สำหรับคริสเตียนทุกคนต้องการที่จะเป็นคนชอบธรรม บริสุทธิ์ เลิกทำบาปให้ได้ คำที่พระคัมภีร์ใช้ก็คือ ผู้ชนะ แต่ผู้ชนะไม่คอยจะมี มีแต่ผู้แพ้ และการที่จะเป็นผู้ชนะมันเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตของพระเยซูที่เป็นผู้ชนะ มาเป็นผู้ชนะที่อยู่ในเรา เราเป็นผู้แพ้ และก่อนที่พระองค์จะเข้ามาสถิตอยู่ในเรา และเป็นผู้ชนะในเราได้ เราก็ต้องพร้อม ก็คือเป็นคนใหม่ เราได้บังเกิดใหม่แล้ว เราเป็นคนใหม่เเล้ว แล้วคนใหม่คนนี้พร้อมที่จะให้พระองค์เข้ามาสถิตอยู่ภายในเรา
และเรายอมจำนน ถวายอวัยวะของเราทั้งหมดในสภาพของคนที่เป็นขึ้นมาจากความตาย แล้วพระองค์ก็จะใช้ชีวิตของเราเพื่อสำแดงพระองค์ออกมา ผู้ที่วิ่งแข่งก็มีหลายคน แต่ผู้ชนะมีแค่คนเดียว เราพบว่ามนุษย์ทุกคนเป็นผู้แพ้ และผู้ชนะก็คือพระเยซูคนเดียว
การที่จะเป็นผู้ชนะหลายๆ คนทั่วโลก ก็คือพระเยซูคนเดียวนั้นเเหละที่เป็นผู้ชนะอยู่ในผม อยู่ในคุณ อยู่ในพี่น้องคนนี้ อยู่ในพี่น้องคนนู้น อยู่ในทุกๆ คน เรียกว่าผู้ชนะคนเดียว ก็คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่เรา
สรุปก็คือ ชีวิตผู้ชนะ คือการยืมพระเยซู ยืมชีวิตของพระเยซู มาเป็นชีวิตผู้ชนะที่อยู่ภายในเรา เราไม่ใช่ผู้ชนะ
ขอบคุณพระเจ้า 1 คร 15:34 จงตื่นขึ้นสู่ความชอบธรรมและอย่าทำบาปเลย เพราะว่าบางคนไม่มีความรู้ของพระเจ้า ข้าพเจ้ากล่าวสิ่งนี้เพื่อให้พวกท่านละอาย
** ไปไม่ถึงพระนิเวศของพระเยโฮวาห์ (อสย 2:3)
เมื่อพระวิญญาณนำเรามาพบมานาที่ซ่อนไว้ เราไม่กลัวว่าจะไม่รอด
เราไม่กลัวพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็นความรัก และเราเข้าใกล้พระเจ้าได้มากยิ่งขึ้น เราเข้าสู่ความสงบสุขของหัวใจ
แต่มีบางอย่างที่ยังรบกวนเรา และเรายังไม่เห็นความก้าวหน้าของชีวิตฝ่ายวิญญาณ
เรายังทำบาปอยู่ ยังเกียจคร้าน ยังไม่อยากรับใช้ เราเฉยชา เราไม่เกิดผลพระวิญญาณเท่าที่ควร
ถ้าหากเราอยู่ในอาการในลักษณะนี้ เราควรพิจารณาความรู้ความเข้าใจของเราว่าได้รับการเปิดตามากพอหรือไม่
และวิธีการฝึกเดินของเราเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ หรือว่าเรายังฝึกเดินอย่างไม่เป็นระเบียบอยู่ (2 ธส 3:7)
เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง หนทางสู่ชีวิตผู้ชนะ ที่เราควรฝึกเดินอย่างเป็นระเบียบ และเรารู้แล้วน่ะที่ผ่านมาบทเรียน 01 และบทเรียน 02 พูดถึงเรื่องการตาย และเป็นขึ้นมาจากความตายร่วมกับพระคริสต์ การเดินด้วยตัวใหม่ คนใหม่ การมีพระคริสต์ที่พระองค์เป็นผู้ชอบธรรมที่อยู่ภายในเรา และพระองค์นำกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตเข้ามา ร่างกายใหม่นี้ ไม่ใช่ร่างกายแห่งความบาปและร่างกายแห่งความตาย แต่เป็นร่างกายแห่งชีวิตและเป็นร่างกายแห่งความชอบธรรม
เราเป็นอิสระแล้วจากตัวบาป เพราะว่าตัวเก่าเราตายแล้ว ทุกสิ่งเหล่านี้ที่ได้พูดมา ก็คือเราจะมีประสบการณ์เนื่องจากว่าเราเชื่อ เราเชื่อเอา
เรามองเห็นคนๆ หนึ่งที่มาถึงชีวิตผูชนะ ท่านตะเกียกตะกาย ดิ้นรน ร้อนรน กังวลต่อสู้กับบาปมานานหลายปี สรุปก็คือประมาณ 10 ปี ท่านจึงพบชัยชนะในพระคริสต์
วันนี้เราจึงนำชีวิตของท่านมาเพื่อเรียนรู้ และเดินตามแบบอย่างของท่าน และท่านเองก็บอกสาวกทั้งหลาย และบอกทุกคน รวมถึงเราด้วย คือเดินตามแบบอย่างของท่าน และท่านผู้นั้น ก็คือเปาโล
เพราะฉะนั้นวันนี้หนทางสู่ชีวิตผู้ชนะ...
- ถ้าหากเราต้องการประสบความสำเร็จเหมือนเปาโล เดินตามแบบอย่างท่าน เนื่องจากว่าท่านฝึกจนมาถึงชีวิตผู้ชนะในที่สุด และสาวกอีกมากมายก็ทำและพบชีวิตผู้ชนะได้ ก่อนที่เปาโลจะมาถึงชีวิตผู้ชนะ ท่านก็ได้ผ่านการเป็นคริสเตียนศาสนามาก่อน เมื่อท่านได้รับความรู้ทั้งหลายจากพระเยซูและพระวิญญาณ แต่ท่านก็ยังไม่ได้ถูกเปิดตา ท่านพยายามเลิกทำบาปจนสุดกำลัง แต่พอท่านยอมจำนน และพระเจ้าก็ยื่นมือเข้ามาช่วยท่าน (โรม 7:24-25 จนถึง โรม 8:1-2)
* 1 คร 4:16 ขอพวกท่านจงเป็นผู้ปฏิบัติตามแบบของข้าพเจ้า / 11:1 พวกท่านจงเป็นผู้ปฏิบัติตามแบบของข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติตามแบบของพระคริสต์ด้วย
* ฟป 3:17 พี่น้องทั้งหลาย จงเป็นผู้ที่ร่วมติดตามแบบอย่างของข้าพเจ้า และคอยดูคนเหล่านั้นที่ดำเนินตามอย่างเดียวกัน เหมือนท่านทั้งหลายได้พวกเราเป็นตัวอย่าง
* 1 ธส 1:6 และพวกท่านได้กลายเป็นผู้ดำเนินตามแบบอย่างของพวกเรา
* 2 ธส 3:7,9 เพราะว่าพวกท่านเองก็ทราบอยู่ว่า พวกท่านควรจะทำตาม
อย่างพวกเราอย่างไร เพราะพวกเราเองไม่ได้ประพฤติตัวอย่างไม่เป็นระเบียบในท่ามกลางพวกท่าน ไม่ใช่เพราะพวกเราไม่มีอำนาจ แต่เพื่อทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างแก่พวกท่าน เพื่อให้ทำตามอย่างพวกเรา
ทำตามอย่างของพวกเรา ทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า เป็นคำพูดของเปาโลที่ย้ำบ่อยมาก ซึ่งท่านประสบความสำเร็จในการเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ ดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณและมาถึงชีวิตผู้ชนะในที่สุด
เพราะฉะนั้นเราจึงควรจะเดินตามแบบอย่างที่เปาโลเดินเนื่องจากว่าเปาโลก็เดินตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์
a. เปาโลยอมแพ้ต่อการเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาป (โรม 7:24)
- สาเหตุที่เปาโลพบชัยชนะเป็นเพราะว่าท่านยอมแพ้ และไม่พยายามอีกต่อไป แต่หันไปพึ่งพระคริสต์ทำแทน (โรม 8:1-2)
