หนังสือ วิวรณ์ บทที่ 3 (ข้อที่ 1-6) คริสตจักร ที่ตายแล้ว (คริสตจักร ในเมืองซาร์ดิส)
คริสตจักรที่ตายแล้ว คือ..
- คือ กลุ่มผู้เชื่อที่ได้รู้และเข้าใจแล้วว่า เขาบังเกิดใหม่แล้ว แต่ไม่ได้ใช้ชีวิตใหม่นี้เลย
- เขายังใช้ตัวเก่า หรือชีวิตของอาดัมเพื่อทำดีเชื่อฟัง หรือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า เพราะใช้ตัวใหม่ไม่เป็น ซึ่งก็คือพระวิญญาณที่อยู่ในเขาที่รอคอยทำดีเชื่อฟังแทนเขาในแต่ละวัน
3:1 “และจงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรในเมืองซาร์ดิสว่า ‘พระองค์ผู้ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า และดวงดาวทั้งเจ็ดนั้น ตรัสสิ่งเหล่านี้ว่า เรารู้จักบรรดาการงานของเจ้าว่า เจ้าได้ชื่อว่า เจ้ามีชีวิตอยู่ และได้ตายเสียแล้ว
** "เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า เจ้าได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าได้ตายเสียแล้ว"
- คริสตจักรในเมืองซาร์ดิสก็ไม่ต่างไปจากคริสตจักรมากมายที่ไม่รู้ตัวว่าพวกเขาถูกตรึงและตายกับพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อน พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องการร่วมมีส่วนในการตายและการเป็นขึ้นกับพระเยซู ซึ่งเป็นหลักการการดำเนินชีวิตของคริสเตียนทุกคนคือต้องเดินด้วยตัวใหม่ คนใหม่ หรือมนุษย์วิญญาณที่ผ่านการตายและเป็นขึ้นนี่เอง เริ่มแรก คริสตจักรในเมืองนี้เคยได้รับการเปิดตาได้เห็นพระคำล้ำลึกแต่ต่อมาจึงกลายพันธุ์กลับมาใช้ตัวเก่า เนื้อหนัง เพื่อดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณและพยายามเชื่อฟังพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงประทานพระคริสต์เข้ามาสถิดอยู่ภายในพวกเขาเพื่อทำดีสำแดงชีวิตที่ชอบทำผ่านร่างกายของพวกเขา การทำดีของคริสตจักรนี้จึงเรียกว่าการทำดีที่ตายแล้ว ความชอบธรรมที่ตายแล้ว และการรับใช้ที่ตายแล้ว มันคือไม้ฟางและหญ้าแห้งนั่นเอง
- (คริสตจักรที่ตายแล้วดังกล่าว ไม่รู้ว่าเค้าตายแล้ว และยังตั้งชื่อ คริสตจักรเหมือนมีชีวิต แต่สำหรับพระเจ้า...เขาตายแล้ว คริสตจักรมากมายทุกวันนี้ไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว เพราะไม่มีชีวิตจิตใจใหม่ ในแต่ละวันทำดีพอประมาณและทนไม่ไหวก็ระเบิด ไม่เคยได้รับรักอากะเปที่มาจากพระเจ้าเลย)
3:2 จงเฝ้าระวังให้ดี และทำให้สิ่งทั้งหลายซึ่งเหลืออยู่ที่พร้อมที่จะตายอยู่แล้วนั้นให้แข็งแรงขึ้น เพราะว่าเราไม่พบการงานทั้งหลายของเจ้าดีพร้อมต่อพระพักตร์พระเจ้า
** "ระวังให้ดี และกระตุ้นส่วนที่เหลือซึ่งจวนจะตาย" คือการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคำสอนที่เป็นเชื้อยีสและนำผู้เชื่อทั้งหลายเข้ากลับเข้าสู่การเปิดตาเพื่อเดินและรับใช้ในลักษณะที่ มีชีวิตอยู่
** "ไม่พบการประพฤติของเจ้าดีพร้อม" ก็คือการดำเนินชีวิตและรับใช้ด้วยตัวเก่า หรือเนื้อหนัง ที่ต้องเพิ่งพากำลังและสติปัญญาของมนุษย์ซึ่งเราเห็นกันอย่างมากมายทุกวันนี้ ส่วนการประพฤติที่ดีพร้อม ก็คือเรามีพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตในเราแทนเรา พระองค์เป็นสติปัญญาเป็นคนคิดตัดสินใจแทนเรานำเรา เป็นคนสำแดงผลของความดีแทนเราใน (กท 