ขอบคุณพระเยซูในความรัก พระคุณ พระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อเราทั้งหลาย สรรเสริญพระเยซู เราทั้งหลายถวายชีวิต ถวายหัวใจ ถวายความรักแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องถวายบูชาเครื่องบรรณาการของขวัญแด่พระองค์ พวกเรารักพระเยซู
ขอบพระคุณที่พระองค์เปิดตาให้ความรู้ฝ่ายวิญญาณ รักษาอาการบอดฝ่ายวิญญาณของเราทั้งหลาย เราจึงเดินในความสว่าง เดินในความจริงของพระเจ้าได้ และเข้าสู่ชีวิตในการเป็นไท ไม่ต้องเป็นทาสอีกต่อไป และอยู่ในการเป็นบุตรของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณเป็นยิวฝ่ายวิญญาณ เป็นบุตรที่รักของพระเจ้า
สำหรับกาลาเทียบทที่ 2 จะเน้นที่การดำเนินชีวิตด้วยเนื้อหนังของคริสเตียนยิวที่เข้าใจแบบนี้ แล้วก็นำไปเผยแพร่ต่อคริสตจักรทั้งหลายในทุกที่ทุกแห่งทุกหนที่เขาไปได้ เปาโลจึงต่อว่าเขา และต่อว่าพี่น้องคริสเตียนในแคว้นกาลาเทีย ในแคว้นกาลาเทียมีหลายๆ คริสตจักร
เพราะฉะนั้นพี่น้องชาวกาลาเทียได้รับจดหมายจากเปาโล และสำหรับบทที่ 3 เน้นเรื่องการเริ่มด้วยพระวิญญาณ แต่จบลงหรือสำเร็จด้วยเนื้อหนัง ก็คือการเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณในพระวิญญาณ แต่ต่อมา ก็คือมาทำให้สำเร็จเป็นคนดีรอบคอบ เชื่อฟัง เลิกทำบาปได้ การถวายทุกสิ่ง การนมัสการ การรับใช้ การกระทำทุกสิ่ง การเดินในทางแห่งความเชื่อ การใช้ชีวิตคริสเตียนในแต่ละวันด้วยเนื้อหนัง นี่คือสิ่งที่เปาโลต่อว่าเขา เริ่มต้นด้วยพระวิญญาณ แต่ทำให้สำเร็จด้วยเนื้อหนัง
เราพบว่านี่คือปัญหาของคริสเตียนแทบจะทุกคนใช่มั้ยครับ เราทั้งหลายที่ก่อนที่จะรับพระคำล้ำลึกหรือมานาที่ซ่อนไว้ เราก็เป็น ผมก็เป็น พี่น้องก็เป็น ตอนที่เราเชื่อใหม่ๆ เราก็ซาบซึ้งถึงพระคุณความรักการไถ่ของพระเจ้า จากนั้นเราอ่านพระคัมภีร์ และที่โบสถ์ก็สอนเราด้วยว่าต้องเลิกทำบาป เพื่อชีวิตจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า พระเจ้าจะรักเรา พระเจ้าจะอวยพรเรา และเป็นชีวิตที่สำแดงการเป็นคริสเตียนที่ดีให้โลกได้เห็น
จากนั้นเราก็เริ่มเชื่อฟัง และพยายามเลิกทำบาปด้วยตัวเก่าของเรา เราไม่รู้นะครับแผนการงานของพระเจ้า เราไม่รู้ตัวเก่าตัวใหม่เราไม่รู้ ความเชื่อ เชื่อเท่านั้นคืออะไร เราไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ เราเป็นคริสเตียน...