b. ท่านใส่ใจในเรื่องการวิ่งแข่งเพื่อเข้าอาณาจักร ใส่ใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก (1 คร 9:26-27)
- ท่านปราบร่างกายแห่งบาปของท่านตามขนาดของความเชื่อ เพื่อให้เป็นที่ใช้การได้ของพระคริสต์
c. ท่านใส่ใจในการนับทุกวันว่า พระคริสต์อยู่ในท่าน และดำเนินชีวิตแทนท่านทุกวัน (กท 2:20)
- เปาโลปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตเนื้อหนังอาดัม และให้พระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนท่าน
d. ท่านใส่ใจเรื่องการนับว่าตายแล้วทุกวัน (1 คร 15:31)
- การใส่ใจและการนับเป็นสิ่งที่จะช่วยเราไม่ให้ลืมเรื่องการฝึกเดิน เปาโลจึงต้องใส่ใจ และนับทุกวันว่าท่านตายแล้ว
e. ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นคนใหม่ทุกวัน (อฟ 4:24)
f. ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นทาสของพระเยซูทุกวัน (โรม 1:1)
g. ท่านใส่ใจเรื่องการมองทุกสิ่งใหม่หมดทุกวัน (2 คร 5:16-17)
h. ท่านใส่ใจเรื่องการสนิทในพระเยซูทุกวัน (1 ธส 5:17)
นี้คือวิธีการฝึกของเปาโล การใส่ใจของท่าน ทำให้ท่านพบชัยชนะ
อีกครั้ง เปาโลยอมแพ้ต่อการเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาป
ท่านใส่ใจในเรื่องการวิ่งแข่งเพื่อเข้าอาณาจักร
ท่านใส่ใจกับการนับทุกวันว่า พระคริสต์อยู่ในท่าน และดำเนินชีวิตแทนท่าน
ท่านใส่ใจเรื่องการนับว่าตายแล้วทุกวัน
ท่านใส่ใจเรื่องนับว่าเป็นคนใหม่ทุกวัน
ท่านยังใส่ใจเรื่อง การนับว่าเป็นทาสของพระเยซูทุกวัน
ท่านใส่ใจเรื่อง การมองทุกสิ่งใหม่หมดแล้ว
ท่านใส่ใจในเรื่องการสนิท ในพระเยซูทุกวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าหากเราสนิทในพระเยซู พระเยซูก็สนิทในเรา เราขยับเข้าไปใกล้พระเยซูมากเท่าไหร่ พระเยซูก็จะขยับเข้ามาใกล้เรามากเท่านั้น สุดท้ายพระเยซูก็ตรัสว่า คนที่สนิทในเรา และเราสนิทในเขา เขาก็จะเกิดผลมาก
- พระเยซูตรัสว่าถ้าหากท่านยังเสียดายชีวิต (จิต/ความคิดของจิตต่อเนื้อหนัง) ก็จะสูญเสียมันไป และผู้ที่เกลียดชังชีวิต (จิตเก่า) ก็จะได้รับชีวิต (พระเจ้า) (ยน 12:25-28) ถ้ายังรักโลกก็จะไม่ได้รับชีวิตพระเจ้า
- ถ้าหากท่านรักบิดามารดาของท่านมากกว่าเรา ท่านก็ไม่เหมาะกับเรา (มธ 10:37)
คำว่า รักบิดามารดาของท่านมากกว่าพระเยซู ในที่นี้ คือ รักวิถีชีวิตของโลกนี้
- ข้าพเจ้าตายทุกวัน...จงนับว่าท่านตายแล้ว...ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป (1 คร 15:31/ โรม 6:11/ กท 2:20)
- อาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องของชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง
แต่เป็นเรื่องของความชอบธรรม ความสงบสุข และสันติสุขในพระวิญญาณบริสุทธิ์ (โรม 14:17)
และอาณาจักรเป็นเรื่องที่ต้องแย่งชิงกันเข้าไปด้วยใจร้อนรน (คือการใส่ใจนับและแสวงหา)
และต้องแลกมาด้วยชีวิต และทุกสิ่ง ซึ่งอาณาจักรมีค่ามากกว่าทุกสิ่ง
เมื่อเราพบอาณาจักรเราก็ควรวิ่งแข่งเพื่อให้ถึงเส้นชัยให้ได้ (มธ 6:33 / มธ 11:12)
a. อย่ามอง อย่าดู อย่ารอดู อย่าคิดว่าทำไมไม่เห็นตัวเก่าตาย และพระคริสต์ทำแทน แต่จงเชื่อว่าทรงกระทำอยู่ และฝึกเดินเรื่อยไป ด้วยใจชื่นชมยินดี และอยู่ในอาการของจิตที่สงบสุข
สรุป การใส่ใจ นับ ไม่ท้อ และสู้ไปด้วยกันกับพี่น้องที่มาถึงอาหารผู้ใหญ่แล้ว คือเคล็ดลับที่จะนำเราไปสู่ประสบการชีวิตเก่าที่ตาย และประสบการชีวิตใหม่ที่เป็นอยู่เหมือนเปาโล
โรม 6:5 เพราะว่าถ้าพวกเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในลักษณะที่เหมือนกับความตายของพระองค์ พวกเราก็จะเป็นขึ้นมาในลักษณะที่เหมือนกับการทรงเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์ด้วย
ขอบคุณพระเยซูมาถึงบทเรียน 03 แล้ว ก็คือหนทางสู่ชีวิตผู้ชนะ
สำหรับการดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราเห็นน่ะว่าบทเรียน 01 และบทเรียน 02 คือพื้นฐาน คือความจริง คือความรู้ ความเข้าใจที่จะนำเรามาสู่การย้ายออกจากการเป็นศาสนาคริสต์ หรือคริสเตียนศาสนา มาสู่การดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ
และบทเรียน 03 ก็คือใกล้เข้ามาอีกแล้ว เพื่อที่เราจะเป็นผู้ชนะได้ คือหนทางสู่ชีวิตผู้ชนะ และที่ขาดไม่ได้ในบทเรียนก็คือ เราต้องเอาแบบอย่างของคนที่เป็นผู้ชนะแล้วมาใช้น่ะ และท่านเองก็หนุนใจพวกเราทั้งหลาย ทั้งสาวกสมัยก่อนจนถึงทุกวันนี้ ว่าเดินตามแบบอย่างของท่าน เพราะว่าท่านประสบความสำเร็จ เราเห็นใครที่ประสบความสำเร็จเราก็อยากไปทำตามเขาใช่ไหม ทำมาค้าขาย ทำธุรกิจ ทำอะไรก็แล้วแต่น่ะ ก็ไปทำตาม อยากประสบความสำเร็จเหมือนเขา ไม่มีใครน่ะ ที่จะเดินตามคนที่แพ้ ที่ล้ม ล้มเหลว ล่มจมใช่ไหม
ขอบคุณพระเยซูสำหรับชีวิตของเปาโล ซึ่งเราเห็นว่าเปาโลเคยเป็นคริสเตียนศาสนามาก่อน ถึงแม้ว่าท่านจะไปเรียนกับพระเยซู 3 ปีกว่าที่ประเทศอาราเบียในทะเลทราย และพระเยซูอยู่กับท่านทุกวัน พระเยซูพูด พูดๆๆ เปาโลจด จดๆๆ แล้วก็จำ แล้วเปาโลมีความเข้าใจหลายเรื่อง แต่ตายังไม่ถูกเปิด พอมาถึงโรมบทที่ 7 เปาโลอธิบายน่ะว่า ข้าพเจ้าเคยต่อสู้กับบาป เคยต่อสู้กับบาป พยายามเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับความบาป แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้
และเรา เคล็ดลับที่เราต้องเรียนรู้จากท่านและเดินตามแบบอย่างของท่านก็คือ..
