2:1 พี่น้องทั้งหลาย ท่านเองก็ทราบว่า การที่เรามาหาท่านนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณเมื่อไปหาใคร อยู่กับใคร ที่ไหน ทำอะไร ย่อมจะช่วยให้ทุกคนได้รับประโยชน์ในฝ่ายวิญญาณ คือนำความรอด คำหนุนใจ คำเตือน คำสั่งสอน เพื่อช่วยเหลือวิญญาณและจิตของพวกเขาให้รอดและได้รับการก่อขึ้นสู่ชีวิตของพระคริสต์
2:2 แต่ถึงแม้ว่าเราต้องทนการยากลำบากและได้รับการอัปยศต่างๆ มาแล้วที่เมืองฟีลิปปี ซึ่งท่านก็ทราบอยู่ เราก็ยังมีใจกล้าในพระเจ้าของเราที่ได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าแก่ท่านทั้งหลาย โดยเผชิญกับอุปสรรคมากมาย
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณมีพระวิญญาณนำพา จึงไม่กลัวที่จะเผชิญกับปัญหาและการอัปยศต่างๆ มากมายที่รอเขาอยู่
2:3 เพราะว่า คำเตือนสติของเรามิได้เกิดมาจากการหลอกลวง หรือการโสโครก หรืออุบายใดๆ
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ย่อมเป็นคนใสๆ ซื่อๆ พูดตรงไปตรงมา ไม่ใช้วิธีของโลกเพื่อล่อลวงให้มาเชื่อในพระเยซูและให้มารับใช้ ถวาย มาร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้อง เขาถอดทิ้งรูปแนวศาสนาที่ใช้กลวิธีต่างๆ ของอาดัม เขาถอดทิ้งความอยากเด่น ดังดี เกินใคร การเตือนสติ สั่งสอน จึงเต็มด้วยความรักและหวังดี ทำให้ผู้คนสัมผัสถึงชีวิต และแอกเบาได้
2:4 แต่ว่าพระเจ้าทรงเห็นชอบที่จะมอบข่าวประเสริฐไว้กับเรา เราจึงประกาศไป ไม่ใช่เพื่อให้เป็นที่พอใจของมนุษย์ แต่ให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ผู้ทรงชันสูตรใจเรา
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ประกาศสั่งสอนตามใจพระเจ้าไม่ใช่ตามใจหรือเอาใจมนุษย์ ซึ่งแตกต่างจากคริสเตียนศาสนาที่พูดและกระทำเพื่อให้เป็นที่ถูกใจของมนุษย์เป็นส่วนมาก บางครั้งข่าวประเสริฐ คำสั่งสอน คำเตือนอาจจะดูรุนแรงไป เขานำพระคำพระเจ้าดังกล่าวมาด้วยใจอ่อนสุภาพและถ่อมตน ไม่ใช่การข่มขู่ บังคับ ในลักษณะของคนมีอำนาจหรือผู้ยิ่งใหญ่
2:5 เพราะว่าเราไม่ได้ใช้คำยกยอในเวลาใดเลย ซึ่งท่านก็รู้อยู่ หรือมิได้ใช้คำพูดเคลือบคลุมเพื่อความโลภเลย พระเจ้าทรงเป็นพยานฝ่ายเรา
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ไม่ยกย่องยกยอใครแต่พูด สั่งสอน ตักเตือนด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมา ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ว่าไม่ดี ถูกก็ว่าถูก ผิดก็ว่าผิด แต่พูดด้วยรักและหวังดีและด้วยพระวิญญาณเพื่อเขาจะได้สัมผัสชีวิตและการเร้าใจของพระเจ้า
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช้ข่าวประเสริฐแห่งความมั่งมีร่ำรวยเพื่อผู้คนจะเกิดมีความโลภและแสวงหาพระพรฝ่ายร่างกายมากกว่าพระเยซู
2:6 และแม้ในฐานะเป็นอัครสาวกของพระคริสต์ เราจะเรียกร้องให้เป็นภาระก็ได้ แต่เราก็ไม่แสวงหาสง่าราศีจากมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นจากท่านหรือจากคนอื่น
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ไม่แสวงหาชื่อเสียงเกียรติยศอันดีท่ามกลางมนุษย์ทั้งภายนอกและภายในคริสตจักร ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายที่ผู้รับใช้จะแสวงหาสิ่งเหล่านี้ ทั้งจะได้รับผลประโยชน์ฝ่ายร่างกายผ่านทางชื่อเสียงและสง่าราศีดังกล่าวด้วย
