“คริสตจักร” คือกลุ่มคน (ภาษากรีก คือกลุ่มคนที่ออกมาจากที่ที่พวกเขาอยู่ เพื่อมารวมตัวกัน) คริสตจักรมีชีวิต มีขา และเดินได้ คริสตจักรไม่ใช่ตึก อาคาร หรือสถานที่ แต่เป็นกลุ่มคนที่พระเจ้าเรียกออกมา เพื่อสำแดงพระองค์ทั้งด้านชีวิตและฤทธิ์เดช
a. “คริสตจักร” คือ กลุ่มคน ให้เราอ่าน มธ 16:18 และใช้คำว่า “เอ-เกล-เซีย” ἐκκλησίαν (กลุ่มคน) แทนที่คำว่า “คริสตจักร” เราจะเห็นความหมายที่ชัดเจนกว่า
b. คริสตจักรไม่ใช่ตึก อาคาร สถานที่ บ้านเรือน หรือโบสถ์ แต่เป็น “กลุ่มคน”
เมื่อก่อนเราเข้าใจผิด คิดว่าคริสตจักรเป็นสถานที่ เป็นตึก หรือเป็นอาคาร แต่แท้ที่จริงแล้ว ถ้าเราเข้าใจคำนี้ก็จะง่าย คือคริสตจักรมีขา คริสตจักรคือพวกเรา คือกลุ่มคน ไม่ใช่เก้าอี้ ไม่ใช่ห้องนี้ ไม่ใช่ตึก ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นกลุ่มคน หรือพวกเรานี่เอง
สมมติว่าตอนนี้เรานมัสการอยู่ที่นี่ คริสตจักรก็อยู่ที่นี่ ถ้าเราย้ายไปอยู่อีกห้องหนึ่ง คริสตจักรก็ตามไป ก็คือกลุ่มคนนี่แหละที่ตามไป เมื่อเราหิวข้าว เราก็ลงไปทานข้าวที่ชั้นล่าง ก็คือคริสตจักรไปทานข้าว
คริสตจักรเป็นกลุ่มคน มีชีวิต และเป็นบุคคล มาร่วมกันในพระนามพระเยซู เรียกว่า “คริสตจักร”
คริสตจักร คือกลุ่มคน คริสตจักรไม่ใช่ที่นั่น ที่นี่ หรือที่ที่เรานมัสการทุกวันนี้ ไม่ใช่ครับ
คริสตจักร คือเอเกลเซียส “เอเกลเซียส” หรือ “เอเกลเซีย” ก็คือกลุ่มคน เราลองอ่านใน มธ 16:18 พระเยซูบอกว่า “บนศิลานี้เราจะสร้างกลุ่มคนของเรา” ไม่ใช่สร้างคริสตจักรที่เป็นตึก แต่พระเยซูจะสร้างกลุ่มคน
คริสตจักร คือผู้ที่ถูกเรียกออกมา ผู้ที่เรียกออกมาคือใคร ก็คือคน หรือผู้เชื่อทั้งหลาย
เมื่อมีผู้เชื่อสองคนมาสามัคคีธรรมร่วมกัน อธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ และนมัสการพระเจ้าร่วมกัน นั่นก็คือคริสตจักรแล้ว ไม่ต้องมีห้าคน สิบคน หรือสิบห้าคน เมื่อผู้เชื่อสองคนนี้ไปทานข้าว ก็คือคริสตจักรไปทานข้าว และเมื่อผู้เชื่อสองคนนี้ไปสามัคคีธรรมอีกที่หนึ่ง คริสตจักรก็อยู่ที่นั่นแล้ว
คริสตจักรคือกลุ่มคน กลุ่มคนร่วมกันสามัคคีธรรม และออกพระนามพระเยซูอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็คือคริสตจักร เอเมน
มีบางคนบอกว่า “อ้าว แค่สองคนจะเป็นคริสตจักรได้เหรอ” พระเยซูบอกว่าเป็นได้ “ถ้าหากสองคนหรือมากกว่าสองอยู่ที่ไหนในนามของเรา เราก็อยู่ที่นั่น” สองคนร่วมกันอยู่ที่ไหน ก็คือคริสตจักรแล้ว
แล้วถามว่า จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีศิษยาภิบาล ไม่มีศาสนาจารย์ ไม่มีผู้นำ ไม่มี Elder ไม่มีผู้ปกครอง เป็นไปได้ครับ