1. ยอมแพ้ต่อการเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาป
ขอบคุณพระเยซูเราพี่น้องหลายคนในที่นี้ ก็คือเราผ่านจุดนี้มาแล้วใช่ไหม คือเรายอมล่ะ ยอมแพ้ล่ะ จะไม่ต่อสู้กับบาปอีกต่อไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้าเป็นคนต่อสู้ เป็นคนทำ เป็นคนเอาชนะบาปในเรา เอเมน
เปาโลยอมแพ้ และไม่เอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาปอีก แต่ให้กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตเอาชนะกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตายอยู่ในท่าน ตอนนี้ก็คือเรานำมาใช้น่ะ "เอเมนพระเยซู โรม 8:1-2 เกิดผลแล้วในชีวิตข้า กฎแห่งพระวิญญาณเอาชนะกฎแห่งความบาป กฎแห่งชีวิตเอาชนะกฎแห่งความตายได้แล้ว เอเมนสรรเสริญพระเยซู" เราท่อง เราจำ เรานับ แล้วสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเรา คือการชนะความบาป
สิ่งที่ 2. ที่ท่านทำ ก็คือท่านใส่ใจในเรื่องการวิ่งแข่ง เปาโลพูดบ่อยมาก และชักชวนพี่น้องหนุนใจพี่น้องว่า วิ่ง เดินต่อไป ก้าวต่อไป สู้ต่อไป เราน่ะต้องก็ไม่ท้อเหมือนกัน เราจะวิ่งแข่ง เราจะใส่ใจ และหนุนใจกันและกัน
ในกลุ่มสัมมนาครั้งนี้ มีพี่น้องกี่คน หรือเราจะหนุนใจที่น้องในกลุ่มใหญ่ก็ได้เหมือนกันน่ะ คือเราจะเอาความรู้เหล่านี้ไปแบ่งต่อ ไปพูดต่อ แล้วเราจะคุยกันต่อไปเราจะไม่จบการสัมมนาแค่นี้ พอกลับไปบ้านเราจะคุยกันต่อไป จนกว่าเราจะฝึกด้วยกัน และมาถึงชีวิตผู้ชนะมากขึ้น มากขึ้นๆๆๆ เอเมน สิ่งที่สองก็คือท่านใส่ใจในเรื่องการวิ่งแข่งน่ะ
สิ่งที่ 3. ก็คือ ท่านใส่ใจในการนับทุกวันว่าพระคริสต์อยู่ในท่าน และดำเนินชีวิตแทนท่าน
สิ่งที่ 4. ก็คือ ท่านใส่ใจในเรื่องการนับว่าตายแล้ว ข้าพเจ้าตายทุกวัน ข้าพเจ้าตายทุกวัน เปาโลนับ ท่อง จำ แล้วก็บอกตัวเอง บอกพระเจ้า
สิ่งที่ 5. ก็คือ ท่านใส่ใจในเรื่องการนับว่าเป็นคนใหม่ด้วย
และข้อต่อไปสิ่งที่ 6. ก็คือ ท่านใส่ใจในเรื่องการนับว่าเป็นทาสของพระเยซู คือทำไมต้องใส่ใจ ทำไมต้องนับ เหตุผลนะครับก็คือมนุษย์คนเราน่ะมักจะลืม ชอบไม่จำ จำไม่ได้ หรือไม่ค่อยใส่ใจ เพราะฉะนั้นเปาโลจึงหนุนใจพวกเราน่ะให้ใส่ใจ ให้นับ การนับเป็นสิ่งที่จะทำให้พระเจ้าทำงาน เพราะว่าเราจำได้แล้วเราคุยกับพระเจ้าบ่อยๆ เรานับ เราใส่ใจน่ะ
สิ่งหนึ่งที่เปาโลใส่ใจที่จะนับแล้วก็บอกพระเจ้าก็คือ "ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระองค์ เปาโลเจ้าเป็นทาสของพระเยซูแล้วน่ะ" ท่านบอกตัวเองด้วยน่ะ ทีนี้เราก็เหมือนกันน่ะ เราเป็นทาสของพระเยซู เอเมน เราก็บอกพระเยซู "ข้าพระองค์เป็นทาสของพระองค์ พระองค์จะใช้จะทำอะไรก็แล้วแต่ บังคับข้าพระองค์ให้เลิกทำบาป บังคับไปเลย ข้าพระองค์ชอบ ไม่อยากทำอยู่แล้ว" ก็พูดไปน่ะ
และต่อมาสิ่งที่ 7. ก็คือ ท่านใส่ใจในเรื่องการมองทุกสิ่งใหม่หมด คืออะไร? มองบวก ไม่มองลบ มองแต่สิ่งดีๆ ทั้งนั้น ใครจะพูดอะไรให้เรา สิ่งไม่ดีที่เข้ามา คำพูดที่เป็นด้านลบเสียบแทงเรา คือ "เอเมนขอบคุณพระเยซู เสียบแทงมาเลยเจ็บไม่เป็นไร ขอบคุณพระเยซู พระเยซูเจ็บแทน พระเยซูอยู่ในข้าพระองค์ เอเมน เขาทำให้ข้าพระองค์เขาก็ทำกับพระเยซูเหมือนกัน" เราก็พูดไปน่ะ
แต่ความเชื่อยืนยันน่ะ และใส่ใจว่าเราเป็นทาสของพระองค์ เราเป็นคนใหม่ และทุกสิ่งใหม่หมดแล้ว มองทุกสิ่งใหม่หมด ทุกสิ่งใหม่ ทุกคนที่เชื่อ ทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ก็เป็นคนที่ใหม่แล้ว เราก็มองเขาใหม่ เขาเก่าไม่เป็นไร เราไม่มอง แต่เราเชื่อว่าเขาใหม่น่ะ
สุดท้ายก็คือสิ่งที่ 8. ท่านใส่ใจในเรื่องการสนิทในพระเยซูทุกวัน เปาโลน่ะเป็นคนหนึ่งที่เขาพูดได้และเขาก็สอนได้ เขาพูดได้แล้วเขาก็ทำได้น่ะ เปาโลบอกว่า 1 ธส 5:17 จงพูดคุยกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ แน่นอนที่สุดน่ะ ท่านก็ต้องพูดคุยใช่ไหม
เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้น่ะ เป็นสิ่งที่เราควรจะเดินตามแบบอย่างของเปาโล เปาโลทำและเปาโลประสบความสำเร็จ เราก็ต้องทำและเราจะประสบความล้มเหลวใช่หรือไม่? ไม่ใช่น่ะ เราจะต้องประสบความสำเร็จเหมือนเปาโลน่ะ เอเมน.
ผมเห็นพี่น้องหลายคนนะครับเข้าถึงชีวิตผู้ชนะ และขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เมตตาผมที่เป็นคนต่ำต้อยไม่เหมาะสมนะครับ ชีวิตความก้าวหน้าที่ผมได้เห็นนะครับเป็นชีวิตที่ประเสริฐมาก ที่ดีมากๆ มีค่ามากๆ ผมยังอยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนแปลงนะครับ และผมรู้นะครับว่าแน่นอนที่สุดเมื่อพระเจ้าก่อ พระเจ้าจะทำจนสำเร็จ เอเมนไหมครับ
เราทุกคนก็เหมือนกันน่ะ เมื่อพระเจ้าเรียกเรามา มาถึงมานาฯ รับการเปิดตา แน่นอนเราจำกันได้ไหมพระเจ้าเรียกเราพระเจ้าเลือกเรา พระเจ้าชำระเราให้บริสุทธิ์ และพระเจ้านำเราเข้าสู่สง่าราศีในโรมบทที่ 9 น่ะ เพราะฉะนั้นความหวังใจของเราน่ะ เราทุกคนที่ถูกเปิดตา ถูกเลือกมาถึงมานาฯ เป็นอาหารผู้ใหญ่ เราจะเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะไม่ช้าก็เร็ว สรรเสริญพระเยซู แต่สิ่งสำคัญน่ะเราฝึกเดินตามแบบอย่างของเปาโล เอเมน
....
