เราขอบคุณพระเยซูสำหรับความรักที่ยิ่งใหญ่ ที่พระองค์ประทานแก่เราทั้งหลาย เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์มีพระเมตตาต่อเราทุกๆ คน ขณะที่เราทั้งหลายเป็นคนบาปพระองค์นำความชอบธรรม นำการไถ่ นำความบริสุทธิ์ นำความรักของพระองค์มาสู่เรา และช่วยเหลือเรา ไถ่เราให้ได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า กลายเป็นคนชอบธรรมบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระองค์ สรรเสริญพระเยซูพวกเรารักพระองค์
เราขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์เปิดเผยความเข้าใจ ให้เราได้เห็นความจริงแห่งพระคำพระเจ้า ผ่านเปาโลที่มาถึงพวกเราโดยหนังสือกาลาเทีย ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับหนังสือกาลาเทียบทที่ 4 และความเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับการได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า ผ่านความเชื่อ
เราขอบพระคุณพระบิดาที่ยิวเป็นแค่ประชากรของพระเจ้า แต่เราเป็นบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง ผ่านเมล็ดของพระเยซูคริสต์ สรรเสริญพระเยซูพวกเราจึงเป็นมนุษย์วิญญาณ พวกเราจึงเป็นเชื้อสายของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณแล้ว และพร้อมที่จะรับมรดกทุกประการที่พระองค์ประทานให้
และขอบพระคุณพระเจ้าที่นำเรามาถึงการเปิดตา และให้ได้เข้าใจถึงพระคำล้ำลึกของพระองค์ เพื่อรับมรดกอย่างครบถ้วนทุกประการ และเข้าสู่ชีวิตที่มีประสบการณ์ในมรดกเหล่านั้น ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ สรรเสริญพระเยซูพวกเรารักพระองค์
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับในพระคัมภีร์ใหม่มีหนังสือ 4 เล่ม ที่มีความสำคัญมากต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียน และการอยู่ร่วมกันในสภาพของคริสตจักร อีกครั้งหนังสือ 4 เล่มนี้มีความหมายมีคุณค่ามากต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียน และต่อการอยู่ร่วมกันในสภาพของคริสตจักร ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เปิดเผยต่อเปาโล และผู้ที่จะเข้าใจความหมายฝ่ายวิญญาณ ก็จะต้องรับการเปิดเผยโดยพระวิญญาณเหมือนกัน
ผมนะครับก็เคยพลาด พวกเราก็เคยพลาด หลายคนก็เคยพลาด และก็ยังพลาดอยู่ เรื่องเราประมาท เราอ่านพระคัมภีร์เราคิดว่าแค่อ่านก็เข้าใจ คือเปิดพระคัมภีร์เมื่อไหร่ก็อ่านก็ได้รู้ได้เข้าใจแค่นั้นก็ไม่มีอะไร แต่ขอบพระคุณพระเจ้ามาถึงวันนี้ ณ บัดนี้ ตอนนี้ เราเห็นแล้วว่าในพระคัมภีร์มีข้อลับลึกมากมาย ในพระคัมภีร์มีความหมายที่ซ่อนเร้น มีความหมายฝ่ายเนื้อหนัง และฝ่ายวิญญาณ
