เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์รักเรา ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เมตตา ขอบคุณพระองค์ที่พระองค์นำเรามาถึงพระคำล้ำลึก นำมาสู่ความรักความผูกพันอันใกล้ชิด ระหว่างเราที่เคยเป็นคนบาปและไม่เหมาะที่จะอยู่ใกล้พระองค์ แต่เนื่องด้วยพระโลหิต ความรักความเมตตาของพระองค์ พระบุตรจึงเสด็จมาเพื่อไถ่เราทั้งหลาย
ตอนนี้เรามีโอกาสเข้ามาใกล้พระองค์ บอกรัก สนิท พูดคุย มีสันติสุข มีน้ำแห่งชีวิตเพื่อดื่มกิน และมีอาหารแห่งชีวิต และทุกสิ่งที่เป็นคำถามของเรา พระคริสต์คือคำตอบ
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือยอห์นซึ่งเป็นหนังสือฝ่ายวิญญาณ ที่ทำให้พวกเราได้รับการเปิดตาเข้าสู่ความล้ำลึกของพระเจ้า เพื่อเราจะใช้ชีวิตที่ลึกซึ้งกว่า ดีกว่า มีความสุขมากกว่า และอยู่ในการก่อขึ้นของพระองค์
ในยอห์นบทที่ 5 พระเยซูทำผิดในวันสะบาโต คือพระเยซูรักษาโรคชายพิการ 38 ปีที่ริมสระน้ำ ตอนนั้นเป็นวันสะบาโต แล้วพระองค์ตรัสว่าพระบิดาของเรา ก็ทำผิดในวันสะบาโต ซึ่งทำให้ชาวยิวมองว่าพระองค์เทียบเท่าเสมอตนกับพระเจ้า เขาโกรธเคืองมากแล้วเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา เขาก็รอที่จะกำจัดพระเยซูตั้งแต่ตอนนั้น
พอมาถึงยอห์นบทที่ 6 ก็เป็นช่วงใกล้จะถึงเทศกาลปัสกา สำหรับปัสสกา ก็คือ πάσχα, τό อ่านว่า พาส-คา ภาษาอังกฤษ คือ Passover ก็คือผ่านเลยไป ผ่านไป คือพระเจ้าจะไม่เอาเรื่อง ขอให้ชาวยิวเอาเลือดทาที่ขอบประตู และตอนนี้นะครับเราขอบคุณพระเจ้าที่พระเยซูเป็นปัสกาของเรา ก็คือพระเจ้าผ่านเลยไป ไม่เอาเรื่อง ไม่ถือโกรธ ไม่ตัดสิน ไม่พิพากษาเรา เนื่องจากว่าพระเยซู
และมาถึงยอห์นบทที่ 7 คือเทศกาลอยู่เพิง เทศกาลอยู่เพิง ก็คือการที่ชาวยิวเดินทางจากประเทศอียิปต์สู่ดินแดนคานาอัน ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่นระหว่างทาง ซึ่งเขาจะก่อเต็นท์เพื่อนอน แล้วการกินอยู่ เขาเอาอะไรกิน คนเป็นหลายล้านคนหากินไม่ได้แล้วต้องเดินทาง เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงส่งอาหารมาจากสวรรค์ลงมาให้ อาจจะเป็นมานาบ้าง อาจจะเป็นนกบ้าง อาจจะเป็นอะไรบ้างแล้วแต่
