ใดเอาโซ่ล่ามไว้ได้
** ในข่าวประเสริฐของพระเจ้า ทำให้มนุษย์มีความหวัง เปาโลจนต้องยอมถูกกักขังทนทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะขัดขวางหรือมีอำนาจเหนือข่าวประเสริฐได้
2:10 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงยอมทนทุกอย่าง เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้นั้น เพื่อเขาจะได้รับความรอดด้วย ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ พร้อมทั้งสง่าราศีนิรันดร์
** คนยิวและต่างชาติที่จะรอด คือผู้ที่พระเจ้าเลือกเอาไว้แล้ว คือพระเจ้ามองที่จิตใต้สำนึกของมนุษย์ทั้งที่เขายังไม่ได้กำเนิด และตั้งแต่โลกนี้ยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น สรุปก็คือ พระเจ้าทรงทราบล่วงหน้าว่าใครจะรอดหรือไม่รอด และใครจะได้เข้าไปในอาณาจักรหรือไม่ได้เข้า อย่างไรก็ดี เราที่เป็นสาวกของพระเยซู ต้องประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าอย่างครบถ้วนเพื่อทุกคนจะได้ยินได้ฟัง
2:11 คำนี้เป็นคำสัตย์จริง คือถ้าเราตายกับพระองค์ เราก็จะมีชีวิตอยู่กับพระองค์เช่นกัน
** เราตายแล้วกับพระเยซู เราถูกตรึงร่วมกับพระองค์ในพระองค์เมื่อสองพันปีก่อน นี่คือสิ่งที่เราจะต้องเชื่อ ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และนับทุกวันเพื่อเราจะเจริญขึ้นในการตายดังกล่าว (มีประสบการณ์การตายต่ออาดัม ร่างกายแห่งความบาปจะอ่อนแอจนตัวบาปบังคับให้ทำบาปไม่ได้อีก ในที่สุด ตัวบาปก็จะไม่มีที่อาศัยในเรา เมื่อเราตายกับพระเยซู และสามวันต่อมาพระองค์ถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายเราก็จะเป็นขึ้นและมีชีวิตร่วมกับพระองค์เช่นกัน เพราะฉนั้น การเชื่อและนับว่าเราเป็นคนใหม่แล้วทุกวัน พระวิญญาณจะทำให้เราเจริญขึ้นในการมีชีวิตใหม่ในพระคริสต์เช่นกัน (โรม 6:3-8))
2:12 ถ้าเราทนความทุกข์ทรมาน เราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์ด้วย ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ก็จะปฏิเสธเราเช่นเดียวกัน
** พระเยซูทรงทนทุกข์ ลำบาก ถูกข่มเหงฉันใด เราที่เป็นบุตรที่รักที่ได้รับการเปิดตา เราถูกเลือกให้เข้ามามีส่วนร่วมครอบครองกับพระองค์ชั่วนิรันดร์ทั้งในยุคหน้าและแผ่นดินโลกใหม่ และผู้ที่จะปฏิเสธข่าวประเสริฐและพระคำแห่งความจริงทั้งหมดก็จะถูกปฏิเสธเช่นเดียวกัน
2:13 ถ้าเราไม่เชื่อ พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์ซื่อ เพราะพระองค์จะปฏิเสธพระองค์เองไม่ได้
** พระเจ้าเป็นองค์สัตย์ซื่อ เที่ยงธรรมและยุติธรรม ทุกสิ่งที่มนุษย์และคริสเตียนกระทำก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอนทั้งในชีวิตนี้และยุคหน้า
พี่น้องสามารถแบ่งปัน ...
