ขอบพระคุณสำหรับวันนี้ที่พระองค์ให้ชีวิตใหม่เราอีกวันหนึ่ง ซึ่งชีวิตเก่าถูกตรึงตายและถูกฝัง และฟื้นขึ้นมาจากความตายพร้อมกับพระองค์ ก็คือชีวิตใหม่คนใหม่ ที่เราเองไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ในคนใหม่คนนี้
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ หูใหม่ ตาใหม่ ทุกสิ่งใหม่หมด เราเห็นทุกสิ่งเป็นสิ่งที่ใหม่ เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งมองในด้านบวก และขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้ความรักเต็มล้นอยู่ในพวกเรา พระพรมากมายเต็มล้นอยู่ในพวกเรา ทุกสิ่งอยู่ในแผนการงานของพระองค์สำหรับชีวิตของพวกเรา พระองค์ทรงสมควรสรรเสริญ พระเยซูทรงสมควรสรรเสริญ พระเยซูพวกเรารักพระองค์ เอเมน
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคำของพระองค์วันนี้ ที่เป็นความจริงเปิดเผยแก่เรามากมายหลายเรื่อง แล้วก็ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคำที่เป็นอาหารที่มาจากสวรรค์ และพระคำที่เป็นตัวตนของพระเยซู เพื่อพวกเรากินจะเติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระองค์ เพื่อเราจะไม่เพียงแต่ประกาศข่าวประเสริฐ แต่พวกเราประกาศพระเยซูโดยการสำแดงชีวิต เอเมนเรารักพระเยซู
สรุปก็คือเรื่องราวสำหรับวันนี้ มีอยู่ 4-5 เรื่องด้วยกัน
.....
ซึ่งก็คือข้อแรก.. เปาโลทำงานเลี้ยงชีพ
ถ้าหากไม่จำเป็นจริงๆ และพระเจ้าไม่เร้าใจท่าน ก็คือท่านจะไม่ขอใครและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน นี่คือหัวใจของคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ
การทำเต็นท์ในสมัยก่อน พวกเราทราบนะว่าเป็นงานที่หนัก และยากมาก ต้องใช้กำลังมือกำลังแขน เราพบว่าไม่นานต่อมามือของเปาโลสั่นจนเขียนหนังสือไม่ได้ ต้องให้ผู้ช่วยเป็นคนเขียนให้
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าที่เรามีกำลัง เรี่ยวแรงทำงานได้ เราคริสเตียนไม่ควรเกียจคร้าน แต่เมื่อจำเป็นจริงๆ เราจึงรับการช่วยเหลือจากพี่น้อง ที่พระเจ้าให้ช่วยเหลือหรือเร้าใจเขาให้ช่วยเหลือ ส่วนบำเหน็จก็เป็นของผู้ที่มีใจกว้าง ทั้งชีวิตนี้แล้วก็ยุคหน้า ขอบคุณพระเยซู
สำหรับการงาน ไม่ว่าจะเป็นการงานไหน ต่ำหรือสูง มีเกียรติ หรือไม่มีเกียรติสำหรับมนุษย์ แต่สำหรับพระเจ้า ทุกสิ่งที่พระเจ้าวางไว้ให้เราทำ เป็นงานชนิดไหนก็ตาม ไม่สำคัญ ควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตด้วยตัวใหม่เพื่อสำแดงพระเยซูให้โลกได้เห็น เป็นการงานอันมีเกียรติ เอเมน เราไม่สนใจ มนุษย์จะมองยังไง แต่พระเจ้ามองในสายพระเนตรของพระเจ้าเราเป็นบุคคลที่มีเกียรติสำหรับพระองค์
คือกลุ่มมานาฯ พวกเรา ไม่ได้มีเป้าหมาย หรือวางมาตรฐานนะว่าจะเลี้ยงดูผู้นำ สำหรับพวกเราเป้าหมาย ก็คือนำพระคำแห่งความจริงมาเปิดเผย เพื่อเปิดตา เอายาหยอดตามาทาตาให้ผู้ที่เป็นศาสนาคริสต์ได้พบความจริงหายจากอาการตาบอด และเข้าสู่การดำเนินชีวิตที่เบาสบาย แอกเบา ภาระเบา กางเขนเบา และอยู่ในการพักผ่อนอยู่ในสันติสุขของพระเยซูทุกวันเวลา นี่คือเป้าหมายของพวกเรา
เพราะฉะนั้นบางคนอาจจะคิดว่าเข้ามาเนี่ย เพื่อรับการช่วยเหลือ มีการช่วยเหลือ แล้วก็บางคนก็เข้ามาเพื่ออยากจะเป็นผู้นำและรับเงินเดือน ซึ่งเมื่อเขาพบว่ามันไม่มีสิ่งนี้ที่เขาต้องการ หลายคนก็ออกไป แล้วบางคนก็หันมาพูดเสียดสี พูดใส่ร้าย สิ่งไม่ดีกับพวกเรา แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่สำคัญก็คือเราทำหน้าที่ของเรา เป้าหมายหลักของเรา ก็คือนำพี่น้องมาสู่ความสว่างที่แท้จริงและเดินในความสว่างที่แท้จริง เข้ามาเป็นเจ้าสาวเป็นคนรักของพระเยซู อยู่ใกล้พระเยซูมากที่สุด
หน้าที่ของพวกเรา สรุปก็คือเดินด้วยคนใหม่ที่มีพระคริสต์เป็นคนดำเนินชีวิตแทนเรา และหน้าที่ของเราก็คือสนิทและรักพระเยซูให้มากที่สุด เรารักษาพระบัญญัติข้อแรกข้อที่สองได้มากกว่าใครในท่ามกลางผู้เชื่อทั่วโลก เอเมน
แต่ก่อนผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไปโรงเรียนพระคัมภีร์ ใช้เวลา 5 ปีนะครับ แล้วพบว่าก็มีเพื่อนด้วยกันที่ไปเรียน มีหลายคนที่ผมรู้จัก ซึ่งเห็นว่าอยู่ที่อเมริกานะครับงานการรับใช้ก็จะมีเงินเดือน แล้วงานการรับใช้ต่างๆ หน้าที่ต่างๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะศิษยาภิบาล ก็จะมีเงินเดือนนะครับ ทำงานในองค์กรคณะนิกายต่างๆ มีเงินเดือนทั้งนั้น แต่สำหรับผมสิ่งที่ผมปฏิเสธและสิ่งที่ผมอยากหลีกเลี่ยง ก็คือไม่รับ ถ้าทำงานได้เลี้ยงชีพด้วยตนเองได้ผมจะทำ ผมเป็นคนนิสัยแบบนี้ ก็ขอบคุณพระเจ้าที่ปลูกฝังมา ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้พบมานาฯ
ซึ่งเรารู้ดีนะว่าทุกคนมีภาระ มีการใช้จ่าย มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ เรื่องเราเองครอบครัวเราเอง ญาติของเรา เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายค่าใช้จ่ายมันเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน เราจึงไม่ควรรบกวนใครไม่ให้ใครเดือดร้อน แต่ถ้าหากพระเจ้าดลใจเร้าใจ และเรามีเท่าขนาดของความเชื่อ และช่วยพี่น้อง บำเหน็จก็จะมีมากมายสำหรับคนนั้น
.....
