เราจะมาพูดกันถึงเรื่องมัทธิวบทที่ 7 เรารู้แล้วว่า...
มัทธิวบทที่ 5 เป็นเรื่องของการจัดการกับมนุษย์คนเก่าในจุดสองจุด ก็คือความโกรธ และความใคร่
มัทธิวบทที่ 6 เป็นเรื่องของการจัดการกับมนุษย์ตัวเก่าที่มีอยู่สองจุดอีกที่เป็นปัญหา ก็คือความหยิ่งผยองพองตัว และความรักโลกนี้ คือปัญหาของเนื้อหนัง
มนุษย์เรามีปัญหา 4 จุด มีผี 4 ตัว มีตัวบาป 4 ตัว มีคุณสมบัติ 4 ประการ
1. โกรธ (Anger)
2. ความใคร่ (lust of body)
3. หยิ่ง (Pride)
4. รักโลก (lust of flesh)
ที่มันเป็นปัญหาที่ทำให้เราทุกวันนี้อยู่ไม่ได้ กินไม่เป็น นอนไม่หลับ เพราะว่าเรากลัว เราแบกภาระหนัก เกี่ยวกับเรื่องการรักษาพระบัญญัติ เรื่องพยายามเชื่อฟังพระเจ้าให้ได้ แต่ในที่สุดเมื่อเราจะทำดี เมื่อเราจะเชื่อฟังพระเจ้า แต่เรากลับทำบาปแทนที่
สาเหตุเนื่องมาจากเราไม่รู้เคล็ดลับ ก็คือการยอมตายต่อตัวเก่า อย่าใช้ตัวเก่า อย่าใช้สติปัญญา อย่าใช้กำลังของตัวอาดัมเพื่อจะทำดีเชื่อฟังพระเจ้ามันไม่มีประโยชน์ อาจารย์เปาโลเคยลองมาแล้ว
แล้วก็นี่เป็นเคล็ดลับที่พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยว่า เรายอมจำนนดีกว่า เพราะว่าเราถูกขายให้เนื้อหนัง และเราถูกขายให้ตัวบาป ตัวบาปมันสิงอยู่ในตัวเก่าของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องให้ตัวเก่าของเราประหาร ถูกประหารที่ไม้กางเขนกับพระเยซูสองพันปีก่อน
ถามว่า ทำยังไง?... คำตอบ คือเชื่อ...
เชื่อทุกวันว่าเราตาย (เชื่อและนับว่าตายแล้ว โรม 6:3-4, 6-14) เชื่อทุกวันว่าเราเป็นคนใหม่ คนคนนี้คือมนุษย์คนใหม่ มนุษย์วิญญาณ เป็นลูกหลานของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณ เป็นน้องๆ ของพระเยซู เป็นมนุษย์วิญญาณมีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตอยู่ในเรา เพื่อดำเนินชีวิตเกิดผลแห่งพระวิญญาณให้พระคริสต์ทำแทน
อีกครั้งมนุษย์เรามีปัญหา 4 อย่าง 1. ก็คือความโกรธ, 2. ก็คือหยิ่งผยองพองตัว, 3. ก็คือตัณหาของร่างกาย ก็คือความใคร่เรื่องเพศ, 4. ก็คือตัณหาของเนื้อหนัง ก็คือความรักโลกนี้ ในสิ่งของต่างๆ ที่เป็นของโลกนี้
และต่อไปนี้ก็คือมัทธิวบทที่ 7...
