ถาม:
การฝึกฝนในวิญญาณมีขั้นตอนอย่างไรคะ
ตอบ:
การฝึกฝนฝ่ายวิญญาณ หรือเดินด้วยวิญญาณแท้ที่จริง คือ...
1. เชื่อและนับทุกวันว่าตัวเก่าเราตาย และตัวใหม่เรากำลังเป็นอยู่ (เชื่อเอา—โรม 6:3–11)
2. ถวายตัวใหม่นี้ทุกวัน ให้พระเยซูที่อยู่ในเราใช้ร่างกายนี้เพื่อเกิดผลผ่านเรา (โรม 6:13)
3. เน้นที่การสนิท เพื่อให้ได้มาซึ่งการเปลี่ยนจิตใจใหม่ และเลิกทำบาปได้ ไม่เน้นที่พยายามเลิกทำบาป
...
ถาม:
ตอนเราเชื่อใหม่ๆ… ผู้เชื่อเป็นแบบนี้ทุกคนมั๊ยคะ
ตอบ:
พระวิญญาณต้องรอจนเราเดินหลงทาง เดินในความมืด พยายามเชื่อฟัง รักษาพระบัญญัติ และทำดีด้วยตัวเองหลายปี จนเขายอมแพ้และท้อเพราะเหนื่อย จึงมาเปิดตาเขา
จริงๆ แล้วมานาที่ซ่อนอยู่หรืออาหารแข็งมีไว้สำหรับคนที่เชื่อนาน และเชื่อผิด เดินผิด และรับใช้ผิด ถ้าเขารักพระเจ้ามากและถ่อมใจมาก เขาจะได้พบแน่นอน
เมื่ออาดัมล้มเหลว โลกนี้กลับกลายเป็นที่อยู่ชั่วคราวของมนุษย์ และไม่ใช่ “ความจริง” สำหรับพระเจ้าอีกต่อไป
Since Adam failed. This world became temporary place and no longer true to God.
ชีวิตของมนุษย์กลับกลายเป็น “ความตาย” ต่อสายพระเนตรของพระเจ้า และไม่สามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้อีกแล้ว
Human became flesh which is dead in God’s eye and cannot please God any more.
สิ่งที่ตามองเห็นทุกวันนี้กลายเป็นสิ่งที่มีวันจบ หรือมีขีดจำกัด และวันที่สิ่งเหล่านี้จบลงแล้วสำหรับพระเจ้า คือที่ไม้กางเขนนั่นเอง
Visible things has its ending and it is ended on the cross.
สิ่งที่เป็นฝ่ายวิญญาณเท่านั้นที่ยั่งยืนนิรันดร์ และเป็น “ความจริง” สำหรับพระเจ้า
Only spiritual realm is eternal and true to God.
คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ได้บังเกิดใหม่ในฝ่ายวิญญาณ แต่ยังดำเนินชีวิตอยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง และกระทำหลายสิ่งในฝ่ายเนื้อหนัง
Many Christians today born in spirit, but still live and walk in the flesh.
ในชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง ทุกสิ่งที่คุณทำไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับพระเจ้า
In the flesh all things you do are useless to God.
ในชีวิตฝ่ายวิญญาณ โดยการใช้ความเชื่อและไม่ต้องทำอะไร แต่ขอให้พระคริสต์ที่อยู่ในคุณเป็นผู้ทำทุกสิ่งแทนคุณด้วยความเชื่อ คุณจะเห็นว่าคุณทำได้หลายสิ่ง และเห็นการอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้น
In faith you’re not doing anything, but asking the Lord to do all things for you.
แต่ปัญหาของพวกเขาเหล่านั้นคือ “ความไม่รู้”
Ignorance is problem to them.
ในฐานะที่เป็นคริสเตียน เราควรที่จะรู้วิธีใช้วิญญาณของเราในการดำเนินชีวิต ทำทุกสิ่ง และนมัสการพระเจ้า
As believers we should know how to use our spirits to live, to walk and to worship the Lord.
