1. รับเชื่อ / 2. สงสัย / 3. ต่อต้าน ขัดขวาง โดยเฉพาะคนฉลาดและผู้นำ (คำอุปมาบทที่ 13)
11:1 ต่อมาเมื่อพระเยซูตรัสสั่งสาวกสิบสองคนของพระองค์เสร็จแล้ว พระองค์ได้เสด็จจากที่นั่นไปเพื่อจะสั่งสอน และประกาศในเมืองต่างๆ ของเขา
11:2 ฝ่ายยอห์นเมื่อติดอยู่ในเรือนจำได้ยินถึงกิจการของพระคริสต์ จึงได้ใช้สาวกสองคนของท่านไป
11:3 ทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือเราจะต้องคอยหาผู้อื่น”
11:4 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “จงไปแจ้งแก่ยอห์นอีกครั้งถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น
11:5 คือว่าคนตาบอดก็หายบอด คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยินได้ คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา
11:6 บุคคลผู้ใดไม่สะดุดเพราะเรา ผู้นั้นเป็นสุข”
11:7 ครั้นสาวกเหล่านั้นไปแล้ว พระเยซูเริ่มตรัสกับคนหมู่นั้นถึงยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ
11:8 แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูคนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนนุ่งห่มผ้าเนื้อนิ่มก็อยู่ในพระนิเวศของกษัตริย์
11:9 แต่ท่านทั้งหลายออกไปดูอะไร ดูศาสดาพยากรณ์หรือ แน่ทีเดียวและเราบอกท่านว่า ท่านนั้นเป็นยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์เสียอีก
11:10 คือผู้นั้นเองที่พระคัมภีร์ได้เขียนถึงว่า ‘ดูเถิด เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมทางของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’
11:11 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่ว่าผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ก็ยังใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก
** ในยุคหน้า
1. ผู้รับใช้ทุกคนตั้งแต่สร้างโลกจนถึงยอห์น ท่านยอห์นเป็นใหญ่กว่าทุกคน
2. ผู้ชนะทุกคนที่ได้เข้าในราชอาณาจักรในยุคหน้า จะเป็นใหญ่กว่าท่านยอห์น
** ถามว่าทำไม....ก็เพราะว่า...
1. ท่านยอห์นไม่เคยบังเกิดใหม่
2. ท่านยอห์นไม่มีพระคริสต์อยู่ในท่าน
3. ท่านไม่เคยใช้ชีวิตร่วมเป็นหนึ่งเดียว และสนิทกับพระคริสต์ที่เป็นพระวิญญาณ
- การใกล้ชิด ผูกพัน คือเคล็ดลับแห่งการเป็นใหญ่เป็นโตในยุคหน้า **
- ถามว่าทำไมท่านยอห์นเป็นใหญ่กว่าคนที่อยู่ก่อนท่าน
** เพราะว่า ท่านยอห์นคือผู้เตรียมทาง หรือผู้เปิดยุคใหม่จากยุคเก่า
1. ท่านยอห์นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระเยซู ห่างกันประมาณหกเดือน
2. ท่านยอห์นเป็นคนรับบัพติศมาให้พระเยซู และประกาศอย่างมั่นใจว่า พระเยซูคือพระเมซีอาห์
** แต่พอเมื่อถึงเวลาที่น่ากลัว ท่านยอห์นเริ่มสงสัย ส่งสาวกมาถาม
- เรื่องนี้สอนเราว่า เนื้อหนัง ชีวิตอาดัม ไว้ใจไม่ได้ ท่านยอห์นก็ดี เปโตร และสาวกของพระเยซูก็ดี อยู่กินไปมาร่วมกับพระองค์สามปีกว่า เมื่อถึงเวลาที่คับขัน ก็วิ่งหนีกันหมด
บทความเพิ่มเติม : เคล็ดลับของการเป็นผู้ชนะ (เป็นใหญ่)
11:12 และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ อาณาจักรแห่งสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้
** ตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ ยิวที่ไม่รับพระเยซูและพวกฟารีสีพยามยามขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ (ยุคพันปี) ดังนั้น ผู้ที่จะเข้าไปก็ต้องแย่งชิงด้วยความร้อนรนสุดกำลัง (คือการมีชีวิตของพระคริสต์ทำแทน) จึงจะเข้าได้
11:13 เพราะว่าคำของศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายและพระราชบัญญัติได้พยากรณ์มาจนถึงยอห์นนี้
11:14 ถ้าท่านทั้งหลายจะยอมรับให้เป็น ก็ยอห์นนี้แหละเป็นเอลียาห์ซึ่งจะมานั้น
** ท่านยอห์นไม่ใช่เอลียาห์ แต่มาในนามของเอลียาห์
** ยอห์นเป็นผู้มาจัดเตรียมทางไว้ให้พระเยซู ด้วยวิญญาณและฤทธิ์เดชของเอลียาห์ (ลก 1:17)
11:15 ใครมีหูจงฟังเถิด
** "หู" ในที่นี้ คือ "หูวิญญาณ"
** ท่านยอห์นที่เขียนหนังสือ วิวรณ์ ท่านอยู่ในวิญญาณ ท่านจึงเห็นนิมิต หากเราอยู่ในวิญญาณเรามีโอกาสเห็นเหมือนกัน
** หูวิญญาณได้ยินพระวิญญาณตรัส และตาวิญญาณ เห็นในสิ่งที่เป็นฝ่ายวิญญาณ
** อยู่ในวิญญาณได้เห็นนิมิต และเห็นความหมายที่ถูกต้องของพระคำพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าอยู่ในวิญญาณเรา และรอที่จะเปิดเผยให้เราที่อยู่ในวิญญาณ
11:16 เราจะเปรียบคนยุคนี้เหมือนกับอะไรดี เปรียบเหมือนเด็กนั่งที่กลางตลาดร้องแก่เพื่อน
11:17 กล่าวว่า `พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวกเธอ และเธอมิได้เต้นรำ พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้แก่พวกเธอ และพวกเธอมิได้ตีอกชกหัว
