2:1 และเมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอสต์มาถึงแล้ว พวกสาวกทุกคนพร้อมใจกันอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกัน
** เทศกาลเพ็นเทคอสต์ ภาษากรีกแปลว่า เพน เท คอส เท หรือ ที่ห้าสิบ ซึ่งเป็นเทศกาลที่สองของชาวยิว หลังจากเทศกาลปัสคาผ่านไปแล้ว คือเทศกาลเก็บเกี่ยว ชาวยิวที่มาจากทุกแห่งหนจะเดินทางกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อฉลองเทศกาลดังกล่าว
** เมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ผ่านไปห้าสิบวัน การก่อตั้งคริสตจักรของพระองค์ก็กำลังจะเริ่มขึ้น
2:2 ในทันใดนั้น มีเสียงดังมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วบ้านที่เขานั่งอยู่นั้น
2:3 และมีบรรดาลิ้นหลายแฉกเหมือนอย่างเปลวไฟปรากฏแก่พวกเขา และเปลวไฟนั้นมาอยู่บนพวกเขาแต่ละคน
** มีไฟอยู่เหนือศีรษะของพวกสาวกที่เป็นรูปร่างเหมือนลิ้น ก็คือเสียงหนึ่งของพระเจ้าที่มาจากสวรรค์ตรัสกับพวกสาวก (ผ่านสาวก) และพระวิญญาณจะพูดเป็นหลายภาษาแทนพวกเขา เพื่อการประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์แก่ลูกหลานชาวยิวที่มาในงานเทศกาลเก็บเกี่ยว ไฟและลมพายุ เล็งถึงฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่จะมีเต็มในคริสตจักรของพระองค์
2:4 และพวกเขาทุกคนก็เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และตั้งต้นพูดด้วยภาษาอื่น ๆ ตามที่พระวิญญาณโปรดให้พวกเขาพูด
** สาวกทั้งหลาย จึงพูดภาษาต่างๆ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนพูดแทน จากหนึ่งภาษาที่มาจากสวรรค์กลายเป็นหลายภาษาของมนุษย์ เพื่อให้ลูกหลานชาวยิวที่กระจัดกระจายไปทั่วอาณาจักรโรมันได้เข้าใจข่าวประเสริฐอย่างชัดเจน
2:5 และมีพวกยิวที่กำลังพักอาศัยอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม เหล่าคนที่เกรงกลัวพระเจ้า ออกมาจากทุกประชาชาติใต้ฟ้าสวรรค์
** ในวันนั้นมีพวกยิวประมาณสามพันคนที่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจ
2:6 บัดนี้เมื่อเสียงนี้ดังออกไปข้างนอก ฝูงชนก็มารวมตัวกัน และรู้สึกสับสน เพราะว่าทุกคนได้ยินคนเหล่านั้นพูดเป็นภาษาของเขาเอง
** พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านสาวกเป็นหลายๆ ภาษาดังสั่นออกไปถึงข้างนอกที่เขาประชุมกัน ทำให้ผู้คนเหล่านั้นรู้สึกสับสน
2:7 และพวกเขาทุกคนก็ประหลาดใจและอัศจรรย์ใจ โดยพูดกันว่า “ดูเถิด คนเหล่านี้ทุกคนที่พูดนั้นเป็นชาวกาลิลีไม่ใช่หรือ
2:8 และเหตุไฉนพวกเราได้ยินพวกเขาทุกคนพูดในภาษาของพวกเราเอง จากที่ซึ่งพวกเราได้บังเกิดมา
** ในวันนั้นพวกสาวกพูดภาษาต่างๆ ถึง 16 ภาษาซึ่งเป็นภาษาบ้านเกิดในหลายประเทศที่ลูกหลานชาวยิวถือกำเนิดมา
2:9 คือชาวปารเธีย และชาวมีเดีย และชาวเอลาม และบรรดาคนที่อาศัยอยู่ในเขตแดนเมโสโปเตเมีย และในแคว้นยูเดีย และแคว้นคัปปาโดเซีย ในแคว้นปอนทัสและเอเชีย
2:10 แคว้นฟรีเจีย และแคว้นปัมฟีเลีย ในประเทศอียิปต์ และในแคว้นเมืองลิเบียซึ่งขึ้นกับนครไซรีน และคนแปลกหน้าของกรุงโรม พวกยิวกับคนเข้าจารีตยิวทั้งหลาย
2:11 ชาวเกาะครีตและชาวอาระเบีย พวกเราได้ยินคนเหล่านี้พูดในภาษาของพวกเราถึงพระราชกิจต่าง ๆ อันมหัศจรรย์ของพระเจ้า”