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เมตตาเรา เลือกเราให้เข้าสู่การเปิดตาฝ่ายวิญญาณได้เห็นได้รู้ และได้รู้ รู้ ถึงความหมายที่แท้จริงและประสบการณ์ที่พระองค์นำมาสู่เราโดยพระวิญญาณของพระคริสต์ ขอบพระคุณพระเยซูหนังสือ 4 เล่มดังกล่าวที่ผมพูดถึง ก็คือหนังสือกาลาเทีย หนังสือเอเฟซัส หนังสือฟีลิปปี หนังสือโคโลสี
หนังสือเอเฟซัส เปิดเผยเรื่องพระคริสต์และพระกายของพระองค์ ก็คือ Christ and the Body
ส่วนหนังสือโคโลสี พูดถึงเรื่องพระคริสต์ในฐานะของศีรษะของพระกาย ก็คือ Christ as the head of the Body
ส่วนหนังสือกาลาเทีย ก็คือพูดถึงเรื่องพระคริสต์ผู้ที่จะเข้ามาแทนทุกสิ่งในชีวิตของเรา ในทุกเรื่องทุกด้านทุกส่วน Christ is Everything และที่สำคัญ ก็คือพระคริสต์เป็นผู้ที่จะมาเพื่อดำเนินชีวิตแทนเรา สรรเสริญพระเยซู
ส่วนหนังสือเล่มที่ 4 สุดท้าย ก็คือหนังสือฟีลิปปี ที่กล่าวถึงประสบการณ์ชีวิตที่พระคริสต์ดำเนินชีวิตแทนเรา Experience of life in Christ ก็คือถ้าหากเราเรียนรู้หนังสือฟีลิปปี เราจะเห็นว่าการมีพระคริสต์ทำแทนจะมีลักษณะแบบไหนเป็นยังไง
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือกาลาเทียในวันนี้ เป็นหนังสือที่ช่วยให้เราได้รู้และเข้าใจอย่างชัดเจน เรื่องพระเยซูกับศาสนาของมนุษย์ God's Son versus Man's Religion พระเยซูกับศาสนาของมนุษย์แตกต่างกัน ไม่เหมือนกัน
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทุกวันนี้เราไม่ใช่ศาสนาคริสต์ เราไม่มีศาสนา คำว่าศาสนา ก็คือสิ่งที่มนุษย์ก่อตั้ง มนุษย์สร้างขึ้น แต่ขอบคุณพระเจ้า เรามีพระเยซู เรารักพระเยซู เรามีความผูกพันสนิทกับพระเยซู เป็นความผูกพันในลักษณะของบุตรทั้งหลายของพระเจ้าของพระบิดา เอเมน
เพราะฉะนั้นถ้ามีคนจะถามเราว่าคุณศาสนาอะไร เราบอกว่าไม่มีศาสนา แต่เราเชื่อพระเยซู เราวางใจในพระเยซู ที่พระองค์ลงมาตายเพื่อไถ่โลก เราเชื่อในพระบิดาที่พระองค์เป็นพระผู้สร้างจักรวาลสร้างโลกและสร้างมนุษย์ สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง เพราะฉะนั้นเราไม่มีศาสนาครับผม
และเรื่องที่สองที่หนังสือกาลาเทียพูดถึง ก็คือเปิดเผยให้เราได้เข้าใจว่า ขอบคุณพระเจ้าการมีพระเจ้า ก็คือเข้าสู่ชีวิตที่เป็นไทในพระคริสต์ และชีวิตที่เป็นทาสที่อยู่ใต้พระบัญญัติ ซึ่งเมื่อก่อนเราอยู่ใต้พระบัญญัติ เราเชื่อพระเยซู เราอ่านพระคัมภีร์ เราเห็นว่ามีพระบัญญัติ 10 ประการ เราเห็นอะไรมากมายที่ในพระคัมภีร์เดิมสั่งให้ชาวยิวทำ เราก็เอามาทำ เอามาปฏิบัติ และเห็นพระเยซูสั่งๆๆ ในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 เราก็เอามาปฏิบัติ พยายามรักษาให้ได้ ทั้งๆ ที่เราไม่รู้ว่าวิธีการรักษาต้องทำยังไง ต้องเป็นคนใหม่หรือคนเก่า ต้องมีกายวิญญาณ มนุษย์วิญญาณหรือมนุษย์เนื้อหนัง เราไม่รู้ เพราะฉะนั้นเราใช้ความพยายามของมนุษย์เนื้อหนัง มนุษย์ที่ตกต่ำ เพื่อรักษาพระบัญญัติ สุดท้ายเราก็กลายเป็นทาสใช่ไหม
