สำหรับเรื่อง 02 ที่เรามาถึงข้อที่ 1. การเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง เรารู้น่ะว่าคริสเตียนทุกคนต้องการที่จะเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง อยากเปลี่ยนแปลง
คำพยาน:
ผมตอนแรกๆ ที่เชื่อพระเยซูใหม่ๆ อยากเป็นคนดี อยากเชื่อฟังพระเจ้า อยากเลิกทำบาป อาจารย์ผู้นำคริสตจักรเขาก็บอกว่าไม่เป็นไร อ่านพระคัมภีร์ มานมัสการ มาโบสถ์บ่อยๆ แล้วก็เรียนรู้ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป อีกหน่อยพระเจ้าก็จะเปลี่ยนเรา แต่ 18 ปีผ่านไป 18 ปีผ่านไปนะครับคือผมไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ตอนนั้นผมก็ใส่หน้ากากรอนะครับ คือแกล้งทำเป็นคนดี เพื่อรอที่จะเป็นคนดี แต่ปรากฏว่า 18 ปีผ่านไปใส่แต่หน้ากาก แต่คนดีไม่เห็นนะครับ
วันนี้ผมจึงได้มารู้นะครับว่าการเปลี่ยนแปลงแท้ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง พระเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลงใครนะครับ คือพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลงตัวเก่าของเรา แต่พระองค์ประหารชีวิตเก่า แล้วประทานชีวิตใหม่ เรียกว่าการเข้ามาแทนที่มากกว่า ภาษาอังกฤษมันชัดเจนมากก็คือ exchange ก็คือการเข้ามาแทนที่ การแทนที่จากสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เข้ามาแทนที่นะครับ
เพราะฉะนั้นพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลงตัวเก่าให้ดีขึ้น ให้ดีกว่าเก่า แต่ทำลายมันไป ฆ่ามันทิ้ง ประหารชีวิตเก่าของเรา แล้วพระองค์ประทานชีวิตใหม่ให้เรา และพระองค์พระคริสต์นะครับเข้ามาอยู่ในเราเพื่อที่จะดำเนินชีวิตแทนเรา ให้เราตาย ให้เราไม่มีชีวิตอยู่ แต่พระคริสต์ต่างหากที่จะเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในเรา เอเมน
...
ขอบพระคุณพระเจ้าน่ะ เราไม่ต้องเปลี่ยนแปลง แต่เราให้พระคริสต์เข้ามาแทนที่ชีวิตของเรา จากกลายเป็นคนบาป ก็กลายเป็นคนชอบธรรม จากการทำบาป ก็กลายเป็นคนทำดี และโดยธรรมชาติใหม่ของพระเจ้าที่พระองค์ทำแทนเราในเรา เราไม่ต้องทำ พระเจ้าทำในเรา
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่ามนุษย์ภายในของเราน่ะ มนุษย์ภายในก็คือ วิญญาณ พระเจ้าดลบันดาลให้วิญญาณของเราได้บังเกิดใหม่ ชุบชีวิตใหม่ให้เราแล้ว ก็คือวิญญาณได้บังเกิดใหม่ 100% และพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา จิตส่วนที่ไม่ทำบาปอีก พระเยซูครอบครองแล้ว และวิญญาณใหม่เรียกว่ามนุษย์ภายใน
เพราะฉะนั้น ฟีลิปปี 1:20 กล่าวว่า "บัดนี้พระคริสต์ได้ทรงขยายใหญ่ขึ้นในร่างกายของข้าพเจ้าด้วย" ในภาษาอังกฤษเป็น Past Tense และในภาษากรีกเป็นอดีตกาล มันคืออะไร ก็คือพระเจ้าพระวิญญาณนะครับพระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นในชีวิตของเราแล้ว ความหมายก็คือ จิตของเรา เราน่ะเป็นมนุษย์ภายในเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เราเชื่อ จำกันได้ไหมคริสเตียนดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ จบลงก็ด้วยความเชื่อ ความจริงของพระเจ้าในพระคัมภีร์เราไม่เห็น แต่เราเชื่อ เมื่อเราเชื่อ เราก็ได้เห็น เอเมน
เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว เราเป็นผู้ชนะแล้วน่ะ จริงๆ แล้วน่ะพระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นในร่างกายของเราแล้ว เราไปอ่านดูภาษาอังกฤษและภาษากรีก เราก็จะเห็นว่า ฟีลิปปี 1:20 กล่าวว่า บัดนี้พระคริสต์ได้ขยายใหญ่ขึ้นแล้วในร่างกายของข้าพเจ้า
สรรเสริญพระเยซู พระคริสต์มีมากมายขยายใหญ่ขึ้น พระคริสต์เต็มในชีวิตของเรา คุณที่นั่งอยู่น่ะพระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นแล้วในชีวิตของคุณ คุณดำเนินชีวิตอยู่ในความชอบธรรมได้ เพียงแต่เชื่อ
"เอเมน พระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นแล้วในชีวิตของข้า (จดไว้น่ะ แล้วก็เอาไปท่อง) พระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นแล้วในชีวิตของข้า ข้าเป็นมนุษย์ภายในเต็ม 100% แล้ว เอเมน สรรเสริญพระเยซูในความจริงของพระเจ้าวันนี้ ให้ความจริงของพระองค์มาปรากฏในชีวิตของข้า ให้ความจริงของพระองค์ เป็นความจริงของข้า พระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นแล้ว เอเมนๆ"
พูดแบบนี้น่ะทุกวัน พูดทั้งวัน ในที่สุดเราจะเห็นพระคริสต์เป็นคนคิดแทนเรา ยิ้มแทนเรา รักแทนเรา อดทนนานแทนเรา รักศัตรูแทนเรา ทำทุกสิ่งแทนเรา เดินแทนเรา กินแทนเรา อะไรก็ดีไปหมดน่ะ
และสิ่งสำคัญ เรื่องที่เราต้องเข้าใจเพื่อที่เราจะดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณได้ ก็คือการร่วมตายและเป็นขึ้นกับพระเยซู ตัวเก่านะครับตกต่ำ ป่วยแล้ว จึงต้องถูกพระเจ้าประหารที่กางเขนในพระเยซู และมันเป็นขึ้นมาจากความตายร่วมกับพระเยซูแล้ว พระเยซูก็เข้ามาแทนที่ตัวบาป และกฎแห่งพระวิญญาณ กฎแห่งชีวิต ร่างกายแห่งความชอบธรรมและร่างกายแห่งชีวิต ก็เข้ามาแทนที่กฎแห่งบาป กฎแห่งความตาย ร่างกายแห่งความบาปและร่างกายแห่งความตาย
ขอบคุณพระเจ้าพระเยซูไม่ได้มาตัวเปล่า พระเยซูนำกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตเข้ามาแทนที่กฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตาย เพื่อเราจะทำบาปไม่ได้ พระองค์จะบังคับเรา ผลักดันเราให้ทำดี เมื่อเราคิดจะทำบาป และอีกต่อมาไม่นาน ความคิดที่อยากทำบาปก็อยากทำดี และการกระทำที่เราเคยทำบาปก็กลายเป็นการกระทำที่เราทำดีแทนที่ ขอบคุณพระเยซู เราไม่ต้องทำอะไร จำได้ไหม เพียงแต่เราเชื่อ เชื่อและท่อง ว่าพระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นแล้วในชีวิตของข้า เอเมน
ขอบคุณพระเยซูวันนี้กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตได้เข้ามาแทนที่กฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายแล้วเอเมน
ขอบคุณพระเยซูที่วันนี้ร่างกายแห่งความบาปมันตายไปแล้ว เดี๋ยวนี้ปัจจุบันนี้วันนี้เป็นร่างกายแห่งความชอบธรรมแล้ว ขอบคุณพระเจ้า
ร่างกายแห่งความบาปมันว่องไวกับความบาป เห็นอะไรปุ๊บปั๊บน่ะเร็วมาก คนจะพูดอะไรผิดหูผิดตาเราน่ะ ลิ้นมันเร็วใช่ไหมที่จะตอบโต้ที่จะตอบกลับเร็วมาก กิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง ผ่านเข้ามาสายตาเราน่ะ เราเห็นมันตอบสนองเร็วมาก นี่คือร่างกายแห่งความบาป
แต่ขอบคุณพระเจ้าวันนี้พระคัมภีร์เปิดเผยว่า ร่างกายนี้เป็นร่างกายแห่งความชอบธรรม เป็นร่างกายแห่งชีวิต ร่างกายแห่งความชอบธรรมคืออะไร คือมันรวดเร็วมันว่องไวในการทำดีเพื่อพระเจ้า มันว่องไวในการที่จะกำจัดตัวเก่า กำจัดร่างกายแห่งความบาป มันไม่ให้โอกาสที่ร่างกายแห่งความบาปจะโผล่ขึ้นมาและใช้ชีวิตในการบาปต่อไป ไม่ใช่น่ะ ขอบคุณพระเยซู จำน่ะว่า ชีวิตพระคริสต์ที่อยู่ในเรา กฎแห่งพระวิญญาณ กฎแห่งชีวิต ร่างกายแห่งความชอบธรรม ร่างกายแห่งชีวิตเป็นเหมือนระเบิดไดนาไมต์ มันทรงพลัง มันเข้มแข็ง มันแข็งแรงมาก เอเมนขอบคุณพระเจ้าเป็นชีวิตที่ยิ่งใหญ่ เป็นชีวิตพระเจ้าที่เข้ามาอยู่ในเรา พระเจ้าสามพระภาค และนำระเบิดไดนาไมต์เข้ามาเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากๆ ขอบคุณพระเจ้าที่เราทำได้ทุกสิ่งโดยพระเจ้าเป็นคนเสริมกำลังเรา เอเมน