2:12 และพวกเขาทุกคนก็ประหลาดใจ และกำลังสงสัยอยู่ โดยพูดกันว่า “สิ่งนี้มีความหมายอะไร”
2:13 คนอื่น ๆ ที่เยาะเย้ยก็พูดว่า “คนเหล่านี้เต็มไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่”
** นี่คือเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด อัศจรรย์มากสำหรับพวกเขา พวกเขา จึงสับสน ตกใจ ตื่นเต้น และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น
เมื่อพระเจ้านำพาชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ พระองค์ให้เกิดมีไฟและลมพายุเพื่อยืนยันว่า พระองค์อยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อช่วยเหลือปกป้องดูแลและเลี้ยงดูฉันใด
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกผู้เชื่อทั้งหลายออกมา เพื่อให้เป็นบุตรและประชากรของพระองค์ พระองค์ก็ให้เกิดมีไฟและลมพายุ เพื่อยืนยันว่าจะทรงอยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองดูแลและเลี้ยงดูฉันนั้น
ในพระคัมภีร์เดิมมีเฉพาะไฟและลม แต่ไม่มีลิ้น เนื่องจากว่าพระเจ้าทรงเลือกอิสราเอลชนชาติเดียว ลิ้น ในหนังสือกิจการบทที่สอง เล็งถึงการพูด การสื่อสารด้วยคำพูด ไม่ใช่การรัวลิ้นหรือกระตุกลิ้นเหมือนอย่างที่คริสเตียนบางกลุ่มเข้าใจ คำว่า ภาษาแปลกๆ ในพระคัมภีร์ต้นฉบับไม่มี มีแต่คำว่า ภาษาต่างๆ หรือลิ้นต่างๆ
ถ้าหากเราอ่านพระคัมภีร์กิจการบทที่สองข้อที่ 1 จนถึงข้อที่ 13 เราจะพบว่า ในวันนั้นสาวกทั้งหลายไม่มีใครสักคนเดียวที่พูดภาษาแปลกๆ รัวลิ้น หรือกระตุกลิ้น
แต่พวกเขาพูดภาษาต่างๆ มี 16 ภาษาด้วยกันเพื่อให้ลูกหลานชาวยิวที่เกิดในต่างแดนต่างประเทศที่มาร่วมฉลองเทศกาลเพนเตคอสได้เข้าใจข่าวประเสริฐอย่างลึกซึ้ง
ภาษา ในภาษากรีก แปลว่า γλῶσσα, ης, ἡ (โกล-ซา หรือ โกล-ซี) แปลว่า ลิ้น ชาติ ซึ่งการพูดภาษาของชาติตน บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นคนชาติใด
สำหรับชาวยิว เมื่อพูดว่า “ผมพูดไทย” โดยที่ไม่ต้องมีคำว่า ภาษาไทย ทุกคนก็จะเข้าใจดีว่า ผมพูดภาษาไทย
สรุป ก็คือไม่มีภาษาแปลกๆ ไม่มีการกระตุกลิ้น หรือรัวลิ้นในพระคัมภีร์ แต่มีภาษาของชาติต่าง ๆ และมีภาษาพระวิญญาณหรือทูตสวรรค์ ใช้เพื่อการสื่อสาร
2:14 แต่เปโตรซึ่งยืนขึ้นพร้อมกับอัครทูตสิบเอ็ดคน ได้ตะเบ็งเสียงของตน และกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่าน ชาวยูเดีย และบรรดาคนที่อาศัยอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม พวกท่านจงทราบสิ่งนี้ และตั้งใจฟังบรรดาถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด
2:15 ด้วยว่าคนเหล่านี้มิได้เมาเหล้าองุ่น ตามที่พวกท่านคิดนั้น โดยเห็นว่าเป็นแต่เวลาสามโมงเช้า
** สามโมงเช้า คือเก้าโมงเช้า ซึ่งคนทั่วไปจะไม่ดื่ม และเมาเหล้าองุ่น
2:16 แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งซึ่งถูกกล่าวไว้โดยศาสดาพยากรณ์โยเอลว่า
** เปโตรยืนยันว่าคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์เดิม คือใน โยเอล 2:28-32 สำเร็จแล้ววันนี้
2:17 ‘และต่อมาในวันสุดท้าย พระเจ้าตรัสว่า เราจะเทวิญญาณของเรามาบนเนื้อหนัง และบุตรชายบุตรสาวของพวกเจ้าจะพยากรณ์ และพวกคนหนุ่มของพวกเจ้าจะเห็นนิมิตทั้งหลาย และพวกคนชราของพวกเจ้าจะฝันความฝันต่าง ๆ