- ความรู้ความเข้าใจเรื่องการตายและเป็นขึ้นร่วมกับพระเยซู และประสบการณ์จริงที่ได้รับเมื่อนำมาฝึกในชีวิตประจำวัน
- วิธีการฝึกของพี่น้องที่เกิดผล และข้อบกพร่องที่ทำให้ไม่เห็นผล
เจริญขึ้นในการตายร่วมกับพระเยซู
และเจริญขึ้นในการเป็นขึ้นร่วมกับพระองค์
Likeness / form / resemblance
Let us create man according to our likeness
การดำเนินชีวิตคริสเตียนไม่ใช่พยายามทำดีและเลิกทำบาปให้ได้ ไม่ใช่พยายามถวายสิบลดอย่างสัตย์ซื่อให้ได้ ไม่ใช่พยายามนำคนมาเชื่อให้ได้มากที่สุด หรือสร้างโบสถ์หลายหลัง แต่คือการสนิท บอกรัก สร้างความผูกพันกับพระเยซู เพื่อให้ชีวิต เจริญขึ้นในการตายร่วมกับพระเยซู และเจริญขึ้นในการเป็นขึ้นร่วมกับพระองค์
เจริญขึ้นในการตายร่วมกับพระเยซู we have become in the likeness of His death
เมื่อเราเจริญขึ้นในการตายร่วมกับพระองค์ ตัวเก่าและตัวบาปก็ไม่มีพลัง ที่จะบังคับชีวิตของเราให้ไปทำบาปอีกต่อไปหรือทำได้น้อยลง สิ่งที่เราต้องทำก็คือเชื่อ ยอมรับในความจริงของพระเจ้าว่าเราตายแล้วเมื่อพระเยซูถูกตรึงตายที่กางเขน เราต้องทำให้ความจริงของพระเจ้ากลายเป็นความความจริงของเรา การอ่านและขอการเปิดตาเรื่องตายกับพระเยซูจึงสำคัญมาก เราต้องเห็นด้วยตาฝ่ายวิญญาณต่อพระคำพระเจ้าดังต่อไปนี้
1.) 2 คร 5:14 ถ้าผู้หนึ่งได้ตายเพื่อคนทั้งปวง ดังนั้นคนทั้งปวงจึงตายแล้ว
2.) คส 3:3 เพราะว่าพวกท่านได้ตายแล้ว และชีวิตของพวกท่านถูกซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า
3.) คส 3:9 อย่าพูดมุสาต่อกันและกัน เมื่อพวกท่านได้ถอดทิ้งมนุษย์คนเก่ากับการกระทำต่าง ๆ ของมนุษย์นั้นเสียแล้ว
4.) คส 2:20 ดังนั้น ถ้าพวกท่านตายกับพระคริสต์พ้นจากหลักการต่างๆ ของโลกแล้ว เหตุไฉนราวกับว่าพวกท่านยังอยู่ฝ่ายโลก พวกท่านจึงยอมอยู่ใต้บังคับกฎต่างๆ 2:21 (“อย่าแตะต้อง” “อย่าชิม” “อย่าจับเอาไว้” 2:22 ซึ่งทั้งหมดนี้จะพินาศไปพร้อมกับการใช้งาน) ตามบรรดาบทบัญญัติและหลักคำสอนต่างๆ ของมนุษย์ 2:23 แน่ทีเดียว สิ่งเหล่านี้ดูท่าทีมีสติปัญญาในการเต็มใจนมัสการ และการถ่อมตัวลง และการละเลยร่างกาย ไม่ให้เกียรติอันใดเลยต่อการสนองความต้องการของเนื้อหนัง
5.) โรม 6:3 พวกท่านไม่ทราบหรือว่า พวกเราหลายคนที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมาเข้าในความตายของพระองค์
6.) โรม 6:6 โดยทราบสิ่งนี้แล้วว่า มนุษย์เก่าของพวกเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อร่างกายแห่งบาปนั้นจะถูกทำลายเสีย เพื่อต่อจากนี้ไปพวกเราจะไม่รับใช้บาป 6:7 เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็เป็นอิสระจากบาป
7.) กท 6:14 โดยพระองค์นั้นโลกถูกตรึงไว้แล้วแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ถูกตรึงไว้แล้วแก่โลก
8.) กท 2:20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
9.) กท 5:24 และคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนเสียแล้ว พร้อมกับความอยากต่างๆ และบรรดาตัณหา
