เราขอบพระคุณพระเยซูสำหรับความรักของพระองค์ ขอบคุณสำหรับพระโลหิตที่ทำให้เราได้มีโอกาสเข้าใกล้ เข้ามาหา และรับการชำระ เพื่อที่จะเป็นผู้บริสุทธิ์ชอบธรรมต่อสายพระเนตรของพระองค์
เราขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์รัก เมตตาเรา และเลือกเราในคนกลุ่มส่วนมากเพื่อรับการเปิดตา เพื่อเข้าสู่ชีวิตที่มีสันติสุขและมีพลังและเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะได้ ขอบพระคุณพระเยซู
ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับหนังสือยอห์นที่สอนเราโดยเฉพาะบทที่ 10 และในที่นี้ก็คือ เรื่องของการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพระองค์กับพระบิดา และขอบพระคุณที่พระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเราทั้งหลาย
สำหรับหนังสือยอห์นบทที่ 10 ข้อที่ 31 จนถึง 42 ประเด็นที่สำคัญ ก็คือคำว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพระเยซูกับพระบิดา และการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเรากับพระเยซูกับพระบิดากับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เหมือนกัน
เหมือนกันยังไง? ก็คือวิญญาณของเราทุกวันนี้เป็นหนึ่งไม่ใช่สองกับพระวิญญาณกับพระคริสต์กับพระบิดาเป็นหนึ่งไม่ใช่สอง ก็คือแยกออกจากกันไม่ได้ ห่างกันไม่ได้ เราจะไปไหนจะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เนื่องจากว่าวิญญาณของเราผูกติดผูกพัน เชื่อมต่อเชื่อมโยง ทำให้เป็นหนึ่งไม่ใช่สองอีกแล้วกับพระเจ้า
เราขอบคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้ เนื่องจากว่าพระเจ้าต้องการที่จะสื่อสาร ผูกพัน สัมพันธ์ ให้มั่นคง ให้เหนียวแน่นอยู่กับพระองค์ เพราะฉะนั้นพระเจ้าทำสำเร็จเมื่อเราเชื่อ พระเจ้าให้เราตายต่อชีวิตเก่า ต่อวิญญาณเก่า จิตเก่า และให้เราถูกดลบันดาลให้เป็นจิตใหม่ วิญญาณใหม่และชีวิตใหม่
เพราะฉะนั้นชีวิตนี้วิญญาณนี้พระเจ้าสถิตอยู่ พระเจ้าเข้ามาพระเจ้าเป็นเจ้าของ พระเจ้าซื้อและสุดท้ายพระเจ้าก็ทำให้เรากลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ได้สำเร็จ เราจึงเป็นที่อยู่อาศัยของพระเจ้าที่พระเจ้าไม่เคยที่จะหนีออกไปไหน แล้วก็ไม่ยอมห่างเราไป
เราที่โดดเดี่ยวเดียวดาย เราที่รู้สึกว่าเหงา เราที่รู้สึกว่าพระเจ้าไม่แคร์เรา ไม่รักเรา ไม่ช่วยเรา ไม่ทำอะไรเลยให้เรา ขอให้เปลี่ยนความคิดเพราะว่าพระเจ้ามีเวลา พระเจ้าให้บทเรียน พระเจ้าทำทุกสิ่งด้วยเหตุด้วยผลที่พระองค์มี เพื่อให้เราถูกก่อขึ้นสู่ชีวิตผู้ชนะในที่สุด
...