จากนั้นต่อมาผู้นำก็สอนเราให้พยายามทำต่อไป เดินต่อไป เลิกทำบาปต่อไป 5 ปี 10 ปี 20 ปีผ่านไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใช่มั้ย สันติสุขก็ไม่มา คนใหม่ก็ไม่เห็น มีแต่สิ่งที่หลอกลวงกันเองในท่ามกลางคริสเตียน ก็คือใส่หน้ากาก แสดงละคร
เพราะฉะนั้นผมเคยพูดในคลิปบางคลิปที่เคยพูดนะครับว่า คริสตจักรเปรียบเสมือนโรงละคร และคริสเตียนก็เป็นนักแสดง แล้วเป็นนักแสดงที่แสดงได้ดีมากด้วย เราซ่อนความผิดบาป เราซ่อนความอ่อนแอ เราซ่อนความโศกเศร้า พอไปโบถ์สปุ๊บทุกคนจะสำแดงอาการหรือเล่นละคร เอาตัวละครที่ดีน่ารัก มีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใสต่อหน้าพี่น้องคริสเตียนด้วยกัน แต่พอออกจากคริสตจักร ออกจากโรงละครใหญ่ ก็คือเรากลับมาเป็นตัวจริงของเรา นี่คือปัญหาและที่มาของคำว่า เริ่มต้นด้วยพระวิญญาณ และสำเร็จทำให้สำเร็จด้วยเนื้อหนัง
การได้รับการเปิดตาสู่ความรู้ฝ่ายวิญญาณที่เป็นความจริงแห่งพระคำพระเจ้า โดยพระวิญญาณแห่งความจริง พระองค์ทรงเปิดเผยแก่เรา ไม่ใช่การอ่านและฟังด้วยหูตาของเนื้อหนัง
ขอบคุณพระเจ้าพระองค์ช่วยเราให้หลุดพ้นจากการเป็นศาสนาคริสต์ ที่ใช้ชีวิตอาดัม หรือเนื้อหนัง เพื่อทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้การตายบนกางเขนของพระเยซูเป็นจุดจบของชีวิตเนื้อหนังและศาสนา และเมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย เราก็เข้าสู่ชีวิตในพระคริสต์ เดินทุกวันด้วยตัวใหม่ และด้วยการเชื่อเท่านั้น ไม่มีการพยายาม สำหรับชีวิตคริสเตียนไม่มีการพยายาม
แล้วพี่น้องบางคนที่เข้ามาใหม่อาจจะถามว่า อ้าว ไม่ต้องทำดีหรอ ไม่ต้องเลิกทำบาปหรอ ยังสูบบุหรี่ ยังกินเหล้า ยังทำบาปต่อไปได้หรอ ก็ไม่ใช่นะครับ พระเจ้าไม่อนุญาตให้คริสเตียนทำบาป พระเจ้าไม่อนุญาตให้คริสเตียนดื่มเหล้าสูบบุหรี่ หรือมีกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงต่อไป แต่การเลิกทำบาป การเลิกทุกสิ่งทั้งหลายที่ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า คือเป็นอัตโนมัติ เป็นสิ่งที่พระเจ้าอยู่ในเราเป็นผู้กระทำกิจ พระองค์ดลใจเรา ดลบันดาลเรา ให้พลังในเราเคลื่อนไหว ให้เราไม่อยากสูบบุหรี่ ไม่อยากทำบาป ไม่อยากมีกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงทั้งหลาย เราเดินในพระคริสต์ไม่ทำบาปได้โดยพระเยซูผู้สถิตอยู่ในเรา
แต่เรามีหน้าที่เดียวก็คือ ทำสิ่งเดียว “เชื่อ” ขอบคุณพระเจ้าในวันนี้เชื่อว่าเราเข้มแข็ง ขอบคุณพระเจ้าเชื่อว่าเราทุกวันนี้เป็นคนใหม่ ขอบคุณพระเจ้าในวันนี้มีพลัง ขอบคุณพระเจ้าในวันนี้มีสันติสุข ทั้งๆ ที่เรายังไม่เห็นอะไรเลย