การมีคริสตจักรด้วยการมีสองคน คือจุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ ก็แค่เริ่มต้นครับ หลังจากนั้นเราต้องไปประกาศข่าวประเสริฐ ต้องไปชวนคนมาเชื่อ และเมื่อมีคนเพิ่มขึ้นๆ ก็มีการพัฒนา ก็ต้องการผู้นำ ต้องการมีผู้ดูแลปกครอง เราก็ตั้งผู้หนึ่งขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง ผู้หนึ่งเป็นผู้ประกาศ อีกผู้หนึ่งก็เป็นผู้ดูแล หรือเป็นศิษยาภิบาลครับ แต่การเริ่มต้นของคริสตจักรจะต้องมีสอง สาม หรือสี่คนก่อน ไม่ใช่ว่าว่าต้องมีห้าคนก่อนนะ หรือมีสิบคนก่อน ไม่ครับ
อีกครั้งนะครับ คริสตจักรไม่ใช่ตึก อาคาร หรือบ้านเรือน แต่เป็นคนหรือกลุ่มคน เอเมนครับ
ถาม:
เราสามัคคีธรรมกันในโซเชียลเน็ตเวิร์ค เช่น ไลน์ ถือว่าเป็นคริสตจักรไหมครับ
ตอบ:
การที่จะสามัคคีธรรมกันอยู่คนละที่คนละแห่ง ใช้ไลน์ใช้เฟซบุ๊ค อันนี้ไม่เรียกว่าคริสตจักร เป็นไปไม่ได้ครับ คือต้องมีคนมาอยู่ร่วมกัน
.....
ถาม:
หมายความว่า อยู่ร่วมกันในสถานที่เดียวกัน
ตอบ:
ใช่ครับ อยู่ร่วมกันในสถานที่เดียวกัน เรียกว่าคริสตจักร อยู่ที่ไหนก็ตาม หรือเราจะไปไหนก็ตาม เรียกว่าคริสตจักร
เรานั่งบีทีเอส สองคนนมัสการพระเจ้าอยู่ในบีทีเอสไปเรื่อยๆ ก็คือคริสตจักรเคลื่อนที่
ขอให้เราเข้าใจ และเปลี่ยนความความคิดใหม่นะครับ คริสตจักรไม่ใช่สถานที่ ไม่ใช่ที่นี่ หรือที่ที่เรานมัสการ แต่คริสตจักรคือกลุ่มคน
a. “สถานที่ประชุม” คือคำที่เราใช้เพื่อเรียกสถานที่ที่คริสตจักรมาร่วมกันสามัคคีธรรม
b. ถ้าเราจะเรียกว่า “คริสตจักร” ต้องสอนทุกคนให้เข้าใจว่า เราเจาะจงที่ผู้เชื่อทั้งหลาย ไม่ใช่สถานที่
เวลาเราไปโบสถ์ เราก็บอกว่าเราไปโบสถ์ๆ เป็นคำที่ติดปากพวกเรา แท้ที่จริงแล้ว คำว่า “ไปโบสถ์” เป็นของคาทอลิก แต่เราเอามาใช้ ไม่ควรใช้คำว่าไปโบสถ์อีกต่อไป เพราะมันไม่ถูก
ถามว่าทำไมพระเจ้าจู้จี้ จุกจิกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หยุมหยิม ขนาดเราทำดีแค่ไหนพระเจ้ายังไม่นับ และไม่เอาเลย แต่ทำดีโดยพระคริสต์ทำแทนพระเจ้าเอา
เราบอกว่าเราไปประชุม ไปนมัสการพระเจ้า ไปคริสตจักร (แต่ไม่ได้บอกว่าไปที่นั่นที่นี่ที่เป็นตึก แต่ไปคริสตจักรก็ คือไปหากลุ่มคน)
ตึก อาคาร หรือบ้านเรือนไม่ใช่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่วิญญาณของผู้เชื่อต่างหากที่ศักดิ์สิทธิ์ (บริสุทธิ์)
a. คริสตจักรไม่ควรมีกางเขน และรูปภาพของพระเยซู เพราะว่าพระเจ้าเป็นวิญญาณ เรานมัสการพระองค์ในวิญญาณและในความจริง (ยน 4:24)
รูปภาพพระเยซูที่แตกต่าง และไม่เหมือนพระเยซูเลย พระเยซูไม่หล่อ และไม่ดูดีเหมือนในรูป
พี่น้องเคยเห็นพระเยซูไหมครับ พระเยซูผมยาวหรือผมสั้น ในรูปมีแต่พระเยซูผมยาว