เพราะฉะนั้นน่ะเราขอบคุณพระเยซูที่เปาโลเขียนโดยพระวิญญาณว่า เมื่อเราเป็นคริสเตียนเราได้รับของขวัญก็คือ สันติสุข พระเจ้าให้เราโดยทางความเชื่อ เรารอดแล้ว แต่สิ่งต่อมาพระเจ้าไม่อนุญาตให้เราทำบาป
แต่จะทำยังไงเมื่อเราเป็นคนบาป อยู่ในธรรมชาติบาป มีวิสัยมีชีวิตของบาปที่อยู่ในเราก็คือตัวบาป ทางออกที่พระเจ้าประทานให้เราโดยเปาโลกล่าวว่า "พวกท่านไม่รู้หรือว่าเราได้ตายกับพระเยซูในบัพติศมาของพระองค์ และเราได้เป็นขึ้นมาจากความตายกับพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ เราจึงมีชีวิตใหม่ (โรม 6:3-4) " นี่คือคำตอบของการดำเนินชีวิตคริสเตียน เราไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลง เราไม่ต้องพยายามทำดี มันฝืนธรรมชาติเก่าของเรา แต่เรายอมตายที่กางเขนและยอมรับความจริงของพระเจ้าว่า เราเป็นขึ้นมาจากความตายเมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์แล้ว
วันนี้ตัวเก่าเราตายไปแล้ว วันนี้ตัวใหม่เราเป็นอยู่ ขอบพระคุณพระเจ้าเปาโลบอกให้เรานับ โอเคเราก็นับน่ะว่า ตายแล้ว ตายแล้ว ข้าพเจ้าตายแล้ว ข้าพเจ้าตายแล้ว เอเมน ข้าพเจ้าตายแล้ว ข้าพเจ้าตายทุกวัน ตายแล้ว เอเมน ตายแล้ว เรานับ เราบอกตัวเองน่ะว่า เอตายแล้วน่ะ เธอตายแล้ว เราบอกตัวเองน่ะว่า เคเธอเป็นคนใหม่แล้ว เราบอกน่ะ เคใหม่แล้วน่ะเค คนนี้คนใหม่แล้ว เอเมน คำพูดใหม่ ทุกสิ่งใหม่ ใหม่หมดแล้ว เรายังไม่เห็นน่ะว่าใหม่ แต่เราเชื่อก่อนและเรานับก่อน เรายอมรับความจริงก่อน
แล้วเราบอกพระเยซูไปด้วยน่ะว่า พระเยซูโอเคพระองค์บอกว่าข้าพระองค์ใหม่ ใหม่ก็ใหม่ เอ้า.. ใหม่ก็ได้ เราก็เอเมนกับพระคำพระเจ้า เอเมนกับความจริงของพระเจ้าที่เกิดขึ้นแล้วเมื่อสองพันปีก่อน เราตายกับพระเยซู เราเป็นคนใหม่กับพระเยซู เรามีกฎแห่งชีวิต กฎแห่งพระวิญญาณ ร่างกายแห่งความชอบธรรม และร่างกายแห่งชีวิต เราเชื่อว่าเรามีแล้วน่ะ ทุกวันเรานับ เราท่อง เราจำ เราบอกตัวเราเอง เราบอกพระเยซู พลังพระเจ้าชีวิตพระเจ้าเป็นชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลังก็จะปรากฏกับชีวิตของเรา
เราไม่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรน พยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตเก่า แต่เรายอมรับชีวิตใหม่ และให้ชีวิตใหม่เคลื่อนในเรา โดยทางความเชื่อ เราขอบคุณพระเยซูที่เปาโลเป็นผู้ชนะ เปาโลพบคำตอบ เปาโลให้ความหวังที่พระเยซูเป็นคนทำ ท่านยอมแพ้นะครับ โรม 8:1-2 "เหตุฉะนั้นบัดนี้ จึงไม่มีการลงโทษแก่คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งไม่ดำเนินตามเนื้อหนังอีกต่อไป แต่ดำเนินตามพระวิญญาณ เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นไทจากกฎแห่งความบาปและความตาย"
ขอบคุณพระเยซู กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตตอนนี้น่ะ เอาชนะกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายในเราได้แล้ว เราเป็นผู้ชนะแล้ว เรายังไม่เห็นแต่เราท่อง เราจำ เรานับ เราเชื่อ เราบอกตัวเราเอง เราบอกพระเจ้า ว่าเราเป็นผู้ชนะแล้ว การอัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา
ข้อ d. ก็คือมนุษย์ภายนอก จริงๆ แล้วมนุษย์ภายนอกเป็นเงา เป็นสิ่งชั่วคราว เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงของพระเจ้า คือร่างกายและจิตเก่าที่ยังทำบาปอยู่นะครับ เรียกว่ามนุษย์ภายนอก
ถ้าหากเรานับเราเชื่อในโรม 6:6 ว่าตัวเก่าของเราตายไปแล้วกับพระเยซูคริสต์ จึงไม่มีที่อยู่ให้บาปอีกต่อไป เรานับนะครับ ตัวเก่าตายไปแล้ว ตัวเก่าตายไปแล้ว มนุษย์ภายนอกก็จะไม่มีอีกต่อไป เอเมนไหม
สำหรับเรื่องกฎต่างๆ กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต ที่เข้ามาแทนที่กฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตาย และการตายและเป็นขึ้นร่วมกับพระเยซูเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าหากเราจะดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราต้องรู้และเข้าใจความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าหากเราไม่รู้และไม่เข้าใจเราจะเป็นคริสเตียนวิญญาณไม่ได้นะครับ เพราะว่าการเป็นขึ้นมาใหม่กับพระเยซูทำให้เราเป็นมนุษย์วิญญาณเป็นมนุษย์คนใหม่บังเกิดใหม่แล้ว ใหม่ 100% แล้วน่ะ
เพียงแต่ว่าตอนนี้ถ้าหากเราจะมองดูตัวของเรา ชีวิตของเรา การกระทำของเรามันไม่ใหม่น่ะ อย่าไปมองน่ะ เรามองที่ความจริงของพระเจ้า เรามองที่พระคัมภีร์ พระคัมภีร์บอกน่ะว่าเราใหม่ เราก็เอเมนกับพระคำพระเจ้า เราเชื่อในความจริงของพระเจ้า ไม่ต้องเชื่อสายตาของเรา เรากลับไปเรียนรู้ กลับไปอ่าน กลับไปทบทวนใหม่ แล้วก็กลับไปขอพระวิญญาณเปิดเผย เปิดตาเราให้เห็นชัดเจนมากกว่านี้ เพื่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณของเราจะมีพลังของพระเจ้าปรากฏในแต่ละวัน
ถาม.
อยากให้ขยายคำว่า ค้นหาของประทาน แล้วก็การฝึกใช้ในชีวิตเรา เราต้องทำยังไงบ้างค่ะ 2 คำนี้ค่ะ
ตอบ.
สำหรับการค้นหาของประทานนะครับ ก็คือเราลองใช้ดู เราอธิษฐานนะครับ
1. พระเจ้าจะให้เครื่องหมาย หรือฝัน นิมิตนะครับว่าเรามีอะไร
2. ก็คือ ลอง นะครับ ไปลองใช้ดู
มีคนไข้คนป่วย พี่น้องชวนไปเยี่ยมที่บ้านใคร เราก็อธิษฐานวางมือนะครับ ถ้าหากเขาหาย ไปทำนะครับ 10 คน 7- 8 คนหาย 2 คนไม่หาย ก็คือเป็นไปได้เรามีของประทานนะครับ
ถ้าสมมุติว่าบ้านไหนมีผีเข้านะครับ เราไปกับพี่น้อง เราไปไล่อธิษฐานมันออกนะครับ คือไป 10 บ้านนะครับ ใน 7-8 บ้าน ก็คือผีออก ก็คือเรามีของประทานในการไล่ผี
ถ้าหากสมมุติว่าพี่น้องเราได้ยินข่าวบ่อยมาก ได้ยินข่าวบ่อยมาก ปกติไม่ได้ยินข่าวนะครับ เรื่องพี่น้องขัดสน พี่น้องเดือดร้อน พี่น้องมีความจำเป็นเรื่องการใช้จ่าย ไม่มีเงิน เดือดร้อน ก็คือได้ยินบ่อยนะครับ แล้วก็พระวิญญาณก็เร้าใจเราให้เกิดเมตตาสงสาร แล้วไปช่วยเขาทั้งๆ ที่มีมากหรือมีน้อยไม่สำคัญนะครับ แต่คือพระเจ้าให้เราไปช่วยเขาให้ได้ แล้วเรามีใจนะครับร้อนรน คือร้อนใจ อยู่ยากอยู่ไม่ได้ อยากไปอยากช่วยแล้วก็ช่วยเขา ทำแบบนี้เป็นแบบนี้บ่อยๆ นะครับ ก็คือเรามีของประทาน ใจกว้าง มีของประทานในการให้
แล้วเรานะครับถ้าสมมุติว่าพูด พูด พี่น้องบอกว่าพูดต่ออยากฟังพูดต่อไป แล้วก็มีคนสนใจมีคนอยากฟัง ฟังแล้วคือได้รับเสียงได้ยินเสียงของพระวิญญาณ หิวกระหายนะครับ คือเกิดมีอาการหิวกระหายอยากฟัง อยากกินพระคำพระเจ้าผ่านเรานะครับ ก็คือเราก็พูดไป นี่คือเรามีของประทานในการเผยพระวจนะ
สรุปการค้นหาของประทานคือ..