แล้วน้ำดื่มล่ะเอามาจากไหน ก็คือไปถึงที่ไหน มีหินโมเสสก็จะไปเคาะหิน แล้วน้ำก็จะออกมา มีน้ำ แล้วก็ให้ชาวยิวได้ดื่มกินกัน คือการเลี้ยงดูของพระเจ้าที่เกิดขึ้นโดยการอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่เรามีพระเจ้าวันนี้ และพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้เลี้ยงดูเรา ปกปักรักษาปกป้องคุ้มครองเรา เราขอบคุณพระเยซู เพราะฉะนั้นเราเห็นว่าพระเจ้าดูแลชาวยิวไม่อดอยากฉันใด พระเจ้าก็จะดูแลเราไม่ให้อดอยากฉันนั้น เพียงแต่เราเชื่อและวางใจในพระองค์
ประเด็นที่สอง เราจะเห็นว่าการเรียนรู้สติปัญญาที่มาจากมนุษย์ กับการเรียนรู้และสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ไม่เหมือนกัน เราจะเห็นว่าพระเยซูไม่เคยผ่านโรงเรียนมหาวิทยาลัยศาสนศาสตร์ ไม่เคยผ่านอะไรทั้งนั้น แล้วพระเยซูมีพระเจ้าที่เป็นสติปัญญาของพระองค์ เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่า ในหนังสือลูกา 2:40 และพระกุมารนั้นก็ได้เจริญวัยขึ้น และเข้มแข็งขึ้นฝ่ายจิตวิญญาณ เต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าสถิตอยู่บนพระองค์
เพราะฉะนั้นหลายคนบอกว่าการเรียนรู้มหาวิทยาลัยจะช่วยให้เราได้เยอะ ก็พอได้นะครับ เรารู้ประวัติศาสตร์ เรารู้พื้นฐานของการดำเนินชีวิตคริสเตียนเป็นยังไง สังคมคริสเตียนเป็นยังไง แต่จริงๆ แล้วนะครับเราจะเห็นว่าพระเยซูตรัสบ่อยครั้ง เมื่อเราเชื่อ ผู้ที่จะเป็นครูเป็นอาจารย์เป็นผู้สอนเราที่แท้จริงแล้ว คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ และใครที่มาถึงมานาที่ซ่อนไว้ ก็มาถึงบทเรียนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จัดเตรียมไว้ ให้คนที่ถ่อมใจเท่านั้น เราอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่หมิ่นประมาท หรือดูถูก หรือกล่าวหาใส่ร้าย ว่ามานาเป็นของปลอม มานาใช้ไม่ได้ มานาไม่ดี แต่ผมก็ยังแปลกใจนะ บางคนที่เพิ่งตำหนิมานาว่าไม่ดี ก็ยังอยากมาร่วมกับมานาอยู่ดี แต่ยังไงก็ช่างนะครับเรารักกัน เรารักทุกคน เรารักพี่น้อง
สำหรับผู้ที่เปิดใจถ่อมใจ จะได้ยินเสียงของพระคริสต์ผ่านผู้รับใช้ เขาเหล่านั้นจะได้รับการเปิดตา เพื่อเข้าถึงพระคำพระเจ้า และได้เข้าอยู่ในการพักผ่อน พักผ่อนคือสะบาโต สะบาโตภาษากรีก คือ Rest שַׁבָּת
เราขอบคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้ เราอยู่ในที่พักสงบที่แท้จริง ที่เรียกว่าสะบาโตใหม่ของพระเยซู เราไม่มีทุกข์ เราไม่เดือดร้อน เราไม่กระวนกระวาย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเราไม่ได้ใส่ใจไม่ได้สนใจ คือเรานิ่งเฉย นิ่งสงบได้ อย่าไปหวั่นไหว...