ผู้ชายยิวผมสั้นทุกคน ทุกคนผมสั้นเหมือนเรานี่แหละครับ เปาโลก็ผมสั้น ในพระคัมภีร์บอกนะครับ พระเยซูไม่ใช่ผมทอง แต่ผมสีดำ และก็ไม่ใช่ผมยาว แต่ผมหยิก พระเยซูคล้ายๆ คนเลบานอนทุกวันนี้ คือแขก ผิวคล้ำ และพระเยซูขี้เหร่ (อสย 53:2) ไม่ได้หล่อเหมือนในรูปนะครับ อิสยาห์บทที่ 53 บอกชัดนะครับ พระเยซูไม่หล่อ และก็ไม่มีเสน่ห์ด้วย
เพราะฉะนั้น เราอย่าไปทำรูปเคารพ เอารูปมาพระเยซูมาไว้ที่บ้านเรา หรือเอามาคั่นพระคัมภีร์ หรือมีรูปพระเยซูที่คริสตจักร
เราเป็นคริสเตียน พระเยซูบอกเองว่า “พระเจ้าเป็นวิญญาณ ท่านจะนมัสการพระองค์ต้องนมัสการในวิญญาณและในความจริง” (ยน 4:24) ในวิญญาณ ไม่เอาในตัวจริง อาจจะใช้บ้าน หรือเป็นที่ใดที่หนึ่งที่เรานมัสการพระเจ้าได้ ไม่อึดอัด มีพัดลมหรือแอร์ช่วย แต่ไม่เรียกว่าคริสตจักร โบสถ์ หรือที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือมีรูปพระเยซู ไม่ครับ ตัวพวกเรานี่แหละศักดิ์สิทธิ์ และการสำแดงชีวิตของพระคริสต์ ก็คือรูปของพระเยซู
b. เครื่องหมายของคริสตจักร คือการดำเนินชีวิตของคริสตจักร เพื่อร่วมกันสำแดงชีวิตของพระคริสต์
- พระคริสต์พร้อมที่จะทำงาน และหล่อเลี้ยงพระกายเที่ยงแท้ของพระองค์เพื่อให้เติบโต
- พระกายแต่ละแห่งไม่ขึ้นกับใคร และไม่อยู่ใต้องค์กร
a. ไม่ใช่คำสั่งของพระเยซูหรือสาวก เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก และถ้าหากเราเข้าใจชัดเจนว่าคริสตจักรคือ “กลุ่มคน” พระเจ้าให้ความสะดวกในการอยู่ร่วมกันของกลุ่มคน ไม่ว่าที่ไหนก็คือคริสตจักร หรือพระกายของพระเยซู
ถ้าหากมีสองคนหรือมากกว่าสองคนอยู่ที่ไหนในนามของพระเยซู ที่นั่นก็คือคริสตจักร
บางคนบอกว่า “อาจารย์เจพูดผิดแล้วนะ ที่โบสถ์เราอาจารย์บอกว่า ต้องมีห้าคน สิบคน หรือสิบห้าคนจึงเป็นคริสตจักรได้” อันนั้นผิดนะครับ อันนั้นคือกฎของมนุษย์ครับ แต่กฎของพระเจ้า ก็คือพระเยซูสัญญาว่า “ถ้าหากมีสองหรือมากกว่าสองรวมกัน หรือร่วมกันอยู่ที่ไหนในนามของเรา เราก็อยู่ที่นั่น” (มธ 18:20) ที่นั่นก็คือคริสตจักร
คริสตจักรคือเอเกลเซียส เอเกลเซียส คือบรรดาผู้ที่ถูกเรียกออกมา เห็นภาพไหมครับ
คริสตจักร คือบรรดาผู้ที่ถูกเรียกออกมา ไม่ใช่กลุ่ม คณะ องค์กร นิกาย หรือ Organization อะไรทั้งหลาย (Denomination) ไม่ใช่ครับ แต่เป็นกลุ่มคน ถ้าสองคนก็คือคริสตจักรแล้ว
ถ้าคนเดียว ก็คือวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือวิหารของพระเจ้า เราคนเดียว คริสเตียนคนเดียว เรียกว่าวิหาร แต่ถ้าสองคนขึ้นไป เรียกว่าคริสตจักร
a. ถ้าหากคริสตจักรที่เราร่วมอยู่เป็นคริสตจักรศาสนา และไม่ยอมกลับใจอย่างแท้จริง
b. การแยกออก หรือหนีจากคริสตจักรเที่ยงแท้ คือการฉีกพระกาย