ขอบคุณพระเจ้า เรื่องชีวิตในพระคริสต์ เรียกว่าชีวิตที่เป็นไท Freedom in Christ ไม่ใช่ versus Slavery under Law แต่น่าเสียดายที่ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ยังเป็นทาสอยู่ใต้พระบัญญัติ เราอธิษฐานเผื่อพี่น้องเหล่านั้น และขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือกาลาเทียที่พูดถึงเรื่อง การมีอิสระเสรี มีชีวิตที่เป็นไทในพระคริสต์ และเราไม่มีชีวิตที่เป็นทาสอยู่ใต้พระบัญญัติอีกต่อไปแล้ว
และหนังสือกาลาเทียเปิดเผยเรื่องข่าวประเสริฐที่แท้จริง หรือความจริงแห่งข่าวประเสริฐโดยเปาโล the true gospel by Paul มันคืออะไรข่าวประเสริฐที่แท้จริงหรือความจริงแห่งข่าวประเสริฐโดยเปาโล ก็คือเชื่อเท่านั้นก็รอดแล้ว เชื่อเท่านั้นก็ได้กลายเป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุดแล้ว เชื่อเท่านั้นก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว เชื่อเท่านั้นก็ได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการที่พระเจ้าประทานให้ เชื่อเท่านั้นก็ได้รับสันติสุขทุกวันทุกเวลาได้ เชื่อเท่านั้นก็ได้เป็นผู้ชนะ คือความเชื่อจะนำมาทุกสิ่งที่ตามองไม่เห็น ให้เกิดขึ้นให้เข้าสู่ประสบการณ์ชีวิตของเราได้ เนื่องจากว่าพระเยซูเป็นคนกระทำทุกสิ่งให้สำเร็จแล้ว ขอบพระคุณพระเจ้า
เชื่อ คือข่าวประเสริฐที่แท้จริง ซึ่งทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายเข้าสู่ข่าวประเสริฐที่ไม่แท้จริง ข่าวประเสริฐที่เป็นข่าวประเสริฐจอมปลอม ก็คือเชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องถวายสิบลด ต้องบัพติศมา ต้องเชื่อฟัง ต้องทำทุกสิ่ง และรักษาความเชื่อไว้จนถึงวันสุดท้าย รักษาชีวิตให้บริสุทธิ์เพื่อความรอด น่าเสียดายที่พี่น้องเหล่านั้นไม่เข้าใจ แต่หนังสือกาลาเทีย ขอบพระคุณพระเจ้าที่เปิดเผยต่อเปาโล และมาถึงพวกเราทุกวันนี้ ก็คือเชื่อเท่านั้น คือข่าวประเสริฐที่แท้จริง ข่าวประเสริฐหรือความจริงแห่งข่าวประเสริฐ เอเมน
ยังไม่พอแค่นั้นหนังสือกาลาเทีย 5-6 บทมีคุณค่ามากมายมหาศาลต่อชีวิตคริสเตียนพวกเรา เรื่องต่อมาที่เปาโลเปิดเผยโดยพระวิญญาณ ก็คือเรื่องตายต่อพระบัญญัติ และมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า Dead to Law but Living to God ขอบพระคุณพระเจ้าทุกวันนี้พระบัญญัติไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรา และเราไม่เกี่ยวข้อง ไม่ข้องเกี่ยวกับพระบัญญัติอีกต่อไป แต่เรามีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า มันคืออะไร คือการที่เราจะผูกพันพูดคุยสนทนาบอกรัก สร้างความผูกพันที่ดีกับพระเยซู ต่อติดสนิทในพระองค์ บอกรักพระองค์ สื่อสารเชื่อมต่อในพระคริสต์อย่างสม่ำเสมอ อยู่ในพระคริสต์ทุกวันทุกเวลา นี่คือชีวิตที่พระเจ้าตั้งเราสร้างเราขึ้นมาใหม่เพื่อการนี้ และไม่ให้เรายุ่งเกี่ยวกับพระบัญญัติ เมื่อเราสนิทในพระคริสต์มากเท่าไหร่ บอกรักพระคริสต์มากเท่าไหร่ เราก็เข้าสู่การก่อขึ้น และมีการกระทำของพระเยซูมาทำแทนมากขึ้น เอเมน