เรื่องที่ 2. ก็คือเรื่องการประกาศ การเป็นพยาน
ผมได้ยินข่าวบ่อยๆ ในอเมริกา คริสตจักรในอเมริกาเขาจะใช้กลยุทธ์ กลวิธี ทำทุกสิ่ง เพื่อทำให้ผู้เชื่อมาโบสถ์เป็นประจำ และทำให้ผู้เชื่อถวายทรัพย์ สิบลด อย่างซื่อสัตย์ เขาจะใช้วิธีมากมายหลายวิธี ซึ่งบางโบสถ์นะก็ได้ยินมาว่า คือถ้าหากคริสตจักรรู้สึกว่าทุนมันเหลือน้อยงบไม่มีแล้ว พี่น้องไม่ถวายพอสมควร เขาก็จะเปิดแอร์ร้อน ที่อเมริกามีแอร์ร้อนนะ มีแอร์ร้อนแล้วก็แอร์เย็น ซึ่งแอร์ร้อนภาษาอังกฤษเรียกว่า ฮีตเตอร์ (Heater)
พอพี่น้องเข้าไปเขาก็จะเปิดแอร์ร้อนเปิด ฮีตเตอร์ (Heater) ใส่ แล้วอากาศมันร้อนมากๆ แล้วศิษยาภิบาลก็จะเทศนาเรื่องนรก เรื่องบึงไฟ ว่ามันร้อนยังไง มันทนทุกข์ทรมานยังไง นี่แหละเพราะว่าคริสเตียนไม่ถวายสิบลด คริสเตียนไม่มาโบสถ์เป็นประจำ คริสเตียนไม่ซื่อสัตย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า นี่คือกลยุทธ์นี่คือวิธีการโน้มน้าวจิตใจ บังคับขู่เข็ญอะไรทั้งหลาย
สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณพวกเรา เราพูด เราทำทุกสิ่ง เราประกาศข่าวประเสริฐ เราหนุนใจ เทศนาสั่งสอน เผยพระวจนะ ด้วยความรัก เรานำความอบอุ่นมาสู่พี่น้อง ไม่นำความอบอ้าวไม่บังคับขู่เข็ญ เราทำทุกสิ่ง เราเทศนา เราสั่งสอน เผยพระวจนะ และพี่น้องที่ฟัง เราทำได้เท่าไหร่เราก็ทำเท่านั้น เราทุกคนดำเนินชีวิตตามขนาดของความเชื่อ นี่คือพระวิญญาณตรัสผ่านเปาโล เอเมน
เมื่อวานนี้ก็มีกระแสมีการพูดถึงมีคนพูดถึงใน Facebook เยอะมาก เกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่วิ่งไปฉวยโอกาสประกาศข่าวประเสริฐ ใช้โอกาสที่คนกำลังวิ่งหนีตาย คนกำลังกลัวตาย แล้วก็ไปยืนบอกเรื่องพระเยซู แล้วก็มี น่าจะแบ่งออกเป็นสองส่วนใช่ไหม ที่ส่วนแรกก็คือไม่สนับสนุนแล้วก็โจมตีเขา แล้วอีกฝ่ายก็สนับสนุนเขาแล้วบอกว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ
ผมอยากถามพวกเรา พี่น้องที่ได้ยินข่าวนี้ คิดกันยังไง เพราะว่าเรากำลังอยู่ในเรื่องการเป็นพยานการประกาศข่าวประเสริฐในข้อที่ 2 เราคิดว่าสมควรไหม ที่จะวิ่งไปบอกเขาตอนที่เขาหนีตาย ในพระคัมภีร์มีไหม?
ยกตัวอย่าง:
มีผู้ชายคนหนึ่งที่ตกน้ำโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาเดินผ่านสะพานหรือยังไงก็ไม่ทราบ แล้วก็ลื่น สุดท้ายก็ตกลงไปในน้ำ กำลังจะจมน้ำ แล้วก็มีหลายคนที่มองเห็น แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นก็วิ่งไปอยู่บนสะพาน แล้วก็บอกว่า "เนี่ยคุณกำลังจะตาย มรดกจะยกให้ใคร จะทำยังไง พูดออกมาเลย แล้วผมจะไปบอกญาติของคุณ เนี่ยคุณกำลังจะตาย คุณต้องแบบนี้นะแบบนั้นนะ เพื่อตายแล้วจะได้ไปสวรรค์" คำนี้เรารู้กันดีนะครับว่าไม่สมควร
แล้วบางคนก็มาบอกนะครับ "ว่ายน้ำต้องว่ายแบบนี้ต้องว่ายแบบนั้นเพื่อให้ได้รอด" มันไม่ใช่เวลาที่จะบอกเขานะครับ มันเป็นเวลาที่ต้องช่วยเขา ช่วยยังไงครับ? ช่วยยังไงก็ได้เพื่อให้เขาหลุดพ้นจากไม่ตาย คือสะพานมันจะถล่ม คือเรามีโอกาสช่วยใคร ชวนใครไปอยู่ที่ไหนที่ปลอดภัย เราทำก่อน ข่าวประเสริฐอย่าเพิ่ง อย่าเพิ่ง เราทำดีก่อน ประกาศพระคริสต์ตัวตนของพระคริสต์ ทำดี ความรักก่อน หลังจากนั้นเมื่อเขายอมรับในความดีของเราการช่วยเหลือของเรา เรามีโอกาสมากมายนะครับที่จะประกาศข่าวประเสริฐ
อีกครั้ง ในพระคัมภีร์ ชาวสะมาเรียใจดีพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะตายเพราะว่าถูกโจรปล้น แล้วก็ถูกทุบตี มีหลายคนก็เดินผ่านไป แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยยกเขาขึ้นขี่ม้าเขาไป แล้วก็เอาไปที่โรงแรม ก็คือการดูแลเขาอย่างดี เป็นอย่างดี ก่อนที่ข่าวประเสริฐจะไปถึงเขา
อีกครั้ง คือการประกาศข่าวประเสริฐเราไม่ฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังจะตาย แต่เราช่วยเขาดีกว่า แล้วข่าวประเสริฐมาทีหลัง แล้วก็เราไม่จำเป็นจะต้องสรรหาคำพูดที่สวยหรูดูดี คำพูดที่ข่มขู่ให้เขากลัว หรือโน้มน้าวจิตใจ หรือยังไงก็แล้วแต่นะครับ โดยใช้ในเชิงจิตวิทยาบ้าง
ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ก็มีพี่น้องบางคนที่เคยอยู่ในกลุ่มมานาฯ พวกเรานี่แหละ ที่บอกว่าอาจารย์...ใช้เชิงจิตวิทยาเพื่อพูด แล้วทำให้หลายคนชอบและหลงเชื่อ แต่ผมขอถามพวกเรานะครับ อันนี้มาจากพระวิญญาณล้วนๆ หรือว่าจิตวิทยา แล้วเรามีประสบการณ์ชีวิตที่มีสันติสุขหรือไม่ แล้วกำลังของเรามีมากมายหรือไม่ เราพบความสว่างที่แท้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอบคุณพระเจ้า พระวิญญาณล้วนๆ ขอบอกตามตรง
.....