แล้วเรื่องที่ 2. ก็คืออาดัมต้องตาย
คำนี้อาจจะแรงสำหรับหลายคนที่ไม่เข้าใจ แต่เราที่รับมานาฯ และได้ยินคลิปที่ผมเคยทำ "ไปตายสิครับ" คือเราพูดในด้านบวก และเราพูดในสิ่งที่มันเป็นสิ่งที่ควรทำ คือ "ไปตายสิครับ" ถ้าคุณเขาคิดลบนะครับ เขาก็จะไปคิดว่าเราด่าเขา หรือว่าพูดไม่ดีกับเขาใช่ไหม แต่คำว่า "ไปตายสิครับ" ก็คือพระเจ้าบอกเราไปตาย เปาโลก็บอกเราไปตาย ท่านจงตาย ท่านจงนับว่าตาย ไปตายเถอะ
เพราะฉะนั้นอาดัมเป็นชีวิตที่ถูกสาปแช่ง อาดัมเป็นชีวิตที่ตกต่ำ เสื่อมทราม เสื่อมโทรม ป่วยแล้ว (เยเรมีย์ 17:9 มนุษย์ป่วย จิตใจของเขาป่วยแต่เขาไม่รู้ตัว)
เพราะฉะนั้นวันนี้ขอบคุณพระเยซูเรารู้ตัวว่าเราป่วย เรารู้ว่าเราเป็นทาสของความบาป เรารู้ว่าเราเคยเป็นตัวเก่า เคยเป็นเนื้อหนัง ไม่มีอะไรดีสำหรับพระเจ้า เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำ ก็คือ "ไปตาย" ไปตายที่ไหน? ไปตายวันนี้ หรือเมื่อวาน หรือพรุ่งนี้ ไม่น่ะ ยอมรับความจริงว่าเราตายแล้วเมื่อสองพันปีก่อนในพระเยซู พระเยซูตายเราก็ตาย ขอบคุณพระเยซูเราไม่ต้องตายตอนที่บัพติศมาหรือตอนที่เชื่อพระเยซู เราตายแล้วนะครับเอเมน เราตายหรือยัง? ตายแล้วเอเมน
ขอบคุณพระเยซู เราบอกเรานับทุกวัน ว่าข้าพเจ้าตายทุกวัน ข้าพเจ้าตายทุกวัน เราก็จะเห็นอาการตายคืออาการที่อ่อนแอ อาการที่ไม่อยากทำบาป อาการที่ไม่ต้องการที่จะทำบาปอีกต่อไป คือมันเหนื่อยมันเมื่อยล้ามันเหน็ดเหนื่อย นี่คืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อเรานับว่าตาย ตายๆๆๆๆ มันก็อ่อนแอ อ่อนแอๆๆๆ ลงไป และความเข้มแข็งก็เข้ามาแทนที่ก็คือตัวใหม่ คนใหม่เข้ามาแทนที่ เนื่องจากว่าเรานับน่ะ
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ประหารชีวิตเก่าของเรา ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ฆ่าเราทิ้ง แล้วพระองค์ประทานชีวิตใหม่ให้เรา ถ้าไม่ฆ่าชีวิตเก่าทิ้ง ก็ให้ชีวิตใหม่ไม่ได้ ขอบคุณพระเจ้า "ตายเลย" ยอมตาย เพื่อที่จะแลกกับชีวิตใหม่
เพราะฉะนั้นพระเยซูตรัสว่า ถ้าหากท่านยังเสียดายชีวิต ชีวิตเก่า ตัวเก่า จิตเก่า และวิถีชีวิตของโลกนี้ที่อยู่ภายใต้กิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง ที่เคลื่อนเราไป ผู้นั้นจะเสียชีวิต พระเยซูบอก และผู้ใดที่รัก รักชีวิตพระเจ้า ก็จะได้รับชีวิต (ถ้าหากท่านยังเสียดายชีวิต (จิต/ความคิดของจิตต่อเนื้อหนัง) ก็จะสูญเสียมันไป และผู้ที่เกลียดชังชีวิต (จิตเก่า) ก็จะได้รับชีวิต (พระเจ้า) (ยน 12:25-28) ถ้ายังรักโลกก็จะไม่ได้รับชีวิตพระเจ้า)
เราขอบคุณพระเจ้าเราปล่อยมันไป เราทิ้งมันไป ความสุขของโลกนี้ สิ่งที่เป็นสิ่งบันเทิงของโลกนี้ มันเป็นสิ่งชั่วคราว เราต้องทำความเข้าใจกับสิ่งนี้
"พระเยซูชำระข้าพระองค์ ละครซีรี่ย์ หนัง อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นสิ่งบันเทิงมันเป็นสิ่งชั่วคราว เอเมนสิ่งชั่วคราว พระองค์ข้าพระองค์ยังทำใจไม่ได้ ขอพระองค์ชำระ" การชำระก็จะเข้ามา ข้าพระองค์ตายแล้ว ข้าพระองค์ตายแล้ว การชำระก็จะเข้ามา ข้าพระองค์เป็นคนใหม่ เป็นคนใหม่ การชำระก็จะเข้ามา สุดท้ายการทำบาปการรักในโลกก็จะหมดไป เนื่องจากการฝึกของเรา
เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่พระเจ้าทำกับเรา ก็คือ ตาย ไปตาย ขอบคุณพระเยซูที่เราตายแล้ว และขอบคุณพระเยซูที่วันนี้เราจะฝึกตามแบบอย่างที่เปาโลฝึก เพื่อเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะ เอเมน
....
การฝึกที่ไม่ถึงชีวิตผู้ชนะ
ก็คือ 1. ฝึกผิด แล้วก็ไม่เป็นระเบียบ อยู่ใน 2 ธส 3:7 เปาโลพูดเองน่ะว่าพวกท่านฝึกไม่เป็นระเบียบ เราต้องเดินตามแบบอย่างของเปาโลที่ท่านฝึก แล้วจะประสบความสำเร็จ
สิ่งที่ 2. สาเหตุที่ 2 ก็คือ ความรู้ฝ่ายวิญญาณยังไม่พร้อม 1 คร 15:34 เปาโลพูดว่าความรู้ของท่านยังไม่พร้อม เพราะฉะนั้นเราสะสมพระคำที่เป็นความจริง และอาหารผู้ใหญ่ให้มากเท่าที่จะมากได้ และเชื่อในความจริงของพระเจ้า และนำมาฝึกใช้ในแต่ละวัน และในที่สุดเราก็จะไปถึงผู้ชนะ
...
ต่อข้อที่ 2. ก็คือเรื่องตาย อาดัมต้องตาย ตายแล้วได้อะไร?
สรุปก็คือ เราจำกันได้ไหมในโรมบทที่ 6:7 เราตายแล้ว ก็คือเราตายต่อตัวบาป เราหลุดพ้นเป็นอิสระจากตัวบาป ตัวบาปจะครอบคลุมและบังคับเราให้ทำบาปอีกไม่ได้ (โรม 6:7)
และสิ่งที่สองประโยชน์ที่สองที่เราจะได้รับจากการตาย ก็คือเมื่อเราเชื่อว่าเราตาย เราก็ตายจากพระบัญญัติ ซึ่งเราไม่ต้องรักษาพระบัญญัติอีกแล้ว แต่พระคริสต์เป็นคนรักษาพระบัญญัติแทนเราทำแทนเรา (โรม 7:4)
และสิ่งที่สามที่เราได้รับจากการตายต่อตัวเก่า เมื่อเราเชื่อว่าเราตาย เราก็ได้ตายต่อโลกนี้น่ะ เพียงแค่เชื่อน่ะ เรายังรักโลก เรายังทำอะไรก็ทำไป แต่เราเชื่อน่ะ "พระเยซูข้าพระองค์ตายแล้ว ตายต่อโลกนี้แล้ว ตายจากโลกนี้ไปแล้ว" ในที่สุดน่ะเราก็จะไม่มีความต้องการต่อสิ่งที่เป็นของโลกอีก อาการกิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง มันจะค่อยๆ ตายไป ตายไปๆๆๆๆ สุดท้ายก็ไม่มีความปรารถนาไม่มีความต้องการกับมันอีก (กาลาเทีย 6:14)
เราแค่เชื่อน่ะ ว่าเราตายแล้วกับพระเยซู ในพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อน และนับทุกวันน่ะ เราก็จะหลุดพ้นจากสามสิ่งนี้
และอีกครั้ง เรื่องการเกลียดชังบิดามารดา
หลายคนอาจจะคิดว่าพระเยซูทำไมสอนให้เราเกลียดชังพ่อแม่ จริงๆ แล้วในพระคัมภีร์เดิมก็มี พระคัมภีร์ใหม่ก็มีน่ะที่สอนว่าจงรักบิดามารดา และเลี้ยงดูท่าน เพื่อท่านจะได้รับพระพรอย่างมากมาย จำกันได้ไหม
และพระเยซูเองน่ะตอนที่พระองค์ถูกตรึงที่กางเขน พระเยซูตรัสกับท่านยอห์น ท่านยอห์นดูแลแม่เราด้วยน่ะ ดูแลนางมารีย์ด้วย จำกันได้ไหม เพราะฉะนั้นนี่คือความรักที่มนุษย์ควรจะมีต่อพ่อแม่ บิดามารดา แล้วพระเจ้าจะอวยพร
แต่เกลียดชังบิดามารดาก็คือ วิถีชีวิต ความเชื่อ ศาสนา สิ่งที่เขาทำคือเป็นหนทางสู่ความบาปและความตาย ไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า อันนั้นเราต้องเกลียดชัง เหมือนกับที่พระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้าทรงรักโลกใช่ไหม แต่พระเจ้าไม่ได้รักความผิด ความบาป ความชั่วทั้งหลาย พระเจ้ารักมนุษย์น่ะ แต่ไม่ได้รักสิ่งที่เราทำ ขอให้เราเข้าใจตรงนี้
....
และสุดท้ายก็คือเรื่องชีวิตดีๆ
อันที่จริงน่ะสำหรับคนที่มาเชื่อ พระเจ้าจะนำปัญหามาเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเจอปัญหามรสุมชีวิตเป็นประจำน่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ก็คือต้องตายน่ะก็คือไม่ไหวน่ะ แล้วเราจะดูพระคัมภีร์อย่างครบก็คือเราจะพบว่าพระเจ้าจะประทานให้เรา ยัด สั่น แน่น พูน ล้น ในลูกา 6:38 ถ้าหากเราใช้เงินของพระเจ้าเป็น
ใช้เป็นใช้แบบไหน?