มัทธิวบทที่ 7 ตั้งแต่ข้อที่ 1 จนถึงข้อที่ 6 พูดถึงเรื่องการตัดสิน พี่น้องคริสเตียนส่วนมากใช้พระคัมภีร์ข้อนี้ผิด ไม่ใช่การตัดสินคนนี้ทำผิด ทำถูก ทำดี ทำชั่ว ทำบาป ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องของการตัดสินเกี่ยวกับความเชื่อ คำสอน ความรู้ สติปัญญา ความรู้การแปลพระคัมภีร์ ทุกวันนี้มีการขัดแย้ง การโต้เถียง การถกเถียง การตัดสิน
มีสองกลุ่มใหญ่ๆ ในท่ามกลางสังคมคริสเตียนพวกเรา ก็คือ อามิเนี่ยนนิซึ่ม-คาวินนิซึ่ม แล้วก็มีอีกหลายๆ คณะนิกายแตกแยกกันไป คนนี้ก็เลือกเชื่อคำนี้ตรงนี้ คนนี้ก็เลือกเชื่อที่นี้ คือมีการเชื่อที่ขัดแย้งกันมากเต็มโลกเลย
แล้วก็แต่ละกลุ่ม แต่ละคณะ ก็จะบอกว่าเราถูก เขาผิด อันนี้เป็นการเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่งในท่ามกลางของสังคมคริสเตียน คือกลุ่มนี้บอกว่ามีศาสนจารย์ มีอาจารย์ใหญ่ ยิ่งใหญ่มากมีโรงเรียนมหาลัยยิ่งใหญ่แล้วก็อีกโรงเรียนนึง อีกกลุ่มหนึ่งคณะหนึ่งก็มีโรงเรียนที่ยิ่งใหญ่เหมือนกันมีศาสนจารย์ยิ่งใหญ่เหมือนกัน ต่างฝ่ายก็กล่าวหาตัดสินว่าคนนั้นเทียมเท็จ กลุ่มนี้ไม่ถูก กลุ่มนี้เทียมเท็จ เราเป็นกลุ่มที่ถูก และเขาเป็นกลุ่มที่ผิด
เพราะฉะนั้นแล้วเราจะเห็นว่าการถกเถียง การขัดแย้ง การตัดสินกันทุกวันนี้มีมากมายเหลือเกิน และแม้แต่ภายในคริสตจักรเดียวกัน พี่น้องคริสเตียนที่อยู่ในคริสตจักรเดียวกันก็ยังมีการขัดแย้ง โต้แย้ง ถกเถียง รับกันไม่ได้ในความเชื่อที่บางคนเข้าใจแบบหนึ่ง อีกบางคนก็เข้าใจอีกแบบ
เพราะฉะนั้นแล้วพระเยซูจึงสั่งว่า ถ้าหากเราไม่เข้าใจ ไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเราถูกต้อง หรือว่ามีความผิดพลาดเล็กน้อย เราจึงสามารถตัดสินหรือบอกพี่น้องนะ "ว่าเนี่ยฉันจะช่วยเธอ สิ่งที่เธอเชื่อเป็นสิ่งที่ผิดในพระคัมภีร์ การแปลความหมาย การตีความหมายของเธอเนี่ยไม่ถูก หญิงพรหมจารี 10 คนมีน้ำมันทั้งหมด ทุกคนมีน้ำมัน หรือว่าจงแสวงหาราชอาณาจักรของพระเจ้า ไม่ใช่แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และยุคนี้ไม่ใช่ยุคสุดท้าย" คือหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง คือความเชื่อของคริสเตียนทุกวันนี้เชื่อผิด เชื่อถูก เพราะว่าเราไม่รู้ เราไม่เข้าใจ
1. เราไม่ได้รับการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
2. เราไม่รู้จักภาษากรีก เราไม่ได้เรียนรู้ภาษากรีก และผู้นำสอนอะไร ป้อนอะไรเราก็กินอันนั้น เมื่อเรากินเข้าไปผลเป็นยังไง
คำตอบ ผล ก็คือชีวิตคริสเตียนทุกวันนี้ไม่โต ชีวิตจึงขึ้นลง ขึ้นลง สุขทุกข์ ดีบาป ไปจนตาย นี่คือผลที่ได้รับ
เพราะฉะนั้นพระเยซูจึงเตือนว่า ถ้าหากเราไม่รู้แน่ ไม่รู้จริงอย่าตัดสินผู้อื่นเกี่ยวกับว่าคนนี้สอนผิด คนนี้เทียมเท็จ คนนี้ไม่ถูก คนนี้ผิด เราถูกดีกว่าคนอื่นถูกกว่าคนอื่น ถูกกว่าคณะอื่น อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ถ้าหากเรามั่นใจแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เราไปช่วยเขา เราไปบอกเขาด้วยความรัก ไม่ใช่ตัดสิน บอกเขาด้วยความรัก ขอเขี่ยผงที่อยู่ในตาของเธอ ฉันจะช่วยเธอ เอายาหยอดตาให้ ทาตา ล้างตา ให้เธอได้มาพบสันติสุขทุกวันเวลาได้ ให้เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง และถ้าหากว่าเธอเชื่อเธอฟังเธอรับ ได้สัมผัสพระวิญญาณบริสุทธิ์และได้เห็นปรากฏการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ มีสันติสุขเริ่มเกิดขึ้นมาแล้ว ได้พบว่าเราไม่ต้องแบกภาระอีกแล้ว แล้วเราไม่ต้องกลัวพระเจ้าอีกแล้ว แล้วเรามีความหวัง รู้จักพระเยซูมากกว่าเดิม