10.) 2 คร 5:16 เหตุฉะนั้นพวกเราจึงไม่รู้จักผู้ใดตามเนื้อหนังอีกต่อไป
11.) โรม 6:11 ในทำนองเดียวกัน พวกท่านจงนับว่า พวกท่านเองได้ตายต่อบาปอย่างแท้จริง
เจริญขึ้นในการเป็นขึ้นร่วมกับพระเยซู we have become in the likeness of His resurrection
เมื่อเราเจริญขึ้นในการเป็นขึ้นกับพระเยซู ชีวิตและนิสัยของพระเยซู ก็จะปรากฏมากขึ้นในแต่ละวัน สรุปก็คือ หลักการการดำเนินชีวิตคริสเตียนประจำวัน คือการเจริญขึ้นในการตายและเป็นขึ้นร่วมกับพระเยซู
1.) คส 3:10 และได้สวมมนุษย์ใหม่ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ในความรู้ ตามแบบพระฉายของพระองค์ ผู้ได้ทรงสร้างมนุษย์ใหม่นั้นขึ้น
2.) โรม 6:13 และอย่ายอมให้บรรดาอวัยวะของพวกท่านเป็นเครื่องใช้ทั้งหลายแห่งการอธรรมต่อบาป แต่จงถวายตัวพวกท่านเองแด่พระเจ้า เหมือนคนเหล่านั้นที่มีชีวิตโดยเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และจงยอมให้บรรดาอวัยวะของพวกท่านเป็นเครื่องใช้ทั้งหลายแห่งความชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า
3.) กท 2:20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า และชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำรงอยู่ในเนื้อหนังขณะนี้ ข้าพเจ้าก็ดำรงอยู่โดยความเชื่อของพระบุตรของพระเจ้า
4.) ฟป 1:21 เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้านั้น การมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์
5.) โรม 6:8 บัดนี้ ถ้าพวกเราตายแล้วกับพระคริสต์ พวกเราก็เชื่อว่าพวกเราจะดำรงชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย
6.) ยอห์น 14:19 พระเยซูตรัสว่า แต่อีกหน่อยหนึ่ง และโลกก็มองไม่เห็นเราอีกต่อไปแล้ว แต่ท่านทั้งหลายเห็นเรา เพราะว่าเรามีชีวิต ท่านทั้งหลายก็จะมีชีวิตด้วย
7.) ยอห์น 6:57 ผู้ที่กินเรา ผู้นั้นก็จะมีชีวิตโดยทางเราฉันนั้น
8.) กท 5:25 ถ้าพวกเราดำรงชีวิตอยู่ในพระวิญญาณ ก็ให้พวกเราดำเนินในพระวิญญาณด้วย (ข้อนี้สำคัญมาก live and walk in the Spirit คืออะไร)
What to do
รู้ เชื่อในสิ่งที่ได้รู้
นับ ตายและเป็นคนใหม่
ถวายคนใหม่คนนี้ให้พระเยซูเป็นผู้ดำเนินชีวิตผ่านเราในเรา
สนิท-บอกรัก สร้างความผูกพันที่ดีกับพระเยซูทุกวัน
สะสมพระคำแห่งความจริงเพื่อกินและเติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู
บทความเพิ่มเติม: เราตายกับพระองค์ และมีชีวิตอยู่กับพระองค์ (2 ทธ 2:11 / โรม 6:8)
2:14 จงเตือนเขาทั้งหลายให้ระลึกถึงข้อความเหล่านี้ และกำชับเขาต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ให้เขาโต้เถียงกันในเรื่องถ้อยคำ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์เลย แต่กลับเป็นเหตุให้คนที่ฟังเขวไป