5:22-23)
** กระตุ้นส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตายอยู่แล้วนั้น(ส่วนที่จะตายนี้ คือคำสอนเรื่องรอดด้วยความเชื่อเท่านั้น ซึ่งคริสตจักรมากมายเริ่มเชื่อว่าเชื่อไม่พอต้องเชื่อฟังด้วยจึงจะรอด ซึ่งเชื่อเท่านั้นก็รอดเป็นหลักการแห่งความรอดในยุคพระคุณนี้
** ความหมายก็คือ ถ้านำคำสอนที่ว่า เชื่อเท่านั้นไม่พอต้องเชื่อฟังด้วย คริสตจักรก็จะตายสนิท((โรม 5:1; 11:6 / อฟ 2:8-9) ส่วนเรื่องการเชื่อฟังคือผลแห่งชีวิตใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับความรอด)
** เพราะว่าเราไม่พบการประพฤติของเจ้าดีพร้อมต่อพระพักตร์พระเจ้า
- (คือไม่มีผลของพระวิญญาณที่ทำแทนเราใน กท 5:22-23; 2:20 / ฟป 1:19-21)
- (การดีที่เราทำ เรียกว่าการดีที่ตายแล้ว ฮบ 9:14)
- วิธีแก้ไข ก็คือ เชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ และเชื่อทุกวันว่าพระคริสต์อยู่ในเราและยอมให้พระองค์ทำแทนเรา เพราะพระเจ้าไม่รับการทำดีของเราที่มาจากชีวิตอาดัม วันหนึ่งเราจะพบว่าเราทำทุกสิ่งได้เพราะพระคริสต์ทำแทนเรา คส 1:27 / ฟป 2:13)
3:3 เหตุฉะนั้น จงระลึกว่าเจ้าได้รับและได้ยินมาแล้วอย่างไร และจงยึดไว้ให้มั่นและกลับใจเสียใหม่ ฉะนั้นถ้าเจ้าไม่ยอมเฝ้าระวัง เราจะมาหาเจ้าเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าในโมงใด
** "เหตุฉะนั้น เจ้าจงระลึกว่าเจ้าเคยได้รับและเคยได้ยินอะไรจงยึดไว้ให้มั่นและกลับใจเสียใหม่" ฉะนั้นถ้าเจ้าไม่เฝ้าระวังเราจะมาหาเจ้าเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าเมื่อไร
- คือคริสตจักรนี้เคยได้รับพระคำซึ่งเป็นหลักคำสอนที่แปลถูกและอาหารผู้ใหญ่ (มานาที่ซ่อนไว้) มาก่อน พวกเขาต้องกลับใจหันกลับสู่พระคำดังกล่าวและกำจัดเชื้อยีสออกไป
- "ฉะนั้นถ้าเจ้าไม่เฝ้าระวังเราจะมาหาเจ้าเหมือนอย่างขโมย และเจ้าจะไม่รู้ว่าเราจะมาหาเจ้าเมื่อไร" คริสตจักรศาสนาไม่อาจเฝ้าระวังได้ เนื่องจากว่าพวกเขาเชื่อเหลือเกินว่าเขาเฝ้าระวังอยู่แล้วและทำดีมากมายเป็นที่พอพระทัยพระบิดาอยู่แล้ว
** เหตุฉะนั้น เจ้าจงระลึกว่าเจ้าได้รับและได้ยิน คือได้รับการสั่งสอนมาแล้ว ว่าเชื่อเท่านั้นก็รอด หรือรอดโดยทางพระคุณทางความเชื่อ)
3:4 แม้แต่ที่เมืองซาร์ดิสพวกเจ้ามีสองสามชื่อที่ไม่ได้กระทำให้เสื้อผ้าของตนมีมลทิน และเขาเหล่านั้นจะแต่งตัวสีขาวเดินไปกับเรา เพราะว่าเขาเป็นคนที่สมควรแล้ว
** คริสตจักรในเมืองนี้ยังพอมีผู้เชื่อที่ฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณอยู่บ้าง และพวกเขาจะเข้าสู่ชีวิตที่สุกงอม (ชีวิตผู้ชนะ) ในที่สุด
3:5 ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะสวมเสื้อสีขาวและเราจะไม่ลบชื่อผู้นั้นออกจากหนังสือแห่งชีวิตแต่เราจะรับรองชื่อผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเราและต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์
** ไม่ดำเนินชีวิตและการรับใช้ด้วยชีวิตเก่าเนื้อหนังของอาดัมที่ตายแล้ว
** ผู้เชื่อที่ไม่ชนะหรือไม่สุกงอม (เลิกทำบาปไม่ได้ไปจนตาย) จะถูกลบชื่อออกจากหนังสือชีวิตชั่วคราว เมื่อพระเยซูเสด็จมาพิพากษาผู้เชื่อก่อนเข้าสู่ยุคพันปี พระองค์จะไม่รับรองชื่อพวกเขาต่อหน้าพระบิดาและทูตสวรรค์ทั้งหลาย และเมื่อครบหนึ่งพันปี การตีสอนก็สำเร็จ พระเยซูจึงยอมรับพวกเขาและไม่ตัดสิน และส่งไปยังบึงไฟ
** "ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะสวมเสื้อสีขาว"
- "ชนะ" ในที่นี้ คือชนะปัญหา การเป็นคริสเตียนที่ ตายแล้ว