1. เรื่องการรับใช้
2. เรื่องการดูแลครอบครัวของเรา
3. เรื่องการดูแลช่วยเหลือคนยากจนขัดสน หญิงหม้าย เด็กกำพร้า
ถ้าเราทำ 3 สิ่งนี้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ เราจะได้รับคืนมา ยัด สั่น แน่น พูน ล้น
ถ้าสมมุติว่าพระเจ้าให้เราเจ๊ง หรือล้มเหลว หรือล้มลง มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเงิน เกี่ยวกับธุรกิจ แต่ถ้าหากเราซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์ในความเชื่อและไม่ทิ้งพระเจ้า เดินไปกับพระเจ้าต่อไป พระเจ้าก็จะตอบแทนอีกหลายเท่า อันนี้เราไม่ต้องดูใครน่ะ เราดูท่านโยบใช่ไหม โยบซื่อสัตย์ไม่ทิ้งพระเจ้า เขาอาจจะบ่น เขาอาจจะโยนความผิดไปให้วันเดือนปีเกิดของเขา ให้ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเขา ว่าไม่ดี แต่เขาไม่โทษพระเจ้า ไม่สาปแช่งพระเจ้า เขาไม่ทิ้งพระเจ้า สุดท้ายเขาก็ได้รับพระพรกลับคืนมาสองสามสี่ห้าร้อยเท่า
เราเองก็เหมือนกัน ชีวิตดีๆ พระเจ้าให้เราน่ะ เรารับมานาฯ พระเจ้าก็ให้เรายิ่งมากน่ะ ยัด สั่น แน่น พูน ล้น เพียงแต่ว่าเราต้องแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าก่อน
จำกันได้ไหม พระเยซูตรัสว่า (มธ 6:25-34) อย่ากระวนกระวาย ถึงอาหารที่จะกิน เสื้อผ้าที่จะใส่ ธุรกิจการงาน การค้าขาย ทำมาหาเลี้ยงชีพ อะไรก็แล้วแต่ อย่าใส่ใจอย่ากระวนกระวาย ไม่ต้องกังวล ทำเท่าที่ทำได้ ทำในพระคริสต์ ให้พระคริสต์ทำแทน แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะประทานสิ่งที่พวกท่านแสวงหาให้ ขอบคุณพระเยซูเอเมน
a. ยอห์น 15:5 พระเยซูตรัสว่า เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นบรรดากิ่ง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นเองก็เกิดผลมาก
- ดูจากหนังสือวิวรณ์ ลักษณะของต้นไม้แห่งชีวิตคล้ายเหมือนต้นองุ่น และในยอห์นบทที่ 15 พระเยซูตรัสว่า “เราเป็น” ไม่ใช่ “เราเป็นเหมือน” หรือ “เราเปรียบเหมือน”
พูดง่ายง่าย ก็คือพระเยซูเป็นต้นไม้แห่งชีวิตและผลไม้แห่งชีวิต พระองค์เป็นเถาองุ่น และเราเป็นบรรดากิ่งที่ต่อติดกับเถา
เราพบว่า "ชีวิต" เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการเปิดเผยให้กับเรา พระองค์ให้เราดำเนิน ชีวิต มีชีวิต อยู่กับชีวิต ต่อติดกับชีวิตเพื่อให้มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ และเกิดผลของชีวิตอย่างมากมาย
b. คำว่า “สนิท” ในที่นี้ ภาษากรีกคือ μένω เม-โน abide, stay, remain, live, living
และคำว่า “ใน” ภาษากรีกคือ ἐν เอ็น คือเข้าไปอยู่ใน / อยู่ใน.../ อยู่ด้วย ...
พูดง่าย ๆ ก็คือ พระเยซูมีพระประสงค์ให้เรา มีชีวิตอยู่ในพระองค์ตลอดเวลา ทุกวัน ทุกเวลานาที
เนื่องจากว่า ในพระคริสต์ คือที่ที่พระเจ้าสร้างให้เป็นที่อยู่ใหม่ของเรา
เมื่อเราเอาชีวิตของเราเข้าไปอยู่ในพระองค์และไม่ออกมา ฝ่ายพระองค์ก็เข้ามาอยู่ในเราและไม่ออกไปไหนเลย
จากนั้นพระคริสต์ก็คิดแทน ทำแทน พูดแทน รักแทน อดทนนานแทนเรา และทำทุกสิ่งแทนเราในเราผ่านเรา ทุกวันนี้เราอาศัยอยู่ในพระคริสต์หรือไม่
a. ชีวิตคืออะไร
- ในจักรวาล มีชีวิตหลายชีวิต สัตว์บ้าง พืชพันธุ์ผลไม้บ้าง มนุษย์บ้าง แต่ทุกชีวิตล้วนเป็นอยู่ชั่วคราว และไม่ครบบริบูรณ์ มีชีวิตเดียวเท่านั้นที่เป็นอยู่ชั่วนิรันดร์ เป็นชีวิตที่ครบบริบูรณ์ คือชีวิตพระเจ้า เป็นชีวิตที่ตายไม่ได้ ไม่มีขีดจำกัด
- พระคัมภีร์กล่าวว่า เมื่อเราเชื่อเราก็ได้รับชีวิตนิรันดร์ ความหมายก็คือ เราได้รับชีวิตพระเจ้าที่เป็นอมตะ ตายไม่ได้ และไม่มีขีดจำกัด
- ชีวิต เป็นของพระเจ้า ชีวิตเป็นพระเจ้า ชีวิตเป็นพระบิดา ชีวิตเป็นพระเจ้าพระบุตร และชีวิตเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ ชีวิตเป็นพระวาทะ
b. พระเจ้าสามพระภาค เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับวิญญาณของเรา
- คำว่า “เชื่อ และ ท่านจะมีชีวิตนิรันดร์” ชีวิตนิรันดร์ คือชีวิตพระเจ้าทั้งสามพระภาครวมกันเป็นหนึ่งเดียวที่เข้ามาอยู่ในเรา และเมื่อเข้ามาอยู่ในเรา เราก็เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าสามพระภาคแล้ว
- การมีชีวิตอยู่ร่วมกับพระเจ้าสามพระภาค เราสามัคคีธรรมกับพระองค์ เราเข้ามาทางพระโลหิต เรารับการหล่อเลี้ยงด้วยชีวิตพระเจ้าเทเข้ามาในวิญญาณแพร่ขยายไปสู่จิตเพื่อพลังและสันติสุขเป็นระยะๆ
- ยอห์น 15:1-5 สนิทในพระองค์ และพระองค์สนิทในเรา แล้วเราจะเกิดผลมาก
เอเมนขอบคุณพระเยซู สองเรื่องที่สำคัญที่จะนำเราไปถึงชีวิตผู้ชนะ และเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ทั้งเรื่องสนิท และเรื่องชีวิต
การสนิทเป็นหัวใจของพระเจ้า เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ คือการสนิท ภาษากรีกเรียกว่า μένω เม-โน abide, stay, remain, live, living และคำว่า “ใน” ภาษากรีกคือ ἐν เอ็น คือเข้าไปอยู่ใน / อยู่ใน.../ อยู่ด้วย ...
