ถาม:
เชื่อเอาว่าตายและเป็นคนใหม่แล้วเท่านั้น ไม่ต้องนับได้ไหมเพราะว่าพี่น้องบางคนบอกว่าง่ายดี ไม่ต้องแบกภาระหนักเพราะดูเหมือนว่าการนับเป็นกฎอย่างหนึ่ง
ตอบ:
การเชื่อเอา คือการอยู่ในพระวิญญาณ หรือเชื่อในความจริงในพระคริสต์ มันเกิดขึ้นแล้วเป็นจริงแล้วในพระคริสต์ ไม่ใช่ในเรา ส่วนการนับคือการเดินในพระวิญญาณหรือในความจริงของพระเจ้า
การ "เชื่อเอา" ว่าเราตายแล้ว คือการมีชีวิตอยู่ในพระวิญญาณ (ในความจริงของพระเจ้า) to believe is to live in the Spirit
การ "นับ" ว่าตายแล้วทุกเวลา คือการเดินในพระวิญญาณ (ในความจริงของพระเจ้า) to count is to walk in the Spirit.
1. การเชื่อเอา คือการฝึกอยู่ในวิญญาณ หรือการอยู่ในพระวิญญาณ ในความจริงของพระเจ้าในพระคริสต์
2. การนับเอา คือการฝึกชีวิต ทุกย่างก้าวต้องจดจำระลึกเสมอว่าเราเป็นใครอยู่ที่ไหน
การนับจะไม่หนัก เมื่อพระวิญญาณช่วยนับแทนเรา เปาโลนับทุกวัน (1 คร 15:31) พระเยซูสั่งให้นับทุกวัน (ลก 9:23)
- การนับไม่ใช่กฎ (ของเนื้อหนัง) แต่เป็นกฎแห่งพระวิญญาณและชีวิต ซึ่งการเชื่อเอาก็เป็นกฎแห่งพระวิญญาณและชีวิตเหมือนกัน
- ผู้เชื่อไม่ใช่ว่าจะไม่อยู่ใต้กฎ แต่เราอยู่ใต้กฎที่เบาสบายง่าย เนื่องจากว่ากฎแห่งพระวิญญาณและชีวิตจะเคลื่อนในเราทำให้เราทำได้
- การฝึก ในระยะแรกๆ จะยาก แต่เวลาผ่านไปนานจะง่ายมากครับ ตื่นนอนผมก็ท่องพระคำ กาลาเทีย 2:20 แบบชีวิต ด้วยรักพระเยซู ก็ไม่เรียกว่ากฎ (เนื้อหนัง)
...
ถาม:
หลังจากที่เราได้รับการชำระโดยพระคำ โดยการอ่านตีความหมาย พระคัมภีร์ที่ถูกต้อง แล้ว เราจะได้รับการชำระโดยพระวิญญาณ จาก การเชื่อเอาและการนับ ใช่ไหมครับ
ตอบ:
ใช่ครับ เชื่อเอาต้องมาก่อน จากนั้นก็เริ่มนับ การนับเรานับทุกวันเพื่อช่วยให้เราจำว่าเราเชื่อ (เอา) อะไร
เหตุผลที่พระเยซูสั่งให้นับก็เพราะว่าเราชอบลืม หลุด ไม่จำว่าเราเป็นใครอยู่ที่ไหนภาษาไทยอาจจะไม่มีความหมายที่หนักแน่นชัดเจนพอ
consider, count, reckon etc แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องนับเพราะว่าเปาโลพูดโดยพระวิญญาณ เราจะข้ามไม่ได้
เมื่อเราอ่านโรมบทที่หก เราพบว่า เปาโลจะสั่งให้เราทำตามขั้นตอน รู้ นับ ถวายตัวเพื่อเดินในพระวิญญาณ (โรม 6:1-13)
...
ถาม:
อยู่ในพระวิญญาณ และเดินในพระวิญญาณแตกต่างกันอย่างไร ?
