ถ้าหากคุณไม่เป็นเหมือนเด็กเรื่องการไม่จดจำความผิด คุณจะเข้าไปในอาณาจักรไม่ได้ (มัทธิว 18: 2-4 ต้องเป็นเหมือนเด็ก)
สาวกถามพระเยซูว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์
เมื่ออาณาจักรมาถึงใครจะเป็นใหญ่พวกสาวกอยากรู้ พระเยซูเรียกเด็กคนหนึ่งมา (ไม่ใช่เด็ก 10 ขวบ ไม่ใช่เด็ก 15 ขวบ) แต่เป็นเด็กเล็กๆ แล้วเด็กคนนี้ ทำไมพระเยซูเปรียบคนที่จะเป็นใหญ่ในอาณาจักรเหมือนเด็ก
เด็กคนนี้เวลาเข้าตีกับเพื่อนเขา เวลาเขาทะเลาะกับเพื่อน เวลาเขาเล่นกองทรายหรือเล่นอะไรก็ตามด้วยกันแล้วทะเลาะกัน พอเลิกทะเลาะเขายังกลับมาเล่นด้วยกันได้ไหม "ได้" ทำไม? เขาจดจำความผิดไหม เขาโกรธไหม เขายังจำจนตายไหม "ไม่จำ"
เด็กเขาไร้เดียงสา เด็กเขาไม่แคร์ไม่สนใจเรื่องที่มันเพิ่งเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วแตกต่างไหม (เด็ก - ผู้ใหญ่) ผู้ใหญ่ถ้ามีเรื่องทะเลาะกับใครรับรองจำนาน นานอีกนาน คนที่จะมีนิสัยเป็นผู้ใหญ่ ก็คือ จดจำความผิด ไม่อภัยให้ผู้อื่นง่ายๆ ชอบจดจำความผิดอภัยให้แค่ครั้งสองครั้ง
พระเยซูบอกว่านิสัยแบบนี้เข้าในอาณาจักรแล้วจะเป็นใหญ่ไม่ได้ คนที่อยากเป็นใหญ่ต้องเป็นเหมือนเด็ก ต้องเป็นเล็ก อยากใหญ่ต้องเล็ก อยากสูงต้องต่ำ คนที่จะเข้าในอาณาจักรและเป็นผู้ใหญ่ต้องเป็นคนที่เล็กๆ เป็นผู้เล็กน้อยและจะไม่เป็นผู้สูง แต่เป็นคนที่ต่ำต้อย มันบ่งบอกถึงลักษณะชีวิตนิสัยของเราเวลาเราไปไหนเราอยู่ที่ไหนเราทำอะไร การนั่งการอยู่กับพี่น้อง นิสัยของเราเป็นแบบไหน เพราะว่าทุกวันนี้คริสเตียนมากมายไม่คำนึงถึงสิ่งนี้
การถ่อมตน พูดแต่ถ่อมๆ แต่ว่าการปฏิบัติไม่มี ชอบนั่งที่สูง นั่งที่สบาย ชอบเอาเปรียบคนอื่น คือไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม คือเราต้องเป็นคนที่ต่ำ ถ่อม ยอม อยู่เสมอ คนๆนี้มีโอกาสได้เป็นใหญ่ในอาณาจักร
...
แล้วการเป็นเด็ก คือ นิสัยเรา เราถ่อม เราไปไหนเราก็ถ่อม เราเวลาพูดคุยเรื่องพระคัมภีร์ เวลาพูดคุยเรื่องอะไรก็ตาม เราจะเป็นคนที่ฟังมากกว่าพูด ถ้าเขาร้องเรียก เรียกร้องให้เราพูด เราจึงพูด
เรื่องการทำตัวเหมือนเด็กเป็นเรื่องที่พระเยซูต้องการให้พวกเรายกโทษอภัยไม่จดจำความผิด มธ 18:1-4 เน้นที่การไม่จดจำความผิด เป็นการยกโทษเพราะว่าเรื่องนี้มันมีน้อยมากในโลกนี้ โลกนี้คนชอบจะจดจำความผิดผู้อื่น ไม่ยอมอภัยให้กัน
แล้วเราเป็นบุตรพระเจ้าเราเป็นลูกของพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราทำในสิ่งที่ตรงข้าม ในโลกนี้มันไม่มีคนทำ เราต้องทำ เราให้อภัย ยกโทษให้ กลับไปหาเขาพูดคุยรักเขา แต่ถ้าเขาไม่ตอบสนองเราออกมาไม่เป็นไรไม่อภัยให้ไม่พูดด้วยก็ไม่เป็นไร เราจะไปเองถ้าเขาปฏิเสธ
และการยกโทษต้องมาจากใจ ถ้าเรายังทำไม่ได้ขอพระเจ้าชำระเรา ถ้าเรายังทำไม่ได้สะสมมานาที่ซ่อนไว้บทเรียนมานาที่ซ่อนไว้ สะสมมากๆแล้วเราจะทำได้
สรุป มธ 18:1-4 ก็คือพระเยซูต้องการให้พวกเราเป็นเหมือนเด็กในเรื่องการยกโทษ การอภัยให้ผู้อื่น ไม่ถือสา ไม่จดจำความผิด มัทธิวบทที่ 18 มี 35 ข้อ แล้ว 35 ข้อ เรื่องใหญ่ที่สุดที่พระเยซูต้องการให้ชีวิตคริสเตียนเราทำกัน ให้มีนิสัยที่พระเจ้าต้องการในมัธธิวบทที่ 18 ก็คือ เรื่องอภัย ยกโทษ ไม่จดจำความผิด เราไปอ่านดูดีๆ มัทธิวบทที่ 18 เป็นคุณสมบัติที่พระเจ้าต้องการ ถ้าใครไม่มีเข้าอาณาจักรไม่ได้และจะเป็นใหญ่ไม่ได้ เราต้องมี
แล้วหลังจากนั้นอย่าลืม เปโตรถาม 7 ครั้งพอไหม พระเยซูบอกว่าไม่พอ ต้อง 70 × 7 ด้วย เราจำเรื่องเด็กเล่นกองทรายด้วยกันได้น่ะครับ เขาตีกันเขาทะเลาะกันร้องไห้คราบน้ำตายังอยู่ แล้วในที่สุด 5 นาทีผ่านไปเขาลืม
ที่พระเยซูพูดถึงจะต้องเป็นเด็กแบบนี้ คือไม่จดจำความผิด คือการอภัยยกโทษ เราขอบคุณพระเยซูที่พระเยซูเปิดตาเราให้เข้าใจความหมายของมัทธิวบทที่ 18 แต่เรายังทำไม่ได้ เราขอการชำระ