คำเหล่านี้ก็คือ การอาศัยอยู่ในพระคริสต์ การอยู่ในพระคริสต์ อยู่กับพระคริสต์ อยู่ร่วมกันกับพระคริสต์ อยู่ด้วยกันกับพระคริสต์ มีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ ซึ่งเล็งถึงการที่เราสนิทใกล้ชิด สนิทชิดเชื้อกับพระองค์ เป็นคนที่ใกล้ชิดกัน พูดง่ายๆ ก็คือเป็น "คนรัก" คำนี้จะชัดเจนกว่า พระองค์ต้องการคนรัก พระองค์ต้องการมีมิตรสหาย เพื่อน เราเป็นให้พระองค์ได้ทั้งเพื่อน ทั้งมิตรสหาย ทั้งคนรักทั้งเจ้าสาว
จริงๆ แล้วพระเจ้าสร้างทูตสวรรค์ มีทูตสวรรค์มากมายเต็มโลกเต็มจักรวาล แต่พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้เป็นบุตรของพระองค์ มีพระฉายาของพระองค์ และพระเจ้าสร้างเพื่อที่จะให้มนุษย์กับพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน พระเจ้าและมนุษย์ เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกัน ตอนนี้เป็นหนึ่งแล้วนะครับ พระเจ้ากับมนุษย์เป็นหนึ่งแล้ว แยกกันไม่ได้แล้ว
และสิ่งที่พระเจ้าต้องการ ก็คือให้เราปักใจมาที่พระองค์ หันความคิด หันจิต หันความรู้สึก หันทุกสิ่งทุกอย่าง ไปปักใจในพระองค์ และถ้าหากเราปักใจในพระองค์นะครับ สิ่งที่เราได้รับก็คือชีวิตและสันติสุข (โรม 8:5-7)
แต่ถ้าหากเราปักใจไปในฝ่ายเนื้อหนัง หรือปักใจออกไปจากพระองค์ ไม่สนใจพระองค์ ก็คือเข้าไปสู่ความบาปและความตาย และกลายเป็นศัตรูกับพระเจ้า
เพราะฉะนั้นการสนิทในพระเยซู การปักใจในพระวิญญาณในฝ่ายวิญญาณ อยู่กับพระเยซู อาศัยในพระเยซู สนิทในพระเยซู สิ่งที่เราจะได้รับในการหล่อเลี้ยงในแต่ละวัน ในแต่ละช่วง แต่ละเวลานาที ก็คือชีวิตและสันติสุข ขอบคุณพระเยซู
เพราะฉะนั้นสนิทในพระเยซูเป็นเรื่องที่ง่ายๆ เป็นสิ่งที่ง่ายไม่ได้ยากอะไร คือเอ่ยปาก "เอเมนพระเยซูข้าพระองค์สนิทในพระองค์ เอเมนพระเยซูข้าพระองค์รักพระองค์" คือการหันความสนใจ หันจิต หันความคิดเราปักใจใส่พระวิญญาณในฝ่ายวิญญาณแล้ว สนิทแล้ว ง่ายๆ
ทุกครั้งที่เราเหนื่อย เรากลับมาสนิทในพระเยซู
ทุกครั้งที่เราอ่อนแอ เรากลับมาสนิทในพระเยซู
วิธีการสนิทก็คือ เอ่ยปาก พูดน่ะว่า "เอเมนพระเยซูข้าพระองค์อยู่ในพระองค์" แค่นี้นี่เอง ไม่ต้องเดินไปไหน ไม่ต้องพยายามทำอะไร ไม่ต้องชำระตนให้บริสุทธิ์ หรืออธิษฐานเฝ้าเดี่ยว อดอาหารก่อน ไม่ใช่น่ะ. "เอเมนพระเยซูข้าพระองค์อยู่ในพระเยซูแล้ว เอเมนขอบคุณพระเยซู" คือตื่น ตื่นจากความไม่จริง มาสู่ความจริง
และการสนิทเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการ เป็นสิ่งที่พระเจ้ามีพระประสงค์ให้มนุษย์ตั้งแต่เริ่มแรก คือการเดินไปกับพระเจ้า พระเจ้าต้องการคนที่เดินไปกับพระองค์
และเราทุกวันนี้ เราได้เปรียบเพราะว่าอะไร? พระองค์เปิดเผยความจริงนี้กับเรา และพระองค์มาอยู่ในเรา มาอยู่กับเรา พระเจ้าสามพระภาค และพระองค์ต้องการให้เราสนิทในพระองค์ และเมื่อเราสนิท ผลที่ได้รับก็คือมงกุฎ คือการเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักร ไม่ต้องมีผลงาน ไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องฉลาด ไม่ต้องทำอะไรเพื่อพระเจ้าอย่างมากมาย แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการก็คือ การสนิท การบอกรัก การพูดคุย การสนทนา การเป็นเพื่อนมิตรสหาย เป็นเจ้าสาวของพระองค์ที่น่ารักกับพระองค์ เอเมน
เรื่องนี้เราย้ำบ่อยมาก แล้วก็เชื่อน่ะว่ามีพี่น้องบางคนอาจจะเข้าใจ และบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจน่ะ คำว่า ชีวิต ไม่เกี่ยวกับศาสนา ตอนที่เราเป็นคริสเตียนใหม่ๆ เราคิดว่าเราเป็นศาสนาคริสต์ เรานับถือศาสนาคริสต์
จริงๆ แล้วการเชื่อพระเจ้า การมีพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศาสนา หลักคำสอนศาสนาต่างๆ ไม่ใช่เราและเราก็ไม่ใช่เขา เราไม่ใช่ศาสนาคริสต์
คือการดำเนินชีวิต ที่มีชีวิตของพระเจ้า เข้ามาเป็นชีวิตของเรา เป็นเรื่องของชีวิต และการดำเนินชีวิตของเราจะต้องอยู่ในรูปแนวของชีวิต ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติ การพยายามรักษาชีวิต การเชื่อฟัง การถวายสิบลด การรับใช้ การตื่นนอนตอนเช้าเพื่อไปรับใช้ ขยัน อะไรก็แล้วแต่ การกระทำเหล่านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิต เราใส่ใจที่ชีวิต รับชีวิต รับชีวิตเข้ามา รับเข้ามาๆๆๆ
รับยังไง? เปาโลและเปโตรบอกว่า ท่านทั้งหลายจงเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน
การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน เราต้องทำอะไร? "เอเมนพระเยซู" เท่านี้เอง เชื่อว่าได้รับ ก็ได้รับ หายใจเข้าออกรับเข้ามา รับชีวิตเข้ามา อ่านพระคำพระเจ้า อ่านพระคัมภีร์ หรือฟังคลิปมานาฯ หรือใครก็แล้วแต่ที่พูดถึงเรื่องมานาฯ นมัสการพระเจ้า ก็คือเชื่อและรับว่าเป็นอาหาร เป็นชีวิต ที่เข้ามา มากขึ้นๆๆๆ และในวันนี้ตอนนี้ที่เราฟังอยู่ เราก็เชื่อว่าเรารับชีวิตเข้ามา ถ้าหากเราเชื่อเราก็จะได้เห็น
อีกครั้ง การดำเนินชีวิตคริสเตียน ทำอะไรก็แล้วแต่ เราเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ จบลงก็ด้วยความเชื่อ ต้องการอยากเห็นอาหารฝ่ายวิญญาณ อาหารแห่งสวรรค์ ที่ผ่านพระคำพระเจ้า ผ่านคำพูดของผู้เผยพระวจนะ เราจะเห็นชีวิตของพระเจ้านะครับเข้ามา เข้ามาๆๆ เต็มล้นๆๆๆๆ สุดท้ายชีวิตของพระคริสต์ก็เต็มล้นในเรา
และเราก็ใส่ใจในเรื่องของการใช้ชีวิต อยู่กับชีวิต อยู่กับชีวิต เกี่ยวกับชีวิต ดำเนินชีวิตเป็นรูปแนวชีวิต
และรูปแนวชีวิต สิ่งที่สำคัญ ก็คือการสร้างความผูกพัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกันระหว่างเรากับพระเจ้า และเรากับพี่น้อง อย่าไปมองน่ะว่า เออ พระเจ้าจะตีสอน พระเจ้าจะลงโทษ เธอเป็นแบบนี้ เธอเป็นแบบนั้น อันนั้นไม่ใช่ชีวิตอันนั้นเป็นศาสนาแล้ว ถ้าหากเราไปที่ไหนแล้วมีการพูดถึงเรื่องการทำดี การทำไม่ดี คิดว่าต้องรักษาชีวิต คิดว่าต้องเชื่อฟัง ต้องถวาย ต้องเป็นแบบนี้ต้องเป็นแบบนั้น ต้องทำ ทำๆๆๆๆ คือไม่ใช่ชีวิตแล้ว
ชีวิต ก็คือพระเจ้าประทานชีวิตให้เรา ให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เต็มล้นด้วยชีวิตของพระเจ้า แล้วเราสำแดงชีวิตของพระเจ้าออกมา เพื่อโลกจะได้เห็นพระคริสต์ ไม่ใช่เห็นเรา น่ะ คือการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่แท้จริง และถ้าหากเราอยากเป็นผู้ชนะ เราต้องใส่ใจ เรียนรู้ แยกแยะ คำว่า ชีวิต และ ศาสนา ไม่เหมือนกัน และไม่เกี่ยวอะไรกัน
เราเน้นที่การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน สรรเสริญ อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน หายใจเข้าออก เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ที่เราทำ ก็คือการรับชีวิตของพระเจ้าเข้ามามากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นๆๆๆ นี่นะครับเรียกว่าจงเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน เราจะเห็นว่าชีวิตพระเจ้าที่ทรงพลังเกิดผลในเรา เราจะเห็นว่าสันติสุขที่ไม่กระหายอีกเลยเคลื่อนไหวในเรา เราจะเห็นว่าชีวิตที่เบาสบาย ใจเย็น ใจพระเจ้านะครับ เรามีประสบการณ์กับชีวิตนั้น เอเมน
อีกครั้งขอย้ำ เรื่องสนิทและเรื่องชีวิต เป็นสิ่งที่เราควรจะเรียนรู้มากกว่านี้ เพราะฉะนั้นเรามีโอกาสที่จะคุยกันหลังจากที่สัมมนาเสร็จแล้ว เรายังคุยกันต่อ เรายังถามต่อ เกี่ยวกับเรื่องชีวิต ชีวิตอะไร ชีวิตยังไง ชีวิตแบบไหน แล้วรูปแนวชีวิตคืออะไร รูปแนวศาสนาคืออะไร แตกต่างกันยังไงนะครับ เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน และขอพระวิญญาณเปิดตาเรามากขึ้น เพื่อการดำเนินชีวิตสู่ชีวิตผู้ชนะจะมาถึงเรา
แต่ก่อนอาจารย์ผู้นำในคริสตจักรศาสนาและผมเองก็เคยเป็น เราเชื่อว่าการสนิทในพระเยซู ก็คือการรับใช้ ยิ่งรับใช้เท่าไหร่ ยิ่งสนิทมากเท่านั้น ยิ่งรับใช้เท่าไหร่ ยิ่งเฝ้าเดียวตื่นนอนตอนเช้าตื่นตี 4 ตี 5 ไปเฝ้าเดี่ยวที่คริสตจักร อดหลับอดนอนแล้วก็เหนื่อย แล้วคิดว่านี่คือการกระทำที่สนิทในพระเจ้า แต่จริงๆ แล้วเราอยู่ห่างไกลพระเจ้ามาก แต่ก่อนเราก็คิดว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่ในเรา พระองค์อยู่ที่บนฟ้าสวรรค์ใช่ไหมครับ แต่ตอนนี้น่ะพระองค์ขยับเข้ามาใกล้ๆ เราและให้เราสนิทในพระองค์
ขอบคุณพระเยซูสำหรับมานาที่ซ่อนไว้ และขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นผู้ที่เปิดเผย และเป็นเจ้าของมานาฯ และเป็นมานาฯ เอง เอเมน.