สำหรับประเด็นที่ 2 ที่สำคัญ
ก็คือข้อที่ 34-35 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ในพระราชบัญญัติของท่านมีคำเขียนไว้มิใช่หรือว่า `เราได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายเป็นพระ' ถ้าพระองค์ได้ทรงเรียกผู้ที่รับพระวจนะของพระเจ้าว่าเป็นพระ และจะฝ่าฝืนพระคัมภีร์ไม่ได้
ถ้าจะแปลให้ถูก 'ท่านทั้งหลายเป็นพระเจ้า' มาจากพระคัมภีร์เดิมคำๆ นี้ ภาษาฮีบรูก็คือ θεός, οῦ, - God, a god ที-โอส ภาษาอังกฤษก็คือ God หรือถ้าจะใช้ G ตัวเล็กก็คือ a god รหัสกรีก 2316 แต่ตอนนี้เมื่อถึงพระคัมภีร์ใหม่ ภาษากรีกใช้คำว่าพระเจ้าเหมือนกัน แต่อยู่ในรหัส 2316
เราพบว่ามีกลุ่มผู้เชื่อมากมายหลายกลุ่มหลายคณะนิกาย และมีอาจารย์มีผู้นำคริสเตียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเชื่อคำสอนนี้ คือคำสอนอะไร? เราทั้งหลายเป็นพระเจ้าองค์เล็กๆ หรือว่าเราทั้งหลายเป็นพระเจ้า เป็นความเข้าใจผิดนะครับ เนื่องจากว่าการแปลความหมาย คือมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเป็นพระเจ้า หรือเราจะเติบโตพัฒนาเราเองให้ไปถึงการเป็นพระเจ้าในวันหนึ่ง อย่าลืมนะครับพระเจ้าสร้างมนุษย์ พระเจ้าสร้างทูตสวรรค์ให้เป็นเหล่าบุตรของพระองค์ เหล่าบุตร
ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะสร้างเราให้มีพระฉายาเหมือนพระองค์ คล้ายกับพระองค์ แต่ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าจะสร้างเราและเรียกเราว่าเป็นพระเจ้า มีบางกลุ่มบอกว่า ลูกแมวพอโตขึ้นมามันก็เป็นแมว ลูกหมาพอโตขึ้นมาก็เป็นหมา ลูกไก่พอโตขึ้นมาก็เป็นไก่ แล้วเราล่ะเราเป็นลูกพระเจ้าเราโตขึ้นเราก็ต้องเป็นพระเจ้าสิ คำสอนนี้ความคิดนี้เป็นคำสอนเป็นความคิดที่ผิด ไม่ถูก ในพระคัมภีร์ไม่เคยมีสักที่เดียวที่บอกว่าพระเจ้าสร้างเราให้เป็นพระเจ้า
เพียงแต่ว่าพระเจ้าสร้างเราให้เป็นเหมือน ก็คือมีพระฉายาของพระเจ้า มีความรัก รักในความรัก / มีความชอบธรรม รักในการชอบธรรม / มีความบริสุทธิ์ รักในการบริสุทธิ์ / มีความจริง รักในการอยู่ในความจริง / 4 สิ่งนี้ก็คือพระฉายาของพระเจ้า พระเจ้าไม่เคยที่จะใส่พลังใส่จิตใส่วิญญาณที่เป็นลักษณะของพระเจ้าเองให้เรา พอเราเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่มีอายุมากขึ้นแล้ว สุดท้ายก็กลายเป็นพระเจ้า อันนี้มันไม่มีในพระคัมภีร์
แต่ปัญหาก็คือทุกวันนี้มีหลายคนที่สอนแบบนี้ และหลายคนก็เชื่อ แล้วก็นักเทศน์อีกหลายๆ คนที่สอนว่าเป็นพระเจ้าองค์เล็กๆ เพราะฉะนั้นขอให้ระมัดระวัง เราถูกสร้างและทูตสวรรค์ก็ถูกสร้างให้เป็นเหล่าบุตรของพระเจ้า
อีกครั้งขอย้ำว่า พระเจ้าสร้างเรามนุษย์ และพระเจ้าสร้างเหล่าทูตสวรรค์ให้เป็นเหล่าบุตรของพระเจ้า the sun of God
แล้วถามว่าทำไมในพระคัมภีร์เดิม มีข้อหนึ่งที่เขียนว่าท่านทั้งหลายเป็นพระเจ้า เราต้องเข้าใจความหมายของผู้เขียนที่ต้องการสื่อ คนที่พระเจ้าเจิม พระเจ้าเลือก พระเจ้าใช้ พระเจ้าส่งมา ก็เหมือนตัวแทนของพระเจ้า เขาจะไปไหนผู้คนต้องยกย่องให้เกียรติเขาไม่ดูถูกดูหมิ่นเขา ไม่หมิ่นประมาทเขา ต้องเชื่อฟังเขา เพราะว่าเขามาโดยพระนามของพระเจ้า ก็เหมือนตัวแทนของพระเจ้านั่นแหละ
เพราะฉะนั้นตราประทับที่เขามีอยู่ ก็เป็นตราประทับของพระเจ้า ใครจะทำร้ายเขาก็เหมือนทำร้ายพระเจ้า ใครจะยกย่องเขาก็เหมือนได้ยกย่องพระเจ้า เพราะฉะนั้นคำๆ นี้ ท่านทั้งหลายเป็นพระเจ้า ก็คือท่านทั้งหลายเป็นตัวแทนของพระเจ้า
และถ้าเราจะหมิ่นประมาทผู้นำผู้รับใช้ที่พระเจ้าเจิมพระเจ้าเลือก ก็คือได้ทำสิ่งเดียวกันกับพระเจ้าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นขอให้เราระมัดระวัง และถ้าหากเรารัก เราต้อนรับผู้ที่พระเจ้าส่งมา ก็เหมือนได้ต้อนรับพระเจ้าเอง