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือกาลาเทียยังพูดอีกว่า เราทุกวันนี้ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว คุณตายแล้ว คุณตายแล้ว คุณตายแล้ว เราทุกคนในที่นี้ ก็คือตายทุกคนแล้ว ผมก็ตายแล้ว แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา สรรเสริญพระเจ้า ภาษาอังกฤษเปาโลพูด No Longer I, but Christ Living in Me เราไม่มีตัวตน เราไม่มีชีวิต เราตายแล้ว แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในตัวใหม่ของเราตัวคนนี้ เอเมน
และยังไม่พอเราขอบพระคุณพระเจ้าที่เปาโลพูดถึงในกาลาเทีย ก็คือพระสัญญา เรื่องพระสัญญา และเรื่องพระบัญญัติ ขอบพระคุณพระเจ้าผู้เชื่อมากมายไม่เข้าใจคำว่าพระสัญญาและพระบัญญัติ ทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายก็ยังรักษาพระบัญญัติก็ยังอยู่ใต้พระบัญญัติ ก็ยังเป็นทาสและเป็นเด็กน้อย เป็น little child
แต่ขอบพระคุณพระเจ้าเราเข้าสู่พระสัญญาณ โดยพระเยซูคริสต์นำพระสัญญาที่พระเจ้าสัญญาต่ออับราฮัมมาถึงพวกเรา โดยการเชื่อในพระองค์ และบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ เราจึงเข้าสู่พระสัญญาของพระเจ้า และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพระบัญญัติอีกต่อไป สรรเสริญพระเยซู
และที่สำคัญขอบพระคุณพระเจ้าหนังสือกาลาเทียเปิดเผยเรื่อง ความเชื่อที่เข้ามาแทนที่การรักษาพระบัญญัติ Faith Replacing Law ก็คือความเชื่อเข้ามาแทนที่การรักษาพระบัญญัติ เมื่อก่อนคุณจะรอดก็ต้องรักษาพระบัญญัติ เมื่อก่อนคุณจะได้รับพระพรก็ต้องรักษาพระบัญญัติ เมื่อก่อนคุณจะให้พระเจ้าช่วยเหลือดูแลปกปักรักษาปกป้องช่วยทุกสิ่งในชีวิตของคุณ คุณจะต้องรักษาพระบัญญัติ
แต่ทุกวันนี้ขอบพระคุณพระเจ้า พระเยซูทำให้สำเร็จแล้ว ก็คือนำความเชื่อมาสู่เราเพื่อได้รับพระพร ได้รับการดูแล การช่วยเหลือ ความรอด พระพรทุกสิ่งทุกประการ เชื่อเท่านั้นเราได้รับทั้งหมด ขอบพระคุณพระเจ้า เอเมน
และขอบพระคุณพระเจ้าที่หนังสือกาลาเทียยังพูดถึงเรื่อง เมล็ดของอับราฮัม ซึ่งก็คือพระคริสต์นั่นเอง เมล็ดเมล็ดเดียว ที่นำมาถึงการได้กลายเป็นลูกหลานของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณ เมล็ดเมล็ดเดียว ที่แพร่พันธุ์ที่แพร่ขยายเชื้อสายของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณ ซึ่งพระเยซูนำมา เราทั้งหลายจึงเป็นผลของเมล็ดที่ได้รับจากพระเยซูคริสต์ ขอบพระคุณพระเจ้าทุกวันนี้ คุณ ผม พวกเรา ได้กลายเป็นบุตรที่แท้จริง ได้กลายเป็นบุตรที่รัก ได้กลายเป็นลูกๆ ของพระบิดาโดยพระเยซูคริสต์