เมื่อก่อนเรารู้จักพระเยซู แต่เราไม่รู้จักพระเยซู เมื่อก่อนเราก็บอกว่ารักพระเยซู แต่เราไม่ได้หลงรักพระเยซู เมื่อก่อนเราเน้นที่ทำ ที่เชื่อฟัง ที่ปฏิบัติ ที่รับใช้ มากมายเหลือเกิน เราคิดว่าพระเจ้าจะพอพระทัยในสิ่งที่เรากระทำอยู่ แต่น้ำพระทัยของพระเจ้าเรารู้แล้วนะว่าพระเจ้าต้องการให้เราสนิท และใกล้ชิดกับพระองค์ สร้างความสัมพันธ์ผูกพันที่ดีกับพระองค์ การเชื่อฟัง การรับใช้ ผลของชีวิต ผลของการงานของเราคือผลของพระวิญญาณ ไม่ใช่ผลของเรา และเมื่อเราเข้าใจแล้ว เราจึงจะสามารถแบ่งผู้อื่นได้ ตัดสิน ช่วย แนะนำเขาให้กลับมาสู่ทางแห่งความสว่างได้
เราจะเห็นว่าข้อที่ 6 ข้อสุดท้ายข้อที่ 6 พูดถึงไข่มุก อย่าโยนของดีให้สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้สุกร
- ของดี ก็คือ ข่าวประเสริฐ ข่าวประเสริฐเรื่องความรอด
- ไข่มุก ก็คือ ชีวิตที่ชัยชนะ ชีวิตที่มาถึงผู้ชนะที่แท้จริง ที่มีสันติสุขได้ทุกวันทุกเวลาทุกนาที ชีวิตของเขาอยู่ในสวรรค์บนดินแล้ว และเขาเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง ชีวิตของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น มากขึ้นๆๆ ในที่สุดเขากลายเป็นผู้ชนะ ทำบาปน้อยลง ทำดีมากมาย เกิดผลถวายเกียรติแด่พระเจ้า
- สุนัข ก็คือ ทุกคนที่ไม่รับความรอด
- สุกร ก็คือ ผู้เชื่อ และทุกคนที่ไม่รับเรื่องราชอาณาจักร และพระคริสต์ในเรา (ชีวิตผู้ชนะ)
ท่าน ในที่นี้ ก็คือมนุษย์วิญญาณ คือมนุษย์คนใหม่ ผู้มีพระคริสต์อยู่ในเขา และการขอ การเคาะ การหา ในที่นี้ ในมัทธิวบทที่ 7:7-11 คือการขอ หา และเคาะตามน้ำพระทัย ไม่ใช่ขอเหมือนที่เราขอกันทั่วไปทุกวันนี้ เราจะเห็นมากมายเหลือเกินว่า...
- ทำไมขอ จนเมื่อยแล้วยังไม่เห็นคำตอบ
- ทำไมหา มานานขนาดนี้ถึงยังไม่เจอ
- ทำไมเคาะ เคาะจนเมื่อยมือไม่เห็นคำตอบของพระเจ้า
หลายเรื่องที่พระเจ้าไม่ตอบ หลายสิ่งที่พระเจ้าไม่ให้เห็น และหลายคำตอบที่เราไม่ได้รับจากพระเจ้า เพราะว่าเราคิดว่าการขอ การหา การเคาะ คือการกระทำตามสิ่งที่เราต้องการตามเนื้อหนังของเรา ไม่ใช่.
การขอ การแสวงหา การเคาะ คือสำหรับมนุษย์วิญญาณ ถ้าหากเขาอยู่ในพระวิญญาณเขาดำเนินชีวิตอยู่ในพระคริสต์ เขาก็จะคิดถึงแต่น้ำพระทัยของพระเจ้าเท่านั้น และเมื่อผู้ที่เป็นมนุษย์วิญญาณ เมื่อผู้ที่มีพระคริสต์สถิตอยู่ในเขา และเมื่อเขาดำเนินชีวิต ชีวิตของเขาก็คือจะต้องดำเนินไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และเมื่อเขาขอ เขาหา และเคาะ เขาจะขอ หา เคาะตามน้ำพระทัย และเมื่อเราขอ เราหา เราเคาะ พระเจ้าก็จะกระทำให้
สำหรับพี่น้องคริสเตียนมากมายทุกวันนี้เข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ขอตามใจเรา ไม่ใช่หาในสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่เคาะให้พระเจ้าตอบในสิ่งที่เราปรารถนา ไม่ใช่.