1. สิ่งที่เกิดขึ้นพระเจ้าอนุญาตให้เกิด
2. พระเจ้าอยู่กับเรา
3. ก็คือซาตานอยู่เบื้องหลังของบางเหตุการณ์บางเรื่อง เพื่อก่อความวุ่นวาย ให้เราสับสน ให้เราวุ่นวาย ให้เราอยู่ไม่เป็นสุข
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้า เราเข้าใจสะบาโตใหม่ของพระเยซูอย่างแท้จริงแล้ว เราจึงนิ่งสงบได้และพักสงบ พักผ่อนในพระเยซูได้
ประเด็นต่อมา ก็คือเราบุตรพระเจ้าที่เป็นผู้ใหญ่ เราอยู่ในฝ่ายวิญญาณ เราจะไม่กระทำสิ่งใดเพื่อหวังผลตอบแทน และเพื่อเกียรติ ชื่อเสียง หน้าตา
สำหรับเรื่องพระบัญญัติ เรื่องพระบัญญัติอันนี้เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับชาวยิว เรียกว่าภาระหนัก ในหนังสือมัทธิวบทที่ 11 ที่พระเยซูตรัสว่า บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก ตรงนี้นะครับ แบกภาระหนัก ก็คือการรักษาพระบัญญัติ เราจะเห็นว่าชาวยิวแท้ที่จริงเขารู้ว่ามันยาก มันยากมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะรักษาพระบัญญัติ
เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้พยายามรักษาพระบัญญัติหรอก เพราะเขารู้ว่ามันทำไม่ได้ แต่เขาทำเหมือนว่าเขาเป็นพวกเคร่งครัดศาสนา รักษาพระบัญญัติอย่างเคร่งครัด แต่จริงๆ แล้วไม่มีใครทำได้และไม่มีใครทำ เปาโลก็เปิดเผย ท่านก็เป็นฟารีสีคนหนึ่ง ที่ทุกคนมองว่าเขาเป็นฟารีสีที่เคร่งครัดศาสนามากๆ รักษาพระบัญญัติได้ครบ
แต่เปาโลเปิดเผยในโรมบทที่ 6 ว่าท่านเองก็พ่ายแพ้ พยายามเท่าไหร่ก็ยิ่งทำบาปมากเท่านั้น เราจึงเห็นว่าพระบัญญัติแท้ที่จริงมาจากพระวิญญาณเป็นโดยพระวิญญาณ พระวิญญาณเป็นคนประทานให้ผ่านโมเสส และพระบัญญัตินั้นพระเจ้าก็ลดลง ลดให้ต่ำลง คือไม่ให้ยากเกินไป เพื่อเห็นแก่มนุษย์สงสารมนุษย์ แต่พระเจ้าก็เข้าใจว่ามนุษย์ตกต่ำเสื่อมทรามและถูกขายให้บาปแล้ว มนุษย์รักษาพระบัญญัติไม่ได้
แล้วพระเจ้าก็รอให้พระเยซูเข้ามาอยู่ในเราเป็นพระวิญญาณเพื่อรักษาพระบัญญัติเหล่านั้นแทนเรา เราขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา เราถูกตรึงกับพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อนแล้ว เป็นบุญเป็นคุณ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ เป็นความรักยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าเลือกบางคน ให้ได้มาพบความจริงนี้ เราสรรเสริญพระเยซู
หลายคนเชื่อ 5 ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี 30 ปี ไม่มีโอกาสได้รู้ แต่เราได้รู้แล้วขอบคุณพระเยซู รักษาความเชื่อนี้ไว้ เพราะว่ามันเป็นเคล็ดลับในการดำเนินชีวิตคริสเตียนให้อยู่ในชัยชนะของพระเจ้าได้