เรามาถึงข้อที่ 3. ก็คือเรื่องการสะบัดฝุ่นออกจากเท้า
อันนี้ผมก็ขอยอมรับนะครับ ว่าเคยทำตอนที่อยู่อเมริกา ไปประกาศข่าวประเสริฐกับบ้านไหนกับใคร แล้วเขาไม่รับ ก็เดินออกมาแล้วก็กระทืบรองเท้าทำเหมือนสะบัดฝุ่นออกจากเท้า เพราะความไม่รู้นะครับ เพราะความไม่รู้ เมื่อพบความจริงว่าพระเยซูสั่งให้สาวกทำกับชาวยิว และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมา ก็คือในหนังสือกิจการ เราพบว่าสาวกทั้งหลายเมื่อประกาศกับคนต่างชาติ เขาไม่ทำ แต่พอประกาศกับชาวยิวและชาวยิวไม่ต้อนรับพระเยซู เขาก็ทำ
เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่า พระองค์สั่งให้ทำกับชาวยิวเท่านั้น เมื่อประกาศกับคนต่างชาติ เราจะไม่ทำครับ แต่เราอวยพรเขา เราอธิษฐานเผื่อเขา เรายังสำแดงความรักกับเขาต่อไป ทำดีกับเขา เพื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานต่อภายในจิตใจของเขาได้ เอเมน
.....
สำหรับข้อที่ 4. ก็คือสัญญาณของเราในเมื่อก่อน ที่เป็นศาสนาคริสต์ หรือคริสเตียนศาสนา
เราใช้โนเกียใช่ไหมหรือโทรศัพท์รุ่นเก่า มันไม่มี 2g 3g 5g 5g เหมือนทุกวันนี้ และคลื่นนะครับก็จะไม่ดี เมื่อมีการวิวัฒพัฒนาเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งทุกวันนี้ มี 4g 5g แล้วใช่ไหม แล้วเราจะใช้โนเกียรุ่นเก่าโทรศัพท์รุ่นเก่ามือถือรุ่นเก่ามารับสัญญาณ หรือแม้แต่เข้าอินเทอร์เน็ตก็ยังเข้าไม่ได้เลย โนเกียมันไม่มีจอภาพที่เข้าอินเตอร์เน็ตได้
เพราะฉะนั้น ขอบคุณพระเจ้า เมื่อก่อนเราเป็นตัวเก่า เรานานๆ ทีใช่ไหมที่ได้สัมผัสพระวิญญาณ นานๆ ทีได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า นานๆ ทีที่พระเจ้าพยายามสื่อสารกับเรา แล้วเราได้รับคลื่นของพระเจ้า พี่น้องครับ ตอนนั้นเป็นตัวเก่าเป็นมนุษย์อาดัมเป็นมนุษย์ดิน แต่เราขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้ เราพบความจริงว่าเราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราฟื้นขึ้นมาจากความตายพร้อมกับพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อน เราตอนนี้มี 4g มีเครื่องรับสัญญาณ 4g 5g ของพระเจ้า ก็คือรับฝ่ายวิญญาณได้ เปาโลเป็นตัวอย่างใช่ไหม
ท่านได้รับสัญญาณจากพระเจ้า เครื่องหมายจากพระเจ้า การอัศจรรย์จากพระเจ้า การสัมผัสจากพระเจ้า พระสุรเสียงของพระเจ้าชัดเจนมาก
ถ้าหากใครน้อยใจที่ผ่านมาไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้า ไม่ได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า ไม่มีประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณ ตอนนี้นะครับเราเชื่อทุกวัน เชื่อทุกวันว่าคนนี้เป็นคนใหม่ หูใหม่จะได้ยินเสียงของพระเจ้า ตาใหม่จะได้เห็นพระเจ้า เอเมน แล้วยังไม่พอ สุดท้าย ก็คือสมองใหม่ เมื่อสมองใหม่เราเชื่อนะครับ ว่าเป็นสมองใหม่ เราจะได้ยินเสียง และเข้าใจพระสติปัญญาของพระเจ้าได้อย่างชัดเจน
.....