แล้วผมขอถามนะครับ ว่าคุณได้บังเกิดใหม่ คุณเห็นหรือยัง (ไม่เห็น) แต่พระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้าให้เราได้บังเกิดใหม่แล้ว เราก็เชื่อ เมื่อเชื่อเราจะเห็นอาการของการบังเกิดใหม่เกิดขึ้น
ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าบอกว่าเราให้สันติสุขแก่ท่านและท่านจะไม่กระหายอีกเลย ทั้งๆ ที่เราไม่เห็น แต่เราขอบพระคุณพระเจ้าและยิ้ม ยิ้มรับสิ่งนี้ สุดท้ายสันติสุขก็จะเคลื่อนไหวในเรา
ขอบคุณพระเจ้าเราไม่เห็นพระวิญญาณ เราเชื่อว่าเราได้รับพระวิญญาณแล้ว แล้วทุกวันนี้พระวิญญาณก็สถิตอยู่ในเรา เราเชื่อ ทุกวันเราจะเห็นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ก็คือการกระทำของพระวิญญาณ อำนาจ ฤทธิ์เดช การเคลื่อนไหวของพระวิญญาณในเรา สิ่งเหล่านี้เราได้รับทุกสิ่งได้โดยการเชื่อเท่านั้น
แต่น่าเสียดายที่พี่น้องส่วนมาก และก็ถ้าจะเรียกได้นะครับก็คือทุกวันนี้กลายเป็นศาสนาคริสต์ไปแล้ว เราเองก็เคยเป็นศาสนาคริสต์มานานหลายปีใช่มั้ย แต่ตอนนี้ขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าไถ่เราให้เข้าสู่การมีชีวิตในพระคริสต์ในฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง ได้รับการเปิดตา สรรเสริญพระเยซู พระเยซูน่ารักมากสำหรับพวกเรา ขอบคุณพระเจ้าพวกเรารักพระองค์
สำหรับชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เมื่อเราเชื่อ ขอบคุณพระเจ้าเราได้รับการยกโทษบาปและได้คืนดีกับพระเจ้า
เมื่อเราเชื่อ เราได้บังเกิดใหม่และได้รับการชำระให้บริสุทธิ์กลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับคนที่เคร่งศาสนายิว เราเป็นคนชอบธรรมทุกวันแล้วในพระคริสต์
และเราเชื่อเท่านั้น เราก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ต้องขอ ไม่ต้องเลยนะครับ ทันทีที่เราเชื่อ พระเจ้าก็ประหารชีวิตเก่า ประทานชีวิตใหม่ ให้เราบังเกิดใหม่ จากนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเข้ามาสถิตอยู่ในเรา
นี่คือแผนการ และน้ำพระทัย และความต้องการของพระเจ้า ฉะนั้นเมื่อเราเชื่อ เราก็ได้กลายเป็นบุตร พระเจ้าเรียกเราว่าเป็นบุตรของพระองค์
เมื่อเราเชื่อ เราได้รับสันติสุขที่ไม่จะหายอีกเลย มีอยู่ในเราแล้ว เพียงแต่เราขอบพระคุณพระเจ้าและยิ้มรับ สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้น
เมื่อเราเชื่อ เราก็จะรับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการ
เมื่อเราเชื่อ เราจะอยู่ในร่มพระคุณ คืออยู่ภายใต้การดูแลเอาใจใส่ของพระเจ้าไม่ว่าเราจะบาปชั่วแค่ไหน ไม่เชื่อฟังก็ตาม พระเจ้าก็จะไม่ออกไปจากเรา และไม่ทิ้งเรา และทำงานหนักเพื่อช่วยเราจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตของเรา
เมื่อเราเชื่อ เราก็อยู่ในแผนการงานของพระเจ้าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย ทุกคนอยู่ในแผนการงานของพระเจ้า