เมื่อก่อน ก่อนที่ผมจะพบความจริงนี้ ว่าตายกับพระเยซู เป็นขึ้นมากับพระเยซู ดำเนินชีวิตในพระเยซู พระเยซูเป็นคนทำ ดำเนินชีวิตในเรา ผมไม่เคยเข้าใจผมไปอ่านไปค้นหาไปซื้อหนังสือไปเรียนรู้ตั้งเยอะตั้งแยะไปเรียนไปแสวงหาทุกที่ทุกแห่ง อาจารย์ไหนดังๆ ผมไป ไปฟัง สุดท้ายนะครับก็ได้มา.. ได้เข้าใจว่า..โอเคมีคนสอนว่าเคล็ดลับ 3 ประการเคล็ดลับ 5 ข้อ เคล็ดลับ 7 ข้อเพื่อเลิกทำบาปได้ ผมก็เอามาลองฝึก ลองปฏิบัติ มาทำดู ล้มเหลวนะครับ ไปถามเพื่อนทำได้มั้ยเขาก็บอกล้มเหลวไม่มีใครทำได้จริงๆ คนที่สอนเขาก็คิดว่าอาจจะได้ เขาก็ลองเอามาสอน แล้วก็ไปทำดูเขาก็ทำไม่ได้ แต่เขาไม่บอกเรานะครับว่าเขาทำไม่ได้ ก็โกหกกันไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นแท้ที่จริงแล้ว เคล็ดลับในการเชื่อฟังพระเจ้าได้ เลิกทำบาปได้ แท้ที่จริงก็อยู่ตรงนี้ครับ เราถูกตรึง เราตายแล้ว เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา (กท 2:20)
เพราะฉะนั้นพระบัญญัติจึงไม่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา เราไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติ แต่เราอยู่เหนือพระบัญญัติ ก็คืออยู่ใต้พระคุณของพระเจ้า
ข้อที่ 14 ครั้นถึงวันกลางเทศกาลนั้น พระเยซูได้เสด็จขึ้นไปในพระวิหารและทรงสั่งสอน
ชาวยิว ฉลองเทศกาลอยู่เพิงนานถึง 7 วัน แต่สรุป วันที่สรุปวันสุดท้าย ก็คือวันที่ 8 สรุปก็คือ 8 วันนั่นเอง พวกเขาจะใช้เวลาอยู่ที่บริเวณพระวิหาร และกรุงเยซูซาเล็มเป็นส่วนมากเพื่อถวายเครื่องบูชา กินดื่ม อธิษฐาน นมัสการ ร้องเพลง สรรเสริญพระเจ้า และฉลอง ฉลองงานนี้
...
ข้อที่ 15 พวกยิวคิดประหลาดใจและพูดว่า "คนนี้จะรู้ข้อความเหล่านี้ได้อย่างไร ในเมื่อไม่เคยเรียนเลย"
เขาพูดถึงพระเยซู สำหรับพระเยซูใช่..ไม่เคยเรียนรู้พระบัญญัติ แต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก วัยเด็กและวัยหนุ่มพระองค์อาจจะเคยไปนั่งฟังที่ธรรมศาลา หรือเคยได้ยินพ่อ ก็คือโยเซฟ เป็นคนสอน พระบิดาของเขานะครับเป็นคนสอนบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่เคร่งครัดไม่เรียนรู้มาก ไม่เรียนรู้เยอะเหมือนฟารีสีธรรมจารย์ทั้งหลาย แต่เรารู้กันดี ในลูกา 2:40 คือคำตอบ พระเยซูเจริญวัยขึ้น และเข้มแข็งขึ้นฝ่ายวิญญาณและเต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์
...
ข้อที่ 16 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า "คำสอนของเราไม่ใช่ของเราเอง แต่เป็นของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา
ก็คือพระบิดาสถิตอยู่ในผู้ชายที่ชื่อเยซู คนที่ดำเนินชีวิตอยู่คือเยซู แต่คนที่พูด คนที่คิด คนที่ตัดสินใจ คนที่สั่งสอน แท้ที่จริงก็คือพระบิดาต่างหาก และมาถึงทุกวันนี้ ก็ถึงตาเราแล้ว เราเดิน เราไป เรามา ด้วยตัวใหม่ แต่คนที่คิด พูด กระทำ ดำเนินชีวิต เลิกทำบาป เชื่อฟังพระบิดาได้ ก็คือพระคริสต์ที่อยู่ในเรา เอเมนสรรเสริญพระเยซู
...