1. ก็คือเราอธิษฐานขอนิมิต ขอความจริง ขอการเปิดเผยจากพระเจ้าว่าพระองค์ให้ข้าพระองค์มีของประทานอะไร แล้วก็ 2. ก็คือลองไปทำดู ถ้าเกิดผลจริง แสดงว่าเรามีของประทานในสิ่งนั้น
...
ถาม.
แล้วก็ฝึกใช้ไปด้วยใช่ไหมคะ
ตอบ.
การฝึกใช้นะครับ ก็คือเราต้องเรียนรู้นะครับ จากการที่ผู้นำ ผู้รับใช้ หรือพี่น้องที่มีของประทานเขาเคยทำมาก่อนนะครับ
ถ้าสมมุติว่าไปไล่ผีนะครับไปไล่ผี การฝึกของเรานะครับก็คือ เราให้พระวิญญาณเป็นคนนำ เราชำระตนนะครับให้บริสุทธิ์ก่อน เราอดอาหารนะครับ เรารู้ว่าผีเข้าบ้านนี้ เราอดอาหารขอการนำพาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็จะไปนะครับ ต้องมีการเตรียมจิตใจของเรานะครับ
พอไปนะครับการพูด เราก็ต้องฝึกในการที่จะพูด ไม่ใช่ว่ามึงเป็นใคร มึงชื่ออะไร มึงมาทำไม ไม่จำเป็นนะครับ คือญาติของเขาต้องการให้เราไปไล่ให้ เราก็ไปแล้วก็อธิษฐาน ก็วางมือ แล้วก็ไล่ ก็แค่นั้นนะครับ นี่คือการฝึก คือการพูดให้ถูกวิธี ทำให้ถูกวิธี วางมือให้ถูกวิธี และเตรียมให้ถูกวิธีครับผม
อย่าลืมนะครับว่าทุกคนมีของประทานไม่มากก็น้อย ถ้าคนที่ไม่มีของประทานจริงๆ นะครับก็คือมี 1 ชิ้น 1 ของประทานแน่นอนครับ
พระเจ้าให้ทุกคนเป็นสาวก เราทุกคนอยากเป็นหรือไม่อยากเป็นก็ได้เป็นนะครับ
1. คือเป็นสาวก
2. คือเป็นผู้รับใช้
3. คือเป็นปุโรหิตหลวง
4. คือเป็นชาวไร่ชาวนา
5. คือเป็นชาวสวนของพระเจ้า
6. คือเป็นเจ้าสาวของพระเยซู
7. ก็คือเป็นคนต้นเรือน
เหล่านี่นะครับเป็นหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้เรา เราอยากเป็นเราก็ได้เป็น เราไม่อยากเป็นนะครับเราก็ต้องได้เป็น เพราะว่าพระเจ้าเลือกเราแล้วให้เราเป็นแล้ว เพียงแต่ว่าถึงวันเวลาที่พระเยซูเสด็จกลับมา นำของขวัญ นำบำเหน็จ นำมงกุฎมาให้เรา แล้วพระองค์ก็จะถามเรานะครับว่าเราทำอะไรเพื่อพระองค์
นี่คือคำถามที่ควรจะถามเราตอนนี้นะครับว่า ที่ผ่านมาเราเป็นผู้รับใช้ เป็นสาวก เป็นปุโรหิตหลวง เป็นคนต้นเรือน เป็นชาวไร่ชาวนา เป็นชาวสวนในสวนองุ่น เป็นเจ้าสาวที่น่ารักของพระเยซูหรือไม่ ถ้าคำตอบว่าไม่นะครับ คือรีบลงมือทำ เอเมน
แล้ววันนี้เราก็คือมีโอกาสนะครับ ได้ร้องเพลงร่วมกับพี่น้อง ได้เผยพระวจนะ ได้แบ่งปัน ได้เสริม ก็คือการทำหน้าที่แล้ว อย่าให้โอกาสมันพลาดไป เราฉวยโอกาสทุกโอกาสที่มี
สำหรับผมนะครับ เมื่อก่อนถ้าจะพูดตามตรงก็คือ ผมเป็นคนที่พูดไม่เก่งและเป็นคนที่ไม่กล้าพูด คือเป็นคนขี้อาย พูดไม่เก่ง เป็นคนขี้อาย แล้วพูดอะไรออกมาก็คือคนไม่ค่อยชอบนะครับ แต่โดยการนำพาของพระวิญญาณนะครับ ผมจึงค่อยๆ เรียนรู้ที่จะพูด ในคำพูดที่ควรพูด และพูดในเวลาที่เหมาะสม แล้วก็พูดแบบสั้นๆ มีความหมาย (ไม่พูดยาวนะครับ ไม่พูดยาวน้ำท่วมทุ่งนะครับ) เวลามีค่าสำหรับการรับใช้นะครับ การพูด การทำอะไรก็แล้วแต่ คือให้เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า แล้วก็ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนทำแทนเรา อย่าทำเอง การให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนทำแทนเรา มันจะเกิดผลมาก แล้วมีผลต่อผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือนะครับ
เพราะฉะนั้นแต่สำหรับสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าให้คริสตจักรมากกว่าใครก็คือ การเผยพระวจนะ พระเจ้าให้หลายๆ คนในคริสตจักรเดียว เผยพระวจนะได้ เพราะว่าพระเจ้าต้องการให้เราทุกคนมีโอกาสได้เผยพระวจนะ ได้แบ่งปัน ได้เสริมสร้างกันและกันนะครับ ไม่ใช่อาจารย์ ไม่ใช่ผู้นำ ที่เป็นคนที่พูดเก่ง หรือพระวิญญาณนำคนเดียวนะครับ เราเองที่นั่งอยู่ตอนนี้นะครับเราก็มีของประทานในการเผยพระวจนะ แต่เราไม่รู้ตัว เรามามองดูตัวเราเองใช่ไหม พูดก็ไม่เก่ง พูดก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ดี ไม่มีใครอยากฟัง อย่าไปคิดแบบนั้นครับ ผมก็เคยคิดแบบนั้นแล้วผมก็เคยเป็นนะครับ
แต่ถ้าเสียงของพระวิญญาณออกมาผ่านเรานะครับ พระองค์จะพัฒนาให้การพูดของเราก้าวหน้านะครับ แล้วชีวิตพระเจ้าก็จะออกมาผ่านคำพูดของเรามากขึ้นมากขึ้น คือตอนนี้ก็เราอธิษฐาน เราขอการนำพาจากพระเจ้า เราขอการเปลี่ยนคำพูดของเรา เปลี่ยนน้ำเสียงของเรา เปลี่ยนทุกสิ่งของเรานะครับ ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น นี่คือการฝึกใช้ของประทาน เอเมน
สรุปอีกครั้งการค้นหาและการฝึกใช้ของประทานคือ..