** มนุษย์วิญญาณ หรือ คริสเตียนแท้จะไม่โต้เถียง ถกเถียงกัน หรือโต้ วาทีในเรื่องความเชื่อ หลักคำสอน หรือศาสนาต่างๆ ซึ่งสำหรับพระเจ้าทรงถือว่าเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และทำให้คนที่สนใจอยากเชื่อกลับไม่เชื่อ และคนที่เชื่อก็ท้อและถดถอยไป พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างที่ดีเรื่องการไม่ตอบโต้โต้เถียงผู้อื่น
2:15 จงอุตส่าห์สำแดงตนเองให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า เป็นคนงานที่ไม่ต้องอาย ยึดมั่นพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง
** การสำแดงตนเองให้เป็นที่ชอบพระทัย คือการดำเนินชีวิตและรับใช้ในพระคริสต์ ร่วมกับพระคริสต์ และเพื่อพระคริสต์
** คนงานที่ไม่ต้องอาย คือฝึกเดิน สนิทบอกรัก สะสมมานาฯ เพื่อให้ชีวิตเติบโตและทำบาปน้อยลง ทำหน้าที่ตามของประทานของตน เพื่อสะสมบำเหน็จในสวรรค์
** ยึดมั่นพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง คือการยึดมานาที่ซ่อนไว้และหลีกเลี่ยงเชื้อยีสต์คือคำสอนที่แปลผิดโดยการขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณในทุกเรื่อง
2:16 แต่จงหลีกไปเสียจากถ้อยคำหมิ่นประมาทและไร้ประโยชน์ เพราะคำอย่างนั้นย่อมก่อให้เกิดอธรรมมากยิ่งขึ้น
** มนุษย์วิญญาณจะไม่ดูถูกหลักคำสอน ความเชื่อ และศาสนาของใคร ซึ่งถ้าหากเราทำ เราจะถูกกล่าวหาว่าใช้ถ้อยคำที่หมิ่นประมาทผู้อื่น
2:17 และคำพูดของเขาจะแพร่ออกไปเหมือนแผลเนื้อร้าย ในพวกนั้นมีฮีเมเนอัสกับฟิเลทัสเป็นต้น
2:18 คนทั้งสองนั้นได้หลงจากความจริง โดยพูดว่าการฟื้นจากความตายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และได้ทำลายความเชื่อของบางคนเสีย
** เมื่อมีการโต้เถียง ถกเถียง โต้ วาทีอยู่ที่ใด ก็ย่อมจะมีการหลงทางจากความเชื่อหรือหลักคำสอนแห่งความจริง เนื่องจากว่าซาตานจะพยายามทำให้ผู้ที่สอนผิดชนะ
2:19 แต่ว่ารากฐานแห่งพระเจ้านั้นอยู่อย่างมั่นคง โดยมีตราประทับไว้ว่า `องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักคนเหล่านั้นที่เป็นของพระองค์' และ `ให้ทุกคนซึ่งออกพระนามของพระคริสต์ละทิ้งความชั่วช้าเสีย
** สำหรับพระเจ้า น้ำพระทัยของพระองค์ก็คือให้เราเลิกทำบาป แต่ผู้ที่ได้รับการเปิดตาเข้าสู่พระคำล้ำลึกเท่านั้นจึงจะเอาชนะบาปได้
1 ทธ 6:5, 6:4
6:5 บรรดาการโต้เถียงที่ดื้อรั้นของพวกคนที่มีใจเสื่อมทรามและขัดสนซึ่งความจริง โดยคิดเอาเองว่าการได้รับผลประโยชน์เป็นทางของพระเจ้า จงถอนตัวท่านเองไปเสียจากคนเช่นนี้
6:4 ผู้นั้นก็เป็นคนทะนงตัว โดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ชอบทุ่มเถียงเรื่องคำถามต่างๆ และโต้แย้งเรื่องถ้อยคำต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการอิจฉากัน การทะเลาะวิวาทกัน การกล่าวร้ายกัน การนึกเหมาอันชั่วร้าย
ทต 3:9-10
จงหลีกเลี่ยงจากคำถามอันโง่เขลาและการโต้แย้งกัน
3:9 แต่จงหลีกเลี่ยงบรรดาคำถามอันโง่เขลา และลำดับวงศ์ตระกูล และการทุ่มเถียงกัน และการทะเลาะกันเรื่องพระราชบัญญัติ เพราะว่าการอย่างนั้นไร้ประโยชน์และไร้สาระ
3:10 คนใดๆ ที่เป็นคนก่อให้เกิดความแตกแยกกัน หลังจากการตักเตือนหนหนึ่งและสองหนแล้ว ก็จงปฏิเสธเสีย
2:20 แต่ว่าในบ้านใหญ่หลังหนึ่งๆ มิได้มีแต่ภาชนะทองและเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และภาชนะดินด้วย บ้างก็มีเกียรติ และบ้างก็ไร้เกียรติ