** วันสุดท้าย ในที่นี้ ก็คือ ระยะที่ยุคพระบัญญัติกำลังจะจบ และยุคพระคุณเริ่มขึ้น เป็นเวลาที่พระคริสต์เสด็จมา เพื่ออยู่ท่ามกลางผู้เชื่อทั้งหลาย และอยู่ในคริสตจักร
** เราจะเทวิญญาณของเรามาบนเนื้อหนัง คือวิญญาณของพระเจ้าทั้งสามพระภาคจะเข้ามาอยู่ในมนุษย์ดิน และเป็นหนึ่งเดียวกัน
** พระเจ้าเทฤทธิ์เดชอย่างมากมายลงมายังชาวยิวทั้งหลาย เพื่อการงานของพระองค์ในโลกนี้ผ่านผู้เชื่อทุกคน
2:18 และในวันเหล่านั้นเราจะเทวิญญาณของเราบนเหล่าผู้รับใช้ของเราและบนเหล่าสาวใช้ของเรา และพวกเขาจะพยากรณ์
** พระเจ้าทรงเทฤทธิ์เดชลงมายังผู้หญิง คนชรา ผู้เผยพระวจนะ ผู้รับใช้เพื่อใช้ทุกคน
2:19 และเราจะสำแดงการมหัศจรรย์ทั้งหลายในฟ้าอากาศเบื้องบน และหมายสำคัญต่าง ๆ ในแผ่นดินโลกเบื้องล่าง คือเลือด และไฟ และไอควัน
** เราจะสำแดงการมหัศจรรย์ทั้งหลายฯ
- โยเอล 2:28-29 และ กจ 2:1-13 คือเหตุการณ์ในวันเพ็นเทคอส พระเจ้าเทวิญญาณของพระองค์ลงมายังผู้เชื่อ
- โยเอล 2:30-32 และ กจ 2:19-21 คือเหตุการณ์ในช่วงกลียุค พระเจ้าจะสำแดงหมายสำคัญทั่วท้องฟ้า และแผ่นดินโลกก่อนที่จะถึงวันพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์
2:20 ดวงอาทิตย์จะถูกเปลี่ยนให้เป็นความมืด และดวงจันทร์ให้เป็นเลือด ก่อนวันใหญ่ยิ่งและเกรียงไกรนั้นขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึง
** วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือ วันที่ยิ่งใหญ่และสำคัญทั้งหมด แต่ในข้อนี้ หมายถึง การเสด็จกลับมา เพื่อตัดสินผู้เชื่อและก่อตั้งอาณาจักรสวรรค์ (อาณาจักรพันปี)
2:21 และจะเป็นเช่นนี้ว่า ผู้ใดก็ตามที่จะร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะรอด’
** คำว่า “ร้องออกพระนามพระเยซู” ในที่นี้ ไม่ใช่เพิ่งจะกลับใจเชื่อแล้วรีบร้องเรียกหาพระเยซู แต่คือผู้เชื่อที่ดำเนินชีวิต รับใช้ นมัสการพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ คือการร้องออกพระนามพระเยซูในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น ตื่นนอนเขาพูดว่า “เอเมนขอบพระคุณพระเยซู” “เอเมนพระเยซูข้ารักพระองค์” “เอเมนวันนี้ขอให้น้ำพระทัยสำเร็จ” “เอเมนพระเยซูวันนี้จะทรงใช้และนำข้าไปไหนเพื่อใครเพื่ออะไร” “เอเมนพระองค์เป็นสันติสุข เอเมนพระเยซู” “เอเมนสรรเสริญพระเยซู” มีบางคริสตจักรยังเข้าใจผิดคิดว่าผู้เชื่อต้องร้องออกพระนามพระเยซูทั้งวัน อย่างเช่น โอ้พระเยซู โอ้พระเยซู โอ้พระเยซู โอ้พระเยซู โอ้พระเยซู โอ้พระเยซู โอ้พระเยซู เพื่อจะได้รอด
** คำว่า “รอด” ในที่นี้ ก็คือ “รอดเข้าไปในอาณาจักรในยุคพันปี” เนื่องจากว่าพระเจ้าทรงเทวิญญาณให้เรา เพื่อฤทธิ์เดชภายนอก เพื่อการรับใช้ และเข้ามาอยู่ในเรา เพื่อชีวิตผู้ชนะ เรามีครบทุกสิ่งและพร้อมที่จะดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เราใส่ใจที่การสนิทบอกรัก สะสมพระคำที่เป็นความจริง เพื่อให้ได้รับการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ การฝึกเดินอย่างถูกวิธีและเป็นไปตามขั้นตอนจึงสำคัญมาก
2:22 พวกท่าน คนอิสราเอลทั้งหลาย จงฟังบรรดาถ้อยคำเหล่านี้เถิด พระเยซูแห่งนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองจากพระเจ้าในท่ามกลางพวกท่านโดยบรรดาการอัศจรรย์ และการมหัศจรรย์ และหมายสำคัญต่าง ๆ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำโดยพระองค์นั้นในท่ามกลางพวกท่าน ตามที่พวกท่านเองทราบอยู่แล้วด้วย