- "จะได้สวมเสื้อสีขาว" คือจะได้รับชีวิตจิตใจใหม่ หรือรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ และได้เข้าในราชอาณาจักรเมื่อพระเยซูกลับมา พระเยซูจะไม่ได้กล่าวกับเขาว่า เราไม่รู้จักเจ้า (มธ 7:21-27)
** และเราจะไม่ลบชื่อผู้นั้นออกจากหนังสือแห่งชีวิต แต่เราจะรับรองชื่อผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์
- (คือชื่อเราจะยังอยู่เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาครอบครองโลก และนิรันดร์)
- (ผู้เชื่อที่ไม่มีชีวิตใหม่หรือรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ จะไม่ได้สวมเสื้อขาวและไม่ได้เข้าในราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้า)
3:6 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด'
** ("มีหู" ในที่นี้ คือหูฝ่ายวิญญาณ)
** (พระวิญญาณตรัสแก่คริสตจักทั้งหลาย ก็คือคริสตจักรทั่วๆไป แต่ใช้คริสตจักรนี้เป็นตัวแทน)
ยิวเนื้อหนังจะมากราบลงแทบเท้ายิวฝ่ายวิญญาณที่เป็นผู้ชนะ
หนังสือ วิวรณ์ บทที่ 3 (ข้อที่ 7-13) คริสตจักร ผู้ชนะที่ไม่เสื่อมถอย (คริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟีย)
3:7 จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟีย ว่า ‘พระองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้สัตย์จริง ผู้ทรงถือลูกกุญแจของดาวิด ผู้ทรงเปิดแล้วจะไม่มีผู้ใดปิด ผู้ทรงปิดแล้วจะไม่มีผู้ใดเปิด ได้ตรัสดังนี้ว่า
** ‘พระองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้สัตย์จริง ผู้ทรงถือลูกกุญแจของดาวิดผู้ทรงเปิดแล้วจะไม่มีผู้ใดปิด ผู้ทรงปิดแล้วจะไม่มีผู้ใดเปิดได้ตรัสดังนี้ว่า คือกุณแจสำหรับเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ในยุคพันปี ซึ่งนอกจากพระเยซูที่มีชีวิตที่บริสุทธิ์ชอบธรรมอย่างแท้จริงแล้ว ไม่มีผู้ใดมีกุญแจเข้าอาณาจักรได้ พระองค์เท่านั้นที่มีสิทธิอำนาจในการเปิดปิดอาณาจักรของพระองค์
** "พระองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้สัตย์จริง" คือ (พระเยซู)
** "ผู้ทรงถือลูกกุญแจของดาวิด" คือ (อาณาจักรสวรรค์ในยุคพันปี)
** "ผู้ทรงเปิดแล้วจะไม่มีผู้ใดปิด ผู้ทรงปิดแล้วจะไม่มีผู้ใดเปิด" (นี่คือประตูราชอาณาจักรสวรรค์ที่จะลงมาพร้อมกับพระเยซูในยุคพันปี เปิดให้ผู้ชนะเท่านั้น และปิดสำหรับผู้เชื่อที่ไม่ชนะโลก)
3:8 เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า ดูเถิด เราได้ตั้งประตูซึ่งเปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า ประตูนี้ไม่มีใครปิดได้ เพราะว่าเจ้ามีกำลังเพียงเล็กน้อย แต่กระนั้นเจ้าก็ได้รักษาคำของเราและไม่ได้ปฏิเสธนามของเรา