** บ้านใหญ่หลังหนึ่งๆ ในที่นี้ เล็งถึงผู้เชื่อทุกคนและทุกกลุ่ม หรือทุกคริสตจักรไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรผู้ชนะหรือคริสตจักรศาสนา
** ภาชนะทองและเงิน คือ "ทอง" เล็งถึงชีวิตแห่งธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เราได้รับเมื่อเราได้รับการไถ่และบังเกิดใหม่แล้ว ส่วน "เงิน" เล็งถึงชีวิตพระคริสต์ที่ดำเนินชีวิตแทนเรา เมื่อเราได้รับการเปิดตาเกี่ยวกับเรื่องภาชนะทองและเงิน เราก็จะถูกเรียกว่าภาชนะทองและเงินที่มีเกียรตินั่นเอง
** ภาชนะไม้และภาชนะดิน คือ "ไม้" เล็งถึงชีวิตแห่งธรรมชาติที่ตกต่ำเสื่อมทรามและถูกสาปแช่งแล้ว ที่เรียกว่ามนุษย์ดินหรืออาดัมนั่นเอง ส่วน "ภาชนะดิน" เล็งถึงกำลังเรี่ยวแรงความสามารถที่มาจากตัวเก่าชีวิตเก่าที่ไม่ได้ผ่านการตายที่กางเขนร่วมกับพระเยซู ซึ่งก็คือคนดีทั้งหลายที่ไม่เชื่อพระเยซู และคริสเตียนศาสนาที่ไร้เกียรตินั่นเอง
2:21 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดชำระตัวให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ เขาก็จะเป็นภาชนะที่มีเกียรติ ซึ่งคัดไว้แล้ว เหมาะที่นายจะใช้ให้เป็นประโยชน์ และถูกเตรียมไว้พร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง
** ชำระตัวให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ คือการดำเนินชีวิตในพระคริสต์ที่เลิกทำบาปได้มากแล้ว โดยการฝึกเดินในพระวิญญาณ สนิท สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเยซู จนพร้อมแล้วสำหรับการงานของพระเจ้าที่จะเกิดผลถวายเกียรติแด่พระองค์
2:22 จงหลีกหนีเสียจากราคะตัณหาของคนหนุ่ม แต่จงใฝ่ในความชอบธรรม ในความเชื่อ ความรัก และสันติสุข ร่วมกับผู้ที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์
** ราคะตัณหาของคนหนุ่ม คือความต้องการในฝ่ายเนื้อหนังและฝ่ายร่างกาย (เรื่องความไคร่)
** ใฝ่ในความชอบธรรม ในความเชื่อ ความรัก และสันติสุข
** ใฝ่ คือ ไล่ตามวิ่งตาม ตามไป ไขว่คว้า มาเป็นของเราให้ได้
- ความชอบธรรม คือความชอบธรรมของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
- ความเชื่อ คือความเชื่อของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
- ความรัก คือความรักของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
- สันติสุข คือสันติสุขของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
2:23 จงหลีกเลี่ยงจากปัญหาอันโง่เขลาและไม่เป็นสาระ ด้วยรู้แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน
** ปัญหาอันโง่เขลา หรือคำถาม การถาม และ การตอบอันโง่เขลา คือการถามตอบ โต้เถียง ถกเถียง โต้วาที เพื่อที่จะเอาชนะอีกฝ่าย ผลที่จะตามมาก็คือการทะเลาะวิวาทกันโดยไม่มีที่สิ้นสุด
2:24 ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท แต่ต้องมีใจสุภาพต่อคนทั้งปวง เหมาะที่จะเป็นครูและมีความอดทน