2:23 พระองค์ผู้ทรงถูกมอบไว้โดยพระดำริที่กำหนดไว้แล้ว และการทรงทราบล่วงหน้าของพระเจ้า พวกท่านก็ได้จับ และโดยมืออันชั่วได้ตรึงที่กางเขนและประหารชีวิตเสีย
** สำหรับพระเจ้า การถูกจับและอับอาย ถูกเฆี่ยนตี และถูกตรึงตายที่กางเขน เป็นแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้า เนื่องจากความรักความเมตตาที่มีต่อมนุษย์ทั้งโลก พระองค์จึงยอมเสด็จมาเพื่อทนทุกข์ทรมานและตายเพื่อไถ่บาปเรา และบรรดาคนที่ประหารพระองค์ ก็คือคนชั่วที่ชั่วช้ามาแต่ก่อนกำเนิด
2:24 ผู้ที่พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้คืนพระชนม์ โดยทรงกำจัดบรรดาความเจ็บปวดแห่งความตายเสีย เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะถูกครอบงำด้วยความตายนั้น
** “ชีวิตพระเจ้า เป็นชีวิตที่ไม่ตาย หรือตายไม่เป็น” เมื่อร่างกายของพระองค์ถูกนำไปที่อุโมงค์ แต่ชีวิตพระเจ้าทั้งวิญญาณและจิตของพระองค์ได้เดินทางไปที่แดนคนตายสามวัน เพื่อประกาศกับคนตายที่ยังไม่ได้ยินข่าวประเสริฐ และต้องกลับมาสู่ร่างเดิมเพื่อฟื้นคืนพระชนม์ คือความตายไม่ต้อนรับพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าเป็นชีวิต เอเมน เราทั้งหลายที่ได้รับชีวิตพระเจ้าก็จะตายไม่เป็น เราจะมีชัยชนะเหนือความตาย และเป็นอยู่กับพระเจ้าชั่วนิรันดร์
โยเอล 2:24-27
24 จะมีข้าวอยู่เต็มลานนวดข้าว จะมีเหล้าองุ่นและน้ำมันล้นถังเก็บ
25 “เราจะชดเชยปีเดือน ที่ตั๊กแตนวัยบินได้กินเสียให้แก่พวกเจ้า และที่ตั๊กแตนวัยกระโดด ตั๊กแตนตัวอ่อน และตั๊กแตนวัยเดินได้กิน คือกองทัพใหญ่ของเราที่เราส่งมาต่อสู้พวกเจ้านั้น
26 “เจ้าทั้งหลายจะรับประทานอย่างบริบูรณ์และอิ่มหนำ และสรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ทรงทำกับพวกเจ้าอย่างอัศจรรย์ ประชากรของเราจะไม่ต้องอับอายอีกต่อไป
27 พวกเจ้าจะรู้ว่าเราเองอยู่ท่ามกลางอิสราเอล และเรานี่แหละคือพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเจ้า ไม่มีองค์อื่นอีก ประชากรของเราจะไม่ต้องอับอายอีกต่อไป
** ในยุคพระคุณ ไม่ว่าจะเริ่มแรกจนถึงปลายยุค พระเจ้าจะดูแลเลี้ยงดูนำพาชีวิตของเรา คือให้เราได้ มี เสีย ไม่มี ทุกสิ่งเพื่อชีวิตของเรา แต่พระพรฝ่ายวิญญาณเราจะมีอย่างเต็มล้นแน่นอน
ส่วนพระวิญญาณทั้งนอก และใน เราก็มีอย่างเต็มแน่นอน ต้น หรือปลาย จะมีการเทสองสิ่ง สิ่งแรก คือฝนเล็งถึงพระพร สิ่งที่สอง คือเทพระวิญญาณทั้งใน และนอก
ขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนี้ พระเจ้าอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระเจ้า ภายในเรามีพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าแห่งความรัก ทรงสำแดงความชอบธรรมออกมาผ่านเราเพื่อโลกจะได้เห็นพระองค์ และภายนอกมีการสวมทับเพื่อฤทธิ์เดชที่ไม่มีขีดจำกัดเพื่อรับใช้ในการงานของพระองค์ เพียงแค่ให้เราเชื่อสิ่งที่พระองค์ตรัสเราก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ และชัยชนะของพระองค์ในเรา