ข้อที่ 17 ถ้าผู้ใดตั้งใจประพฤติตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้นั้นก็จะรู้ว่าคำสอนนั้นมาจากพระเจ้า
สำหรับคนที่ถ่อมใจ คนที่เปิดใจ และตั้งใจ เราจะเห็นคำนี้ มีความตั้งใจประพฤติตามพระประสงค์ของพระองค์ คนนั้นจะถูกเรียกมา เลือกมา และเปิดตาให้เขาได้พบความจริง และเดินตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้
...
สำหรับเรื่องพระบัญญัติ เราเห็นกันใช่ไหมว่าตั้งแต่ตอนที่เราเชื่อ ก่อนที่เราจะพบมานา ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่พยายามรักษาพระบัญญัติ และคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ก็ยังพยายามรักษาพระบัญญัติ เพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรม และให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าใช่ไหม เราหลายคนเคยเป็นใช่ไหม ซึ่งตอนนั้นก็โทษเราไม่ได้ เพราะเราก็ไม่รู้ความจริง เราไม่รู้เคล็ดลับ เราไม่รู้วิธีการเอาชนะบาปได้คือจะทำยังไง
พอเชื่อปุ๊บก็เริ่มคิดไปเอง ทำไปเอง เหมาไปเองว่าอันนี้น่าจะได้ อันนี้น่าจะได้ อันนี้น่าจะดี ก็ลองมาทำดู แต่สุดท้ายทุกคนล้มเหลวหมด ไม่มีใครเอาชนะบาปได้ น่าสงสารเราเมื่อก่อน แล้วก็น่าสงสารพี่น้องคริสเตียนทุกวันนี้ที่ยังพยายามรักษาพระบัญญัติอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าเขาตายกับพระเยซู ไม่รู้ว่าเขาเป็นขึ้นมาใหม่กับพระเยซู และไม่รู้ว่าพระคริสต์อยู่ในเขา เพื่อรอที่จะดำเนินชีวิตแทนเขา
พอมาถึงวันนี้เราขอบคุณพระเจ้า ที่เราได้เข้าใจคำว่า สะบาโตอย่างแท้จริง ภาษาฮีบรูสะบาโต แปลว่าพักผ่อน พักสงบ ภาษาอังกฤษก็คือ Rest ภาษาฮีบรูก็คือ שַׁבָּת เราที่เข้ามาร่วมกันในวันนี้ สรรเสริญพระเจ้า นมัสการพระเจ้า ปรนนิบัติพระเจ้าร่วมกัน มีใครบ้างที่ยังไม่มาถึงการพักผ่อนที่แท้จริง