ตอบ:
ใน กาลาเทียบทที่ 5 ที่เปาโลพูดว่า เมื่อท่านอยู่ในวิญญาณ
หรืออยู่ในความจริงของพระเจ้า หรือเชื่อเอาแล้วยังไม่พอครับ ท่านจะต้องดำเนินไปในพระวิญญาณ อยู่ในวิญญาณ หรืออยู่ในความจริงของพระเจ้า
การอยู่ในวิญญาณและการเดินไปในวิญญาณมันไม่เหมือนกัน การอยู่ใน ก็คือเชื่อแล้ว เรารู้แล้ว เราเชื่อแล้ว เราเชื่อเอา
แต่การที่จะเดิน ก็คือ ทุกก้าว เราต้องเดินไป คือต้องนับใหม่ ต้องตระหนัก ต้องถือว่า ต้องนับว่า ต้องจำนะครับว่าสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในพระคริสต์ เป็นความจริงของเรา จากนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็จะนำความจริงในพระคริสต์มาปรากฎให้เรามีประสบการณ์ในชีวิตของเรา
การเชื่อเอา ก็คือการอยู่ในพระวิญญาณ live in the spirit
คือการอยู่ในวิญญาณ แต่การนับ ก็คือ walk in the spirit
คือ walk คือ เดิน... เดิน ก็คือ ดำเนิน ก็คือทุกก้าวของเรา ทุกย่างก้าวหรือ เราจะจำอยู่เสมอ เราจะระลึกถึงเสมอ เราจะถือว่าเสมอว่า "เราตายต่อตัวเก่า แล้วเป็นคนใหม่"
** ทีนี้ถามว่าทำไมว่า มันเป็นภาระหนัก หรือเเหมือนเป็นกฎ
บังคับเรา ไม่ใช่ครับ ชีวิตคริสเตียนเราก็อยู่ใต้กฎ แต่เป็นกฎ
ของพระวิญญาณ และกฎของชีวิต เมื่อเรานับนานขึ้น พระวิญญาณก็จะมาช่วยนับให้เรา
** ถามว่าทำไมเราฝึก "มันหนัก"
เราไม่เข้าใจการที่จะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเรา และการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเข้ามาแทนที่การงานของเรา ก็คือต้องใช้เวลาครับ พี่น้องชาวไทยชาวลาว ยังอยู่ในการรับการเปิดตา ยังไม่มากพอ
อีกอย่าง 1-3 ปีแรกยังไม่เห็นพบเท่าที่ควร เพราะฉนั้นขอให้นับต่อไป อย่าคิดว่าทำอะไรไปแล้ว คือมันไม่เกิด มันไม่เห็น
ที่จริงมันเป็นเรื่องของตาครับ เราสะสมมานาฯ ให้มากขึ้น รับการเปิดตาให้มากขึ้น สุดท้ายพระเจ้าก็จะทำงานเอง
** ทำไมต้องใช้เวลานานถึงสองสามปี
เนื่องจากว่าการเดินในความเชื่อของคริสเตียน เราต้องเดินด้วยความเข้าใจครับ เมื่อเราต้องการความเข้าใจมากเราก็ต้องสะสมมานาฯ ให้มาก
เมื่อพี่น้องรับมานาฯ ใหม่ๆ เราจะเห็นว่าพระเจ้าให้เราได้สัมผัสการตาย มีสุข แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเรามาถึงแล้วฝึกสำเร็จแล้ว มันเป็นแค่ตัวอย่าง (sample) เท่านั้นครับ
...
ถาม:
ถามแทนพี่น้องค่ะ คือฝึกแรกๆก็นับค่ะแต่พอนับไปได้ระยะนึงแล้วก็เชื่อจนไม่อยากนับแล้ว เพราะรู้ว่านี่คือคนใหม่ อยู่ในพระคริสต์แล้ว
ตอบ:
คำว่า เชื่อจนไม่อยากนับ ที่เกิดขึ้นนั้น เรียกว่าพระวิญญาณในเรานับแทน หรือระลึกแทนเราเสมอว่าตัวเก่าตายตัวใหม่เป็อยู่ครับ
** "รู้ว่านี่คือคนใหม่" อยู่ในพระคริสต์แล้ว เรียกว่าอยู่ในพระวิญญาณ
** "เชื่อจนไม่อยากนับ" คือการดำเนินในพระวิญญาณ ที่มาถึงระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งมันคือการนับ/ระลึก เราอาจไม่พูดว่านับ แต่มันคือนับ/ระลึกครับ
...