พระสัญญาที่ประทานให้อับราฮัมสำเร็จแล้ว ทางพระคริสต์
พระสัญญาเรื่องประทานพระวิญญาณให้มาอยู่กับเราในเราสำเร็จแล้ว โดยพระคริสต์
พระสัญญาเรื่องการเทวิญญาณเพื่อเต็มล้นภายนอกในพระคัมภีร์โยเอลสำเร็จแล้ว โดยพระคริสต์
สรรเสริญพระเยซู ที่เรามีโอกาสเป็นผู้ชนะ ซึ่งผู้ชนะที่แท้จริงก็คือพระคริสต์ในเรา คนที่รักได้ อภัยได้ อดทนนานได้ ก็คือพระคริสต์ในเราพระองค์เป็นความหวังแห่งสง่าราศี
การตายที่กางเขนของพระเยซูเป็นแผนการของพระเจ้าก่อนที่จะสร้างโลก และให้ซาตาน และทุกคนทำตามแผนการงานของพระองค์จนสำเร็จ
น่าเสียดายที่ผู้เชื่อมากมายไม่เข้าใจเรื่องการเต็มล้นภายใน และภายนอก (ภายในเพื่อชีวิตผู้ชนะ/สันติสุข และภายนอกเพื่อการรับใช้/ของประทาน) ผู้เชื่อไม่รู้ว่าทุกคนเป็นสาวก ปุโรหิตหลวง ที่ต้องแสวงหาของประทานและฝึกใช้ให้เป็น หลายคนไปร่วมในคริสตจักรแต่ไม่ทำอะไรเลย เพราะเขาคิดว่าเป็นหน้าที่ของผู้นำในโบสถ์ วันนี้เราได้รู้และเข้าใจว่าเราเป็นผู้ชนะ ขอเพียงแต่เราฝึกเดินสนิทบอกรักสะสมมานาฯ และแสวงหา/ฝึกใช้ของประทานเพื่อเราจะถูกพระเยซู เรียกว่า สาวกหรือคนต้นเรือนที่ดีของพระองค์
เมื่อสาวกมาร่วมกันและเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์เป็นภาษาต่างๆ ถึง 16 ภาษาด้วยกัน ขณะที่ผู้คนที่ได้ยินก็ประหลาดใจและสับสนอยู่ เปโตรจึงลุกขึ้นและกล่าวว่า...(กิจการบทที่ 2 ข้อที่ 14-24)
1. พวกเขาไม่ได้เมาเหล้าองุ่น
2. คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์สำเร็จแล้วในวันนี้เรื่องเทพระวิญญาณมาบนเนื้อหนังทั้งสิ้น เพื่อการไถ่ชาวยิวและคนต่างชาติทั่วโลกก่อนที่จะถึงการเสด็จกลับมาของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และวันนั้นจะเกิดมีหมายสำคัญต่างๆ ในฟ้าอากาศและแผ่นดินโลก
3. ผู้ที่ร้องออกพระนาม (ผู้เชื่อทุกคนที่เดินในฝ่ายวิญญาณ) จะรอดเข้าไปในอาณาจักร
4. การตายของพระเยซู คือแผนการงานของพระเจ้าที่ทรงจัดเตรียมล่วงหน้า เพื่อไถ่มนุษย์จากความบาปและความตาย
2:25 เพราะดาวิดได้ทรงกล่าวเกี่ยวกับพระองค์ว่า ‘ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าล่วงหน้าอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับอยู่ที่มือขวาของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหวเลย
2:26 เพราะฉะนั้นใจของข้าพเจ้าจึงปีติยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี ยิ่งกว่านั้นเนื้อหนังของข้าพเจ้าจะพักพิงอยู่ในความหวังด้วย
** กษัตริย์ดาวิดได้เห็นพระเยซูที่เป็นพระเยโฮวาห์ทรงอยู่กับท่านเป็นประจำ และสั่งสอนท่านเรื่องหนทางแห่งชีวิต เพื่อให้ท่านได้รอดจากแดนคนตาย และการพิพากษาที่จะมีมาในอนาคต (สดด 16:8-11)
2:27 เพราะพระองค์จะไม่ทรงละทิ้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในนรก ทั้งพระองค์จะไม่ทรงยอมให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เห็นความเปื่อยเน่า