เพราะฉะนั้นขอให้เราเข้าใจตรงนี้ อย่าไปเชื่อคำสอนที่สอนว่าเราทั้งหลายเป็นพระเจ้า มีเพลงบางเพลงที่เขาเขียน วิสเนส ลี ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มฟื้นฟูที่สอนคำสอนนี้ เนื่องจากว่าเขาไปอยู่ที่อเมริกาและไปรับคำสอนนี้มาแล้วเขาคิดว่ามันถูก แต่ที่จริงแล้วไม่ถูก
ยิ่งกว่านั้นเขาเขียนเพลง บอกว่าตอนนี้เรากำลังเป็นผีเสื้อตัวเล็กๆ กระพือปีกค่อยๆ เติบโตสู่การเป็นผู้ใหญ่และกลายเป็นพระเจ้า คือฟังแล้วคนที่ไม่เข้าใจก็เชื่อก็เห็นดีด้วย เนื่องจากว่ามีคำสอนตรงนี้ ที่บอกว่าท่านทั้งหลายเป็นพระเจ้า แต่เขาไม่เข้าใจเหตุผล เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนต้องการที่จะสื่อให้เราได้รู้ว่ามันคืออะไรจริงๆ จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่
และวันนี้เราขอบคุณพระเจ้าที่เราพบว่าตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่มไม่มีสักที่เดียว ที่บอกว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นพระเจ้า เพื่อให้กลายเป็นพระเจ้า เพื่อให้เป็นหนึ่งในพระเจ้า อันนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ
เราขอบคุณพระเยซูที่ทุกวันนี้เรา เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้า แต่ฐานะของเราไม่เคยเปลี่ยน เรายังเป็นบุตรพระเจ้าตั้งแต่วันที่เราเกิดจนถึงวันตาย
เราเห็นใช่ไหมครับว่า พระเจ้าพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราเห็นว่าพระเจ้าประทับที่พระบัลลังก์ตั้งแต่ อัลฟ่าและโอเมก้า ตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงนิรันดร์กาล ไม่มีใครเลื่อนตำแหน่งไปเป็นพระเจ้าและไปอยู่แทนพระเจ้า และพระเจ้าก็ไม่เคยตกตำแหน่ง พระเจ้าเป็นพระเจ้าเดียวและเป็นไปตลอดชั่วนิรันดร์ และไม่เคยมีพระบัลลังก์ใหม่ๆ ที่จะตั้งขึ้นและส่งพระเจ้าเราทั้งหลายที่พัฒนากลายเป็นพระเจ้าแล้ว แล้วก็ถูกส่งไปที่จักรวาลอื่นเพื่อปกครองเหมือนอย่างที่หลายคณะนิกายสอนกัน
แต่เรามีพระเจ้าองค์เดียวทั่วจักรวาลทั่วพิภพ มีพระเจ้าเดียวตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงนิรันดร์กาล
...
สำหรับข้อที่ 38 พระเยซูตรัสว่า "แต่ถ้าเราปฏิบัติพระราชกิจนั้น แม้ว่าท่านมิได้เชื่อในเรา ก็จงเชื่อเพราะพระราชกิจนั้นเถิด เพื่อท่านจะได้รู้และเชื่อว่าพระบิดาทรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา"
สำหรับพระราชกิจของพระเจ้า อย่าลืมนะครับพระเจ้าเป็นคนแต่งตั้ง เป็นคนก่อตั้งพระบัญญัติ คำสอน คำสั่งสอนทั้งหลาย พระเจ้าเองเป็นคนสั่ง ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะไม่อยากทำพระเจ้าก็ไม่ทำก็ได้คำสั่งเหล่านั้น พระบัญญัติทั้งหลายคำสอนทั้งหลาย เพื่อให้มนุษย์ปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดความยุติธรรม เกิดความรัก เกิดความดี เกิดการที่มนุษย์สำแดงชีวิตของพระเจ้า
แต่สำหรับพระเจ้าจะทำหรือไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าพระเจ้ามีสิทธิ์ และอีกอย่างพระเจ้าไม่เคยทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม พระเจ้าไม่เคยทำในสิ่งที่ไม่ดี ทุกสิ่งที่พระเจ้าทำดีทั้งนั้น
และเมื่อพระเจ้าสั่งว่าจงนับถือวันสะบาโต อย่าละเมิดวันสะบาโต และพระเจ้าเองเสด็จลงมาพระองค์รักษาชายที่พิการในวันสะบาโต ปรากฏว่าเขาเอาเรื่องพระเยซู เขาทำถูก ยิวเขาทำถูกแล้วที่เอาเรื่องพระเยซู แต่เขาไม่รู้ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าพระองค์ทำได้