ถาม:
ถ้าเราเชื่อว่าตัวเก่าตายแล้วทำไมต้องไปนับอีก นับทำไมว่าตัวเก่าตายแล้วถ้านับแสดงว่าไม่เชื่อว่าตัวเก่าตาย คือเหมือนว่าเราไปย้ำกับตัวเองว่าตัวเก่าต้องตายนะ
ตอบ:
การนับ ไม่ใช่เพื่อให้เชื่อหรือไม่เชื่อว่าตาย
แต่การ "นับ" คือเพื่อจดจำ ไม่หลง ไม่หลุด ไม่เผลอออกไปเป็นตัวเก่าใช้อารมณ์ความรู้สึกตามองเห็นเพื่อเดินในแต่ละวันครับ
เนื่องจากว่าภายในเรามีตัวบาปที่คอยต่อสู้กับพระวิญญาณ ส่วนภายนอกก็มีโลกอาดัมที่เป็นอาหารป้อนให้ร่างกายแห่งความบาปและความตายนี้อยู่
...
ถาม:
เชื่อมาก่อนแล้วตามด้วยการนับ หรือครับ
ตอบ:
ใช่ครับ ต้องเชื่อก่อน จากนั้นก็เชื่อเอา (ยอมรับความจริง) สุดท้ายก็นับ
** การขยายใหญ่ขึ้นของพระเยซูจะไม่เกิดถ้าเราไม่นับ/ระลึกครับ
การไม่นับ ฟื้นฟูก็ทำ เราพบว่าเขาเป็น คต. มาหลายรุ่น แต่เราไม่พบมนุษย์วิญญาณในเขา มีแต่การสำแดงชีวิตเนื้อหนัง
คำว่า "ลืมไป" แท้ที่จริง คือพระวิญญาณระลึกหรือนับแทนเราจนเราเห็นความตายของตัวเก่า คนที่ฝึกนานก็นับแทนมาก คนที่เพิ่งฝึกก็นับมาก
** ถามว่าถ้าเราไม่นับจะโตได้หรือไม่
คำตอบก็คือพระเจ้าเป็นคนเขียนหนังสือโรม และแน่นอนที่สุดพระเจ้าจะไม่ขัดแย้งกับพระคำของพระองค์ครับเมื่อทรงสั่งให้นับ และเราบอกว่าข้าจะไม่นับ ข้าเชื่อเอาก็น่าจะโตได้ เราก็ขัดแย้งกับเปาโลและพระเยซู
** ขอให้เราทำความเข้าใจก่อนนะครับ
เชื่อเอา ก็คือการอยู่ในพระวิญญาณและนับเอา ก็คือขั้นตอนต่อมา สเต็ปต่อมาคือการเดินในแต่ละวัน เห็นสองคำนี้ชัดเจน
เราก็จะเข้าใจว่า "เชื่อเอา" เราขาดไม่ได้แน่นอน การ "นับเอา" คือการเดินในแต่ละวัน เราก็ขาดไม่ได้อีก และการเดินในแต่ละวัน.
(การนับแต่ละวัน มันเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเห็น หรือมีประสบการณ์ ในพระวิญญาณ)
** เพราะว่าพระเจ้าเป็นคนสั่ง ถ้าเราไม่ทำ. เราบอกเชื่อเอาก็ได้ พระวิญญาณก็ไม่น่าทำงานในเราได้
เป็นคนใหม่แล้วในพระคริสต์จริงครับ แต่อย่าลืมครับว่า ฝ่ายเนื้อหนัง ฝ่ายอาดัม เรายังเป็นคนเก่าและจิตเรายังอยู่ในการชำระให้เข้าสู่การเป็นคนใหม่ ร่างกายของเรายังเป็นร่างกายแห่งความบาป ร่างกายแห่งความตาย เมื่อไหร่มันถูกกระทบมีสิ่งที่อยู่ข้างๆเรา อากาศร้อน อากาศหนาว สิ่งที่ทำให้เราอารมณ์เสียคือตัวเก่ามันจะมา เพราะฉะนั้นเราต้องการ การระลึกหรือการนับว่าตัวเก่าตาย ตัวใหม่เป็นอยู่เสมอครับ
...