เราจึงกล้าที่จะพูดว่า อับบา คือคุณพ่อ คือบิดา พระบิดา คุณพ่อๆๆ เรากล้าพูด หรือใครก็ตามเมื่อก่อนไม่กล้าพูด ผมก็ไม่เคยกล้าพูด ก็อาย หรือกลัว เนื่องจากว่าเราคิดว่าเราเป็นคนบาปอยู่ และเราไม่กล้าที่จะ คือเสนอหน้าไปพูดนะครับว่า โอ้พระบิดา โอ้อับบา คุณพ่อ ไปตีสนิทกับพระเจ้า อันนี้คือไม่มีใครกล้า เนื่องจากว่าเราคิดว่าเรายังเป็นคนบาป และกลัวเนื่องจากว่าเราทำบาปในแต่ละวัน แต่สรรเสริญพระเจ้าหนังสือกาลาเทียปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระ ให้เราได้รู้ได้เข้าใจความจริง คือเราพูดกับพระบิดาได้ทุกครั้งทุกวันทุกเวลา ขณะที่เราทำดี หรือเราทำบาป หรือเราทำอะไรก็แล้วแต่ พระเจ้านับเราเป็นลูกๆ ของพระองค์ เราจึงมีสิทธิ์ที่จะใช้คำนี้ ก็คืออับบา ก็คือคุณพ่อ เอเมนสรรเสริญพระเยซูที่พระองค์กระทำสำเร็จแล้ว
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือกาลาเทียที่พูดถึงเรื่อง บัพติศมาเข้าในพระคริสต์ Baptized into Christ และสวมใส่พระคริสต์ ก็คือ Putting on Christ และสุดท้ายก็คือการได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์ ขอบพระคุณพระเจ้าทุกวันนี้ไม่มีคนไทย ไม่มีคนลาว ไม่มีคนจีน ไม่มีฝรั่ง ไม่มีอิตาลี ไม่มีเชื้อชาติไหนทั้งนั้น แต่สำหรับพระเจ้า พระเจ้ามองมาที่เราทุกคน เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขอบพระคุณพระเจ้า and All One in Christ พวกเราทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระคริสต์ ก็คือเป็นพระกายของพระเยซู และถ้าจะพูดว่าเชื้อชาติไหน ก็คือเราเป็นยิวแท้ฝ่ายวิญญาณ
และขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือกาลาเทีย อีกครั้งหนึ่ง คือได้พูดถึงเรื่อง พันธสัญญาเดิมสำหรับอิสราเอล กับพันธสัญญาใหม่สำหรับคริสเตียน คือมีสองพันธสัญญาที่พระเจ้ากระทำ พันธสัญญาเดิมสำหรับอิสราเอล และมีพระบัญญัติที่เขาจะต้องรักษาเพื่อเข้าสู่พันธสัญญาดังกล่าว แต่สำหรับคริสเตียนขอบพระคุณพระเจ้ามีพันธสัญญาใหม่ ที่ความเชื่อเท่านั้นที่ทำให้เราได้รับทุกสิ่งที่พระเจ้าสัญญาที่จะประทานให้เรา สรรเสริญพระเยซู
ยังไม่พอแค่นั้น ยังมีอีกเยอะยังมีอีกมากมายหลายสิ่ง แต่เราจะพูดในสิ่งที่สำคัญๆ เท่านั้นก่อน
ต่อมาก็คือขอบพระคุณพระเจ้าที่หนังสือกาลาเทียพูดถึงเรื่อง การเดินด้วยเนื้อหนัง กับการเดินด้วยพระวิญญาณ walk by the flesh versus walk by the Spirit ทุกวันนี้คริสเตียนมากมายก็ยังทำแบบยิวอยู่ ก็คือเดินด้วยเนื้อหนัง แต่สำหรับคริสเตียนพวกเราที่ได้รับการเปิดตา สรรเสริญพระเยซู พวกเราเข้าใจ พวกเรารู้เรื่องการเดินในพระวิญญาณ เดินด้วยพระวิญญาณคืออะไร 1. สนิทในพระเยซู ตื่นนอนตอนเช้าพูดคุยกับพระเยซู สร้างความผูกพัน บอกรัก และเชื่อว่าเราอยู่ในพระคริสต์แล้ว เอเมนขอบคุณพระเจ้า