** "เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า" คือ(พระเยซูทรงยอมรับการงานเขาว่าใช้ได้มีบำเหน็จให้)
** "ดูเถิด เราได้ตั้งประตูซึ่งเปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า ประตูนี้ไม่มีใครปิดได้" คือ(ประตูราชอาณาจักรสวรรค์พันปี)
** "เพราะว่าเจ้ามีกำลังเพียงเล็กน้อย แต่กระนั้นเจ้าก็ได้รักษาคำของเรา และไม่ได้ปฏิเสธนามของเรา" (ถึงแม้ว่าผู้เชื่อที่ชนะ รวมตัวกันเป็นคริสตจักร และทำน้อย ไม่มีผลงานมาก แต่เขาทำดีที่สุดตามน้ำพระทัยพระเจ้า)
** "รักษาคำของเรา" คือดำเนินชีวิตอยู่ในถ้อยคำของพระเยซูคริสต์และสนิทในพระองค์ตามที่ทรงสั่งเอาไว้
** การงานที่จะได้รับบำเหน็จนั้นไม่ได้อยู่ที่มาก หรือน้อย แต่อยู่ที่เราทำตามน้ำพระทัยและที่ดีที่สุดตามหน้าที่ที่รับมอบจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
** “เราได้ตั้งประตูซึ่งเปิดไว้ตรงหน้าพวกเจ้า ประตูนี้ไม่มีใครปิดได้“
- พระเยซูก่อตั้งคริสตจักรผู้ชนะได้สำเร็จ พวกเขาไม่อาจกลับไปเป็นคริสตจักรศาสนาได้อีกอย่างแน่นอน พวกเขาจะเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรต่อผู้เชื่อทั้งหลายที่ตกต่ำแล้วเพื่อให้ได้พบอาณาจักรเช่นกัน
** "เพราะว่าเจ้ามีกำลังเพียงเล็กน้อยแต่กระนั้นเจ้าก็ได้รักษาคำของเราและไม่ได้ปฏิเสธนามของเรา"
- คริสตจักรผู้ชนะ / คริสตจักรเที่ยงแท้ หรือคริสตจักรฝ่ายวิญญาณนั้น จะไม่มีคนมากเหมือนดั่งคริสตจักรศาสนาทั่วไป เนื่องจากว่าผู้ที่ถูกเปิดตาจริงๆ มีไม่มาก
3:9 ดูเถิด เราจะทำให้พวกเขาที่เป็นของธรรมศาลาของซาตาน ซึ่งบอกว่าพวกเขาเป็นพวกยิว และไม่ได้เป็น แต่พูดมุสาจริง ๆ นั้น ดูเถิด เราจะทำให้พวกเขามาและนมัสการแทบเท้าของเจ้า และให้ทราบว่า เราได้รักเจ้า
** เมื่อยิวไม่รับพระเยซู ยิวจึงสูญเสียความเป็นยิวแท้ และคริสเตียนที่เชื่อในพระเยซูจึงเป็นยิวแท้ และยิ่งกว่านั้น ในยุคพันปีและแผ่นดินโลกใหม่ผู้ชนะจะเป็นนายปกครองเหนือคริสเตียนศาสนาทั้งยิวและต่างชาติด้วย
** เราจะทำให้พวกธรรมศาลาของซาตานที่พูดมุสาว่าเขาเป็นพวกยิวและไม่ได้เป็นนั้น (ธรรมศาลาของยิว คือที่อยู่ของซาตาน และเค้าไม่ใช่คนยิวอีกต่อไปแล้ว แต่สำหรับพระเจ้าเราคือยิวที่แท้จริง และทรงมอบอาณาจักรให้เรา (คริสเตียนผู้ชนะ) แล้ว
3:10 เพราะเหตุเจ้าได้รักษาคำของเราด้วยความอดทนอดกลั้นยอมทนทุกข์ เราจะรักษาเจ้าจากเวลาแห่งการทดลองนั้นด้วย ซึ่งจะบังเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก เพื่อจะลองดูใจคนทั้งปวงที่อยู่ทั่วแผ่นดินโลก
** "รักษาถ้อยคำ" ในที่นี้ คือไม่ทิ้งพระคำที่แปลถูก (มานาที่ซ่อนไว้ พระคำล้ำลึก) ทั้งฝึกเดินและรับใช้ด้วยความเพียร พระเยซูจะรักษาเราจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะเกิดกับโลกและในช่วงกลียุค
** (เมื่อเราผู้ชนะยอมทนทุกข์เมื่อถูกข่มเหงในยุคนี้ พระเยซูจะไม่ให้เราเข้าสู่การข่มเหงความทุกข์ทรมานใหญ่ในระยะเจ็ดปีที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้ มธ 24:21)
3:11 ดูเถิด เราจะมาโดยเร็ว จงยึดมั่นในสิ่งที่เจ้ามี เพื่อไม่ให้ผู้ใดชิงเอามงกุฎของเจ้าไปได้