แล้วเราสมัยนั้นถ้าหากเราเป็นยิว แล้วเราไปทำ ละเมิดวันสะบาโต ไปทำดีในวันสะบาโต เราก็ไม่ควรทำ เราจะถูกหินขว้างให้ตาย
แต่อันนี้ตรงนี้ก็คือพระเยซูยืนยันว่าพระองค์เป็นหนึ่ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระบิดา พระองค์เป็นพระเจ้า พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ยิวรับไม่ได้ ยิวรับไม่ได้แน่นอนใครก็รับไม่ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเยซูต้องพูด เนื่องจากว่าพระองค์เป็น ในข้อที่ 36 พระองค์ตรัสว่าเราเป็น เราเป็นพระบุตรของพระเจ้า คือมันผิดตั้งแต่คำว่าเราเป็นแล้ว ก็คือ เยโฮวาห์ เราเป็น ก็คือ เป็นอยู่ ก็คือพระองค์เป็นอยู่ และก็เป็นความหมายที่คือยิวไม่มีสิทธิ์พูด เนื่องจากว่าพระเจ้าพูดคนเดียวได้เท่านั้น และคำต่อมาก็คือพระบุตรของพระเจ้า อันนี้ก็เป็นคำที่ผิดอีก ก็คือผิดสองคำเลย
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นข้อต่อไปชาวยิวจะเอาก้อนหินขว้างพระเยซูให้ได้
แต่เราขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์ให้เราได้เข้าใจ ได้รับรู้ ได้เห็นความจริงนี้ ไม่เหมือนชาวยิวทั้งหลาย และเราได้เข้าสู่ความจริงและดำเนินชีวิตอยู่ในความจริง และเรามีพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า และเรามีพระเยซูเป็นพระเจ้าที่มาอยู่ท่ามกลางพวกเราทั้งหลาย เอเมนสรรเสริญพระเยซู
...
สำหรับพี่น้องที่ประกาศเรื่องมานาก็ตาม หรือประกาศข่าวประเสริฐกับคนที่ไม่เชื่อ มนุษย์ที่คิดลบเมื่อเขาตั้งใจจะทำร้าย หรือข่มเหง หรือไม่ยอมฟังเรา เราจะพูดดียังไงอธิบายดียังไง มีเหตุมีผลแค่ไหนก็ตาม เขาจะไม่ยอมรับฟังโดยเด็ดขาด
นอกเสียจากว่าพระเจ้าจะดลใจเขา ให้ไม่มีจิตใจที่แข็งกระด้าง และเห็น และยอมรับฟังเรา อันนั้นขึ้นอยู่กับพระวิญญาณอยู่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยเขายังไง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราซึ่งเป็นผู้ประกาศ เราต้องทำใจ อย่าพยายามใช้ความสามารถ อย่าพยายามใช้สติปัญญา แต่เราพูดโดยพระวิญญาณ เราพูดโดยพระเยซูพูดแทนเรา เขาเชื่อไม่เชื่อเราก็เอเมน
...
เราขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เปิดเผยความจริง ให้เราทั้งหลายได้เห็น
ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับเรา และเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา และเราก็เป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอบพระคุณพระองค์ที่ไม่ทิ้งเราไปไหน
ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์อดทนนานต่อความผิดทั้งหลายที่เรามีอยู่
ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ก่อเราขึ้นโดยให้ทั้งสิ่งดีและไม่ดีเกิดขึ้นในชีวิตของเรา
ขอบพระคุณพระเยซูที่เราทั้งหลายเป็นพระ เราทั้งหลายเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกนี้เพื่อสำแดงชีวิตของพระองค์ และเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ นำมนุษย์มาหาพระองค์ มาเข้าใกล้พระองค์ มาเป็นบุตรที่รักของพระองค์
ขอบพระคุณพระเยซูที่สอนเราให้ทำใจ กับมนุษย์คนที่ไม่เชื่อหรือพี่น้องคริสเตียนทั้งหลาย ที่มีจิตใจที่แข็งกระด้างและไม่ยอมรับฟังข่าวประเสริฐของพระองค์ ไม่ยอมรับข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระองค์ ไม่ยอมรับความรักของพระองค์ แต่ขอพระองค์เมตตาเขาทั้งหลายเมื่อถึงเวลา เพื่อเขาจะมีโอกาสได้รับความรัก ความเมตตา สันติสุขและพลังในชีวิตใหม่ เหมือนอย่างที่เราทั้งหลายได้รับ เอเมน