1. ก็คือเราอธิษฐานขอนิมิต ขอความจริง ขอการเปิดเผยจากพระเจ้าว่าพระองค์ให้ข้าพระองค์มีของประทานอะไร แล้วก็ 2. ก็คือลองไปทำดู ถ้าเกิดผลจริง แสดงว่าเรามีของประทานในสิ่งนั้น
- การฝึกให้ถูก คือการพูดให้ถูกวิธี ทำให้ถูกวิธี วางมือให้ถูกวิธี และเตรียมให้ถูกวิธี
* ทุกคนมีของประทานไม่มากก็น้อย ถ้าคนที่ไม่มีของประทานจริงๆ ก็คือมี 1 ชิ้น 1 ของประทานแน่นอน *
ก่อนที่เราจะดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระบิดา หรือดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณได้
เราจะต้องเรียนรู้ และขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในอีกหลายๆ เรื่องเสียก่อน
ซึ่งวันนี้เราจะพูดถึง 6 เรื่องที่เราจะนำมาใช้เพื่อฝึกในชีวิตประจำวันของเรา สิ่งที่สำคัญ และอยากให้เราเข้าใจก็คือ การได้อ่านได้ฟังเราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดตาเรา ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำเราเข้ามาถึงการได้เห็นความหมายของฝ่ายวิญญาณ หรือเรื่องการฝ่ายวิญญาณ
ซึ่งเมื่อเราได้เรียนรู้ ได้นำไปฝึกใช้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำ เราเข้าสู่ประสบการณ์ชีวิต คือได้เห็นผล เห็นประสบการณ์ของการทำแทนของพระคริสต์ เห็นประสบการณ์ของสันติสุขที่ไม่หิวกระหายอีกเลย เห็นประสบการณ์ของความสงบสุขของจิตใจของเรา การสงบนิ่ง และเมื่อเราฝึกนานเข้า เราจะมีอาการปล่อย ปลง วาง และเกิดมีความรักอากาเปได้อย่างมากมาย จะเป็นความก้าวหน้าของการดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณของเรา
ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือเราต้องเรียนรู้ 6 สิ่ง 6 ข้อในวันนี้ และนำไปฝึกใช้ให้เกิดผล
สิ่งสำคัญที่เราต้องใส่ใจนะครับในเรื่องการดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ก็คือ รูปแนวชีวิต
ชีวิต ไม่ใช่ศาสนาไม่เกี่ยวอะไรกับศาสนา
ชีวิต คือเป็นธรรมชาติไม่ใช่การพยายามทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติของเรา
ชีวิตหรือรูปแนวชีวิต ชีวิตหรือภาษากรีกเรียกว่า (โซว์-zoe) ชีวิต ในที่นี้ คือ เป็นชีวิตของพระเจ้า ไม่ใช่ชีวิตของมนุษย์ ไม่ใช่ชีวิตของใครทั้งนั้น แต่เป็นชีวิตของพระเจ้า
a. การเปลี่ยนแปลง และการเข้ามาแทนที่ สำหรับการเปลี่ยนแปลงและการเข้ามาแทนที่นะครับไม่เหมือนกันนะครับ change vs exchange
change คือเราพยายามเปลี่ยนด้วยตัวของเราเอง
exchange คือมีคนอื่นเปลี่ยนให้เรา แทนที่เรา
การเปลี่ยนแปลงก็คือ change การเข้ามาแทนที่ ก็คือ exchange ศาสนาคริสต์หรือคริสเตียนศาสนาไม่รู้และไม่เข้าใจคำว่า การเปลี่ยนแปลง หรือการเติบโตของชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง พวกเขาคิดว่า คือการพยายามทำดี เชื่อฟัง บังคับตนให้ถึงที่สุด และส่วนไหนที่ทำไม่ได้ก็ขอพระเจ้าเสริมกำลัง
เขาไม่เข้าใจน่ะว่า คำว่าเปลี่ยนแปลงในพระคัมภีร์แท้ที่จริงแล้วก็คือ การเข้ามาแทนที่ exchange นั่นเอง ซึ่งชีวิตเก่าของเรา ถูกแทนที่ด้วยชีวิตใหม่ และการกระทำของเรา การดำเนินชีวิตของเราน่ะ ถูกเข้ามาแทนที่ด้วยชีวิตของพระคริสต์
กท 2:20 เปาโลกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า นี่คือการเข้ามาแทนที่ของพระคริสต์
ความก้าวหน้าที่แท้จริงของชีวิตคริสเตียน จึงเป็นการเข้ามาแทนที่ของพระคริสต์มากขึ้น ในความคิด ในคำพูด ในการกระทำของเรา เราไม่ต้องพยายาม ทำ พูด หรือคิด ในสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติของเรา แต่ถวายตัว และยอมให้พระองค์เข้ามาแทนที่เรา
b. มนุษย์ภายใน the inner man (อฟ 3:16)
- มนุษย์ภายใน คือวิญญาณที่บังเกิดใหม่แล้ว และจิตส่วนที่ถูกพระคริสต์ครอบครองแล้ว
และพระคริสต์จะขยายอาณาเขตไปสู่จิตทุกส่วน เมื่อครอบครองจิตได้ครบเราก็เลิกทำบาปในแต่ละวันได้
ผู้ที่จะมีจิตที่จะกลายเป็นมนุษย์ภายในได้ครบ ก็คือเชื่อว่าครบแล้ว เชื่อว่าพระองค์ครอบครองแล้ว เชื่อว่าเราเป็นผู้ชนะแล้ว
และเน้นที่การสนิทในพระเยซู ทั้งสะสมพระคำที่เป็นความจริงให้มากขึ้นในแต่ละวัน
สรุป มนุษย์ภายใน คือวิญญาณและจิตส่วนที่เลิกทำบาปได้แล้ว
- การแพร่ขยายของมนุษย์ภายในอยู่ที่การสนิทในพระเยซูอย่างสม่ำเสมอและเชื่อว่าแพร่ขยายแล้ว
- ฟป 1:20 กล่าวว่า บัดนี้พระคริสต์จะได้ทรงขยายใหญ่ขึ้นในร่างกายของข้าพเจ้าด้วย
c. เราตายและเป็นขึ้นกับพระคริสต์แล้ว united with Christ death and resurrection (โรม 6:3-4 /2 คร 5:14 / กท 2:20)
เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความบาปและความตายก็เข้ามาสู่มนุษย์โลก มนุษย์จึงตกต่ำเสื่อมทราม
เนื้อหนังกลายเป็นที่อยู่ของตัวบาปแล้วและไม่มีอะไรดีสำหรับพระเจ้าอีกต่อไป
ถ้าหากจะช่วยมนุษย์ให้รอด พระเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือคอยเสริมกำลังให้เนื้อหนังเพื่อเอาชนะบาป
ทางออกที่ดีที่สุด ก็คือพระเจ้าต้องทำลายด้วยการประหารชีวิตเก่านี้และประทานชีวิตใหม่ให้เขา
การตายร่วมกับพระเยซูและการเป็นขึ้นมาร่วมกับพระคริสต์จึงเป็นหนทางที่พระเจ้าจัดเตรียมเอาไว้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดจากอำนาจของตัวบาป
เมื่อพระเยซูตายพระองค์ก็นับทุกคนเข้ามามีส่วนในการตายของพระองค์ และเมื่อพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์ พระองศก็นับทุกคนให้เข้ามามีส่วนในการเป็นขึ้นกับพระองค์ เราจึงตายแล้วและเราจึงมีชีวิตใหม่แล้ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วเมื่อสองพันปีก่อน เราไม่ได้ตายและมีชีวิตใหม่ตอนที่เราบัพติศมา หรือตอนที่เราเชื่อ แต่เราตายแล้วและเป็นขึ้นมาใหม่แล้วพร้อมกับพระเยซู กาลาเทีย 2:20 กล่าวว่าข้าพเจ้าถูกตรึงกับพระคริสต์แล้ว ก็คือพร้อมกับพระคริสต์ในเวลานั้น ในพระคริสต์ร่วมกับพระคริสต์
- โรม 6:3-9 / 6:3 พวกท่านไม่ทราบหรือว่า พวกเราหลายคนที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมาเข้าในความตายของพระองค์
6:4 เหตุฉะนั้น พวกเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินในชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น
6:5 เพราะว่าถ้าพวกเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในลักษณะที่เหมือนกับความตายของพระองค์ พวกเราก็จะเป็นขึ้นมาในลักษณะที่เหมือนกับการทรงเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ด้วย