** "มงกุฎ" คือมงกฏแห่งกษัตริย์เพื่อจะครอบครองอาณาจักรทั่วโลกร่วมกับพระเยซูในยุคหน้า
** "ชิงเอามงกุฏ" คืออย่าสะดุดล้ม อย่ามองมนุษย์ อย่าท้อ อย่าหวั่นไหวอย่ากลัว แต่จงมุ่งมั่นและก้าวต่อไป รับผิดชอบการงานที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้เรารับผิดชอบ เพื่อแย่งชิงเอาอาณาจักรให้ได้
3:12 ผู้ใดมีชัยชนะเราจะกระทำให้ผู้นั้นเป็นเสาในพระวิหารแห่งพระเจ้าของเราและผู้นั้นจะไม่ออกไปภายนอกอีกเลย และเราจะจารึกพระนามพระเจ้าของเราไว้ที่ผู้นั้นและชื่อเมืองของพระเจ้าของเรา คือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ที่ลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้าของเราและเราจะจารึกนามใหม่ของเราไว้ที่ผู้นั้นด้วย
** "เสา" คือเป็นเอก เป็นหลัก เป็นคนสำคัญ หรือเป็นใหญ่ ในยุคพันปีและชั่วนิรันดร์
** "ไม่ออกไปไหนเลย" คือพระเยซูอยู่ที่ไหนเราก็อยู่ที่นั่น ทรงเสด็จไปไหนเราก็ไปด้วย
** ผู้ใดมีชัยชนะ (ต่อการทนทุกข์การข่มเหงในชีวิตนี้) และผู้นั้นจะไม่ออกไปภายนอกอีกเลย (อยู่ใกล้ชิดสนิทกับพระเยซูในราชอาณาจักรในยุคหน้า มีตำแหน่งเป็นชั้นผู้ใหญ่)
** พระเจ้าทรงใช้การข่มเหงความทุกข์ยากลำบากเพื่อเลือกผู้มาร่วมครอบครองอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้ากับพระเยซู แต่ผู้เชื่อมากมายคิดว่าการถูกข่มเหงหรือชีวิตพบแต่ปัญหาเป็นสิ่งที่ไม่ดีและถูกพระเจ้าลงโทษ
** ครั้งหนึ่งมารดาของท่านยอห์นมาหาพระเยซูขอให้บุตรชายทั้งสองนั่งคนละข้างเมื่อพระเยซูครองราช แต่พระองค์ตรัสตอบว่า ถ้วยที่เราจะดื่ม (ความตาย) เขาจะดื่มได้หรือ ? (มธ 20:20-22)
** พระเจ้าสร้างคริสเตียนให้เป็นเหมือนเรือที่ต้องออกทะเลเพื่อปะทะคลื่นลมพายุฝนและน้ำ ไม่ได้ทรงสร้างเราเพื่อจอดทิ้งไว้ที่ริมฝั่ง เพื่อให้คนเดินผ่านไปมาดูความสวยงาม
** คำอธิบายเรื่องหนังสือวิวรณ์นี้ ไม่ได้ต้องการตำหนิหรือชมใคร แต่อธิบายหรือแปลความหมายตามการเรียกร้องของพี่น้องหลายท่าน ว่าแท้ที่จริงมีความหมายว่าอย่างไร และจะได้นำมาใช้ในชีวิต ทั้งรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูไม่เพิกเฉยเพราะว่าผู้เชื่อมากมายยังไม่พร้อมสำหรับราชอาณาจักรที่จะมาพร้อมกับพระเยซูในไวๆ นี้
หนังสือ วิวรณ์ บทที่ 3 (ข้อที่ 14-17) คริสตจักรที่เป็นอุ่นๆ (คริสตจักร ในเมืองเลาดีเซีย)
คริสเตียนรวยในวิญญาณ แร้นแค้น น่าสังเวช ยากจน ตาบอด และเปลือยกายอยู่ (วว 3:14-22 คือคำเตือนของพระเยซูส่งไปถึง คริสตจักร เมืองเลาดีเซีย)
3:14 จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซีย ว่า‘พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเอเมน ทรงเป็นพยานที่สัตย์ซื่อและสัตย์จริง และทรงเป็นปฐมเหตุแห่งสิ่งสารพัดซึ่งพระเจ้าทรงสร้าง ได้ตรัสดังนี้ว่า
** "พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเอเมน" "พระเอเมน" คือ "พระเยซู" (เอเมน แปลว่า แน่นอน ใช่เลย เป็นจริง แน่นอนที่สุด ถูกต้องที่สุด ใช่แล้ว) ทรงเป็นพยานที่สัตย์ซื่อและสัตย์จริงและทรงเป็นปฐมเหตุแห่งสิ่งสารพัดซึ่งพระเจ้าทรงสร้างได้ตรัสดังนี้ว่า
3:15 เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้าว่า เจ้าไม่เย็นไม่ร้อน เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน
** คริสตจักร เมืองนี้ไม่กระตือรือล้นไม่ร้อนรนต่อการดำเนินในพระวิญญาณและสนิทในพระคริสต์ (ร้อน) โรม 12:11 / และไม่ยอมละทิ้งความเชื่อหรือหนีไป (เย็น) แต่เขากลับอธิฐาน อ่าน ไปโบสถ์อาทิตย์ละครั้งหรือนานๆ ครั้ง ชีวิตไม่ไปไหนมาไหน ไม่ขึ้นไม่ลง ไม่เข้าใกล้พระเจ้าและไม่ยอมละทิ้งพระองค์
3:16 ดังนั้น เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆ ไม่เย็นและไม่ร้อน เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา
** "คลายออกจากปาก" ในที่นี้ คือไม่ให้เราได้รับสุขและพระพรฝ่ายวิญญาณที่เราควรจะได้ และการสูญเสียบำเหน็จที่ควรจะได้รับในยุคหน้า (มธ 7:21-27 / 1 คร 3:12-15)
3:17 เพราะเจ้าพูดว่า “เราเป็นคนมั่งมี ได้ทรัพย์สมบัติทวีมากขึ้น และเราไม่ต้องการสิ่งใดเลย” เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ เป็นคนน่าสังเวช เป็นคนขัดสน เป็นคนตาบอด และเปลือยกายอยู่
** "มั่งมี" ในที่นี้ คือคิดว่าเขารู้และเข้าใจพระวจนะคำของพระเจ้า ไม่เหมือนกับคนที่ยอมยากจนในวิญญาณ
(มธ 5:3 “บุคคลผู้ใดรู้สึกยากจนในวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา)
** "ยากจนในวิญญาณ" คือยอมให้วิญญาณว่างเปล่าไม่มีอะไร หรือยอมทิ้งความเชื่อเรื่องอยากขึ้นสวรรค์รอดจากนรก หรือความรู้เดิมที่ได้รับมาจากศาสนาคริสต์ที่แปลผิด และไม่ได้แสวงหาราชอาณาจักรสวรรค์ ตั้งแต่เชื่อจนถึงวันตาย เขาไม่ได้มีโอกาสได้พบราชอาณาจักรนี้เลย
** ถ้าหากเรายอมทิ้งความเชื่อเรื่องสวรรค์นรก เราจะพบราชอาณาจักรสวรรค์และมีโอกาสได้เข้าในอาณาจักรนี้
** แต่ถ้าหากเราไม่ยอมทิ้งเรื่องสวรรค์นรก เราจะไม่มีโอกาสได้รับราชอาณาจักรสวรรค์อย่างแน่นอน
** ทันทีที่เราเชื่อสวรรค์หรือความรอดในวันสุดท้ายก็เป็นของเรา เราไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ให้เราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ไม่เปลี่ยนแปลง)
** "ได้ทรัพย์สมบัติทวีมากขึ้น" คือคิดว่าเขามีความรู้และเข้าใจที่ได้รับจากการใช้ปัญญาของอาดัมเพื่อเรียนรู้มากยิ่งขึ้น เมื่อมีไครมาบอกหรือแบ่งความรู้ใหม๋ๆ เขาจะไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด
** "เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ" คือเป็นคนที่ได้รับเคราะห์ร้าย หรือโชคร้าย - คำว่า "แร้นแค้นเข็นใจ" เป็นคำเดียวกันใน โรม 7:24 ซึ่ง อาจารย์เปาโลใช้เพื่อบ่งบอกถึงความบกพร่องของเนื้อหนังที่เชื่อฟังพระเจ้าไม่ได้
** "เป็นคนน่าสังเวช" คือน่าสงสารที่สุดสำหรับพระเจ้า แต่ดูดีสำหรับผู้อื่น
** "เป็นคนขัดสน" คือยากจนในความชอบธรรม หรือไม่มีผลของพระวิญญาณใน กท 5:22-23 ที่ทำผ่านชีวิตเขาเลย นอกจากความดีที่ใช้ไม่ได้ของเขาเอง
** "เป็นคนตาบอด" คือเขาไม่รู้ตัวว่า เชื่อผิด เข้าใจความหมายพระคัมภีร์ผิด แสวงหาผิด เชื่อฟังผิด รับใช้ผิด แต่กลับคิดว่าตนทำถูกหมด
** "และเปลือยกายอยู่" คือเขาเดินด้วยเนื้อหนัง ใช้ชีวิตของอาดัมทำดี ไม่ได้สวมชีวิตพระคริสต์และมีพระคริสต์เป็นผู้ทำดีแทนเขาเลย
(คำอธิบายนี้เป็นการแปลความหมายพระวจนะคำของพระเจ้า ไม่ได้ตัดสินหรือตำหนิพี่น้องท่านใด ขอให้ท่านอ่านเพื่อรับประโยชน์และมองในด้านบวก ขอให้จำเริญในพระคุณพระเจ้า เอเมน)
** ดูจากเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับคริสตจักรดังกล่าว เราพบว่าพระเยซูทรงตำหนิพวกเขา เรื่องจิตใจที่ไม่ร้อนรน (กระตือรือร้น จะร้อนรนก็ไม่ร้อนรน) หรือเย็น (จะละทิ้งความเชื่อก็ไม่ทิ้ง คืออยู่แบบหน่วงๆ เหนี่ยวๆ เพราะกลัวไม่รอดและกลัวพระเจ้าจะลงโทษเอา) ชีวิตคริสเตียนที่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า คือต้องรับการเผาไหม้ในวิญญาณอยู่เสมอ (โรม 12:11 / วว 3:19)
** "คายออกจากปาก" คือจะไม่ได้รับการเลี้ยงดูดูแลและรับพระพรฝ่ายวิญญาณ น้ำแห่งชีวิต สุขทุกเวลานาที อยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนแปลง ที่ทรงให้มีท่ามกลางคริสตจักรเที่ยงแท้
- ปัญหาของคริสตจักรเมืองนี้ คือ
1. พวกเขาคิดว่าตนเป็นคนมั่งมีในความชอบธรรม เชื่อฟัง รักษาพระบัญญัติได้หลายๆข้อ แต่แท้ที่จริงพวกเขายากจนในความชอบธรรมของพระคริสต์ พระเจ้าไม่พบความดีความชอบธรรมอยู่ภายในพวกเขาเลย เนื่องจากว่ามันเป็นความชอบธรรมของเนื้อหนังชีวิตเก่า นำมาถวายแด่พระเจ้าไม่ได้
2. พวกเขาน่าสังเวช คือน่าสงสารเนื่องจากว่าชีวิตต้องขึ้นลง สุขทุกข์ ดีบาป แบกภาระหนักและเหนื่อยใจมาก ไม่เคยได้เข้าสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์เลย
3. พวกเขาตาบอดแต่คิดว่าไม่ได้บอด คือพวกเขามองไม่เห็นพระคำล้ำลึกและข้อลึกลับมากมายที่ซ่อนไว้ในพระคัมภีร์ เมื่อพระเจ้าเปิดตาและนำมาสู่มานาที่ซ่อนไว้เมื่อนั้นอาการบอดก็จะหายดี
4. พวกเขาเปลือยกายอยู่ คือไม่ได้สวมเสื้อตัวที่สองซึ่งก็คือพระคริสต์สำแดงชีวิตผ่านพวกเขา
3:18 เราเตือนสติเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์ในไฟแล้วจากเรา เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี และเสื้อผ้าขาวเพื่อจะนุ่งห่มได้ และเพื่อความละอายแห่งกายเปลือยเปล่าของเจ้าจะไม่ได้ปรากฏ และเอายาทาตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะแลเห็นได้
** "เราเตือนสติเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์ในไฟแล้วจากเรา"
- คือค้นหาชีวิตใหม่-ตัวใหม่-คนใหม่ ที่พระเจ้าทรงประทานให้เราแล้ว ซึ่งเป็นชีวิตที่ได้บังเกิดใหม่ ผ่านการตายและเป็นขึ้นร่วมกับพระเยซูแล้ว และมีพระคริสต์สถิตอยู่ในเราและดำเนินชีวิตแทนเรา
เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี
- คือเพื่อจะมีผลของพระวิญญาณของพระคริสต์เกิดขึ้นมากมายในเรา และเสื้อผ้าขาวเพื่อจะนุ่งห่มได้และเพื่อความละอายแห่งกายเปลือยเปล่าของเจ้าจะไม่ได้ปรากฏเมื่อพระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเราได้มากขึ้นในแต่ละวันและเลิกทำบาปได้แล้ว ก็คือเรากำลังสวมเสื้อตัวที่สอง และไม่ต้องอายเพราะว่าเราไม่ได้เปลือยกายอยู่ การดำเนินชีวิตด้วยตัวเก่าคือการเปลือยกายอยู่ ส่วนการดำเนินชีวิตที่พระคริสต์ทำแทนได้แล้ว คือการสวมเสื้อสีขาว
- และเอายาทาตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะแลเห็นได้ คือยอมรับการเปิดตาจากพระวิญญาณผ่านผู้ที่มีของประทานในการแบ่งปันถ้อยคำแห่งสติปัญญาและถ้อยคำแห่งความรู้อันล้ำลึกแก่เรา