ถาม.
มีพี่น้องฝากถาม เขาบอกว่า ยุ่งมาก ไม่มีเวลาสนิท
ตอบ.
เขาฝากบอกมานะครับ
นี่คือการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับ คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เร้าใจเขาให้มาบอกพวกเรา และเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องอธิษฐานเผื่อเขา การทำงานของพระเจ้านะครับ
1. ผ่านการอธิษฐานของพี่น้องพระกาย
2. ก็คือพระเจ้าทำงานกับเขาเอง
แต่งานนี้นะครับคืองานที่ต้องมีเรานะครับ ต้องมีพระกายมามีส่วน ก็คืออธิษฐานเผื่อเขา บอกชื่อเขากับพี่น้องแล้วก็อธิษฐานเผื่อเขาเป็นประจำนะครับ เดี๋ยวพระเจ้าจะทำให้เขาไม่ยุ่งแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีอะไรทำ จนสุดท้ายนะครับมีเวลาว่างให้พระเจ้ามากนะครับ เอเมน
...
ถาม.
ไม่แน่ใจว่าตรงกันไหมกับคำถามคำตอบ ก็คือหมายถึงว่า เขาบอกว่า ทำนู้นทำนี่ มีงานเยอะทำนู้นทำนี่จนยุ่งไปหมด จนไม่รู้ว่าเวลาแบบนั้นจะสนิทได้อย่างไร
ตอบ.
ต้องขอโทษนะครับคำตอบอันแรกไม่ใช่นะครับ
คำตอบที่สองก็คือ การสนิทในพระเยซูไม่ได้หมายความว่าเราต้องนั่งนิ่งๆ หรือนั่งอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง หรือไม่ต้องทำอะไรเลยนะครับ
การสนิทคือตื่นนอนตอนเช้า เราทำอะไรก็แล้วแต่ แปรงฟัน ล้างหน้า อาบน้ำ เราพูดคุยกับพระเยซูนะครับ จำกันได้ไหมที่ผมเคยให้พี่น้องบางคนแสดงละคร คือแปรงฟันอยู่ก็บอกว่า เอเมนขอบคุณพระเยซูรักพระองค์ ล้างหน้าก็เอเมนรักพระเยซู รักมาก พระองค์เป็นน้ำแห่งชีวิต เป็นน้ำมันเย็นฉ่ำมันชื่นใจทำให้มีสันติสุข ขอบคุณพระเยซู ก็เปรียบเปรยก็เปรียบเทียบก็พูดอะไรแล้วแต่นะครับ
แล้วก็ไปทานข้าว ทำงาน ทำธุรกิจ ทำบัญชี ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้อะไรก็ช่างนะครับ คือส่วนที่เราทำก็ทำต่อไป แต่จิตส่วนหนึ่งนะครับเราสนิท บอกรัก พูดคุยกับพระเยซู คือเราทำ 2 สิ่งในเวลาเดียวกันได้ ผมเชื่อนะครับทุกคนทำได้มันเป็นสิ่งที่ง่ายมากนะครับ เราขับรถเราก็ขับอยู่นะครับ ตาก็มองอยู่มองถนน แต่ในความคิดนะครับก็คือ "เอเมนพระเยซูขอบคุณพระองค์ พระองค์ทำแทน ขอบคุณพระเยซูที่ให้ทูตสวรรค์รักษาความปลอดภัย ขอบคุณพระเยซูที่วันนี้จะใช้ข้าพระองค์ไปบ้านนี้ ไปที่นี่ ไปที่นั่น" ก็พูด ก็คุยกับพระเยซู
การสนิทในพระเยซูไม่ต้องนั่งนิ่งๆ นะครับ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ใช่ครับ. คือสนิทและทำในสิ่งที่เราทำต่อไป แต่ให้พระองค์มีส่วน พูดคุย บอกรัก สนิท ถามพระเยซู ขอให้พระเยซูให้คำปรึกษาที่ดี เราจำกันได้นะครับพระเยซูเป็นผู้ปรึกษาที่ดีของเรา เอเมน
แต่ก่อนไม่มีใช่ไหมที่เราจะคิดแบบนี้ ตอนที่เป็นคริสเตียนศาสนา ก็คือต้องหาที่พักที่สงบๆ คือมีห้องที่เตรียมไว้สำหรับพระเจ้า ตอนที่ผมอยู่อเมริกานะครับก็คือ มีห้องหลายห้องนะครับ และห้องหนึ่งน่ะก็คือใช้เพื่อเรียนพระคัมภีร์ ใช้เพื่ออธิษฐาน เฝ้าเดี่ยว ทำเป็นห้องเลยนะครับเป็นห้องเดียว แล้วอยากจะสนิทในพระเยซูอยากเข้าเฝ้าอยากพูดคุยกับพระเยซู ก็ไปห้องนั้น และพอออกมานะครับก็คือ ออกมาจากพระเจ้า คือเดินหนีจากพระเจ้า ก็มาใช้ชีวิตเหมือนเดิม อันนี้ไม่ใช่การสนิทครับ การสนิทก็คือพูดคุย สนทนา บอกรัก ขณะที่เราทำอย่างอื่นอยู่ ทำไปพร้อมกันครับ
ถาม.
ความแตกต่างระหว่างการดำเนินชีวิตคริสตจักรในรูปแนวของศาสนา กับในรูปแนวของชีวิต คืออย่างไรครับ
ตอบ.