เมื่อเราเชื่อ เราก็ได้รอดจากบึงไฟ นี่คือเรื่องใหญ่สำหรับคริสเตียน คริสเตียนมากมายกลัวไม่รอด กลัวจะต้องไปอยู่ในบึงไฟ ถ้าหากยังใช้ชีวิตที่บาปผิดบาปอยู่ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อเราเชื่อ เชื่อเท่านั้นน่ะ ยังไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ เมื่อเราเชื่อเท่านั้น ความรอดก็เป็นของเรา เนื่องจากว่าความรอดเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เราฟรีๆ สรรเสริญพระเยซู
สำหรับคริสเตียนชีวิตตรงข้ามกับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณก็คือคริสเตียนฝ่ายศาสนาคริสต์ คือต้องเชื่อฟัง เชื่อไม่พอต้องเชื่อฟัง ต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องถวายสิบลด ต้องรับใช้ ต้องอธิษฐาน ต้องอดอาหาร ต้องเฝ้าเดี่ยว ต้องนู่นนี่นั่น เพื่อที่จะได้รับทั้งหมดทุกสิ่งจากพระเจ้า นี่คือความเข้าใจผิดนะครับ
เรามาดูกันนะครับคริสเตียนฝ่ายศาสนาคริสต์ ก็คือเชื่อและเชื่อฟังเพื่อที่จะได้รับการยกโทษบาปในอดีต แต่บาปในอนาคตก็คือระวังน่ะ ถ้าหากเรายังทำบาปอยู่ทำตัวไม่น่ารัก ยังไม่เชื่อฟังพระเจ้า เลิกทำบาปไม่ได้ พระเจ้าจะไม่ยกโทษให้ เราเคยได้ยินคำสอนนี้ใช่มั้ยครับ เต็มไปหมดเลยทั่วทุกคริสตจักรจะมีคำสอนนี้
และคำสอนต่อมา ต้องเชื่อและเชื่อฟัง เพื่อจะได้บังเกิดใหม่เพราะว่าคนที่บังเกิดใหม่อย่างแท้จริงจะไม่ทำบาปอีกเลย เราก็ได้ยินคำสอนนี้มาแล้ว แล้วเขาจะสอนอีกว่า เชื่อและเชื่อฟัง เพื่อจะได้รับพระวิญญาณ แต่พระวิญญาณก็ยังจะเข้าๆ ออกๆ ถ้าหากเราทำบาปพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะออก และถ้าหากเรากลับมารักษาชีวิตทำดีพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะกลับเข้ามา เราได้ยินบ่อยมากใช่มั้ย
จากนั้นก็จะสอนว่า เชื่อและต้องเชื่อฟัง เพื่อรับสันติสุขจากพระเจ้า ไม่งั้นไม่มีสันติสุข และเชื่อและต้องเชื่อฟัง เพื่อรับพระพรทั้งหมดจากพระเจ้า เชื่อและต้องเชื่อฟัง เพื่อให้ได้อยู่ในร่มพระคุณการดูแลเอาใจใส่ของพระเจ้า เชื่อและต้องเชื่อฟัง เพื่อให้ได้อยู่ในแผนการงานของพระเจ้า เชื่อและต้องเชื่อฟัง เพื่อให้ได้รอดในวันสุดท้าย ถ้าหากไม่เชื่อฟังไม่เลิกทำบาปจะไม่รอด หลายคนจะพูดกันเกี่ยวกับเรื่องความรอดในลักษณะนี้
วันนี้ทำดี เรามั่นใจ ดีใจ พระเยซูมาเลย วันนี้ข้าพระองค์รอดแน่นอนถ้าพระองค์เสด็จมา แต่ถ้าหากพรุ่งนี้เราทำบาปเราก็กลัวกลุ้มใจใช่มั้ย ไม่รอดแน่ ถ้าพระเยซูมาวันนี้ข้าพระองค์ไม่รอดแน่ นี่คือความเข้าใจผิดความคิดในรูปแนวศาสนาของศาสนาคริสต์
เราสรรเสริญพระเยซูเราสรรเสริญพระบิดา พระบิดาเป็นความชอบธรรมของเรา พระเยซูเป็นความชอบธรรมของเรา เราทุกวันนี้จึงได้กลายเป็นคนชอบธรรมโดยพระเจ้า ไม่ใช่โดยเราเอง ไม่ใช่โดยตัวเราเอง สรรเสริญพระเจ้า