** "ซื้อทองคำ" คือแสวงหาผลของพระวิญญาณที่ทำดีในเราเพื่อเรา (กท 5:22-23) ซึ่งการดีนี้สามารถผ่านไฟและรับบำเหน็จรางวัลได้ (1 คร 3:12-15)
** "เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี" คือมีผลของพระวิญญาณทำดีเชื่อฟังแทนเรามากขึ้นทุกๆ วัน
** "เสื้อผ้าขาวเพื่อจะนุ่งห่มได้" คือเสื้อขาวที่สวมเพื่อเข้าในงานเลี้ยงในยุคหน้าหรือเข้าในราชอาณาจักรสวรรค์นั่นเอง
** "และเพื่อความละอายแห่งกายเปลือยเปล่าของเจ้าจะไม่ได้ปรากฏ" คือเราจะไม่ต้องอายเพื่อนผู้เชื่อที่ได้เข้าไปในราชอาณาจักร แต่เรากลับไม่ได้เข้าไปจนครบกำหนดพันปีในยุคหน้า
** "เสื้อผ้าขาวเพื่อจะนุ่งห่มได้" คือพระคริสต์เป็นผู้ทำแทนดำเนินชีวิตแทนเรา (กท 2:20 / ฟป 1:20-21)
** "เอายาทาตาของเจ้าเพื่อเจ้าจะแลเห็นได้" คือการรับการเปิดตา เพื่อให้ได้พบราชอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ ซึ่งผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ยังไม่ได้พบแต่คิดว่าพบแล้ว
3:19 เรารักผู้ใด เราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่
** ในที่นี้ เน้นเรื่องกระตือรือล้นเท่านั้น และไม่ได้เน้นถึงเย็น เพราะเย็นคือการละทิ้งความเชื่อ ไม่อ่านไม่มาโบสถ์ ไม่อธิษฐาน
** "เรารักผู้ใด เราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น" พระเยซูทรงรักทุกคนและทุกคริสตจักร จึงเตือนให้ทุกคนกลับใจ "เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่"
** "มีความร้นรนกระตือรือร้น" ตรงข้ามกับคำว่า "ดับพระวิญญาณ" คือขยันขันแข็งในการอ่าน อธิษฐาน ร่วมประชุมนมัสการกับพี่น้อง ร่วมกันรับใช้แบบเอาการเอางาน
3:20 ดูเถิด เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเรา และเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้น และจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
** เมื่อเราเชื่อ งานแรกที่พระเจ้าทำก็คือเข้ามาอยู่ในวิญญาณของเรา และงานที่สองก็คือพระองค์ยืนอยู่ที่วิญญาณและเคาะประตูใจเราทุกวัน ทีละห้อง ๆลๆ
** เมื่อเราเปิดห้องไหน พระเจ้าก็ครอบครองส่วนนั้น จิตใจที่บาปส่วนนั้นก็ทำบาปไม่ได้อีก
** ดูเถิด "เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู"
- "ประตู" ในที่นี้ คือประตูใจของผู้เชื่อ ไม่ใช่ประตูชีวิตของคนที่ไม่เชื่อเหมือนอย่างผู้นำมากมายคิด เนื่องจากว่าพระเยซูตรัสกับคริสตจักรเมืองเลาดีเซียที่ไม่มีจิตใจร้อนรนแต่เป็นอุ่นๆอยู่ ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้น
- คือเข้ามาสถิตอยู่หรือครอบครองจิตใจของผู้เชื่อ เพื่อเขาจะเติบโตและเข้าสู่ชีวิตที่ร้อนรนอย่างสม่ำเสมอในแต่ละวันได้ และจะรับประทานอาหารร่วมกับเขาและเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
- เมื่อพระคริสต์สถิดอยู่ภายในใจของเราแล้ว เรากินหรือทำอะไรพระองค์ก็มีส่วน่รวมด้วยทั้งนั้น
3:21 ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นนั่งกับเราบนพระที่นั่งของเรา เหมือนกับที่เรามีชัยชนะแล้ว และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนพระที่นั่งของพระองค์
** คือได้ใกล้ชิตและร่วมครอบครองกับพระเยซูในยุคอาณาจักรและแผ่นดินโลกใหม่
** ถ้าหากเรามีชัยชนะต่อปัญหาเรื่องไม่ร้อนรนดังกล่าว เราจะได้ร่วมครอบครองราชอาณาจักรในยุคหน้าร่วมกับพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
3:22 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด'"
** "มีหู" คือ "หูทิพย์" หรือหูตาฝ่ายวิญญาณที่ได้ยินพระวิญญาณทรงตรัส
** คริสตจักรทั้งหลาย คือทั้งเจ็ดคริสตจักร เป็นเพียงตัวแทน แต่พระเจ้าทรงเตือนทุกๆ คริสตจักรในทุกยุคทุกสมัย