และต่อมาเราจะทำอะไร เราจะพูดอะไร เราจะคุยอะไร เราจะกินดื่มอะไร จะไปไหน เรามีพระคริสต์เป็นผู้ที่จะกระทำแทนเรา เราเชื่อว่าพระองค์ทำแทนอยู่ และเราถามพระองค์น่ะว่า จะทำอะไรบ้าง จะใช้ไปไหนบ้าง จะคิดจะตัดสินใจอะไรแล้วแต่พระองค์ คือเราเป็นอวัยวะของพระองค์เท่านั้น นี่คือการ walk by the Spirit ก็คือการเดินด้วยพระวิญญาณ เดินในพระวิญญาณ
และที่สำคัญเปาโลพูดในหนังสือกาลาเทีย คุณจะต้องถูกตรึง ตัวเก่าจะต้องถูกตรึงก่อน เพื่อที่จะเดินด้วยพระวิญญาณได้ ตัวเก่าเนื้อหนังมนุษย์อาดัมไม่สามารถที่จะเดินในวิญญาณ ไม่สามารถที่จะเป็นพระกายวิญญาณ ไม่สามารถที่จะดำเนินชีวิตในพระวิญญาณได้ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้
และขอบพระคุณพระเจ้าที่หนังสือกาลาเทียยังพูดถึงเรื่อง การถูกตรึงต่อศาสนาของโลกนี้ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับศาสนาของโลกนี้อีกต่อไป และเราดำเนินชีวิตใหม่ในฐานะของผู้ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เท่านั้น เอเมน
และอีกอย่างก็คือเรื่องการบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ เพื่อรับพระวิญญาณ สำหรับผู้เชื่อขอบคุณพระเจ้าทำไมทุกวันนี้เราได้รับพระวิญญาณ และได้รับโดยที่ไม่ต้องร้องขอ ร้องทูลต่อพระเจ้า หรือไปเฝ้าเดี่ยวหรืออธิษฐานหรือรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ แต่เรารับเนื่องจากว่าเราได้บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ ที่อยู่ของพระวิญญาณ ก็คือวิญญาณ ถ้าหากวิญญาณของเราไม่ได้บังเกิดใหม่ พระวิญญาณจะเข้ามาอยู่ในเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าเมื่อเราเชื่อ ทันทีที่เราเชื่อ ต้อนรับพระเยซู เราก็ได้รับการบังเกิดใหม่ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เข้ามาอยู่ในเรา เอเมน
และสุดท้ายขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์สอนเราผ่านหนังสือกาลาเทีย ก็คือเรื่องการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เพื่อหว่านในย่านอะไร เปาโลพูดโดยพระวิญญาณว่า ถ้าหากเราหว่านในย่านเนื้อหนัง เราก็จะเก็บเกี่ยวในสิ่งที่เป็นเนื้อหนัง แต่ถ้าหากเราหว่านในย่านวิญญาณฝ่ายวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวฝ่ายวิญญาณ ก็คือชีวิต และชีวิตพระเจ้า และชีวิตนิรันดร์ และทุกสิ่งที่เป็นไปวิญญาณ ผลที่ได้รับ ก็คือทองคำ เงิน และเพชรพลอย
เราคิดอะไรเราให้พระบิดาเป็นคนคิดแทนเรา เรากระทำอะไรเราให้พระเยซูคริสต์กระทำแทนเรา เราจะรับใช้พระเจ้า ไปวางมือ ไปประกาศข่าวประเสริฐ นมัสการพระเจ้าร่วมกัน ใช้ของประทาน อะไรก็แล้วแต่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนกระทำ
ย้ำอีกครั้ง...