สำหรับพี่น้องที่มาถึงแล้วผมขอบคุณพระบิดา และสำหรับพี่น้องบางคนที่ยังเป็นทุกข์ ยังกระวนกระวาย ยังกระเสือกกระสน ยังดิ้นรน สู้ชีวิต เป็นทุกข์เมื่อชีวิตไม่ราบรื่น เมื่อสุขภาพไม่ดี เมื่อเจอปัญหาต่างๆ นาๆ แต่อย่าลืมสะบาโตของพระเยซู คือการพักผ่อน พักสงบ ไม่จำเป็นที่เราต้องรอให้ชีวิตราบรื่นก่อน สุขภาพดีก่อน ทุกสิ่งดีไปหมดรอบข้างเราดีหมดก่อน เราจึงจะมี Rest שַׁבָּת (สะบาโต) อันนี้ ไม่.. พอเราเชื่อปุ๊บ เราถูกเปิดตา เราเห็นความจริงเราเข้าใจพระคำพระเจ้า Rest שַׁבָּת (สะบาโต) คือพระเยซูเองที่อยู่ในเรา พระองค์จะส่งแม่น้ำแห่งชีวิต ป้อนเราจากวิญญาณเข้ามาสู่จิตใจเป็นระยะๆๆๆ ไม่ต้องซื้อไม่ต้องจ่ายไม่ต้องเสียตังค์ และไม่ต้องรอให้มรสุมชีวิตให้มันผ่านไปก่อน เราอยู่ที่ไหน เรายากจน เราไม่มีกิน เราจะเป็นยังไง เรามี Rest שַׁבָּת (สะบาโต) คือพระเยซูได้
เพราะฉะนั้นขอให้เราถ่อมใจ สำหรับพี่น้องที่ยังมาไม่ถึง ขอให้เปิดใจ แล้วก็ขอให้อธิษฐาน ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็น Rest שַׁבָּת (สะบาโต) ของเรา เป็นการพักสงบ การพักผ่อนในหัวใจของเรา มันเบาสบายมาก ที่ไม่ต้องเป็นทุกข์ แล้วใครจะมาทำอะไรเรา ใครจะมาพูดอะไรมันไม่กระทบกระเทือน ไม่รู้สึกอะไรเลยมันเฉยๆ แล้วเรายิ่งสงสาร สงสารมนุษย์ สงสารเพื่อนบ้าน สงสารทุกคนที่ยังทุกข์อยู่ ขอพระเจ้าเมตตาพี่น้องที่ยังมาไม่ถึงการพักผ่อนหรือพักสงบในพระคริสต์อย่างแท้จริง ให้ได้มาถึงในอีกไม่ช้านี้ เอเมน
ถาม.
ในเมื่อเราได้เข้าพักสงบ และก็พักผ่อนในพระองค์แล้ว เรารู้สึกว่าเรามีสุขแล้ว แล้วก็เราได้รับจากพระเจ้าแล้ว แต่ว่ามีทีมศิยาภิบาลประมาณ 100 กว่าคนชวนดิฉันเข้าอธิษฐานในกลุ่มของเขา หนูจะปฏิเสธก็กลัว ก็เลย เชิญก็เชิญจะจับมาประกาศมานาให้หมดเลย แล้วมีคนหนึ่งที่เชิญ เชื่อมานาแล้วเขาก็บอกว่าชอบคลิปที่ดิฉันส่งให้แล้วก็ชอบข้อความทุกอย่างที่ส่งให้ แล้วคือคำอธิษฐานของเขาจะอธิบายพระเจ้าซะยาวยืดมันรู้สึกว่ามันค้านกับของเรา เหมือนกับเราลงไปอยู่ในอ่างอีก อย่างนี้เราผิดไหมคะ เราร่วมกับเขา แต่ถ้าเราไม่ร่วมเท่ากับเราปิดกั้นตัวเอง เราไม่ได้ประกาศมานาเลย แต่ว่ามีคนที่เชิญเราเชื่อ เขาชอบเขาไม่ได้เชื่อหรอก แต่เขาบอกว่าชอบเขายกหัวแม่โป้งให้ เขาบอกชอบทุกอย่างที่ส่งให้ ผิดไหมคะอาจารย์ร่วมกลุ่มกับเขา
ตอบ.