ความแตกต่างมีเยอะมากครับ การที่จะนมัสการพระเจ้า รับใช้ ปรนนิบัติ หรือร่วมกันในฐานะของคริสตจักรที่เกี่ยวกับชีวิตนะครับ เน้นที่ความสัมพันธ์ ความผูกพัน เอาความรักเป็นหลัก ความรักเป็นใหญ่ ความรักต้องมาก่อนเพื่อน การตำหนิ การตัดสิน การลงโทษ ไม่มีนะครับ ถ้าสมมุติว่ามีการตัดสินลงโทษ ก็คือด้วยความรัก ด้วยใจอ่อนสุภาพ การตักเตือน การว่ากล่าว ก็คือด้วยความรัก ด้วยความอ่อนสุภาพนะครับ
และเรามองทุกคนใหม่หมด เน้นชีวิตเป็นหลัก คือให้พี่น้องที่เข้ามานะครับคือมันมีความแตกต่างอยู่อย่างหนึ่งน่ะ การอยู่ในคริสตจักรที่มีชีวิต ก็คือไม่อบอ้าว คืออบอุ่นใช่ไหม
ถ้าไปในคริสตจักรศาสนารูปแนวศาสนา เราเข้าไปปุ๊บเราจะรู้สึกอบอ้าว คืออบอ้าว คือร้อนอกร้อนใจ คือไม่สบายใจ ไม่มีความสุข
ยกตัวอย่างการมองพี่น้องนะครับ พี่น้องก็จะมองหรือแยกกลุ่ม หรือชนชั้น หรือคนนู้นคนรวย คนนี้คนจน หลายเรื่องนะครับ แล้วก็คำสอนนะครับ คำสอนก็แตกต่าง ก็คือการสอนเขาจะเน้นที่การปฏิบัติ การทำ การรับใช้ ถ้าไม่อย่างนั้นจะต้องถูกลงโทษ พระเจ้าจะต้องตีสอน ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่รอด คือสิ่งเหล่านี้ก็คือเป็นคำสอนที่ในรูปแนวของศาสนา ที่เน้นเรื่องการกระทำ เรื่องการปฏิบัติ
แต่สำหรับเรื่องชีวิตนะครับ คือพระเจ้าเข้าใจ เราป่วย ไม่เป็นไร ทำตามขนาดของความเชื่อ ทุกสิ่งที่เปาโลพูดน่ะ เป็นเรื่องของรูปแนวชีวิตทั้งนั้น เอเมน
สิ่งที่เป็นประเด็นเป็นเรื่องใหญ่ที่บ่งบอกว่าเป็นความแตกต่างระหว่าง ศาสนาและชีวิต ก็คือเน้นที่ความรักเป็นหลัก ความรักเป็นใหญ่ ไม่ตัดสินกัน ค่อยๆ เลี้ยงดู เสริมสร้าง ล้างเท้ากันไป ทำตามขนาดของความเชื่อครับ
แล้วก็เน้นที่ไม่มีใคร เด่น ดี ดัง เกินใคร ทุกคนเป็นพี่น้องในพระคริสต์ เป็นน้องๆ ของพระเยซู ไม่มีใครเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่นะครับ คือผมนะครับเป็นอาจารย์มีของประทานในการเป็นอาจารย์ แล้วก็หลายคนนะครับ อาจารย์ในที่นี้นะครับ ก็คืออาจารย์ที่ต่ำต้อย เป็นผู้เลี้ยงแกะ เป็นคนที่ไม่ถือตัว ไม่อวดตัว ไม่อวดเก่ง (อวดดี อวดฉลาด ไม่ฟังใครเนี้ย อันนี้ไม่ควรทำนะครับ) เราเป็นอาจารย์ผู้ต่ำต้อย และเป็นอาจารย์เป็นครูสอนนะครับ ซึ่งเรารักพี่น้องและมองพี่น้องเท่ากับเราเท่ากัน แต่มีผู้ยิ่งใหญ่คนเดียวเป็นเจ้านายผู้เดียวเป็นศีรษะคนเดียว ก็คือพระเยซู
คือเราเดินเข้าไปในคริสตจักรชีวิต เราจะรู้สึกว่าได้รับชีวิต เริ่มเลยน่ะได้รับชีวิต ชีวิตน่ะเริ่มแพร่กระจายเคลื่อนไหวในคริสตจักร เราจะเห็นความรักฟุ้งซ่าน เห็นอาการของชีวิตมันโกลว์ (glow) มันเต็มล้นเกิดขึ้นนะครับ
แต่ไม่เหมือนกับคริสตจักรศาสนา เราเข้าไปปุ๊บเนี้ยะจะรู้สึกว่า มันเงียบเหงาเหมือนป่าช้าก็มีน่ะบางครั้ง แล้วก็บางครั้งก็แบบมันไม่มีใครเป็นมิตรเรา ไม่มีใครสนใจเรา เราเข้าไปเหมือนโดดเดี่ยวเดียวดาย แล้วก็สายตาก็มองเราแบบแปลกๆ ใช่ไหม แล้วก็คำเทศนาก็ตัดสินเรา คือเรากลัวไปหมดนะครับ มันอบอ้าวมันอยู่ยาก นี่แหละคือคริสเตียนหรือคริสตจักรศาสนา อันนี้เราทุกคนมีประสบการณ์กันแล้วใช่ไหมในคริสตจักรศาสนานะครับรูปแนวศาสนา
แต่คริสตจักรชีวิต ก็คือเราเข้าใจกัน อะลุ่มอล่วย เอาความรักเป็นหลัก เอาความรักเป็นใหญ่
แล้วก็ผู้รับใช้นะครับที่มีภาระใจที่จะก่อตั้งคริสตจักร น่าจะต้องมีสองสามคนที่มีหัวใจมีความคิดอันเดียวกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อที่จะรักษาคริสตจักร และก่อตั้งคริสตจักร และทำให้คริสตจักรเติบโต ต้องมีสองสามคนที่มีหัวใจเดียวกัน มานั่งคุยกัน สามัคคีธรรมนะครับ บอกว่า พระเยซูเราจะทำแบบไหน เราจะทำยังไง และสามคนนี้นะครับก็คือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงๆ ไม่ต้องการเป็นใหญ่ ต้องการให้คริสตจักรของพระเยซูเที่ยงแท้เกิดขึ้น
ก็อธิษฐาน นมัสการร่วมกัน สามัคคีธรรมร่วมกัน และชวนพี่น้องมานะครับ และรูปแนวชีวิต ก็คือใช้ อย่างที่ผมพูดนะครับใช้ความรักเป็นหลัก และคำสอนก็คือเอาคำสอนที่ไม่มีเชื้อมาแบ่งปัน มาเผยพระวจนะ
ถ้าเป็นไปได้นะครับมีโอกาสผมจะทำคลิป แล้วก็อธิบายเรื่องเกี่ยวกับการก่อตั้งคริสตจักรตั้งแต่แรก จนถึงคริสตจักรเติบโตนะครับ ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ทำยังไงบ้าง ทำแบบไหน วิธีที่จะทำให้เป็นคริสตจักรที่มีชีวิต
ซึ่งสำหรับคำอธิษฐานนะครับผมเห็นพี่น้องเราอธิษฐานบ่อย ยังอธิษฐานอยู่ก็คือ (เราถวายพระองค์ด้วยตัวใหม่ เราทุกคนใหม่แล้ว) อันนี้คือถ้าเราอยู่ในคริสตจักรที่มีชีวิตนานแล้วนะครับ เราจะไม่พูดสิ่งนี้นะครับ สำหรับพี่น้องที่เป็นพระกายเที่ยงแท้ที่เป็นคริสตจักรผู้ชนะในอเมริกาเขาจะหยุดพูดนะครับ (เป็นคนใหม่แล้ว ขอถวายตัวใหม่) ไม่น่ะ เราบอกว่า "ขอถวายชีวิตนี้ให้พระองค์" เพราะว่ามันใหม่แล้วไง รู้แล้วว่าใหม่ และชีวิตที่ถวายเนี้ยะก็คือใหม่ ทุกคนก็รู้แล้วนะครับ แต่การสั่งสอน การเผยพระวจนะ การแบ่งปันนะครับอันนี้เป็นจุดที่สำคัญที่เราอธิบายกับพี่น้องที่มาใหม่ให้รู้ว่าการถวาย การนมัสการ การทำทุกสิ่ง การรับใช้ การทำด้วยตัวใหม่คนใหม่ แล้วคนใหม่มาจากไหน ก็อธิบายนะครับ
สำหรับผมเองนะครับประสบการณ์ชีวิตคริสเตียน 18 ปี ที่อยู่ในสังคมคริสเตียนศาสนา ผมไม่เคยพอใจในคริสตจักรของพระเจ้า ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน กลุ่มไหน คณะนิกายไหน ผมไปมาหลายคณะหลายนิกาย คืออยากเติบโตไง อยากเป็นคริสเตียนที่ดี อยากไปโบสถ์ที่ช่วยให้ผมเติบโตเป็นคริสเตียนตามน้ำพระทัย แต่สุดท้ายนะครับก็คือล้มเหลวไม่เคยเจอคริสตจักรที่ผมพอใจ แล้วก็ไม่ใช่ด้วย มันไม่ใช่ แล้วเราทุกคนก็รู้ดีใช่ไหมว่ามันไม่ใช่นะครับ อันนี้ไม่ได้ตำหนิเขานะครับแต่เป็นความจริงเราพูดความจริงนะครับ
คือกลุ่มไฟผมก็ไปมาแล้ว แล้วก็เป็นผู้นำด้วยนะครับ คือไปชวนพี่น้องนะครับพูด แล้วก็เกี่ยวกับไฟเนี้ยะคือผมร้อนแรงมากเป็นคนที่ร้อนแรงร้อนรนมาก แล้วก็ภาษาแปลกๆ โอ้ ผมคือมันเต็มที่นะครับ และสุดท้ายนะครับก็ไปอยู่ในคริสตจักรแบ๊บติสต์คริสตจักรที่เน้นความรู้ ก็ไม่มีอะไร สุดท้ายไปหลายคริสตจักรก็ยอมแพ้นะครับ ก็ยอม ก็บอกพระเจ้าว่าจะไม่ไปล่ะ ไม่เข้าโบสถ์ไม่ไปโบสถ์ คือแค่เชื่อพระเยซูก็พอแล้วโอเค
แต่สุดท้ายนะครับก็คือ..
รู้ว่าพระเยซูต้องการให้มีคริสตจักรเที่ยงแท้
เราต้องการพระกาย พระกายต้องการเรา
เราอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายไม่ได้
พระเจ้าสร้างเรามานะครับ เพื่อให้ดำเนินชีวิตในพระคริสต์ สำแดงพระคริสต์ แต่ยังไม่พอนะครับ
พระเจ้าสร้างเรามาเพื่อให้มีคริสตจักร อยู่ในคริสตจักร และมีส่วนในคริสตจักรของพระองค์ เอเมน