** คำว่า นรก ภาษากรีก คือ แดนมรณา หรือ แดนคนตาย ซึ่งเป็นสถานที่กักขังคนที่ไม่เชื่อเพื่อรอการพิพากษาครั้งสุดท้าย
2:28 พระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์ทราบทางทั้งหลายแห่งชีวิตแล้ว พระองค์จะโปรดให้ข้าพระองค์เปี่ยมด้วยความปีติยินดีด้วยสีพระพักตร์ของพระองค์’
2:29 พวกท่านและพี่น้องทั้งหลาย ขอให้ข้าพเจ้ากล่าวโดยไม่มีผู้ใดขัดขวางแก่พวกท่านเถิดเกี่ยวกับดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษ ว่าเขาทั้งตายเสียแล้วและถูกฝังไว้ และอุโมงค์ฝังศพของเขายังอยู่กับพวกเราจนถึงทุกวันนี้
2:30 เหตุฉะนั้นโดยเป็นผู้พยากรณ์ และทราบว่า พระเจ้าได้ตรัสสัญญาไว้แก่เขาด้วยคำปฏิญาณว่า จากบั้นเอวของเขา ตามเนื้อหนังนั้น พระองค์จะทรงยกพระคริสต์ให้ประทับบนพระที่นั่งของเขา
2:31 เพราะเห็นล่วงหน้าถึงสิ่งนี้ก่อน เขาจึงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า จิตวิญญาณของพระองค์ไม่ได้ถูกละทิ้งไว้ในนรก และเนื้อหนังของพระองค์ไม่ได้เห็นความเปื่อยเน่า
** หนังสือกิจการบทที่ 2 ตั้งแต่ข้อที่ 25 จนถึง 31 เปโตรเป็นพยานว่า พระเยโฮวาห์ หรือ พระเยซู ได้สั่งสอนดาวิดเรื่องความรอด ข่าวประเสริฐ เป็นคนชอบธรรมและรอดโดยทางความเชื่อ สันติสุขที่แท้จริง และพระเยซูจะตายและเป็นขึ้นมาจากตายและมีร่างกายใหม่เป็นกายทิพย์
2:32 พระเยซูนี้พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้คืนพระชนม์แล้ว พวกเราทุกคนเป็นพยานถึงเรื่องนี้
** และคำพยากรณ์ของดาวิดสำเร็จแล้ว คือพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์แล้ว เนื่องจากว่ามีผู้คนมากมายหลายร้อยคนได้เห็นเหตุการณ์นี้
2:33 เหตุฉะนั้น เมื่อทรงถูกยกชูให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงได้รับพระสัญญาแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาแล้ว พระองค์จึงทรงเทฤทธิ์เดชนี้ลงมา ซึ่งบัดนี้พวกท่านเห็นและได้ยินแล้ว
** เมื่อพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดาแล้ว พระองค์ก็ได้รับสิทธิอำนาจที่จะทำให้พระสัญญาในโยเอลสำเร็จ พระคริสต์จะเทฤทธิ์เดชลงมายังคริสตจักรของพระองค์
** ในยอห์น 20:22 พระคริสต์ประทานพระวิญญาณของพระองค์เข้ามาอยู่ในเรา ส่วนในกิจการบทที่ 2 พระคริสต์เทพระวิญญาณเหนือสาวกเพื่อของประทาน
** คำอธิบายเรื่อง พระคริสต์เทพระวิญญาณ คืออะไร
พระเยซูคริสต์ทรงลงมาและมอบหน้าที่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำหน้าที่ประทานฤทธิ์เดชแก่ผู้เชื่อทุกคนเพื่อของประทาน
2:34 ด้วยว่าดาวิดไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์ทั้งหลาย แต่เขากล่าวเองว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า ท่านจงนั่งที่ขวามือของเรา
** ดาวิดได้เห็นนิมิตจากพระเจ้าและทำนายว่า พระเจ้าพระบิดากล่าวต่อพระเจ้าพระบุตรในสภาพของพระเยซูว่า จงนั่งที่ขวามือของเรา ขวามือก็คืออยู่ด้วยกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
2:35 จนกว่าเราจะกระทำให้บรรดาศัตรูของท่านเป็นแท่นรองเท้าของท่าน’
