1. เป็นกฎเกณฑ์พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู สำหรับผู้เชื่อในยุคนี้
(มธ 6:11) พระเยซูตรัสว่า “ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้” (ไม่ใช่เพื่อสองหรือสามวัน หรือหนึ่งสัปดาห์)
...
2. (มธ 6:34) “เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว”
(เป็นชีวิตที่อยู่ได้วันต่อวัน เพื่อแบกภาระที่เบาและกางเขนก็แบกง่าย คือเราอยู่ใต้พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู เราจะไม่คิดเป็นห่วงถึงพรุ่งนี้ มะรืนนี้หรือทั้งสัปดาห์ หรือเดือนหน้า ปีหน้า ๆลๆ)
...
3. (ลก 9:23) พระองค์จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา
(นี่คือกฏเกณฑ์คำสั่งของพระเยซู สำหรับผู้เชื่อที่พึงปรารถนาที่จะติดตามพระเยซู เขาเหล่านั้นต้องตายต่อชีวิตเก่าทุกวัน ทุกสิ่งที่เป็นอดีตแม้แต่ห้านาทีที่ผ่านมา เราต้องลืม หรือยกโทษให้ตัวเราเอง และผู้อื่น)
...
4. (ลก 14:27) ผู้ใดมิได้แบกกางเขนของตนตามเรามา ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
...
5. (1 คร 15:31) ข้าพเจ้าตายทุกวัน (เป็นการตายต่อชีวิตของอาดัม คือเชื่อว่าตายแล้ว เพราะเราตายแล้วจริงๆ และเราที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ คือบุคคลคนใหม่)
...
6. (มธ 10:38) และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตนตามเราไป ผู้นั้นก็ไม่สมกับเรา (การดำเนินชีวิตคริสเตียน ถ้าหากเราไม่รู้ และไม่ยอมตายต่อชีวิตเก่า เราก็ไม่ต่างไปจากคริสเตียนศาสนาทั่วไปที่เชื่อพระเจ้า แต่ชีวิตไม่เคยเปลี่ยน และไม่เคยได้เห็นบุคคลใหม่คนนี้ ที่อยู่ในเรา)
...
7. (มธ 10:39) ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่สู้เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด (ถ้าหากเราเชื่อพระเจ้า แต่ยังรักโลก และทุกสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เราจะสูญเสียทุกสิ่งไป แต่ถ้าหากเรายอมตายต่อสิ่งเหล่านี้ เราจะได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในยุคหน้า และนิรันดร์)
...
8. (มก 8:34) และเมื่อพระองค์ทรงร้องเรียกประชาชนกับเหล่าสาวกของพระองค์ให้เข้ามาแล้ว จึงตรัสแก่เขาว่า “ถ้าผู้ใดใคร่จะตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
...
9. การเชื่อ และนำความเชื่อนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งเราต้องพึ่งพาการช่วยเหลือของพระเจ้า เพียงแต่ให้เรา อธิษฐานบอกพระเจ้า และบอกตัวเราเองทุกวันเวลาว่า เรามีชีวิตอยู่แบบวันต่อวัน ไม่มีอะไรให้เป็นห่วงถึงพรุ่งนี้ และไม่ยึดติดกับอดีตให้เป็นภาระอีกต่อไป
...
10. พอตื่นนอน เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้มีชีวิตใหม่นี้อีกวันหนึ่ง เพื่ออยู่เพื่อพระเจ้าจะใช้ชีวิตร่างกายของเรา เพื่อสำแดงพระลักษณะหรือผลแห่งพระวิญญาณผ่านเราให้โลกได้เห็นพระองค์
...
11. พอได้เวลานอนเราก็ขอบพระคุณพระเจ้าที่ภาระทุกอย่างของวันนี้ได้ผ่านไป ถ้ามีอะไรที่เรายังทำไม่ได้ หรือเอาชนะบาปไม่ได้ เรามอบไว้ ที่พระหัตถ์ของพระเจ้า
...
12. ฉันเอง และพี่น้องหลายท่านที่ได้เรียนรู้ความจริงนี้ และดำเนินชีวิตแบบวันต่อวัน เราพบว่าเป็นชีวิตที่แบกภาระไม่หนักเหมือนแต่ก่อน พระเจ้ารักเราและทรงมีพระประสงค์ให้เราดำเนินชีวิตที่ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบากทั้งกายและใจ แต่เราเองที่ไม่รู้และต้องถือ ต้องหิ้ว และต้องแบกอะไรมากมายในแต่ละวัน
...
13. ขอพระเจ้าช่วยเราให้เข้าใจเรื่องการดำเนินชีวิตแบบวันต่อวันนี้อย่างถี่ถ้วน เพื่อชีวิตของเราจะได้อยู่ในความสงบสุขในพระนิเวศน์ของพระเจ้า
...
14. โลกนี้เป็นที่อยู่ชั่วคราวของเรา เราอยู่ในเต็นท์และทำงานเพื่อนำคนมาเชื่อและเลี้ยงดูเขาให้เติบโต บ้านเมืองของเราอยู่ที่สวรรค์สถาน คือในยุคหน้าและโลกใหม่ สวรรค์ใหม่ที่เราจะพบสุขทั้งร่างกาย และจิตใจตลอดไปเป็นนิตย์