2:7 แต่ว่าเราอยู่ในหมู่พวกท่านด้วยความสุภาพอ่อนโยน เหมือนพี่เลี้ยงที่เลี้ยงดูลูกของตน
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เน้นที่เอาความรัก (อะกาเป) ของพระเจ้า เป็นหลัก เป็นใหญ่ เป็นศูนย์กลาง เพราะฉนั้นทุกสิ่งที่เขาพูดและกระทำ ผู้คนย่อมสัมผัสได้ ผ่านความสุภาพอ่อนโยนของเขา และลูกๆ ภายในคริสตจักรก็จะพูดถึงเขาแต่ในด้านดี
2:8 เมื่อเรารักท่านอย่างนี้แล้ว เราก็มีใจพร้อมที่จะเผื่อแผ่เจือจาน มิใช่แต่เพียงข่าวประเสริฐของพระเจ้าเท่านั้น แต่อุทิศจิตใจเราให้แก่ท่านด้วย เพราะท่านเป็นที่รักยิ่งของเรา
** เผื่อแผ่เจือจาน ความหมายก็คือ การทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อการอยู่เพื่อข่าวประเสริฐและรับใช้พี่น้อง
** อุทิศจิตใจ คือการยอมให้จิตของเราอยู่ภายใต้การครอบครองและควบคุมของพระวิญญาณของพระคริสต์
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ พร้อมที่จะเสียสละ ทุ่มเททั้งจิต และร่างกาย เวลา ทรัพย์สิน เพื่องานการรับใช้พระเจ้าโดยไม่หวังอะไร เนื่องจากเขารู้แล้วว่าสิ่งที่รออยู่คือชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในอาณาจักรของพระเจ้า
2:9 พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบากของเราเมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าให้แก่ท่าน เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเราจะไม่เป็นภาระแก่ผู้ใดในพวกท่าน
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ย่อมไม่ต้องการให้ชีวิตเขาเป็นภาระของพี่น้องหรือของใคร ทำงานหาเลี้ยงชีพและรับใช้ไปพร้อมๆ กัน ยกเว้นบางกรณีที่ไม่สะดวกเรื่องการงานและการเงินจึงต้องอาศัยการช่วยเหลือจากพี่น้องเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เราเดินตามอย่างของเปาโล คือท่านเป็นคนขยันทำงานเลี้ยงชีพทั้งกลางวันและกลางคืน
2:10 ท่านทั้งหลายเป็นพยานฝ่ายเรา และพระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วยว่าเราได้ประพฤติตัวบริสุทธิ์ ชอบธรรม และปราศจากข้อตำหนิในหมู่พวกท่านที่เชื่อ
** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์ (ตามขนาดของความเชื่อ) บริสุทธิ์ก็คือการไม่ทำบาป ชอบธรรมก็คือชีวิตและนิสัยของพระคริสต์ผ่านเรา เป็นการดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระบิดาในแต่ละวันของพระคริสต์ผ่านผู้เชื่อที่โตแล้ว
2:11 ดังที่ท่านรู้แล้วว่า เราได้เตือนสติ หนุนใจและกำชับท่านทุกคน ดังบิดากระทำต่อบุตร
** “เรา” คือเปาโล และสิลวานัส และทิโมธี (บทที่ 1:1) เปาโลรักและห่วงใยต่อผู้เชื่อทุกคนและการเตือนสติ หนุนใจและกำชับของท่านจึงเป็นเหมือนบิดาที่มีต่อบุตรทั้งหลาย
2:12 เพื่อให้ท่านประพฤติอย่างสมควรต่อพระเจ้า ผู้ทรงเรียกท่านให้เข้ามาในอาณาจักรและสง่าราศีของพระองค์