** ศัตรู ในที่นี้ คือความบาปและความตายและซาตาน และเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อยุคพันปีผ่านพ้นไป
2:36 เหตุฉะนั้น จงให้วงศ์วานแห่งอิสราเอลทั้งสิ้นทราบอย่างแน่นอนเถิดว่า พระเจ้าได้ทรงยกพระเยซูองค์เดียวกันนี้ ซึ่งพวกท่านได้ตรึงไว้ที่กางเขน ให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและเป็นพระคริสต์”
** เป็น องค์พระผู้เป็นเจ้า คือเป็นพระเจ้า หรือเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ เท่าเทียมกับพระเจ้า
** เป็น พระคริสต์ คือภาษากรีก ตรงกับคำว่า เมสียาห์ ในภาษาฮีบรู ซึ่งแปลว่า ผู้ที่ถูกเจิมเพื่อการงานของพระเจ้า คำว่า พระคริสต์ ในที่นี้ คือองค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระบุตรเสด็จมาบังเกิดเป็นองค์เยซูผู้ที่ถูกเจิมเพื่อมาไถ่โลกนี้ และวันนี้องค์เยซูถูกยกชูขึ้นแล้วโดยพระบิดา
2:37 บัดนี้ เมื่อคนทั้งหลายได้ยินข้อความนี้ พวกเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจของตน และกล่าวแก่เปโตรและแก่พวกอัครทูตที่เหลือ ว่า “พวกท่านและพี่น้องทั้งหลาย พวกเราจะทำอะไรดี”
** อาการเจ็บแปลบในใจ คือพระวิญญาณเปิดใจ และให้เขาสำนึกผิดอย่างมากมาย และอยากกลับใจ
2:38 แล้วเปโตรได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านทุกคนจงกลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ เพราะโปรดยกบาปทั้งหลายแล้ว และพวกท่านจะได้รับของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์
** เมื่อลูกหลานชาวยิวที่มาจากต่างประเทศได้ยินเปโตรประกาศ พวกเขากลับใจเสียใจ เชื่อและได้รับการเทพระวิญญาณของพระคริสต์เยซู เปโตรจึงแนะนำพวกเขาให้กลับใจเสียใหม่จากศาสนายิว และบัพติศมาในพระนามพระเยซู
การรับบัพติศมาที่ถูกต้อง คือ..
1. เรารับในพระนามพระเยซู หรือ
2. เรารับในพระนามพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นความหมายเดียวกัน
2:39 ด้วยว่าพระสัญญานั้นตกแก่พวกท่าน และแก่ลูกหลานของพวกท่าน และแก่คนทั้งหลายที่อยู่ห่างไกลออกไป คือทุกคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเราจะทรงเรียกนั้น”
** พระสัญญา ในที่นี้ คือพระบิดาสัญญาต่ออิสราเอลใน โยเอล 2:28 คือชาวยิวอีกมากมายจะได้ยินข่าวประเสริฐ และรับฤทธิ์เดชเมื่อเขากลับใจ
2:40 และด้วยถ้อยคำอื่น ๆ อีกมากมาย เขาได้เป็นพยานรับรองและได้เตือนสติ โดยกล่าวว่า “จงเอาตัวพวกท่านเองให้รอดจากชั่วอายุที่คดโกงนี้เถิด”
** คำว่า เอาตัวเองให้รอด คือเชื่อวางใจในพระเยซู และออกมาจากการนับถือศาสนายิว
** ในวันนั้นมีชาวยิวกลับใจประมาณสามพันคน
2:38 แล้วเปโตรได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านทุกคนจงกลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ เพราะโปรดยกบาปทั้งหลายแล้ว และพวกท่านจะได้รับของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์
** กลับใจเสียใหม่ repent ในที่นี้ คือ การกลับใจจากศาสนาและการรักษาพระบัญญัติ เพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรมและได้รอด คือการหันมาเชื่อวางใจในการไถ่ของพระเยซู
** กลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมา (ในน้ำ) คือสิ่งที่ผู้เชื่อทำเพื่อแสดงถึงการกลับใจใหม่ และพระเจ้าจะเป็นคนทำให้เราได้บังเกิดใหม่ จุ่มเราเข้าไปในพระคริสต์และประทานของประทานให้แก่เรา
เรื่องการสถิตอยู่ และการทำแทนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา เพื่อเราจะเห็นคุณค่า และความรักเมตตาของพระเจ้า และยอมจำนนต่อพระองค์อย่างแท้จริง