ข้อสุดท้ายข้อที่ 5. ก็คือเปาโลทุกครั้งท่านจะเดินทาง ท่านจะรับใช้ ท่านจะประกาศข่าวประเสริฐ ท่านจะไปตามการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์
เมื่อพี่น้องเรียกร้องนะครับ ท่านบอกว่าไม่ ข้าพเจ้าจะอธิษฐานก่อน เมื่อพี่น้องเรียกร้องนะครับ และเมื่อพระวิญญาณบอกว่าไม่ ท่านก็จะเขียนไปบอกว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์หักห้ามข้าพเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่อนุญาตให้ข้าพเจ้าไปหาพวกท่าน ให้รอเสียก่อน รอจนถึงเวลา
เราก็เช่นกันนะครับ ถ้าหากการดำเนินชีวิตของเรา พันครั้งร้อยครั้งทำไปโดยที่พระวิญญาณไม่สั่งไม่นำพา มันก็คือไม้ฟางหญ้าแห้ง
แต่ถ้าหากว่าพระเจ้านำพา สั่งให้เราไปเพียงแต่ครั้งเดียว ก็จะมีคุณค่ามากมายมหาศาล มากกว่าร้อยครั้งพันครั้งที่เราทำ แล้วผลที่ได้รับ ก็คือทองคำเงินและเพชรพลอย มีบำเหน็จทั้งชีวิตนี้และยุคหน้า
ส่วนสำหรับคนที่ทำเพื่อพระเจ้าร้อยพันครั้งโดยที่พระเจ้าไม่ใช้ ไม่นำพา ไม่สั่งให้ออกไป มันก็คือไม้ฟางหญ้าแห้ง และผลที่ได้รับ ก็คือสิ่งดีๆ ที่ได้รับในชีวิตนี้ก็มี ก็พระเจ้าก็ให้ แต่จะไม่มีบำเหน็จ จะถูกไฟเผาทิ้งหมดเมื่อถึงเวลาที่พระเยซูเสด็จมาเพื่อรับพวกเราเข้าสู่ยุคพันปี เอเมน
สำหรับเรื่องผลตอบแทน อันนี้เป็นบทเรียนที่ผมได้รับเป็นประจำ มีประสบการณ์อยู่เสมอ ผมเป็นคนที่ชอบปั่นจักรยาน เวลาปั่นจักรยานเราจะมองไปที่พื้นถนน มองไปที่ถนน คือมันเป็นระยะๆ ที่ผมมักจะเก็บได้ บางครั้งก็เล็กๆ น้อยๆ บางครั้งก็แบงค์ใหญ่ด้วยนะครับ ก็ขอบคุณพระเจ้า
ซึ่งสองวันก่อน เมื่อสองวันก่อนผมเห็นเด็กคนหนึ่งที่กวาดถนน ทำงานเป็นคนกวาดข้างถนน แล้วผมก็เกิดสงสารเขา ก็เอาไปให้เขาเล็กๆ น้อยๆ นะครับ ก็ไม่เยอะ แล้วก็จบลงด้วยบอกเขาว่า ร้องเรียกพระนามพระเยซู เรียกหาพระเยซูเมื่อชีวิตเดือดร้อน เมื่อขัดสน เมื่อไม่มีความสุข อะไรก็แล้วแต่ ขอพระเยซูแล้วพระเยซูจะช่วยให้ทุกสิ่งดีขึ้นได้ ผมก็บอกเขาไปแบบนั้น เขาก็บอกว่าโอเคจะทำตามแล้วก็ขอบคุณ แล้วผมก็จากไป แล้วเมื่อวานนี้นะครับ ก็ปั่นจักรยาน ก็ไปเจอแบงค์ ถ้าจะพูดก็คือ 5 เท่าของที่ผมให้เด็กคนนั้น
ผมอยากจะหนุนใจพวกเรา การกระทำทุกสิ่ง โดยเฉพาะการให้ คือการสะสมบำเหน็จในหนังสือมัทธิวบทที่ 6 ที่พระเยซูตรัส การให้เป็นสิ่งที่พระเจ้าจะอวยพร 100 เท่า 50 เท่า 100 เท่า ยิ่งเราให้มากเท่าไหร่ พระเจ้ายิ่งให้มากเท่านั้น และยิ่งเราให้มากๆ เท่าไหร่ เราก็จะได้รับผล ก็คือ ยัด สั่น แน่น พูน ล้น อันนี้เราเห็นในพระคัมภีร์ลูกา 6:38
ถาม.
อจ. ถามหน่อยครับ ในการให้นี้ก็คือต้องให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเราไหมครับในแต่ละครั้งครับ เอเมนครับ
ตอบ.
สิ่งที่สำคัญพระวิญญาณบริสุทธิ์เร้าใจ หรือเราเกิดมีความเมตตาที่มันไม่ใช่ความเมตตาของเรา ก็คือการเมตตาที่แบบคือสงสารมากๆ คือมีใจเห็นใจคิดถึงเขาสงสารเขามากๆ เราอาจจะได้ยินเสียงหรืออาจจะได้รับการสัมผัส อาจจะได้รับการเร้าใจของพระวิญญาณ ที่เราจะให้เขานะครับ
แต่ถ้าหากไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยู่เฉยๆ จิตใจก็เฉยๆ ก็แสดงว่าพระเจ้าไม่ได้เร้าใจให้เขา เราก็ไม่ทำครับ
ถาม.
เอเมนค่ะ ก็อยากถามอาจารย์ว่า พอดีนั่งทานข้าวอยู่เห็นคุณยายแก่ๆ แกเดินแบบสั่นๆ แล้วทีนี้อยู่ๆ น้ำตาก็ลื่นขึ้นมาเลย น้ำตาก็ลื่นขึ้นมา ในใจแบบสงสารมาก สงสารมาก ก็เลยให้เงินคุณยาย แล้วคุณยายขายกล้วยฉาบก็เลยกลัวจะหาว่าดูถูกเขา ก็เลยซื้อกล้วยฉาบเขาถุงนึง ก็เลยให้คุณยายไป 200 บาท แล้วทีนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่ามันไม่เหมือนตัวเก่าของเราอ่ะ แต่จะเป็นเหมือนกับพระองค์ทรงเคลื่อนไหวอยู่ในใจในวิญญาณนี้เลยค่ะนั่นแหละค่ะ ก็คือตั้งแต่นั้นมาก็จำมาตลอดเลย ว่าโอ้นี่พระองค์ทรงเคลื่อนไหวในเรา ใช่ไหมคะอาจารย์
ตอบ.