ให้พระเจ้าให้พระบิดาเป็นคนคิดตัดสินใจแทนเรา
ให้พระเยซูคริสต์เป็นคนกระทำทุกสิ่งแทนเรา ดำเนินชีวิตแทนเรา เกิดผลพระวิญญาณแทนเรา
ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ใช้ของประทานผ่านเรา
3 สิ่งนี้ ทุกสิ่งจะเกิดขึ้นเป็นผลของทองคำ เงิน และเพชรพลอย ทองคำเล็งถึงพระบิดา เงินเล็งถึงพระเยซูคริสต์ พระคริสต์ที่อยู่ในเรา และเพชรพลอยก็คือพระวิญญาณที่อยู่ในเรา
สรรเสริญพระเจ้าขอบพระคุณพระเยซูสำหรับหนังสือกาลาเทีย และที่สำคัญ ก็คือกาลาเทียบทที่ 4 มีสามสิ่งที่สำคัญก็คือ..
1. การได้กลายเป็นบุตรทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์
2. ก็คือการก่อชีวิตขึ้นในเรา เป็นความจำเป็นเพื่อการรับมรดกที่ครบถ้วนตามพระสัญญาที่ทรงประทานแก่อับราฮัม
3. ก็คือบุตรพระเจ้าทางการบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ และประชากรของพระเจ้าทางการบังเกิดในเนื้อหนัง ก็คือชาวยิว สำหรับเรา เราเป็นบุตรพระเจ้าทางการบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ เอเมน
สิ่งที่อยากจะเน้น ก็คือสำหรับเรื่องการที่จะรับมรดกที่ครบถ้วนตามพระสัญญา เพื่อใช้จ่าย เพื่อกินอยู่ ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ก็คือเรามาถึงการที่ได้รับการเปิดเผยเปิดตาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ถ้าหากเรามาไม่ถึงมานาที่ซ่อนไว้ พี่น้องเคยมีประสบการณ์ใช่ไหม ชีวิตที่ขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาป บางคนเป็นไปจนตาย
แล้วเราขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนี้พระเยซูรักเรา และพระองค์นำเราเข้าสู่การเปิดตา คุณควรจะชื่นชมยินดี และสรรเสริญพระเจ้าเป็นอย่างมากเป็นอย่างยิ่ง กระโดดโลดเต้นได้ เนื่องจากว่ามีคนส่วนน้อยเท่านั้นในโลกนี้ที่พระเจ้าเลือก เพื่อให้มาถึงจุดนี้ได้ คือการรับมรดกที่ครบถ้วน ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ สันติสุขทุกวันเวลามาถึงเราได้ และการก่อขึ้นทางนิสัยชีวิตและนิสัยของพระเยซูก็เกิดขึ้น เราเห็นประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์มีมากมาย โดยที่เราไม่ได้ทำอะไร เราแค่เชื่อเอาในสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยให้เรา
ขอบพระคุณพระบิดาที่พระองค์รักเราและเมตตาเรา ทั้งๆ ที่เราไม่เหมาะที่จะรับสิ่งเหล่านี้ ขณะที่พี่น้องอีกมากมายหลายล้านคนยังไม่มาถึงจุดนี้ เราสรรเสริญพระเยซู เราขอบพระคุณพระเยซูและพวกเรารักพระเยซู
ขอบคุณพระเยซูวันนี้และทุกๆ วันเราขอถวายชีวิตใหม่ ตัวใหม่ เพื่อเป็นอวัยวะของความชอบธรรม ก็คือพระองค์ที่จะใช้ในการสำแดงพระองค์ผ่านเรา เพื่อให้โลกได้เห็นพระองค์ ให้ทูตสวรรค์ได้เห็นพระองค์ ให้ทุกสิ่งในจักรวาลได้เห็นพระองค์ผ่านพวกเรา บำเหน็จเป็นของพวกเรา และสง่าราศีเป็นของพระองค์สืบสืบไป เอเมน