ถ้าเกิดกรณีนี้นะครับ ก็คือเชื่อว่าพระเจ้าใช้เรา พระเจ้าใช้เราให้ไปช่วยคนบางคนที่อยู่ในนั้น ก็ไป แล้วเราไม่รู้สึกอึดอัดเราไม่รู้สึกว่าอยู่ยากนะครับเราไปได้เข้าร่วมได้แล้วก็ส่งไป ขอเพียงแต่ว่าคือขอให้จำนะครับว่า อย่าพูดเรื่องคริสต์มาส อย่าพูดเรื่องสิบลด อย่าพูดเรื่องพระบัญญัตินะครับแค่นี้พอ
สำหรับพี่น้องนะครับที่ยังอยู่ในคริสตจักรที่เรายังอยู่กับเขาหรืออยู่ในกลุ่ม Messenger หรือ LINE หรืออะไรก็ตาม อยู่ได้ก็อยู่ต่อ แล้วก็มีโอกาสนะครับก็อธิษฐานเผื่อเขา แล้วก็ส่งมานาที่ซ่อนไว้ให้เขา อีกอย่างนะครับอีกครั้งผมขอย้ำว่า อย่าส่งเรื่องคริสต์มาส อย่าพูดขัดแย้งกับเขาเรื่องสิบลดและเรื่องพระบัญญัติแค่นั้นพอ เราอยู่กับเขาได้ แล้วเขาก็เปิดใจฟังเราบางคนนะครับ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทำงานได้ง่ายกว่า ดีกว่าที่บางคนจะไปพูดนะครับ สิบลดไม่มีแล้ว เดี๋ยวนี้ร้อยลด แล้วก็คือทะเลาะกันใหญ่ แล้วก็ถกเถียงกันไปกันมา ไม่จบสิ้น อันนั้นไม่เอาครับ
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับยอห์นบทที่ 7 เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สอนเราหลายเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องสะบาโต ก็คือพระเยซูตอนนี้เป็นสะบาโตของเรา ขอบคุณพระเยซูเราได้กิน เราได้ดื่ม เราได้พักผ่อน พักสงบในพระเยซู แล้วพระเยซูเป็นคำตอบ เป็นทุกสิ่ง เป็นอาหาร เป็นน้ำดื่ม เป็นเต็นท์ให้เรานอนพักในโลกนี้ เป็นคำตอบที่เรามีคำถามอยู่ เพราะฉะนั้นเราไม่กระวนกระวาย เราไม่กังวลต่อสิ่งใดทั้งนั้น เรารักพระเยซูเนื่องจากว่าพระองค์เป็นทุกสิ่งของเรา
เราขอบคุณพระเจ้าเรามาถึงสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ สติปัญญาที่ไม่ได้มาจากมนุษย์ ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์สอนเราเปิดตาเรา นำเรามาถึงผู้รับใช้ที่พระเจ้าเลือก แล้วก็ให้ของประทานที่จะช่วยพวกเรา แล้วขอบคุณพระเยซูที่ผู้รับใช้ก็ไม่ถือตัว ไม่ถือเกียรติ ไม่แสวงหาตำแหน่ง ชื่อเสียงอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องการผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น เพียงแต่เราได้มีสันติสุข เราได้มาเข้าใกล้พระเจ้า สิ่งนี้คือขอบคุณพระเยซูแล้ว
สำหรับเราทุกวันนี้ เราทุกวันนี้มีปัญหา ผู้เชื่อมากมายยังมาไม่ถึงพระที่นั่งของพระบิดา คนที่เปิดใจถ่อมใจเท่านั้นที่จะได้ยินพระสุรเสียงของพระเยซูผ่านผู้รับใช้ และจะเข้าสู่การพักสงบที่แท้จริง เราจะมาถึงสะบาโตใหม่ของพระเยซูอย่างแท้จริง แล้วเราที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ เราไม่แสวงหาเกียรติ ชื่อเสียง ผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น เนื่องจากว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานทุกสิ่งให้เราแล้ว
แล้วก็เรื่องพระบัญญัติ เราขอบคุณพระเยซูที่ตอนนี้ภาระของเราเบามาก เนื่องจากว่าเราตายแล้ว เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา
ขอบคุณพระเยซูสำหรับยอห์นบทที่ 7 สรรเสริญพระเจ้าที่เราได้พบแหล่งอาหารแห่งชีวิต เราได้พบแหล่งน้ำแห่งชีวิต และเราได้พบที่พักสงบของวิญญาณจิตใจของเรา ก็คือพระคริสต์เยซู เอเมน
ขอพระองค์เมตตานำความจริงนี้ไปสู่พี่น้องอีกหลายคนที่แสวงหา ร้อนรน กระตือรือร้น รักพระองค์ แต่ยังมาไม่ถึงที่พักสงบแห่งนี้ เอเมน