ถ้าหากเราเกิดความรู้สึกภายในนะครับที่ร้อนรนมาก ที่มีความเมตตามากๆ อย่างที่ผมพูดนะครับ ก็คือมันไม่ใช่ความสงสารที่เราเคยเป็น หรือเป็นนิสัยประจำวันของเรา แต่มันรู้สึกว่าสงสารมากๆ นะครับ นี่คือมาจากการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ครับ
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราให้ จะให้อะไรก็แล้วแต่ ก็ขอบคุณพระเจ้า เป็นสิ่งที่สมควรนะครับ
ทุกวันนี้คนมากมายเดือดร้อน สิ่งที่เป็นปัจจัยเป็นหัวใจสำคัญ ก็คือเงิน เราดูที่คนที่จะรับด้วยนะครับ ถ้าหากเขาเป็นผู้หญิงเป็นคนแก่เป็นคนที่มีความจำเป็นเรื่องการจะใช้เงิน สมควรนะครับ เราก็ให้เงิน แต่ถ้าเป็นผู้ชายดูลักษณะเหมือนขี้เหล้าหรืออะไรประมาณนั้น เราสังเกตขอให้เราสังเกตโดยพระวิญญาณนะครับ เหมาะสมที่จะให้เป็นสิ่งของเป็นอาหาร ก็ให้อาหารดีกว่าครับ
ถาม.
ก็อย่างงี้ก็คือวันนั้นก็เห็นผู้ชายเขาก็แต่งตัวนั่นแหละ เขาเป็นคนไม่เต็มอ่ะค่ะ เขานั่งอยู่ตรงหน้าเซเว่น แล้วทีนี้เราก็นั่งอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยว ของเรายังไม่ได้สั่งนะ ก็เลยหันไปถามเขาว่า อยากกินไหม แกก็พยักหน้า ก็เลยสั่งให้แกกินก่อนค่ะ แล้วก็ให้น้ำแกด้วย ก็เหมือนพระวิญญาณพระองค์ทรงเคลื่อนไหวตลอดเลยที่เห็นตรงเนี้ยนะคะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
เอเมนขอบคุณพระเยซู อย่างที่ผมพูดนะครับ สมควรให้ใครเงินทองทรัพย์สิน หรือสมควรให้ใครเรื่องอาหาร การอยู่กินนะครับ ก็ให้โดยพระวิญญาณเร้าใจ
ที่สำคัญนะครับผมเชื่ออีกไม่นาน พี่น้องพวกเราจะไม่ถามเรื่อง พระเจ้าตรัสยังไง เราควรทำยังไง ถ้าหากเราฝึกนะครับ ฝึกใช้ตัวใหม่ เดินด้วยคนใหม่ทุกๆ วัน เราจะมีสัญญาณ 4g 5g จริงๆ แล้วสัญญาณของพวกเรา 10g แล้วนะครับ เป็นสัญญาณฝ่ายวิญญาณที่รับจากพระเจ้ามากมาย สัมผัสพระเจ้า ได้ยินเสียงของพระเจ้า การเร้าใจการดลใจของพระเจ้าให้ทำทุกสิ่งในแต่ละวัน
เราขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้ 1 โครินธ์ 1:30 บอกว่า พระเยซูเป็นสติปัญญาของเรา เอเมน
ถาม.
ขออธิบายเพิ่มเกี่ยวกับการประกาศข่าวประเสริฐ พอดีว่าอาจารย์พูดถึงเกี่ยวกับการประกาศของคริสเตียนคนนึงใช่ไหมค่ะ มีข้อพระคัมภีร์ที่บอกว่า จงประกาศข่าวประเสริฐในตอนที่มีโอกาส และก็ในตอนที่ไม่มีโอกาส อยากให้ขยายความหน่อยค่ะว่าอันนี้คืออะไรค่ะ
ตอบ.
บางคนก็บอกว่าชายหนุ่มคนนี้ประกาศข่าวประเสริฐตอนที่มีโอกาส แต่อย่าลืมนะครับ ตอนที่ไม่มีโอกาส ก็ควรประกาศ ใช่ครับ
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ทั้งมีโอกาสและไม่มีโอกาส คือมันอยู่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน สถานการณ์ที่คนกำลังหนีตาย เป็นเวลาที่ไม่เหมาะสมที่จะประกาศข่าวประเสริฐครับ
พูดง่ายๆ คือเราประกาศทั้งที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส แต่ต้องอยู่ที่ความเหมาะสม การดลใจการเร้าใจการนำพาการสั่งของพระวิญญาณบริสุทธิ์
แล้วเราดูที่ผล ผลที่ตามมามันเสียหายเยอะไหม สำหรับคริสเตียน สำหรับพระนามพระเจ้า ครั้งแรกเราพบว่าอันนี้ผมไม่ตัดสินไม่โจมตีใครนะครับ เราพูดตามความจริงและเพื่อการศึกษา เพื่อเราจะไม่ทำตาม ครั้งแรกเราพบว่าเด็กชายคนนี้เคยมีปากเสียงหรือไปโต้วาทีกับคนที่ใส่ชุดขาว ตอนนั้นเป็นครั้งแรกนะครับที่พระเจ้าเสียเกียรติ และพระนามของพระองค์ถูกดูถูกจากคนมากมาย ทั้งคริสเตียนและคนที่ไม่ใช่คริสเตียน คริสเตียนก็กล่าวหาเขาเยอะมากเหมือนกัน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่สมควร
ในพระคัมภีร์นะครับ บอกชัดเจนว่า (2 ทธ 2:14) เราไม่ควร 1. ถกเถียง 2. โต้เถียง 3. โต้วาที เราไม่ควรทำสิ่งนี้ เราจะไม่นั่งไลฟ์สดหรือไปนั่งออกรายการทีวี หรือรายการอะไรทั้งหลาย แล้วมีการโต้วาทีโต้เถียงกันไปกันมานะครับ สิ่งนี้คริสเตียนฝ่ายวิญญาณเราจะไม่ทำเป็นอันขาด เอเมน แล้วผลที่ตามมาก็คือพระเจ้าเสียเกียรติมากๆ
แล้วเหตุการณ์ที่สองนะครับก็คือการกระทำโดยที่เขาไม่คิดก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาคิดแต่ว่าจะดังจะดัง ขอดังหน่อย ก็เลยไปทำแบบนี้ ซึ่งสุดท้ายพระเจ้าก็ยิ่งเสียเกียรติสองเท่า
ผมขอขยายความนะครับ เรื่องการประกาศข่าวประเสริฐ ตอนที่คนหนีตาย ในหนังสือวิวรณ์นะครับ เรื่องตอนกลียุค 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน คนหนีตายกันเต็มโลกนะครับ แต่การประกาศข่าวประเสริฐของโมเสสและเอลียาห์ และผู้เชื่อทั้งหลาย เขาประกาศข่าวประเสริฐตามความสมควร ตามการนำพาของพระเจ้า ซึ่งในยุค 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมานก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำคริสเตียนมากมายในการประกาศข่าวประเสริฐและการหลบหนีการข่มเหงจากซาตานและจากคนที่ไม่เชื่อ
ซึ่งเราเองในฐานะบุตรพระเจ้า ที่สำแดงตัวตนของพระเยซู ประกาศพระคริสต์ให้ทุกคนเห็นความดี ความน่ารัก ความเมตตา ความชอบธรรมของพวกเรา เราน่าจะคิดได้นะครับ คนที่กำลังจะตายอย่างที่ผมยกตัวอย่างคนที่ตกน้ำใช่ไหม คนที่เขากำลังจะตายเนี่ย เขาต้องการฟังอะไรไหม คือเขาฟังอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งที่เขาต้องการตอนนั้นก็คือขอให้พ้นจากความตาย ขอให้ไม่ตาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องการก็คือการช่วย ช่วยฝ่ายร่างกาย ช่วยให้เขาไม่ตาย แล้วเรื่องอื่นนะครับ เราค่อยคุยกันทีหลัง ผมพูดถูกไหมครับ สมเหตุสมผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับ
ถาม.