ถาม:
ถ้างั้นเมื่อตื่นนอนเรานับว่าเราตายแล้วอีกวันถูกมั้ยคะ แล้วถึงจะขอบคุณพระเยซู และสรรเสริญพระเจ้า
ตอบ:
ใช่ครับ เพราะว่าเรามีชีวิตอยู่วันเดียว คือวันต่อวัน
1. เอาชนะตัวเอง กรีกคือปฏิเสธตัวเอง ไม่รับว่าเป็นคนเก่าทางเก่าเนื้อหนัง
2. แบกกางเขน ก็คือนับ/ระลึกว่าตายแล้ว
3. ทุกวัน คือระลึกอยู่เสมอจนมองเห็นว่าคนคนนี้คือคนใหม่ คนเก่าตายไปแล้ว
...
ถาม:
ถ้าเราเริ่มต้นนับใหม่เราต้องคิดเป็นจำนวนวันเดือนปีไม่คะ.. เช่นเริ่มนับเมื่อวานว่าตายแล้วรวมกับวันนี้อีกวันก็เป็นสองวัน หรือคนที่นับนับมานานเป็นเดือนๆ แล้ว ก็บอกว่าเขานับว่าตัวเองตายแลัวได้ 50 วันแล้ว ทำนองนี้นะคะ
ตอบ:
เราไม่ควรจำว่านับกี่วัน เรานับวันต่อวันครับ เบาสบายวันนี้ก็เป็นของวันนี้เท่านั้น เราตื่นนอนเราก็ระลึกว่า เอเมน ข้าเป็นคนใหม่ คนเก่าตายแล้ว เอเมนพระเยซู ข้ารักพระองค์
ผมออกจากบ้านมีคนขี่มอร์ไซมาปาดหน้า ผมก็บอกว่าเอเมนคนใหม่คนนี้อัศจรรย์มาก มีสุข มีรัก มีไม่คิดลบกับคนนั้น
ผมหิวข้าวเพราะว่าที่ร้านน้องสาวเราทานข้าวไม่ตรงตามเวลา ลูกค้าบางคนจู้จี้ พูดไม่เพราะ ผมยิ้ม ขอบพระคุณพระเยซูที่คนใหม่คนนี้อัศจรรย์มาก ไม่คิดลบ ไม่อึดอัดหงุดหงิดโมโห รักพระเยซู
ทุกครั้งที่ผมจะมองใครมองไปที่ไหน ผมระลึกว่า ตาที่มองอยู่ คือคนใหม่ในพระคริสต์ทุกครั้งที่ผมจะพูดอะไร ผมระลึกว่า เอเมนนี่คือคนใหม่พูด
ผม เมื่อก่อนเคยเดินเร็วแบบรีบ ชนคนโน้นคนนี้บ่อยๆ แต่เมื่อเข้าสู่การฝึก ผมระลึกว่าคนใหม่เดิน ผมก็จะเดินช้าไม่รีบ ไม่ชนใคร นี่คือตัวอย่างของการ ระลึกหรือนับ ครับ
สรุป
การระลึก หรือนับว่าตาย เราระลึกเสมอเมื่อเราจะพูด คิด และทำอะไรครับ ถ้าหากพี่น้องกำลังอ่านและระลึกอยู่ว่าคนที่อ่านคือคนใหม่ คิดบวก เปิดใจรับฟังเอาไว้เพื่ออธิษฐาน เราได้นับแล้วครับเพราะฉนั้นการนับครั้งเดียวไม่พอ ต้องนับก่อนที่จะทำอะไร พูดอะไร คิดอะไร
อ่านเพิ่มเติม: เชื่อเอา คือกุญแจที่นำไปสู่การสุกงอม และเป็นผู้ชนะได้