พระเจ้าทำตามน้ำพระทัยของพระองค์และตอบคำอธิษฐานของผู้ที่อยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้าเท่านั้น ผู้ที่อยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ ก็คือมนุษย์วิญญาณ มนุษย์คนใหม่ มนุษย์ที่มีพระคริสต์อยู่ในเขา และดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7
เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเราขอ หา เคาะตามน้ำพระทัย พระเจ้าก็จะตอบคำอธิษฐานของเรา คนชั่วก็ยังรู้จักเอาของดีให้ลูกเขา แต่พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่แสนดี พระองค์จะประทานในสิ่งที่เราขอ หา และเคาะตามน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ใช่ตามใจเรา
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราจู้จี้ เมื่อเราตื้อ เมื่อเราต้องการในบางสิ่งบางอย่าง เราขอความเมตตาจากพระเจ้า ขอให้พระกรุณาของพระเจ้าปรากฏแก่เรา เราก็อาจจะได้รับคำตอบ แต่ปัญหาก็คือเราจะต้องจ่ายหนี้ในสิ่งที่พระเจ้าตอบ แต่ไม่เป็นน้ำพระทัยของพระองค์
สำหรับการขอ การหา การเคาะ เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เรากระทำเพื่อพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานของเรา และการขอ คือขอย้ำอีกครั้ง ก็คือขอตามน้ำพระทัย และการขอที่พระเจ้าต้องการให้เราขอมากที่สุด ก็คือการขอให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อชีวิตของเราจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ตามน้ำพระทัย และรับใช้ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ในแต่ละวัน
การขอให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณ ในมัทธิวบทที่ 7 ข้อที่ 7 ถึงข้อที่ 11 นี้ ไม่ได้พูดถึงว่าขออะไร หาอะไร เคาะอะไร ใช่มั้ย แต่ในลูกาบทที่ 11 ข้อที่ 5 ถึงข้อที่ 13 กล่าวถึงการขอพระวิญญาณ และขอให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เราต้องการเพื่อการดำเนินชีวิต และการรับใช้เกิดผลถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้
...
ข้อที่ 12 เหตุฉะนั้น สิ่งสารพัดซึ่งท่านปรารถนาให้มนุษย์ทำแก่ท่าน จงกระทำอย่างนั้นแก่เขาเหมือนกัน เพราะว่านี่คือพระราชบัญญัติ และคำของศาสดาพยากรณ์
ในกฎหมายใหม่ของพระเยซูคริสต์ข้อนี้ พระเยซูนำมาจากคำศาสดาพยากรณ์ และพระราชบัญญัติจากพระคัมภีร์เดิม จากพระบัญญัติเดิม คือ...
เราทำในสิ่งที่เราต้องการให้พี่น้อง ให้ผู้อื่นทำกับเรา เราจะต้องเป็นคนที่ทำก่อน เสียเปรียบก่อน ยอมก่อน และบุตรที่ดีของพระเจ้า ถ้าเรามีพระคริสต์อยู่ในเรา เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำเรา ดำเนินชีวิตแทนเรา เราจะสามารถกระทำทุกสิ่งได้ และเราจะเป็นคนที่ยอมเสียเปรียบได้
อันนี้เป็นเรื่องของการเสียเปรียบ คือเราเป็นคนเริ่มก่อน เราทำก่อน พี่น้องคริสเตียนส่วนมากมีปัญหา ก็คือให้เขามาง้อเราก่อน ให้เขาทำดีกับเราก่อน ให้เขาทำให้เราพอใจก่อน อันนี้ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า
น้ำพระทัยของพระเจ้า กฎหมายใหม่ของพระเยซู ก็คือการที่เรา คุณ ผม เป็นคนที่เริ่มก่อน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เราถูก เราผิด ไม่สำคัญ เราเริ่มก่อน เราขอโทษก่อน เราคุยก่อน เราทักเขาก่อน และเมื่อเขาเห็นความรักของเรา เห็นพระคริสต์ที่อยู่ในเรากระทำดีส่องสว่างผ่านชีวิตของเรา เขาก็จะทำในสิ่งที่เราปรารถนาให้เขาทำกับเรา