** เราหลีกเลี่ยงเรื่องการทะเลาะวิวาท โต้เถียง โต้ วาที เราไม่ต้องการเอาชนะใครถึงแม้ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกและเป็นผู้รู้ก็ตาม แต่เราถ่อมใจ สุภาพ สุขุม อ่อนโยน สร้างสันติ และมีความอดทน นี่คือครูที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
2:25 ด้วยความอ่อนสุภาพจงสอนคนเหล่านั้นที่ต่อสู้กับตัวเอง ถ้าพระเจ้าอาจจะทรงโปรดให้เขากลับใจเสียใหม่มารับความจริง
** เมื่อเราสั่งสอนด้วยความอ่อนสุภาพ สำหรับคนที่เปิดใจและถ่อมใจรับฟังจากที่เคยต่อสู้ต่อต้านพระคำแห่งความจริง พระเจ้าจะให้เขากลับใจและนำเขามาสู่ความจริงอันครบถ้วน (มานาที่ซ่อนไว้)
2:26 และเขาอาจหลุดพ้นบ่วงของพญามาร ผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน
** ผู้เชื่อที่เป็นคริสเตียนศาสนาและมาไม่ถึงมานาที่ซ่อนไว้ย่อมถูกมารครอบครองจิตใจ ถูกบ่วงของมารดักจับเอาไว้ เขาจึงตาบอดและเดินอยู่ในทางแห่งความมืด เมื่อคริสเตียนศาสนาคนใดเปิดใจถ่อมใจยอมรับฟังความจริง พระเจ้าก็จะช่วยเขาให้ได้หลุดพ้นบ่วงของมารและการใช้ชีวิตรับใช้พระเจ้าในทางที่ไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ สำหรับผู้ที่ได้รับพระคำล้ำลึกก็ได้หลุดพ้นจากบ่วงหรือกับดักของมารแล้ว เราจึงเป็นไทอย่างแท้จริงและเดินทางความสว่างของพระเยซู เอเมน
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคำแห่งความจริง เราจึงได้พบว่า คริสเตียนมีสองสายคือศาสนาและฝ่ายวิญญาณ พระเจ้ายอมให้เราอยู่ในฝ่ายศาสนาเพื่อเรียนรู้ว่าเราอ่อนแอและต้องยอมแพ้หันมาพึ่งพาพระคริสต์พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าในทุกเรื่อง
1. บ้านหลังใหญ่
- เราถูกสอนว่า บ้านหลังใหญ่คือโลกนี้ กับคนที่เชื่อและไม่เชื่อ แต่สำหรับพระเจ้า บ้านของพระองค์จะไม่นับคนที่ไม่เชื่อ และเราพบว่าคริสเตียนมีสองประเภทคือคริสเตียนฝ่ายวิญญาณและฝ่ายเนื้อหนังหรือคริสเตียนหลงทางนั่นเอง
2. ภาชนะทองและเงิน ชีวิตการรับใช้ นมัสการที่มีเกียรติ ภาชนะไม้และดินชีวิตการรับใช้ นมัสการที่ไม่มีเกียรติ
** ใฝ่ (1) ในความชอบธรรม (2) ในความเชื่อ (3) ความรัก และ (4) สันติสุข
** ใฝ่ คือ ไล่ตามวิ่งตาม ตามไป ไขว่ค้วา มาเป็นของเราให้ได้
- ความชอบธรรม คือความชอบธรรมของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
- ความเชื่อ คือความเชื่อของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
- ความรัก คือความรักของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
- สันติสุข คือสันติสุขของพระเจ้า ไม่ใช่ของเรา
3. ปัญหา/คำถามคำตอบอันโง่เขลา ซึ่งคริสตียนฝ่ายวิญญาณต้องหลีกเลี่ยง
4. คริสเตียนศาสนาติดบ่วงกับดักของซาตานจึงหลงทางเดินในความมืด คริสเตียนฝ่ายวิญญาณได้รับการเปิดตาก็พ้นจากบ่วงและกับดักจึงเดินในทางแห่งความจริงคือความสว่างของพระเจ้า
5. การแบ่งปันที่อ่อนสุภาพจะช่วยให้พระวิญญาณทำงานกับผู้ฟังได้มากกว่า ทำให้คริสเตียนศาสนากลับใจมารับความจริงอย่างครบถ้วนได้
ภาชนะทอง มีเกียรติ
ภาชนะดิน ไร้เกียรติ