6:6 โดยทราบสิ่งนี้แล้วว่า มนุษย์เก่าของพวกเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อร่างกายแห่งบาปนั้นจะถูกทำลายเสีย เพื่อต่อจากนี้ไปพวกเราจะไม่รับใช้บาป
6:7 เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็เป็นอิสระจากบาป
6:8 บัดนี้ ถ้าพวกเราตายแล้วกับพระคริสต์ พวกเราก็เชื่อว่าพวกเราจะดำรงชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย
6:9 โดยทราบว่า พระคริสต์ที่ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากตายแล้วนั้นจะหาตายอีกไม่ ความตายไม่มีการครอบงำเหนือพระองค์อีกต่อไป
- โรม 8:1-2 / 8:1 เหตุฉะนั้นบัดนี้ จึงไม่มีการปรับโทษแก่คนทั้งหลายซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง แต่ตามพระวิญญาณ 8:2 เพราะว่าบัญญัติของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นไทจากบัญญัติแห่งบาปและความตาย
d. มนุษย์ภายนอก the outer man
มนุษย์ภายนอก คือจิตส่วนที่ยังทำบาปอยู่ และร่างกาย
มนุษย์ภายนอกเป็นจิตใจที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ เและร่างกายของมนุษย์
จิตใจที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้ เรียกว่า ตัวเก่า เนื้อหนัง และเป็นที่อยู่ของตัวบาป
ส่วนร่างกายของมนุษย์ ก็เป็นเครื่องใช้ของเนื้อหนัง และตัวบาป (2 คร:4:16)
ทั้งสองนี้ คือจิตใจส่วนที่ยังไม่รับการเปลี่ยนแปลง และร่างกายที่เป็นอวัยวะที่ตัวบาปใช้ทำบาปนั้น เรียกว่า มนุษย์ภายนอก
สรุป มนุษย์ภายนอก ร่างกายและจิตเก่าที่ยังทำบาปเรียกว่า มนุษย์ภายนอก มันกำลังตายไปหมดไปเพียงแต่เราเชื่อ และนับว่าเราตายแล้วทุกวัน เนื่องจากว่ามนุษย์ภายนอกคือชีวิตเก่าเนื้อหนัง ถ้าหากเราเชื่อในความจริงของพระเจ้า มันก็ตายไป (โรม 6:6) โดยทราบสิ่งนี้แล้วว่า มนุษย์เก่าของพวกเรานั้นถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว
** ทำไมต้องเดินด้วยตัวใหม่ ตัวเก่าไม่ดีตรงไหน และตอนนี้อยู่ที่ไหน
a. มนุษย์คนเก่า old man / เนื้อหนัง the flesh
มนุษย์คนเก่า หรือเนื้อหนังนี้เป็นคนบาป และมีซาตานที่เป็นตัวบาปสิงอยู่
ไม่อาจจะช่วยให้กลับคืนสู่สภาพที่ดีได้อีกแล้ว และไม่มีประโยชน์สำหรับพระเจ้า (โรม 7:18)
หรือเรียกว่าติดเชื้อ (บาป) แล้วนั่นเอง (โรม 7:17-25)
พระเจ้าจึงต้องประหารให้ตายที่กางเขน หรือที่ความตายของพระเยซู
เมื่อพระเยซูตายพระองค์ก็นับเราที่เป็นมนุษย์คนเก่า หรือเนื้อหนังไปตายกับพระองค์
เราจึงตายแล้ว และตัวบาปก็ไม่มีที่จะอาศัยอยู่ และครอบครองควบคุมเราไม่ได้ เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็ได้หลุดพ้นจากตัวบาป (โรม 6:6-7)
b. ชีวิตที่ตายแล้ว คนตาย the dead man
เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความบาปก็เข้ามาสู่เขา และลูกหลาน (โรม 5:12)
และค่าจ้างของความบาป ก็คือความตาย (โรม 6:23)
วิญญาณของมนุษย์ถูกตัดขาดจากพระเจ้า พระคัมภีร์เรียกว่า ตาย หรือตายแล้ว (ยน 5:25 / อฟ 2:1,5 / คส 2:13)
วิญญาณที่ตาย คือความตายที่หนึ่งของมนุษย์ จากนั้นไม่นานต่อมาร่างกายก็ต้องตาย
และสุดท้าย ก็คือการตายของชีวิตทั้งชีวิต หรือการตายครั้งที่สอง
เรียกว่า ถูกพิพากษาส่งไปยังบึงไฟนั่นเอง
การตายของวิญญาณของมนุษย์มีผลถึงการดำเนินชีวิต การทำดี การเดินไปกับพระเจ้า
ซึ่งคนตายจะมีส่วนในพระเจ้าที่เป็นชีวิตไม่ได้
เราต้องรอให้พระเจ้าส่งพระเยซูเสด็จมาเพื่อช่วยมนุษย์ให้ได้บังเกิดใหม่ในพระเจ้า มนุษย์จึงหลุดพ้นจากความบาปและความตาย เข้าสู่ชีวิตได้
c. ความดี และการทำดีที่ตายแล้ว dead righteousness / the dead works
พระเจ้าเป็นชีวิต และความตายไม่มีส่วนในพระเจ้า
ความตาย คือผลตอบแทนของความบาป และการละเมิด
ทุกสิ่งที่ตายแล้ว ไม่อาจนำมาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าได้ เช่นเดียวกันคนตายก็ไม่อาจทำดีเพื่อให้เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าได้
เนื่องจากว่ามนุษย์เป็นคนบาปมนุษย์เป็นคนตาย การทำบุญ การทำดี การทำตัวให้บริสุทธิ์ และชอบธรรม เรียกว่า การกระทำดีที่ตายแล้วทั้งสิ้น
พระเจ้าไม่มีผลตอบแทน หรือบำเหน็จรางวัลให้เรียกว่าไม้ฟาง และหญ้าแห้ง (1 คร 3:12-15)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากว่าพระเจ้าเป็นองค์เที่ยงธรรม และยุติธรรม มนุษย์ที่ไม่รู้จักพระเจ้าที่ทำดีก็จะได้รับผลตอบแทนเฉพาะในโลกนี้เท่านั้น
คือถ้าหากมีคนที่ไม่เชื่อทำดีเขาก็จะได้ดี และคนที่ไม่เชื่อทำชั่วเขาก็จะได้ชั่วเป็นค่าตอบแทน
ฮีบรู 6:1 เปาโลเตือนผู้เชื่อให้ละทิ้งหรือกลับใจจากการกระทำดีที่ตายแล้ว
สรุป ก็คือการทำดีของชีวิตเก่าเนื้อหนังที่ไม่ใช่คนใหม่ และไม่มีพระคริสต์กระทำในเรา เรียกว่าการทำดี หรือความดีที่ตายแล้ว
แต่การดำเนินชีวิตด้วยตัวใหม่ ด้วยคนใหม่ และให้พระคริสต์ทำแทนในแต่ละวัน เรียกว่าการทำดี หรือความดีที่มีชีวิตอยู่
d. ชีวิตที่มีชีวิตอยู่ the living man
ขณะที่โลกยังอยู่ในความบาป และความตาย แต่ด้วยความรักของพระเจ้า และพระคุณของพระเยซูคริสต์พระองค์จึงเสด็จลงมาตายเพื่อไถ่บาปโลก และช่วยมนุษย์ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งยังประทานชีวิตที่ครบบริบูรณ์ให้พวกเขา
ทุกคนที่เชื่อจึงถูกเรียกว่าผู้ที่มีชีวิตอยู่ the living man มนุษย์คนใหม่ หรือคนที่มีชีวิตอยู่เป็นผู้ที่พระเจ้าพอพระทัยและยอมรับการถวายเครื่องบูชาของเขาโดยเฉพาะร่างกาย และจิตใจที่เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว (โรม 6:13)
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับคนใหม่คนนี้ที่ได้เกิดมาอีกครั้งเพื่อเป็นอวัยวะที่พระคริสต์เยซูจะใช้ในการสำแดงชีวิต และนิสัยของพระองค์
เป็นชีวิตที่บริสุทธิ์ชอบธรรมโดยการชำระของพระโลหิตแล้ว
เมื่อเขาอธิษฐาน และนมัสการพระเจ้า พระองค์ก็ทรงรับฟัง และได้ยิน และต้อนรับเขา และตอบคำอธิษฐานของเขา
e. ความดีที่มีชีวิต living righteous การกระทำที่มีชีวิต living works
เมื่อเราเป็นมนุษย์วิญญาณ การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเราต้อง เชื่อ จำ และนับ อยู่เสมอว่า คนนี้คือคนใหม่ และมีพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา
การทำดีของเราจึงถูกเรียกว่าการกระทำ หรือการกระทำดีที่เป็นชีวิต หรือมีชีวิตอยู่
เราอาจจะไม่มีผลงาน ไม่เก่ง ไม่ฉลาด แต่ถ้าหากเราทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ ทุกสิ่งพระบิดาก็นับว่าเป็นเครื่องบูชาอันเป็นที่ชอบแด่พระองค์ (โรม 12:1-2)
f. มนุษย์คนใหม่ new man