อาจารย์ครับคืออย่างงี้เราที่รับมานาฯ แล้วเราก็สามารถประกาศให้คนไม่เชื่อได้ตามขนาดความเชื่ออยู่ใช่ไหมครับ แต่ผมเป็นคนขี้อายไม่กล้าออกกล้อง แต่ว่าผมมีความสามารถอย่างหนึ่ง คือการทำกราฟฟิกอะไรพวกเนี้ยผมทำเพจอยู่ อันนี้เราก็ประกาศทำเพจได้ตามขนาดความเชื่ออยู่ใช่ไหมครับ
ตอบ.
ถูกแล้วครับ คือถ้าเรายังขี้อายอยู่ ก็คือเราต้องการ การช่วยเหลือของพระวิญญาณให้เราเติบโตสู่ความกล้านะครับ ความกล้า
หรือก็ไม่แน่นะครับ พระเจ้าอาจจะใช้เราในการทำกราฟิก ในการทำการประกาศข่าวประเสริฐในรูปลักษณะอื่นก็เป็นได้ การประกาศข่าวประเสริฐมีหลายวิธี มีหลายลักษณะ เราถนัดเราชำนาญเราเก่งในด้านไหน เราทำแบบนั้นครับ
การประกาศข่าวประเสริฐไม่ได้หมายความว่าเราต้องถ่ายคลิป ต้องถ่ายวีดีโอ ต้องทำเหมือนหลายๆ คนที่ทำกันอยู่ใน YouTube หรือใน Facebook ไม่จำเป็นนะครับ
ผมเองก็ขอบคุณพระเจ้าที่ให้กล้า ที่อัดวีดีโอโดยที่ไม่อาย ไม่ได้สนใจอะไร ก็พูดไปนะครับ แล้วผมก็ยังทำนะครับก็คือ เขียนข้อความบทความบทเรียน เข้าไปใน Facebook ตั้งแต่ปีไหนผมจำไม่ได้ ก็ขอบคุณพระเจ้าก็เกิดผลทั้ง 2 ทั้ง 2 ด้าน
เราทำอะไรก็ได้นะครับ ทำตามขนาดของความเชื่อ ไม่ผิดครับผม เอเมน
อย่าลืมทำด้วยตัวใหม่ และอย่าลืมทำด้วยการเร้าใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับ
เราค้นหาว่ามนุษย์ทุกวันนี้ ยุคนี้ เขาใช้อะไรบ้าง เขาติดอะไรบ้าง แล้วเราใช้สิ่งนั้นผิดไหม ถ้าไม่ผิดนะครับ ก็คือเราทำด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ ไม่ต้องโน้มน้าวจิตใจ ไม่ต้องใช้วิธีกลยุทธ์อะไรทั้งหลาย เราพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ใสๆ ซื่อๆ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นคนทำงานเอง เอเมน
เพียงแต่ว่าเราอย่าไปติดมัน อย่าไปผูกพันกับมัน อย่าไปหลงมัน เหมือนชาวโลกที่หลงมันก็พอ
บางคนนะครับ เห็นว่าการเล่น tiktok ก็ดี การเล่น Facebook ก็ดี คือเราก็เล่นมันอยู่แล้ว ก็เลยฉวยโอกาสประกาศข่าวประเสริฐ จริงๆ แล้วอันนี้ไม่ใช่เหตุผลที่ดีนะครับ แต่ถ้าจะพูดว่าเราใช้ Facebook หรือ tiktok หรืออะไรก็แล้วแต่ เพื่อความเชื่อให้เจริญเติบโต เพื่อความเชื่อ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้รับความรอด หรือมาถึงพระคำล้ำลึก อันนี้เราทำได้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนะครับ อยู่ที่การเร้าใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
สำหรับพี่น้องที่ทำได้ ก็ทำนะครับ โดยพระวิญญาณที่ทำ ก็ทำได้ แต่สำหรับผมนะครับคือมันเยอะเกินไป ขอแค่ YouTube แล้วก็ Facebook ก็พอ ถ้าหากว่าพระเจ้าเร้าใจให้ผมทำในติ๊กต๊อก ก็ไม่แน่นะครับในอนาคต อาจจะทำ แต่ตอนนี้ก็คือพี่น้องที่ทำอะไร ทำอยู่ก็ทำ ก็เอเมน โดยคนใหม่ และด้วยตัวใหม่ และโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำพา ขอบคุณพระเยซู
เอเมน ขอให้พี่น้องทุกท่านจำเริญขึ้นในพระคุณของพระบิดา เอเมน
ถาม.