** ประพฤติ ภาษากรีกคือ เดิน หรือดำเนินชีวิต คือเปาโลต้องการให้ผู้เชื่อมีชีวิตอยู่ในพระวิญญาณและเดินในพระวิญญาณซึ่งเรียกว่าการประพฤติอย่างสมควรต่อพระเจ้านั่นเอง
** พระเจ้าทรงเรียกทุกคนให้มาถึงอาณาจักรของพระองค์ แต่มีบางคนเท่านั้นที่มาถึงการดำเนินชีวิตของราษฎรแห่งอาณาจักร เนื่องจากว่าทุกวันนี้คริสเตียนกลายเป็นศาสนาคริสต์และไม่พบอาณาจักร ไม่เคยดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้พระบัญญัติใหม่ของพระเยซูเลย เปาโลจึงเป็นห่วงพวกเขามาก
2:13 เพราะเหตุนี้เราจึงขอบพระคุณพระเจ้าไม่หยุดหย่อน เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายได้รับพระวจนะของพระเจ้าซึ่งท่านได้ยินจากเรา ท่านไม่ได้รับไว้อย่างเป็นคำของมนุษย์ แต่ได้รับไว้ตามความเป็นจริง คือเป็นพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งกำลังทำงานอยู่ภายในท่านทั้งหลายที่เชื่อด้วย
** ถ้อยคำของเปาโลเป็นข่าวประเสริฐของแท้ที่มาจากพระเยซู เป็นพระคำที่เป็นความจริงไม่มีเชื้อ สามารถนำผู้คนมาถึงอาหารผู้ใหญ่และพบอาณาจักรได้ ซึ่งพระคำนี้มีชีวิตและทำงานในผู้เชื่อทั้งหลายให้เติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู
2:14 ด้วยว่า พี่น้องทั้งหลาย ท่านได้ปฏิบัติตามอย่างคริสตจักรของพระเจ้าในแคว้นยูเดียที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ เพราะว่าท่านได้รับความลำบากจากพลเมืองของตนเหมือนอย่างที่เขาเหล่านั้นได้รับจากพวกยิว
** ท่านได้ปฏิบัติตามอย่างคริสตจักรของพระเจ้า คือการประกาศเป็นพยานรับใช้และสามัคคีธรรมร่วมกันในพระวิญญาณและในความจริง ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ซาตานนำการข่มเหงมาสู่พวกเขามากขึ้น
2:15 พวกยิวได้ปลงพระชนม์พระเยซูเจ้า และได้ประหารชีวิตพวกศาสดาพยากรณ์ของเขาเอง และได้ข่มเหงพวกเรา และขัดพระทัยพระเจ้า และเป็นปฏิปักษ์ต่อคนทั้งปวง
2:16 โดยที่ขัดขวางไม่ให้เราประกาศแก่คนต่างชาติเพื่อจะให้พวกนั้นรอดได้ เพื่อ `ให้การบาปของเขาเต็มเปี่ยมเสมอ' แต่ในที่สุดพระพิโรธได้ตกลงบนเขา
** เปาโลหนุนใจผู้เชื่อถึงผลตอบแทนซึ่งพวกต่อต้านและขัดขวางข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ว่าจะได้รับผลตอบแทนอย่างไรเมื่อถึงเวลาของพวกเขา หน้าที่ของพวกเราคือการประกาศเป็นพยานและรักทุกคน
2:17 พี่น้องทั้งหลาย แต่เมื่อเราถูกพรากไปจากท่านชั่วระยะเวลาหนึ่ง พรากไปแต่กายเท่านั้น ไม่ใช่จิตใจ เราจึงขวนขวายปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นหน้าท่านอีก
2:18 เพราะเหตุนั้นเราอยากมาหาท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าคือเปาโลอยากมาหนแล้วหนเล่า แต่ซาตานได้ขัดขวางเราไว้
** คริสเตียนชาวเมืองนี้รักเปาโลมากแต่เนื่องจากว่าข่าวประเสริฐที่ท่านประกาศคือข่าวประเสริฐที่ครบถ้วนเพื่อนำคนมาถึงพระเจ้าและเข้าถึงอาณาจักรได้ ซาตานจึงเกลียดชังและพยายามขัดขวาง ท่านจึงมาเยี่ยมพวกเขาไม่ได้
2:19 เพราะอะไรเล่าจะเป็นความหวัง หรือความยินดี หรือมงกุฎแห่งความชื่นชมยินดีของเรา จำเพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เมื่อพระองค์จะเสด็จมา ก็มิใช่ท่านทั้งหลายดอกหรือ
2:20 เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นสง่าราศีและความยินดีของพวกเรา
** การเสด็จมา ในที่นี้ ก็คือการเสด็จมาเพื่อพิพากษาผู้เชื่อนั่นเอง
** คริสเตียนชาวเมืองนี้ได้รับพระคำแห่งความจริงจากเปาโล ทั้งการเตือนสติ หนุนใจ และคำกำชับ พวกเขาจึงมีชีวิตและเดินในพระวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ และสิ่งที่พวกเขากระทำอยู่นี่เองที่เป็นความชื่นชมยินดี และสง่าราศีของท่าน