มนุษย์วิญญาณ the spiritual man
มนุษย์คนใหม่ หรือมนุษย์วิญญาณ เป็นที่สถิตอยู่ของพระเจ้า
คือวิญญาณ และจิตที่ได้รับการชำระ และครอบครองโดยพระคริสต์แล้ว
ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้เรามีพระเจ้าทั้งสามพระภาค เข้ามาสถิตอยู่ในเรา อาศัยอยู่ในเรา วิญญาณของเราเป็นบ้านเรือนของพระองค์ เป็นที่สถิตอยู่ของพระองค์ และพระองค์ไม่จากเราไปไหน พระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับวิญญาณของเราแล้ว สรรเสริญพระเยซู
การที่จะเป็นคนใหม่อยู่เสมอ ก็คือเชื่อ และมองว่าเราใหม่แล้วทั้งๆ ที่ยังไม่เห็น
เพียงแค่เชื่อ นับ และถวายตัวใหม่นี้ พระเจ้าก็จะใช้เพื่อสำแดงพระองค์มากขึ้นในแต่ละวัน
คนใหม่ได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการแล้ว คนใหม่ได้รับสิทธิคนใหม่ได้รับสิทธิ์ให้กลายเป็นบุตรที่รักของพระเจ้าแล้ว และเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์แล้ว
น่าเสียดายที่ผู้เชื่อมากมายพยายามเชื่อฟังรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์เพื่อที่จะเป็นคนใหม่ในพระคริสต์ให้ได้ เขาไม่รู้ว่าทันทีที่เขาเชื่อก็คือเขาก็ได้บังเกิดใหม่ และก็กลายเป็นคนใหม่แล้ว (2 คร 5:17)
- คนเก่า / เนื้อหนัง คือชีวิตเก่า หรือชีวิตที่เกิดจากอาดัม เป็นคนบาปเป็นที่อยู่ของตัวบาป
- คนตาย / ชีวิตที่ตายแล้ว คือถูกตัดขาดจากพระเจ้า ไม่มีอะไรดีสำหรับพระเจ้าเพราะไม่มีชีวิต
- ความดีและการทำดีที่ตายแล้ว คนตายเมื่อทำดีก็คือความดีที่ตายแล้ว ถวายแด่พระเจ้าไม่ได้
- ชีวิตที่มีชีวิตอยู่ คือชีวิตของคนใหม่ที่บังเกิดใหม่และเดินในแต่ละวันด้วยคนใหม่คนนี้
- ความดีที่มีชีวิต / การกระทำที่มีชีวิต เมื่อคนใหม่คนนี้ทำดีในพระคริสต์และพระคริสต์ทำแทน เรียกว่าความดีที่มีชีวิตและเป็นที่ชอบพระทัยของพระบิดา
- คนใหม่ / มนุษย์วิญญาณ คือคนที่บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ คือผู้เชื่อทุกคน แต่หลายคนคิดว่ายังไม่ใหม่เนื่องจากว่าเขายังทำบาปอยู่ คำว่า "ใหม่" ในที่นี้ คือใหม่ในพระคริสต์ไม่ใช่ใหม่ในอาดัมที่ตามองเห็น เมื่อพระคัมภีร์และพระเจ้าว่าเราใหม่ เราก็เชื่อและยอมรับว่าเราใหม่ทั้งที่มองไม่เห็นว่าใหม่
เราใช้ อากาศร้อน หนาว / รถติด / คำพูดด้านลบของคนรอบข้าง ปัญหา เพื่อฝึกอยู่ในพระคริสต์
โรม 6:4 เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินในชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น
เมื่อพระเยซูตายเราก็ตาย เมื่อพระเยซูฟื้นเราก็มีชีวิตใหม่ และพระเจ้าให้เราดำเนินชีวิตด้วยคนใหม่คนนี้ คือเชื่อว่าเราใหม่แล้ว และมีแต่สิ่งใหม่ ๆ ทั้งนั้น
(2 คร 5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้หนึ่งผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว บรรดาสิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป ดูเถิด สิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น)
ขอบคุณพระเยซูสำหรับเรื่องการเดินด้วยคนใหม่ การเดินด้วยตัวใหม่ อีกครั้งน่ะ ตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา เราจะพยายามใช่ไหม พยายามทำดี พยายามเชื่อฟัง พยายามรักษาพระบัญญัติ พยายามในการถวาย พยายามในการรับใช้ คือมันมีคำว่าพยายาม อยู่ในชีวิตของเรา
คำว่า พยายาม ก็คือเราพยายามทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ หรือทำไม่ได้ จึงพยายามใช่ไหม ภาษาอังกฤษก็คือ try แต่สำหรับชีวิตคริสเตียนที่แท้จริงไม่ควรจะมีคำนี้ คือคำว่าพยายาม มันจะต้องเป็นธรรมชาติที่ทำออกมาโดยการที่เป็นเองทำเองโดยไม่พยายามอะไรเลยน่ะ เราขอบคุณพระเจ้าที่เราพบคำตอบของชีวิต ก็คือโรมบทที่ 6:4 เพื่อเหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยสง่าราศีของพระบิดาอย่างไร พวกเราก็จะได้ดำเนินชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น
ดำเนินชีวิตใหม่ คืออะไร
คือการเดินด้วยคนใหม่ การเดินด้วยตัวใหม่ ภาษาอังกฤษ walk in the newness of life ก็คือการเดินด้วยคนใหม่ คนใหม่ที่เดินอยู่ เราจำกันได้น่ะ เราเป็นคริสเตียนศาสนาเราไม่ได้เดินด้วยคนใหม่ เรารู้ว่าเราบังเกิดใหม่แต่เราเดินด้วยตัวเก่า
เพราะฉะนั้นวันนี้ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดตาเรา ให้ได้รู้ความจริงว่า ในพระเจ้าน่ะ ไม่ใช่ในสายตา ในเนื้อหนัง ในการมองเห็นของเรา ในพระเจ้านะครับเราเป็นคนใหม่และเราก็เอาคนใหม่คนนี้มาเดิน
เอามาเดินได้ยังไงทั้งๆ ที่เรายังไม่เห็น
จำกันได้น่ะคริสเตียนผู้ชอบธรรม เดินเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ และจบลงด้วยความเชื่อ เราเชื่อเอา "เอเมนคนใหม่คนนี้กำลังพูดอยู่ คนใหม่คนนี้ฟังอยู่" ถ้าเอาหูเก่าฟังก็คือง่วงเหงาหาวนอนไม่อยากฟัง แต่ขอบคุณพระเยซูหูนี้หูใหม่ ร่างกายนี้กายใหม่ เป็นกายแห่งความชอบธรรม เป็นกายแห่งชีวิต ขยันกระตือรือร้น ไม่เหนื่อย ไม่อ่อนเพลีย ไม่อ่อนแอ ขอบคุณพระเจ้าน่ะเราจะเห็นคนใหม่เกิดขึ้น เราจะเห็นคนใหม่มาปรากฏ เราเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ เราก็จะเห็นอาการของคนใหม่เกิดขึ้นปรากฏขึ้นมาน่ะ เชื่อก่อน จึงจะได้เห็น ไม่ใช่เห็นก่อน จึงจะได้เชื่อ
อีกครั้ง ผู้ชอบธรรมดำเนินชีวิตเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ และจบลงไปด้วยความเชื่อ (โรม 1:17) เราตอนนี้น่ะมาถึงตอนที่พระเจ้าบอกว่า เราเป็นคนใหม่ โรมบทที่ 6:4 พระเจ้าชุบชีวิตพระคริสต์ขึ้นมา และเราเอง ก็ได้กลายเป็นคนใหม่ เราจึงสมควรที่จะดำเนินชีวิตด้วยคนใหม่คนนี้
เปาโลบอกน่ะ ต้องดำเนินชีวิตด้วยคนใหม่ ไม่ใช่เดินด้วยคนเก่า แต่คริสเตียนเดินด้วยคนเก่ามันเป็นไปได้ยังไง!! เรารู้น่ะ เราเคยเรียนน่ะ ว่าเราได้บังเกิดใหม่ แต่เราก็ไม่เคยใช้คนใหม่คนนี้ เราก็เดินไม่เป็น ไม่มีใครสอนเราบอกเรา อาจารย์ก็บอกว่าพยายามเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นคนใหม่ เปลี่ยนทำไม? พระเจ้าให้เราเป็นคนใหม่แล้ว ขอบคุณพระเยซู
การที่จะเดินด้วยคนใหม่น่ะ ไม่ใช่พยายามเป็นคนใหม่ แต่เชื่อว่าเป็นคนใหม่แล้ว ความจริงของพระเจ้าบอกว่าเราเป็นคนใหม่แล้วเกิดใหม่แล้ว โอเคเราขอบคุณพระเยซู
อีกครั้ง เราบอกเราเองน่ะว่า ..เธอเป็นคนใหม่แล้ว เดินด้วยตัวใหม่สิ ..พูดด้วยคำพูดใหม่ ลิ้นใหม่ ปากใหม่ ตามองด้วยตาใหม่ คือตาก็เชื่อว่าตานี้มองด้วยตาใหม่น่ะ เรามองอะไรอยู่ เราฟังอะไรอยู่ ก็ฟังด้วยหูใหม่ คือทุกสิ่งที่เข้ามานี้มันจะดีหมด มันจะดีไปหมดน่ะ ..ใจใหม่แล้วน่ะ ใจใหม่ๆ การกระทำของมนุษย์ คำพูดของมนุษย์ สิ่งที่เป็นลบเข้ามา มันจะกลายเป็นสิ่งดีทั้งนั้นสำหรับคำว่า ใหม่