ขออนุญาตถามคำถามต่อ ว่าเมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐในเวลาที่มีโอกาส หรือไม่มีโอกาสใช่ไหม คือบางครั้งเราก็ไปเยี่ยมคนที่ยังไม่เชื่อหรือว่าญาติพี่น้อง ใครก็ตามที่เขาป่วยหนัก คือป่วยแบบว่าหนัก แล้วเราก็ฉวยโอกาสประกาศกับเขาตอนนั้นน่ะ บางคนก็เชื่อนะ แล้วก็ได้รับความรอด อันนี้คือเราทำไม่ผิดใช่ไหม เราประกาศตอนที่เรามีโอกาส เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับกรณีของคนป่วย อันนี้ได้ครับประกาศได้นะครับ เนื่องจากว่าเราไม่ทราบใช่ไหม เเล้วก็เราไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอะไรหนักมากขึ้น หรือเป็นยังไง ถึงจะต้องจบชีวิตอยู่ตอนนั้น เราประกาศได้ไม่ผิดครับ
สิ่งสำคัญนะครับ เราดูที่การเร้าใจ การนำพา การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อันนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนมาก ก็คือให้พระเจ้าเป็นคนนำเราที่จะประกาศหรือไม่ประกาศครับ
ผมเห็นนะครับจากการเป็นคริสเตียนมานานหลายปี ก็คือเห็นมีบางคนกลับใจตอนที่ใกล้ตาย ก็คือเขากลัว เมื่อได้ยินเสียงข่าวประเสริฐ เมื่อได้ยินข่าวประเสริฐ เขาก็จะรีบกลับทันทีแล้วก็ร้องเรียกพระนามพระเยซูทันที ซึ่งจะรอดหรือไม่รอด รักษาหรือไม่รักษา ตายหรือไม่ตาย อันนั้นก็แล้วแต่ แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คือเขามีความเชื่อ และมีความหวังในพระเจ้า ก็เอเมนครับ
ถาม.
เอเมนใช่ค่ะ ก็คือเคยประกาศกับพี่ชาย คือประกาศกับเขาหลายปีแต่เขาก็ยังไม่รับเชื่อยังไม่เชื่อ พอมีวันหนึ่งเขาป่วยไม่สบายมากเลย แล้วก็สุดท้ายก็ไปถามเขาว่า พี่ชาย เชื่อพระเยซูไหม แล้วเขาก็บอกว่าเขาเชื่อจะเชื่อพระเยซู เราก็นำเขารับเชื่อจนจบเลยค่ะ เขาก็พูดจบ แล้วอีกต่อมาอาทิตย์นึงเขาก็เสียชีวิตค่ะ ก็ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ก็เมตตาเขาเลือกเขาแล้ว ขอบคุณพระเยซูเอเมน
ตอบ.
เอเมน เราจำกันได้นะครับวันนี้เรามี 5 ข้อ เรื่องพระคำพระเจ้าที่เป็นอาหารสำหรับพวกเรา และเป็นการเปิดเผยให้ความเข้าใจกระจ่างในการดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณพวกเรา ก็คือเราประกาศตามความเหมาะสม และโดยเฉพาะพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำพา เป็นคนสั่งเราไป ให้เราทำ และเราไม่ต้องโน้มน้าวจิตใจด้วยการขู่บังคับหรือทำให้เขากลัวหรือทำอะไรก็แล้วแต่ไม่ใช้ในเชิงจิตวิทยา แต่เราใช้พระวิญญาณล้วนๆ เอเมน
ข้อที่ 3. ก็คือเราไม่สะบัดฝุ่นออกจากเท้า ไม่แสดงอาการไม่สมควร แต่แสดงอาการด้วยความรัก เห็นใจ สงสาร เป็นเพื่อนเขาต่อไป อธิษฐานเผื่อเขา
แล้วข้อที่ 4. ต่อมา ก็คือเมื่อเราต้องการอยากได้ยินพระสุรเสียง สัญญาณ คลื่นของพระเจ้า ให้ชัดเจน เราต้องเดินด้วยคนใหม่ที่มีหูใหม่ ตาใหม่ หัวใจใหม่ ตัวใหม่ สมองใหม่ ทุกสิ่งใหม่หมดนะครับ เราจะพบว่าสัญญาณคลื่นของพระเจ้าจะแรงมาก ได้ยินเสียงของพระเจ้าบ่อยมาก พระเจ้าจะสัมผัสกับเราบ่อยมากๆ ขอบคุณพระเยซู สำหรับตัวใหม่ตัวนี้คนใหม่คนนี้ เอเมน
สุดท้าย ถ้าพระเจ้าไม่ส่งไป พระเจ้าไม่สั่งให้ไป ทุกสิ่งที่เราทำร้อยครั้งพันครั้ง ก็จะเป็นไม้ฟางหญ้าแห้ง
แต่ถ้าหากพระเจ้าสั่งไป ส่งไป ให้เราทำ ประกาศ รับใช้ บำเหน็จก็จะมีมากมายในยุคหน้าและชีวิตนี้เหมือนกัน ซึ่งเรียกว่าผล ก็คือทองคำเงินและเพชรพลอย
พอดีเมื่อวานผมไปทำธุระ แล้วก็มีพี่น้องท่านหนึ่งทักมา ซึ่งเป็นคนที่กลับมาสู่ความเชื่อ ซึ่งเขาเชื่อตั้งแต่เด็กเป็นครอบครัวคริสเตียนนะครับ แล้วเพิ่ง 2 ปีนะครับที่เขากลับมา แต่ปรากฏว่าชีวิตก็อยู่ในศาสนาคริสต์เป็นคริสเตียนศาสนา พอดีผมได้มีโอกาสแล้วก็อธิบายเรื่องของการได้รอดแล้วรอดเลยให้เขาฟัง ปรากฏว่าเขาก็ทักมาบอกว่า ถ้ารอดแล้วรอดเลยทำไมมัทธิวบทที่ 7 ข้อที่ 21 จนถึง 22 พูดว่าพระเยซูขับไล่ผู้เชื่อทั้งหลายออกไป แล้วตรัสว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เข้าไปในอาณาจักร
พอดีผมก็เลยมีโอกาส กำลังจะผ่านบ้านเขาพอดี ก็บอกว่าตอนนี้ว่าง อยากจะใช้เวลาสัก 20-30 นาทีได้ไหม เราคุยกัน แล้วก็ขอพระวิญญาณนำพา เขาก็ตอบตกลงนะครับ ผมก็เข้าไปเยี่ยมบ้านเขาแล้วก็เราก็คุยกัน ผมก็เลยมีโอกาสได้พูดว่า การเข้าไปในอาณาจักรเนี่ยไม่เหมือนความรอดในวันสุดท้าย ความรอดในวันสุดท้ายเนี่ยก็คือการเชื่อเท่านั้น