ส่วนเรื่องการประทานของประทาน และใช้ของประทาน คือสิ่งที่ผู้เชื่อได้รับ และใช้ของประทานได้ในทันที
** คำว่า ในพระนามของพระเยซูคริสต์ ก็คือการรับบัพติศมาในพระนามพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์นั่นเอง
2:41 แล้วคนทั้งหลายที่รับคำของเปโตรด้วยความยินดีแล้วก็รับบัพติศมา และในวันเดียวกันนั้นมีคนเพิ่มเข้ากับพวกเขาประมาณสามพันคน
** สามพันคน คือลูกหลานของชาวยิวที่เดินทางมาจากหลายประเทศเขตแคว้นแห่งอาณาจักรโรมัน เพื่อมาฉลองเทศกาลในกรุงเยรูซาเล็มปีละประมาณสิบครั้ง เมื่อพระวิญญาณตรัสผ่านเปโตรพวกเขาก็กลับใจเชื่อ และรับบัพติศมา
2:42 และเขาทั้งหลายได้ตั้งมั่นคงอยู่ในหลักคำสอนของพวกอัครทูต และในการสามัคคีธรรม และในการหักขนมปัง และในการอธิษฐานต่าง ๆ
** หลักคำสอนของพวกอัครทูต คือคำสอนของพระเยซูที่สั่งสอนพวกเขาขณะที่ทรงไปมากับพวกเขา // สาวกแนะนำผู้เชื่อทั้งหลาย เรื่องการนมัสการร่วมกัน ตอนนั้นยังไม่มีใครเข้าใจเรื่อง ชีวิต และรูปแนวชีวิต จึงไม่ได้ทำมหาสนิทเพื่อจดจำว่าพระเยซูอยู่ใน และอยู่ท่ามกลางพวกเขาเสมอทุกเวลา
2:43 และความเกรงกลัวได้มายังทุกคน และการมหัศจรรย์และหมายสำคัญหลายประการได้ถูกกระทำโดยพวกอัครทูต
** เรื่องหมายสำคัญ และการอัศจรรย์ต่างๆ คือสิ่งที่พระเจ้ากระทำ แต่ไม่ใช่งานหลักสำหรับพระเจ้า และไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่ผู้เชื่อต้องใส่ใจ ตื่นเต้น หรือกลัว
- งานหลักที่สำคัญของพระเจ้า คือการเสด็จมาเพื่อไถ่มนุษย์โดยการตายไถ่บาป พระโลหิตจ่ายหนี้ครบ และนำมนุษย์กลับคืนสู่พระเจ้า
- ผู้เชื่อควรปักใจ และใส่ใจในตัวตนของพระเยซู และความรักเมตตาพระคุณของพระองค์มากกว่าสิ่งอื่นใด
- ดังนั้นอาการกลัวนี้จึงมาจากมนุษย์ และไม่ได้มาจากพระเจ้า
2:44 และทุกคนที่เชื่อนั้นก็อยู่ด้วยกัน และให้ทรัพย์สิ่งของทั้งหลายมารวมกันเป็นของกลาง
2:45 และได้ขายบรรดาทรัพย์สมบัติและสิ่งของทั้งหลาย และแบ่งสิ่งของเหล่านั้นให้แก่ทุกคน ตามซึ่งทุกคนต้องการ
2:46 และพวกเขาซึ่งอยู่พร้อมใจกันต่อเนื่องทุกวันในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้าน ได้รับประทานอาหารของตนด้วยความชื่นชมยินดีและความจริงใจ
2:47 โดยสรรเสริญพระเจ้า และได้รับความโปรดปรานจากประชาชนทุกคน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเพิ่มเข้ากับคริสตจักรทุกวัน ๆ คือผู้ซึ่งควรจะได้รับความรอด
** เนื่องจากว่าสาวก และผู้เชื่อมากมายคิดว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมาในไม่ช้า จึงขายสิ่งของและนำทรัพย์สินอาหารมารวมกัน เพื่อดูแลผู้เชื่อทุกคน (แต่พระเยซูไม่เสด็จมาเร็วไวดั่งที่พวกเขาคิด) พวกเขายังไปร่วมนมัสการกับยิวที่พระวิหาร และร่วมประชุมตามบ้านเรือน เนื่องจากว่าพวกเขายังไม่เข้าใจว่าคริสเตียนไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับศาสนายิวเลย
<<< บทที่ 1 - บทที่ 3 >>>