คนใหม่รับอะไรก็ได้ อะไรเข้ามาก็ไม่มีปัญหา บ้านใหม่ๆ น่ะ ลมพายุพัดก็ไม่มีปัญหา ฝนตกหนักก็ไม่มีปัญหา อะไรที่เข้ามา มรสุมเข้ามาก็ไม่มีปัญหาสำหรับบ้านใหม่ๆ คนใหม่ก็เหมือนกัน ขอบคุณพระเจ้าทุกสิ่งที่เข้ามามันกระทบกระเทือนสะท้านสะเทือนไม่ได้ สำหรับชีวิตใหม่ชีวิตนี้
เพราะฉะนั้นการที่จะเดินด้วยคนใหม่ ก็คือเชื่อเอา "ขอบคุณพระเยซูใหม่แล้ว ขอบคุณพระเยซูคนนี้คนใหม่" เราฟังอยู่นะครับ เราไปตลาดเห็นคนพูดมากเห็นคนพูดน่ารำคาญ "เอเมนหูใหม่ พระเยซูหูใหม่ เอเมน" เราไปซื้อของน่ะ ''เอเมน มือใหม่" ไปจับไปแตะอะไร ถามราคาเท่าไหร่ เขาบอกแพงมาก ไม่อยากซื้อไม่เป็นไร "ขอบคุณพระเยซูใหม่ๆ เงินใหม่ ทุกสิ่งใหม่หมด ในข้าพระองค์เป็นสิ่งที่ใหม่หมด" คือทุกสิ่งที่ร้ายจะกลายเป็นดีได้ หนักจะกลายเป็นเบาได้ พระเจ้าจะเปลี่ยนสถานการณ์ เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะว่าเราเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ ทั้งๆ ที่เรายังไม่เห็น แต่เป็นคนใหม่โดยทางความเชื่อ
ขอบคุณพระเยซูที่วันนี้โรมบทที่ 6:4 เป็นจริงในชีวิตของเรา เราน่ะเริ่มเดินด้วยคนใหม่น่ะ ตั้งแต่วันนี้น่ะ ออกจากการสัมมนาครั้งนี้ ใช้คนใหม่ให้คุ้มค่า เอเมนไหม อย่ากลับไปใช้คนเก่า อย่าบ่น อย่าเบื่อ อย่าเซ็ง อย่าพูดว่าโอ๊ยน่าเบื่อ อย่าพูดว่าโอ๊ยเหนื่อย อย่าพูดว่าโอ๊ยๆๆๆ มีแต่โอ๊ยน่ะ ไม่เอา แต่มีแต่ โอ้พระเยซู โอ้พระเยซู ขอบคุณพระเยซู เอเมน เอเมน เปลี่ยนจากคำว่าโอ๊ยๆๆ เบื่อ โอ๊ยเหนื่อย โอ๊ยท้อ โอ๊ย กลายเป็นเอเมน ๆๆๆๆ ทั้งนั้น
คนที่เป็นคนใหม่น่ะ จะไม่พูดว่าโอ๊ย แต่จะพูดว่าเอเมน เอเมน เราเหนื่อยเราบอกว่า "เอเมนพระเยซูข้าพระองค์ไม่เหนื่อย เอเมนข้าพระองค์ไม่อ่อนแอ เอเมนข้าพระองค์มีพลัง เอเมนข้าพระองค์มีความสุข ไม่มีความทุกข์ เอเมนๆ" ทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นนะครับ แล้วพระวิญญาณจะนำทุกสิ่งที่เป็นอยู่ในพระคริสต์ สภาพใหม่ในพระคริสต์มาให้เรามีประสบการณ์ในความหมายนั้น
อีกครั้ง ข้อ a ตัวเก่าเนื้อหนัง คือชีวิตเก่า หรือชีวิตที่เกิดจากอาดัม ทุกคนที่เกิดมาน่ะ ไม่ต้องกลับใจ ไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องอะไร เราก็กลายเป็นอาดัมก็กลายเป็นคนเก่า คนเก่าเกิดมาไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องทำอะไรก็เป็นคนเก่าอยู่แล้ว
แต่ถ้าหากเราจะเป็นคนใหม่ ก็ต้องเชื่อเอาน่ะ และคำว่า คนตาย คนตายหรือชีวิตที่ตายแล้ว ก็คือชีวิตที่ถูกตัดขาดจากพระเจ้า ไม่มีอะไรดีสำหรับพระเจ้า อย่าพยายามทำดีด้วยคนเก่าน่ะ คนเก่าพระเจ้าไม่นับ พระเจ้าไม่รับ คนเก่าเป็นเงาเป็นสิ่งชั่วคราว เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงสำหรับพระเจ้าอีกต่อไปแล้ว
และข้อ c ก็คือความดีการกระทำดีที่ตายแล้ว เราอาจจะทำดีและคนชื่นชอบ เราอาจจะทำดีและมีประโยชน์น่ะ แต่ความดีของเราที่ทำพระเจ้าไม่นับ พระเจ้าไม่รับ พระเจ้าไม่เอา ถวายแด่พระเจ้าไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำด้วยตัวใหม่ และการกระทำทุกสิ่งเรานับว่าใหม่ เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ใหม่ พระเจ้าจึงรับและเป็นเครื่องถวายบูชาแด่พระเจ้าได้
เพราะฉะนั้นข้อ d ชีวิตที่มีชีวิต และความดีการทำดีที่มีชีวิตเป็นสิ่งที่พระเจ้ารับได้ มนุษย์คนใหม่มนุษย์วิญญาณ คือคนที่บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ
อีกครั้ง คือผู้ที่เชื่อทุกคนที่เชื่อทุกคน คือเป็นคนใหม่แล้ว แต่เขาไม่รู้ตัวว่าเขาใหม่ เขาพยายามเป็นคนใหม่ให้ได้ และเมื่อทำบาปอยู่ก็เรียกว่าคนเก่า เมื่อรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ในวันใดวันหนึ่งเขาก็เรียกว่าตอนนั้นเขาเป็นคนใหม่ อันนี้ไม่จริง เป็นความไม่จริง แต่ความจริงของพระเจ้า ก็คือพระเจ้ามองว่าดูเถิดใหม่ทั้งนั้น (2 คร 5:17) ทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ก็เป็นคนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ดูเถิดใหม่ทั้งนั้น เราเอเมนกับความจริงนี้ เราจะเห็นอาการใหม่เกิดขึ้น
ชัดเจนแล้วน่ะเรื่องเกี่ยวกับคนเก่าคนใหม่
ถาม.
ถามค่ะ แต่ว่าสำหรับพี่น้องที่เผลอบ่อย เมื่อเราเผลอไปใน... ไม่ได้นับด้วยเชื่อเอานี้ เราต้องสารภาพแล้วก็กลับมาใหม่ทุกครั้งใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
ใช่ครับผม เมื่อไหร่ที่เราเผลอ หลุดไปอยู่ในความตาย ไปอยู่ในความไม่จริง พระเจ้าให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในความจริงความสว่างจำได้ไหมครับ และเมื่อไหร่ที่เรากลับเข้าไปอยู่ในความมืด ความไม่จริง ความบาป ความตาย ความเป็นสิ่งที่เรียกว่าเก่า ซึ่งมันไม่มีอยู่แล้วสำหรับพระเจ้า พระเจ้าจบมันแล้วนะครับปิดฉากชีวิตเก่าที่กางเขนแล้ว มันไม่มี
แล้วเราเผลอกลับไปดำเนินชีวิตอยู่ในความตาย อยู่ในความบาป เรากลับมาเมื่อไหร่ก็สารภาพนะครับ
"พระเยซูข้าพระองค์ขอโทษที่เผลอไป ขอบคุณพระเยซูที่ต้อนรับข้าพระองค์โดยพระโลหิต และยกโทษให้ข้าพระองค์โดยพระโลหิตของพระองค์ เอเมนข้าพระองค์ใหม่"
กลับมานับใหม่นะครับ คือเราจะต้องฝึก การฝึกก็คือการฝึกออกจากเก่า มาสู่ใหม่ นับเก่าตายแล้ว ใหม่เป็นอยู่ ง่ายๆ นะครับการฝึกของชีวิตคริสเตียน เอเมนไหมครับ ง่ายมากนะครับ แอกเบา ภาระเบา กางเขนเบา ได้รับการพักผ่อน ถ้าจะใช้คำของบ้านๆ ของภาษาบ้านเรานะครับ ก็คือมันง่ายมาก มันง่ายมากสำหรับการดำเนินชีวิตคริสเตียน ถ้าเรารู้แบบนี้นะครับ เรารับมานาฯ ตั้งแต่ตอนที่เราเชื่อใหม่ๆ น่าจะดีนะครับผมว่า
แต่พระเจ้าก็มีเหตุผลแหละที่ให้เราตะเกียกตะกาย กลายเป็นชีวิตคริสเตียนศาสนาที่หลายปีนานหลายปีนะครับ แต่พอมาวันนี้เราพบความจริง คือชีวิตมันเบาสบาย มันง่ายมากๆ นะครับ คือท่อง จำ นับ แค่ความคิดนะครับ เปลี่ยนความคิดใหม่ของเรา แล้วก็เปลี่ยนคำพูดใหม่ของเรา เปลี่ยนความเชื่อใหม่ของเรา ในที่สุดนะครับเราหลุดไปเมื่อไหร่ หลงไปเมื่อไหร่ เผลอออกไปเมื่อไหร่ ออกไปจากความจริงของพระเจ้า ก็กลับมา กลับมาเมื่อไหร่ก็สารภาพนะครับ
"เอเมนขอบคุณพระเยซูข้าพระองค์กลับมาแล้ว เอเมนขอบคุณพระเยซูเมื่อกี้ข้าพระองค์เผลอ เอเมนพระเยซูข้าพระองค์สมควรที่จะอยู่ในความสว่าง อยู่ในความจริงของพระเจ้า อยู่ในมนุษย์คนใหม่คนนี้ เอเมนขอบคุณพระเจ้า"
พระเจ้าก็ต้อนรับเราเพราะว่าเรามาทางพระโลหิต จำกันได้ไหม
...
ถาม.