เราจะใช้วิญญาณของเราได้อย่างไร
How to use your spirit?
แน่นอนที่สุด คือ “ด้วยความเชื่อ” เหมือนดังที่เราได้รับการบังเกิดใหม่ก็ด้วยความเชื่อ
The same as how did you were born again. Yes by faith.
ความเชื่อของเราทำให้พระเจ้าประทานชีวิตจิตวิญญาณใหม่ให้แก่เรา และเราได้บังเกิดใหม่
Your faith causing God to regenerated your spirit to be born again.
ความเชื่อของเราทำให้พระเจ้ายกโทษบาปแก่เรา
Your faith causing God to forgiven your sins.
ความเชื่อของเราทำให้พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่เรา ไม่ใช่เพราะความดีหรือความสัตย์ซื่อของเรา
Your faith causing God to give you the Holy Spirit and not because how good you are.
และด้วยความเชื่อของเรา พระเจ้าจึงให้เราได้รับสัญญาทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ในพระคัมภีร์ และให้เราได้มีประสบการณ์ในสิ่งเหล่านั้น
And of cause your faith will cause God to bring all of His promises in the scriptures to your life to experience.
1. พระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการ คือ สันติสุข ความสงบสุข ความรัก พระคุณ และอื่นๆ อีกมากมาย
All spiritual blessing: joy, peace, love, grace, etc.
2. การเปลี่ยนแปลงชีวิตภายในของคุณวันนี้ คือตัวเก่าถูกตรึงให้ตายแล้ว และตัวใหม่ (พระคริสต์) ดำรงชีวิตอยู่มากขึ้นทุกๆ วัน
Transformation of the soul today; Old man crucified, New man (Christ) lives more and more.
3. การเปลี่ยนแปลงร่างกายในอนาคต คือร่างกายของเราจะเปลี่ยนเป็นร่างกายทิพย์ที่มีสง่าราศีมากมาย
Transformation of the body in the future, your life will be completely transform unto the glorious body.
สิ่งที่คุณต้องใช้ คือ “วิญญาณของคุณ”
What you need to do is using is your spirit.
ใช้วิญญาณ คือ “การเชื่อ”
To use spirit is to believe.
การเชื่อ คือการบอกตัวคุณเอง และบอกพระเจ้าในสิ่งที่คุณอ่านพบในพระคัมภีร์ ถึงแม้ตาของคุณจะมองไม่เห็นว่าคุณเป็นอย่างที่พระคัมภีร์บอก
To believe is to tell yourself and then tell the Lord even you cannot see what the bible describes about yourself.
ด้วยความเชื่อ คุณเชื่อว่าชีวิตฝ่ายเนื้อหนังนี้ไม่มี หรือไม่เป็นความจริงอีกต่อไปแล้ว แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงดำเนินชีวิตอยู่แทนคุณ และคุณเองยอมให้พระองค์เป็นอยู่
By faith you believe the flesh life no longer existing, but Christ lives instead of you and you just let him.
ด้วยความเชื่อ คุณเชื่อว่าคุณถูกพระเจ้าย้ายออกจากโลกแห่งเนื้อหนังมาสู่โลกแห่งวิญญาณ คืออาณาจักรของพระเจ้าแล้ว
By faith you’re delivered from this world to God’s kingdom (Col 1:13).
ด้วยความเชื่อ คุณอ่านพบและเชื่อว่าพระเจ้าได้เอาคุณเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ หรือชีวิตฝ่ายวิญญาณแล้ว
By faith you read and believe God put you into Christ (in the spiritual realm) (1 Cor 1:30).
ด้วยความเชื่อ คุณเชื่อว่าตัวบาปทำอะไรไม่ได้ หรือไม่มีอะไรทำเพราะคุณอยู่ในพระวิญญาณแล้ว
By faith you believe your sin person (Satan Life) in you is unemployed (Rom 6:6)
ด้วยความเชื่อของคุณ พระเจ้าทำให้คุณเป็นคนใหม่หมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือที่จะให้คุณต้องพยายามเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป เพียงแต่ให้คุณเชื่อและยอมรับความจริงนี้ คุณจะเห็นชีวิตใหม่ของคุณ
By faith you believe you’re a new person already and no need to change to be good or better person (2 Cor 5:17).