สิ่งที่ผมอยากจะเน้นก็คือ สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราขอบคุณพระเจ้าเราเดินด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ และจบลงสำเร็จทำให้สำเร็จก็ด้วยความเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นคนทำ พระคริสต์ในเราจะเป็นคนทำ ทุกสิ่งพระเจ้าจะเป็นคนทำในเรา เราเพียงแต่เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าสัญญาและพระเจ้าประทานให้เราแล้ว
ส่วนคริสเตียนศาสนา หรือศาสนาคริสต์ ทุกวันนี้ก็ยังใช้ตัวเก่า เนื้อหนังเพื่อกระทำให้สำเร็จ เพื่อรักษาพระบัญญัติ เพื่อเชื่อฟัง เพื่อถวาย เพื่อรับใช้ เพื่ออธิษฐาน อดอาหาร นมัสการพระเจ้า ทำทุกสิ่งด้วยเนื้อหนังด้วยอารมณ์ความรู้สึก และสิ่งเหล่านี้พระเจ้ารับไม่ได้ ไม่มีผลตอบแทนไม่มีบำเหน็จให้ มันกลายเป็นไม้ฟางหญ้าแห้ง เมื่อพระเยซูเสด็จมา
...
เราขอบพระคุณพระเยซูเป็นอย่างยิ่งที่พระองค์เมตตาเรา ให้มาถึงความรู้ที่เป็นความจริงแห่งพระคำพระเจ้า เพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นไท สรรเสริญพระเยซูที่เรามาถึงหลักการแห่งความเชื่อในยุคพระคุณอย่างแท้จริง เรามาถึงข่าวประเสริฐที่เป็นความจริงของพระเจ้าผ่านเปาโล
เราขอบพระคุณพระเยซูที่นำเรามาถึงการดำเนินชีวิตที่จบลงด้วยพระวิญญาณ ไม่ใช่ด้วยเนื้อหนัง สรรเสริญพระเยซู
เมื่อเราเชื่อ เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม เราได้รอด สรรเสริญพระเยซู
เมื่อเราเชื่อ เราก็ได้กลายเป็นผู้ชนะ เพราะว่าการกระทำทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงสุดท้าย ก็คือการกระทำของพระเจ้าในเราผ่านเรา เพื่อช่วยเรา ไม่ใช่เราที่จะต้องทำอะไรเพื่อพระเจ้า เพราะว่าเราไม่เหมาะและเราตกต่ำเราอ่อนแอเราเป็นคนบาปในเมื่อก่อน แต่ตอนนี้พระเจ้าทำทุกสิ่งเพื่อช่วยไถ่เรา ตั้งแต่การได้กลายเป็นคนชอบธรรม มาถึงการได้รอด และการเป็นผู้ชนะ สรรเสริญพระเยซูพวกเรารักพระองค์
เราจะไม่ใส่ใจที่การกระทำ ทำดี พยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าด้วยเนื้อหนัง ด้วยตัวเก่า ด้วยอาดัม เพราะว่าตัวเก่าไม่มีอะไรดีสำหรับพระองค์ และพระองค์ประหารชีวิตเก่าของเราไปแล้ว ทุกวันนี้พระองค์ประทานชีวิตใหม่ให้เราแล้ว และมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่ในเราเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณของเรา
ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ไม่เคยทิ้งเราไปไหน ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์สถิตอยู่กับเราทุกวันทั้งวัน ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์รอฟังคำอธิษฐาน พูดคุยสนทนา บอกรัก จากเรา เรารักพระองค์พระเยซู