คริสเตียนศาสนา และคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ แตกต่างกันอย่างไร

คริสเตียนศาสนา และคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ แตกต่างกันอย่างไร

"ยี่สิบปีต่อมาหลังจากเชื่อ ผม (พี่น้องเจ) สารภาพกับพระเยซูเลย ว่าผมไม่เคยรู้จักพระองค์"

จงเป็นแบบอย่างที่ดีโดยพึ่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

1ทธ 4:12 อย่าให้ผู้ใดดูหมิ่นความหนุ่มแน่นของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างของคนทั้งหลายที่เชื่อ ทั้งในทางวาจา ในการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์

4:13 จงใฝ่ใจในการอ่าน ในการเทศนา และในการสั่งสอน จนกว่าเราจะมา

***** คริสเตียนศาสนา และคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ แตกต่างกันอย่างไร *****

1. ถวายสิบลดกันเพียง 5% ทั้งคจ. เชื่อ สอนคนอื่น แต่ส่วนมากมักจะโกงพระเจ้า ไม่เคยถวายครบ 

** คต.ฝ่ายวิญญาณถวายร้อยลด ให้ด้วยใจชื่นชมยินดีไม่ฝืนใจ เพราะเชื่อว่าทั้งชีวิต พระเจ้าซื้อเราไว้แล้ว ใช้เงิน เวลา ความสามารถ แสวงหาราชอาณาจักรของพระเยซู การมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสต์

2. ไม่มีและไม่เชื่อเรื่องการมีสันติสุขทุกวันเวลา ไม่รู้จักบ่อน้ำภายในคือพระวิญญาณบริสุทธิ์

** คต.ฝ่ายวิญญาณ ไม่กระวนกระวาย เชื่อเรื่องการอธ.และฝากไว้กับพระเจ้า การสั่งและกล่าวพระวจนะด้วยชัยชนะเหลือล้นในพระคริสต์

3. ไม่มาถึงชีวิตของพระคริสต์แต่ใช้ตัวตนอาดามในการเชื่อฟัง มีขึ้นลง ดีๆ บาปๆ กลับมาสารภาพบาปซ้ำ ความรักค่อยๆจืดจาง วิ่งเข้าหามนุษย์ 

*** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ มีผลของพระวิญญาณซึ่งรักษาพระบัญญัติใหม่แทนเรา พระเจ้ารับมาตรฐานธรรมบัญญัติไม่ได้นะครับ 

4. บางคนอ่านไบเบิ้ลเพื่อเรียนรู้

** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ตระหนักว่าอ่านเพื่อกินมานาที่ซ่อนไว้ เพื่อเติบโตขณะศึกษาก็ได้รับอาหารและชีวิตของพระเจ้า

5. ยังเชื่อว่าเราเป็นคนบาป เพราะตนก็ยังทำบาปอยู่

** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เมื่อเราบังเกิดใหม่>>เป็นคนชอบธรรม ถ้าทำบาปก็เรียกว่าคนชอบธรรมที่ทำบาป ไม่มีการกล่าวโทษในผู้ที่เดินในฝ่ายพระวิญญาณ ความรักจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ธรรมบัญญัติสำเร็จอย่างครบถ้วน , วว. 14:12 นี่แหละคือความอดทนของพวกวิสุทธิชน คือผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และความเชื่อของพระเยซูไว้ ,ในโรม 5:1, 5:19-21 เมื่อเราเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว ... 

6. ไม่รู้จักพระเยซู 

** คริสเตียนฝ่ายวิญญาณ มีความสัมพันธ์ ซาบซึ้ง ลึกซึ้ง บอกรักได้น้ำมันแห่งพระวิญญาณ ติดสนิทกับพระองค์ พูดคุยในแต่ละวัน รู้จักกันอย่างแท้จริง เรารู้ว่าพระวิญญาญอยู่ในเรา ทำดีแทนเรา มีคำพยานและกล้าหาญเป็นพยานต่อคนที่ไม่เชื่อ