ขออนุญาตถามค่ะ เวลาเราฝึกเดินในวิญญาณใช่ไหมค่ะ เราก็นับตาย ถวายตัวใหม่ทุกครั้ง เราก็ฝึกอย่างนี้ทุกวัน แต่บางครั้งเราออกไปทำงานหรือเจอผู้คนมากมาย เจออากาศร้อนอะไร บางครั้งมันก็จะหลุดอย่างเนี้ยค่ะ มันเป็นเพราะสาเหตุที่เราไม่ได้สนิทมากพอ หรือว่าพระเจ้าไม่ได้ครอบครองจิตใจของเรามากพอหรอคะ เราจึงสามารถหลุดไปอยู่ในตัวเก่า โดยที่มีอาการอารมณ์ร้อนขึ้นมาประมาณนี้อ่ะค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับคนที่ฝึกใหม่ๆ นะครับ ฝึกใหม่ๆ หรือนานๆ ฝึกทีหนึ่งนะครับ อันนี้พูดตามความจริงนะครับไม่ได้ว่าใคร
ตอนฝึกใหม่ๆ หรือนานๆ ฝึกทีหนึ่ง ก็คือมันจะมีอาการแบบนี้คือหลุดบ่อยมาก อย่าลืมนะครับการฝึกของเรามีพระวิญญาณเป็นผู้ช่วย เอเมนไหมครับ การฝึกของคริสเตียนพระเจ้าไม่ได้ให้เราฝึกคนเดียว เราฝึกอยู่ พระวิญญาณก็จ้องมองดู พระวิญญาณก็อยู่ใกล้ๆ อยู่ในเราอยู่กับเรา และคอยช่วยเหลือเรา เพราะว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วย จำได้ไหมพระเยซูบอกว่า เราจะส่งพระผู้ช่วยมาช่วยท่าน พระผู้ช่วยนะครับ ไม่ใช่ผู้มานั่งเล่น มานั่งดูเรานะครับ
เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราฝึก แน่นอนที่สุดพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะนำพา ก็จะช่วยเหลือ และตักเตือนเรานะครับ
และการหลุดบ่อยๆ ก็คือคนที่เพิ่งฝึกใหม่ หรือนานๆ ฝึกทีหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะรับมานาฯ นานก็ตามหลายปีก็ตาม แต่ถ้าหากเราไม่นำมาฝึก ไม่นำมาใช้ ชีวิตของเรา ความก้าวหน้าของชีวิตฝ่ายวิญญาณก็จะไม่มีนะครับ เราจะหลุดบ่อยมาก จะเผลอบ่อยมาก
แต่ถ้าหากเราฝึกเป็นประจำนานแล้ว รู้ไหมครับว่าอาการเผลอ อาการหลุดจะไม่ค่อยมี และถ้ามีนะครับก็นานๆ ทีหนึ่ง ก็คือจะกลับมาง่ายกลับมาสบายๆ กลับมาง่ายมากง่ายนิดเดียว ก็คือเอ่ยปาก..
"พระเยซูขอโทษ ข้าพระองค์กลับมาแล้ว ขอบคุณพระเยซูสำหรับการยกโทษ และข้าพระองค์จะเริ่มกับพระองค์ใหม่ เอเมนรักพระเยซู"
แค่นี้นะครับ อีกครั้งถ้าเราเพิ่งฝึกใหม่เราจะหลุดบ่อย เผลอบ่อย แต่ถ้าเราฝึกนานพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานมากในเรา เราจะหลุดนานๆ ทีหนึ่ง เผลอก็นานๆ ทีเป็นไปได้ เพราะว่าโลกนี้นะครับทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก การทดลอง สิ่งล่อลวงมันเยอะ อากาศก็เปลี่ยนไปใช่ไหม อากาศร้อนมากผมเข้าใจนะครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คือสำหรับบางคนนะครับ อากาศร้อน ร้อนมากๆ เผาไหม้ แต่รู้ไหมครับว่าข้างในมันเย็น เย็นมากน่ะ คือมันเย็นสบาย ความร้อนของร่างกายภายนอกเนี่ยมันทำอะไรภายในจิตใจไม่ได้ เมื่อจิตใจเราสงบ เมื่อจิตใจเราเย็นนะครับ เมื่อใจเย็น ก็คือทุกสิ่งมันดี อากาศร้อน คำพูดของคนที่มันไม่น่าฟัง มันก็เป็นสิ่งที่น่าฟังสำหรับเรา คือเราเฉยๆ กับมัน ฝึกต่อไปนะครับ อีกไม่นานเรานะครับจะไม่หลุด เอเมน
ถาม.
เวลาเราฟังคลิปที่พี่น้องแบ่งปัน หรือคลิปของอาจารย์เอง เรารู้สึกชื่นชมยินดีมากในช่วงที่เราฟัง ชื่นชมยินดีมากเลยค่ะ แบบกระตือรือร้นยิ้มแย้มแจ่มใส แต่พอเราออกจากคลิปนั้นแป๊บเดียวอ่ะค่ะ มีการทดลองเลยค่ะ ระเบิดทันทีเลย ก็เลยอยากรู้ เอ๊ะ ทำไมมันเป็นประมาณนั้นคะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับการเรียนรู้พระคำพระเจ้า สำหรับการเข้าสู่ความจริงแห่งพระคำ หรือการเข้าสู่อาหารผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอาหารผู้ใหญ่นะครับ
แน่นอนที่สุดครับเมื่อพระเจ้าให้ความรู้ใหม่ การทดสอบก็มา พระเจ้าสอนเรานะครับ ก็ต้องทดสอบเรา ไม่ใช่ว่าเรียนรู้ไปแล้วก็ทิ้งมันไปก็ลืมมันไปนะครับ
อย่าลืมนะครับทุกครั้งที่เราเรียนรู้สิ่งใหม่ การทดลองใหม่ก็จะเข้ามา ขอให้ทำใจนะครับ เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น อันนี้ผมมีประสบการณ์ในสิ่งนี้เยอะมาก แล้วพี่น้องหลายคนที่รับมานาฯ ก็มีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้นะครับ
ก็คือเมื่อเราได้รับความรู้ใหม่ การทดสอบเกี่ยวกับเรื่องที่เราเรียนรู้นั่นแหละจะมา คือใครส่งมาครับ? พระเจ้าส่งมานะครับ พระองค์เองส่งมา และพระเจ้าให้อนุญาตให้ซาตานเป็นคนนำเข้ามา มันต้องการที่จะทำลายทำร้ายเราอยู่แล้ว พระเจ้าก็อนุญาตให้มันนำเข้ามา หรือมนุษย์เป็นคนเอามาสู่เรานะครับ อย่าคิดว่าคือการทดลองจะมาจากพระเจ้าเพียงแต่ผู้เดียวฝ่ายเดียวนะครับ
ทุกสิ่งรอบข้างเราพระเจ้าใช้ เพื่อจะทดสอบเรา สิ่งใหม่ๆ ที่เราได้เรียนรู้ได้เข้าใจเนี๊ยะ ปุ๊บมันจะมาทันที
เมื่อเราฝึก เมื่อเราฝึกและผ่านได้นะครับ และเราไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การทดสอบใหม่ก็จะเข้ามาอีก เอเมน
ชีวิตคริสเตียนไม่ได้ราบรื่นเหมือนถนนที่ราบรื่นนะครับ คือต้องฝึกนานๆ เราเกิดมาใหม่ในวิญญาณเราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราต้องเดินไปกับพระคริสต์โดยที่ปัญหาเป็นสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตเพื่อให้เราโฟกัส โฟกัสสายตาจ้องมองไปที่พระเยซู อย่ามองไปที่ปัญหา อย่ามองไปที่ใคร อย่ามองไปที่คำพูดของคน อย่ามองไปที่อากาศร้อน แต่มองที่พระเยซู เพราะว่าพระเยซูเป็นคนใจเย็น พระเยซูเป็นคนสงบนิ่ง พระเยซูเป็นคนที่มีใจพระเจ้า ถ้าหากเรามองไปโฟกัสไปที่พระเยซู เราก็จะได้ตรงนี้ เราก็จะใจเย็น เมื่อใจเย็น อากาศร้อนก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อใจเย็น คำพูดที่ไม่ดี คำพูดที่ไม่น่าฟัง ไม่เพราะ ด่า เป็นคำพูดที่ลบเป็นลบ เข้ามาสู่เรานะครับคือมันจะเย็นมันสบาย เอเมนนะครับ
เราอธิษฐานนะครับเราอธิษฐานว่า ข้าพระองค์เป็นดินดี ดินนี้เป็นดินดี ถ้าดินไม่ดีเนี่ยคือเจอการทดลอง การทดสอบ เจอปัญหา เจอมรสุมชีวิต ต้นไม้นะครับมันจะเหี่ยวแห้งไป แต่เราเป็นดินที่ดีเพื่อรักษาต้นไม้ให้เป็นต้นไม้ที่เกิดผลนะครับ ในมัทธิวบทที่ 13 เราจำกันได้นะครับ เราอธิษฐานเราขอบพระคุณพระเยซู ว่าดินดี นี่เป็นดินดี เราเชื่อนะครับว่าเป็นดินดี เป็นดินดี ๆๆ มันก็จะดี เอเมน