ด้วยความเชื่อของคุณ คุณสามารถเข้มแข็งขึ้นได้ ถึงแม้คุณจะรู้สึกอ่อนแอในเวลานั้นก็ตาม เพียงแต่คุณบอกตัวเองและบอกพระเจ้าว่า “ฉันเข้มแข็ง อาเมน” “ข้าพระองค์เชื่อว่าข้าพระองค์เข้มแข็ง อาเมน”
By faith you’re strong even you feel weak then you’ll see you’re strong.
ด้วยความเชื่อของคุณ คุณสามารถพลิกสถานการณ์ทุกอย่างจากไม่ดีให้กลายเป็นดีได้
By faith you can do all things.
คุณอาจต้องใช้เวลาในการฝึกฝนการใช้วิญญาณของคุณ ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อและการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อย่าท้อแท้เพราะคุณได้ก้าวมาใกล้ถึงจุดแห่งความเจริญในชีวิตฝ่ายวิญญาณแล้ว
This will take time. Up to your faith and the Lord work in you.
ขอให้คุณอดทน และอย่าท้อถอยถึงแม้คุณจะยังทำบาป และทำหลายสิ่งเหมือนที่พี่น้องคริสเตียนชาวโลกทำกันอยู่ เพราะพระเจ้ามีความอดกลั้นต่อเราทุกคน
Be patient and do not give up your faith even you’re still sinning over and over.
สิ่งที่คุณควรทำ คือชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระเจ้าทำกับคุณแล้ว คือการเปิดเผยความลับเรื่องอาณาจักรสวรรค์ให้คุณได้รู้ เพราะคนอีกมากมายไม่มีโอกาสได้รู้ และจงรอคอยสิ่งที่พระเจ้าจะทำกับคุณมากกว่านี้ ซึ่งพระเจ้าก็มีเวลาของพระองค์ แต่ขอให้คุณมีความหวัง และใช้วิญญาณของคุณมากขึ้น
Enjoy what the Lord given and giving to you.
การคุยกับพระเจ้า และร้องออกพระนามของพระองค์ คือการฝึกฝนวิญญาณอีกอย่างที่คุณควรทำทุกวัน และทำบ่อยๆ เมื่อคุณหิวกระหายชีวิตฝ่ายวิญญาณ
To talk to the Lord and call on His name all the time is to be in the Spirit.
นี่คือตัวอย่างคำพูดที่ใช้สำหรับฝึกฝนวิญญาณของคุณ
This is an example for exercising the spirit:
“โอ้ พระเจ้า”, “พระเยซูเจ้า”, “สรรเสริญพระเจ้า”, “พระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่รักของข้าพระองค์”, “พระองค์ทรงแสนหวานสำหรับข้าพระองค์”, “ข้าพระองค์รักพระองค์ (มาก)”, “ข้าพระองค์อยู่ในพระวิญญาณ”, “ข้าพระองค์เชื่อทุกสิ่งในพระคำของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็น และความรู้สึกของข้าพระองค์”, “ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ อาเมน”, “พระองค์เจ้าข้า อาเมน”
“Oh Lord”, “ Lord Jesus”, “Praise the Lord”, “Lord, you’re lovely”, “ Lord, you’re so sweet”, “Lord I love you (very much)”, “I am in the Spirit”, “I believe your words Lord, I don’t believe what I see and feel Lord”, “I am in Christ”, “Amen Lord”
เมื่อคุณรู้สึกบาป หรือได้ทำบาป รีบสารภาพ และกลับมาสามัคคีธรรมกับพระองค์ใหม่ทันที อย่าให้มารซาตานแทรกได้ ใช้วิญญาณของคุณเพื่อดำเนินชีวิตใหม่อีกครั้ง
If you have sinned, confess and fellowship with the Lord by using your spirit again.