** 1. พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวกเธอ และเธอมิได้เต้นรำ คือ..
- "เป่าปี่" คือประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักร
- "ไม่ได้เต้นรำ" คือไม่ดีใจไม่รับ
** 2. พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้แก่พวกเธอ และพวกเธอมิได้ตีอกชกหัว' คือ..
- "พิลาปร่ำไห้แก่พวกเธอ" ตรงกับ มธ 5:4 "บุคคลผู้ใดโศกเศร้า ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการทรงปลอบประโลม" (เศร้าสลดเพราะจะสูญเสียชาติอิสราเอล)
- "และพวกเธอมิได้ตีอกชกหัว" คือไม่ได้เสียใจด้วย ไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจ
11:18 ด้วยว่ายอห์นมาก็ไม่ได้กินหรือดื่ม และเขาว่า `มีผีเข้าสิงอยู่'
** ยอห์นมาเพื่อจัดเตรียมหนทางให้พระเยซู และนำชนชาติยิวให้กลับใจเสียใหม่ และการดำเนินชีวิตของท่านไม่กินดื่มเหมือนคนธรรมดาสามัญ (ลก 1:15-17)
11:19 ฝ่ายบุตรมนุษย์มาทั้งกินและดื่ม เขาก็ว่า `ดูเถิด นี่เป็นคนกินเติบและดื่มน้ำองุ่นมาก เป็นมิตรสหายกับคนเก็บภาษีและคนบาป' แต่พระปัญญาก็ปรากฏว่าชอบธรรมแล้วโดยผลแห่งพระปัญญานั้น"
** "พระปัญญา" คือพระคริสต์ที่เป็นความชอบธรรมของเรา
11:20 แล้วพระองค์ก็ทรงตั้งต้นติเตียนเมืองต่างๆที่พระองค์ได้ทรงกระทำการอิทธิฤทธิ์เป็นส่วนมาก เพราะเขามิได้กลับใจเสียใหม่
11:21 วิบัติแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติแก่เจ้า เมืองเบธไซดา เพราะถ้าการอิทธิฤทธิ์ซึ่งได้กระทำท่ามกลางเจ้าได้กระทำในเมืองไทระและเมืองไซดอน คนในเมืองทั้งสองจะได้นุ่งห่มผ้ากระสอบ นั่งบนขี้เถ้า กลับใจเสียใหม่นานมาแล้ว
11:22 แต่เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา โทษเมืองไทระและเมืองไซดอนจะเบากว่าโทษของเจ้า
11:23 และฝ่ายเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม ซึ่งถูกยกขึ้นเทียมฟ้าแล้ว เจ้าจะต้องลงไปถึงนรกต่างหาก ด้วยว่าการอิทธิฤทธิ์ซึ่งได้กระทำในท่ามกลางเจ้านั้น ถ้าได้กระทำในเมืองโสโดม เมืองนั้นจะได้ตั้งอยู่จนทุกวันนี้
** คำว่า "นรก" ในที่นี้ คือ "แดนคนตาย" (ภาษากรีก คือ Hades รหัส 86 ᾍδης, ου, ὁ)
11:24 แต่เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา โทษเมืองโสโดมจะเบากว่าโทษของเจ้า"
** พูดถึงเรื่องนรก ที่มีการลงโทษที่ไม่เท่ากัน คนที่ไม่เชื่อจะถูกแยกกันอยู่ตามการชั่วที่ตนทำมากน้อยขณะที่มีชีวิตอยู่ ผู้เชื่อมากมายไม่เคยคิดเรื่องนี้
11:25 ขณะนั้นพระเยซูทูลตอบว่า "ข้าแต่พระบิดา ผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณพระองค์ ที่พระองค์ได้ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากผู้มีปัญญาและผู้ฉลาด และได้สำแดงให้ผู้น้อยรู้
11:26 ข้าแต่พระบิดา ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเป็นที่ชอบพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์
11:27 พระบิดาของเราได้ทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรา และไม่มีใครรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตรและผู้ใดก็ตามที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้
** เราขอบพระคุณพระองค์ ที่พระองค์ได้ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากผู้มีปัญญาและผู้ฉลาด และได้สำแดงให้ผู้น้อยรู้
** "คนฉลาด" ในที่นี้ คือฟาริสี
** "ผู้น้อย" ในที่นี้ คือสาวกทั้งหลายของพระองค์ 12 คน
11:28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข
** บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา
1. "ทำงาน" คือทำงานเลี้ยงชีพ
2. "แบกภาระหนัก" คือพยายามรักษา พระบัญญัติ ที่ไม่ใช่อุปนิสัย หรือธรรมชาติที่อยู่ภายในจิตใจของเรา เราต้องฝืนใจทำเพื่อเชื่อฟังพระเจ้า
3. "มาหาเรา" ในที่นี้ คือไม่ใช่มาเชื่อแต่คือการมาคุย สนทนา สนิท จิตใจมุ่งมั่นในพระวิญญาณ
** ทำงานหนัก และแบกภาระหนัก เป็นคนละเรื่องกัน
** เมื่อเรามาหา (สนิท) ในพระเยซู เราพักผ่อนในใจทุกวันเวลา ขณะที่ทำงานก็ คือสะบาโตของเรา
** เราไม่ต้องรักษาพระบัญญัติ เพราะว่าพระเยซูเติบโตในเราและทำแทนเรา ง่ายๆ...เราโกรธ และทำบาปไม่ได้เอง เพราะกฎแห่งพระวิญญาณ และชีวิตได้ปลดปล่อยเราจากกฎแห่งบาป (จิตใจที่รักชอบในการทำบาป) และความตาย (อ่อนแอ) แล้ว
11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเรามีใจอ่อนสุภาพและถ่อมลง และท่านทั้งหลายจะพบที่สงบสุขในใจของตน
11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็แบกง่าย และภาระของเราก็เบา"
** "พระเยซู" คือ "สะบาโตใหม่ของเรา" พระองค์เป็น..
1. น้ำแห่งชีวิต (สุขที่ไม่กระหายอีกเลย)
2. อาหารแห่งชีวิต (พระวิญญาณที่ไม่เคยแห้งและลดลงในเรา)
3. ที่พักใจในเรา ขณะที่ทำงาน มีปัญหาชีวิตมากมาย
** "สะบาโต" คือกฎเกณฑ์เก่า ส่วนพระวิหาร คือสถานที่ แต่ในยุคพระคุณ พระเจ้าเน้นที่มนุษย์ และคนบาปที่ช่วยตนเองไม่ได้ หรือรักษากฎเกณฑ์จนต้องเป็นทุกข์ เพราะเขาต้องรับแบกภาระหนัก
- พระเยซูทรงเป็นทางออกของภาระหนักเหล่านี้ และพระเจ้าเน้นที่รัก ช่วยเหลือมากกว่าการอยู่ในกฎเกณฑ์ของเนื้อหนังที่อ่อนกำลัง
- ที่นี่มีผู้หนึ่งเป็นใหญ่กว่าพระวิหารอีก คือการเปลี่ยนความสำคัญของสถานที่มาที่บุคคล คือพระคริสต์
- เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นใหญ่เหนือแม้แต่วันสะบาโต คือการเปลี่ยนความสำคัญของวันมาที่บุคคล คือพระคริสต์
- ผู้เชื่อไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระวิหารและวันนี้วันโน้นอีกต่อไป แต่เน้นการใส่ใจที่ พระคริสต์ เพราะว่ายุคนี้และทุกยุค พระเยซูคือคำตอบของทุกสิ่ง และทางออก ที่เราต้องการ
บทความเพิ่มเติม : มัทธิว 11:30 ด้วยแอกของเราก็แบกง่าย และภาระของเราก็เบา
ผู้ที่ทำงานหนัก คือทำงานหาเลี้ยงชีพหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนคำว่าแบกภาระหนัก คือรักษาพระบัญญัติเดิม แอกและภาระ ในที่นี้เป็นเรื่องของการรักษาพระบัญญัติเดิม
เราผู้เชื่อ มีพระคริสต์ในเราทำดีแทนเรารักษาพระบัญญัติใหม่แทนเรา ซึ่งเป็นธรรมชาติของพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเราทำแทน เราไม่ต้องพยายามเลย ไม่ต้องบังคับใจฝืนใจแบบที่ยากๆ อีกเลย
(ฟป 2:13 พระเจ้าเป็นผู้กระทำกิจในท่าน)
(กท 2:20 ไม่ใช่ข้าพเจ้าที่มีชีวิตอยู่ แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า)
แต่เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ พี่น้องผู้เชื่อมากมายยังไม่ได้ถูกเปิดตาในเรื่องนี้ เมื่อถูกเปิดตาในเรื่องนี้ เราจะได้รับการพักผ่อน คือมีสันติสุขในพระองค์ทุกเวลาด้วย
- คริสเตียนศาสนา เขาอยู่เพื่อพระคริสต์ แต่คริสเตียนไม่ศาสนา พระคริสต์อยู่เพื่อเขา เอเมน.