แล้วก็ยกเอเฟซัสบทที่ 2:8-9 ว่าความรอดนั้นท่านทั้งหลาย ภาษาอังกฤษนะครับ ก็คือ ท่านทั้งหลายได้รอดแล้ว แล้วก็ความรอดนั้นเป็นของขวัญที่มาจากพระเจ้า พระเจ้าประทานให้ท่าน ไม่เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ การประพฤติ เพื่อจะไม่มีใครอวดได้ พอเขาเห็นแล้วก็เข้าใจพระคัมภีร์ข้อนี้ แล้วเขาก็ถามว่าแล้วเรื่องอาณาจักรล่ะ
ผมก็เลยอธิบายต่อว่า เรื่องอาณาจักรเป็นเรื่องของการรับบำเหน็จ เป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตผู้ชนะ เป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตที่เลิกทำบาปได้ในชีวิตประจำวัน ก็จะมีโอกาสได้รับมงกุฎมีตำแหน่งในยุคหน้าและฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ พอได้ยินเท่านี้นะครับเขาก็เลยถามต่อว่า แล้วจะทำยังไงจึงจะได้เข้าอาณาจักร
ผมก็เลยบอกว่า ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่อาณาจักรมาถึงครอบครัวเรามาถึงบ้านหลังนี้ เพราะว่าอาณาจักรเป็นข้อลึกลับ ผมก็ยกหนังสือมัทธิวบทที่ 13:11 เขาก็เปิดอ่านนะครับ เขาก็ดีใจ แล้วก็เขาก็บอกว่าช่วยอธิบายต่อให้หน่อย ผมก็เลยบอกว่า อาณาจักรเป็นข้อลึกลับ ความลับก็คือเหมือนรหัสหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ ที่เจ้าของโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ต้องเป็นคนบอกจึงจะเปิดได้
พอดีผมก็เลยอธิบายต่อว่า พระเจ้าเป็นคนให้เขียนพระคัมภีร์ แน่นอนที่สุดคนที่อธิบายพระคัมภีร์ได้ต้องเป็นพระเจ้า ซึ่งทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายใช้สติปัญญาใช้สมองของอาดัม ที่มันใช้งานได้เพียงแค่ 5 หรือ 20% ส่วนมากที่จะแปลพระคัมภีร์ ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนและแปลผิดเยอะมาก ตีความหมายที่ผิดไปเยอะมาก กลายเป็นเชื้อ เชื้อยีสต์เต็มไปหมด
ทำให้คริสเตียนทุกวันนี้ไม่ใช่คริสเตียน ครอบครัวคริสเตียนไม่ใช่ครอบครัวคริสเตียน คริสตจักรไม่ใช่คริสตจักร เขาก็มองหน้าผม แล้วผมบอกว่า เราดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้คริสเตียนใส่หน้ากากไปโบสถ์ ถูกไหม. ทุกวันนี้คริสเตียนน่าซื่อใจคด ถูกไหม. ทุกวันนี้คริสเตียนไม่มีความสุขไม่มีสันติสุข มีแต่ขึ้นๆ ลงๆ สุขทุกข์ดีบาป ถูกไหม. ซึ่งทุกสิ่งเขาก็ยอมรับ แล้วเขาก็ถามว่าจะทำยังไงจะได้เข้าอาณาจักร ดูเหมือนว่าเขาอยากจะเข้าอย่างมากมายนะครับ
ผมก็เลยอธิบายต่อ การเข้าอาณาจักรก็คือการให้พระเยซูดำเนินชีวิตแทนเรา เราไม่ต้องทำอะไร แล้วเขาก็มองหน้าผมเหมือนว่ามันคืออะไร ผมก็เลยอธิบายต่อ เมื่อสองพันปีก่อนพระเยซูสิ้นพระชนม์บนกางเขน ผมถามเขาว่ากี่คนตาย เขาบอกว่าเห็นแค่ 3 คนในพระคัมภีร์ ผมก็เลยชวนเขาอ่านคำตอบนะครับ เขาก็เจอ แล้วผมก็ชี้ไปที่เขานะครับ บอกว่าคุณตายแล้ว เขาก็บอกว่าเอเมนตายแล้ว จากนั้นก็ถูกฝังร่วมกับพระเยซู แล้วก็ไม่นานต่อมา 3 วันต่อมาก็ฟื้นขึ้นมาจากความตายร่วมกับพระเยซูด้วย
แล้วการที่จะได้เข้าอาณาจักร ก็คือเดินด้วยตัวใหม่คนนี้ มือใหม่ แขนใหม่ ตาใหม่ หูใหม่ ทุกสิ่งใหม่หมด นับทุกวันว่าตัวเก่าตายไปแล้ว และนับทุกวันว่าตัวใหม่เป็นอยู่ แล้วถวายตัวใหม่ตัวนี้คนนี้ให้พระเจ้า ให้พระเยซูเป็นคนดำเนินชีวิต
แล้วผมจบลงด้วยหนังสือกาลาเทียบทที่ 2:20 ว่าข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แล้วผมชวนเขาหยุดนะครับบอกว่า เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แล้วคนที่มีชีวิตอยู่ตอนนี้คือใคร ผมก็บอกว่าคือคนใหม่ แต่คนที่มีชีวิตจริงๆ ดำเนินชีวิตแทนเราจริงๆ พูดจริงๆ ทำจริงๆ มองอะไรทุกสิ่งในชีวิตนี้ที่เคลื่อนไหวหายใจอยู่ ก็คือพระคริสต์ แล้วเขาก็อ่านต่อ ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปข้าพเจ้าถูกตรึงกับพระคริสต์แล้ว แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า
ผมก็บอกว่า ต่อไปให้พระเยซูเป็นคนใช้ชีวิต ให้เป็นคนดำเนินชีวิตแทนเรา เราแค่บอกว่า “พระองค์ดำเนินชีวิตแทนข้าเถิด” ทุกๆ วันตื่นนอนตอนเช้า พระเยซูเป็นคนดำเนิน ตอนสายเป็นคนดำเนิน ตอนเย็นตอนค่ำ พระเยซูเป็นคนทำทุกสิ่ง หายใจ ทำกับข้าว ทำอาหาร ไปทำงาน พูดกับคน ฟังคน มองคน ทุกสิ่งพระเยซูเป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา เขาก็ขอบคุณพระเจ้าที่ความจริงมาถึงเขา
สำหรับพวกเรานะครับ เราขอบคุณพระเยซูที่วันนี้เรา เป็นคนใหม่แล้ว เราตายต่อตัวเก่าแล้ว และเรามีคลื่นมีเครื่องรับสัญญาณจากพระเจ้าได้ชัดเจนเต็มที่ เราจะได้ยินพระสุรเสียง เราจะมีสันติสุข รับพระพรมากมายอยู่ในพระคริสต์ และพระคริสต์ก็อยู่ในเรา สรรเสริญพระเยซู เอเมน