c. คริสตจักรเที่ยงแท้ หรือกลุ่มผู้เชื่อที่เที่ยงแท้ จะไม่มีคำสอนผิดในหลักแห่งความเชื่อใหญ่
d. วันหนึ่งเราอาจมายืนอยู่ที่จุดนี้ คือ “การเชื่อฟังผู้นำ” หรือ “เชื่อฟังพระเจ้า” เหมือนเปโตร
ถ้าหากคริสตจักรของเราเป็นคริสตจักรศาสนา ที่มีคำสอนที่เป็นเชื้อยีสต์เต็มไปหมด สอนผิด คิดผิด เชื่อผิด เราสามารถออกมาได้ไหม ออกมาได้
ในประวัติศาสตร์ พระเจ้าให้เราออกมาจากสิ่งที่ไม่ถูก สิ่งที่ผิด หรือสิ่งที่ชั่วร้าย แยกตัวออกมา อันนี้ไม่ผิดครับ
หลายคนบอกว่า “ถ้าออกมาจากคริสตจักรของพระเจ้าคือผิด พระเจ้าจะสาปแช่ง” อันนั้นไม่ครับ
บางคนบอกว่า “ต้องเชื่อฟังผู้นำ ผู้นำบอกให้อยู่ก็ต้องอยู่ ไม่ให้ไปก็ต้องไม่ไป” อันนั้นผิดครับ
เปโตรบอกว่า “ควรหรือที่ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังพระเจ้า และเชื่อฟังมนุษย์” ใช่ไหมครับ
และอีกอย่าง คือถ้าคริสตจักรเลี้ยงดูเราไม่ได้ ไม่เติบโต ชีวิตเราไม่เปลี่ยน ไม่มีความสุข ไม่มีสันติสุขทุกวันเวลา เราจะอยู่ทำไม ก็ออกมา
ถ้าสมมติว่าจะอยู่เพื่อช่วยพี่น้อง เอาข่าวประเสริฐมานาพระคำล้ำลึกไปแบ่งปันพี่น้อง เราอยู่ได้ทนได้ก็อยู่ แต่ถ้าวันไหนที่ทนไม่ได้ พระวิญญาณเร้าใจให้ออกมาก็ออก ไม่ผิดนะครับ ไม่ผิด
แต่ถ้าเราพบคริสตจักรเที่ยงแท้แล้ว คริสตจักรนี้ไม่ได้สอนผิดอะไรแล้ว และดำเนินชีวิตตามสาวกที่ทำอยู่ในกิจการฯ ถ้าเราออกไปจากคริสตจักรนี้ ก็คือเราฉีกพระกาย
บางคริสตจักรถ้าคนไม่มี หรือคนออกไปหมด คริสตจักรก็จะกลุ้มใจ ศิษยาภิบาลก็กลุ้มใจ และคณะปกครองดูแลก็กลุ้มใจ น้อยใจ ท้อใจ แต่เราขอบคุณพระเจ้า มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ พระเจ้าให้คนมาเยอะก็เยอะ พระเจ้าให้คนมาน้อยก็เอเมน ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะเป็นยังไงเราก็เอเมน
อย่าเอาภาระของพระเจ้ามาแบก อย่าเอาบทบาทของพระเจ้ามาเล่น มาเล่นบทพระเจ้าไม่ได้
พระเยซูมีปัญญาสร้างคริสตจักรของพระองค์ พระเยซูก็มีปัญญาเลี้ยงดูคริสตจักรของพระองค์ พระเยซูจะให้ใครอยู่ก็อยู่ ใครไปก็ไป ก็ไม่เป็นไร เราก็เอเมน อยู่แค่สองสามคนก็นมัสการพระเจ้าร่วมกัน
แล้วถามว่าเป็นคริสตจักรได้ยังไงแค่สองสามคน แล้วศิษยาภิบาลอยู่ที่ไหน ศาสนาจารย์อยู่ที่ไหน สองสามคนก็คือจุดเริ่มต้นครับ จุดเริ่มต้นของการก่อตั้งคริสตจักร ต่อมาสองสามคนนี้ก็จะไปประกาศข่าวประเสริฐ ไปชวนคนอื่นมาเป็นคริสเตียน นำคนมาเชื่อ จากนั้นก็มีห้าคน สิบคน สิบห้าคน แล้วก็กลายเป็นคริสตจักรที่ขยายขึ้น ใหญ่ขึ้น มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ สองสามคนคือแค่จุดเริ่มต้นนะครับ แต่เรียกคริสตจักรได้แล้ว เอเมน