สำหรับสันติสุขทุกวันเวลาเป็นสิ่งที่เราควรจะมี พระเจ้าเลือกเราทันทีที่เราเชื่อ ความสุขสันติสุขเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เรา เพราะฉะนั้นขอให้เรา ขอการเปิดเผยโดยพระวิญญาณ ขอการเปิดตาโดยพระวิญญาณให้มากขึ้นในแต่ละวัน เพื่อเราจะเข้าสู่ชีวิตที่มีแต่สันติสุขทุกวันเวลาได้ ไม่ต้องขึ้นลงอีกต่อไป
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่บางคนที่พระเจ้าเลือกเป็นกรณีพิเศษ ก็คือไม่ปล่อยให้เขาไปอยู่ในคริสตจักรศาสนานานเกินไป และบางคนเพียงแต่เชื่อปุ๊บ พระเจ้าก็นำมา เป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากเป็นพระคุณที่ล้นเหลือจากพระเจ้าต่อเรา เราขอบคุณพระเยซูและอธิษฐานเผื่อพี่น้อง
เราขอบพระคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระองค์เมตตา และเปิดเผยเปิดตาพวกเรา ให้เข้าใจอย่างชัดเจนเรื่องหนังสือกาลาเทีย ก็คือพระเยซูมาแทนที่ศาสนา พระเยซูมาแทนที่ประเพณี มาแทนที่วัฒนธรรม มาแทนที่ทุกสิ่ง มาแทนที่เนื้อหนังด้วย พระองค์เป็นผู้ที่จะเข้ามาดำเนินชีวิตในเราด้วย พระองค์นำสันติสุข นำอิสระ นำ Freedom มาสู่พวกเรา และพระองค์นำเราไปถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัม
พระองค์นำความเชื่อมาถึงพวกเราแทนที่การรักษาพระบัญญัติ เพื่อที่จะได้รอดและได้รับพระพร พระองค์ให้เรานุ่งพระคริสต์ ให้นุ่งพระองค์ สวมใส่พระองค์ เพื่อพระบิดามองมาที่เราจะเห็นพระคริสต์ ไม่เห็นเราอีกต่อไป และไม่เห็นเราในสภาพของคนที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นคนอธรรม เป็นคนที่มีมลทิน แต่พระเจ้ามองเราเป็นคนบริสุทธิ์ชอบธรรมต่อสายพระเนตรของพระองค์
เราบัพติศมาเข้าในพระคริสต์ และสุดท้ายเราก็เป็นหนึ่งเดียวไม่มีชาติเชื้อชาติไหนไม่มีชาติอื่น ไม่มีคนไทยคนลาวไม่มีฝรั่งไม่มีจีน เราเป็นยิวฝ่ายวิญญาณ เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระคริสต์ สรรเสริญพระเยซู
และยังไม่พอพระคริสต์อยู่ในเรา เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา เราตายต่อพระบัญญัติ ตายต่อโลกนี้ ตายต่อศาสนา ตายต่อทุกสิ่งเนื้อหนังของเราไม่มีอีกต่อไปแล้ว และทุกวันนี้เราอยู่เพื่อหว่านในย่านฝ่ายวิญญาณ เพื่อจะรับผลเก็บเกี่ยว ผลในฝ่ายวิญญาณ เอเมน
ทีนี้ในแต่ละวัน เราถามตัวเราเองว่า ทุกวันนี้เราหว่านในย่านอะไร เราเดินในเนื้อหนัง หรือเดินในพระวิญญาณอยู่ เราสนิทในพระเยซู หรือสนิทในโลกนี้สิ่งรอบข้างเป็นสิ่งของฝ่ายเนื้อหนังอยู่ เราถาม ถ้าหากเราตอบได้เราก็กลับใจ หรือเราเดินในพระวิญญาณอยู่แล้ว เราก็ขอบพระคุณและสรรเสริญพระเยซู เอเมน
มีคนถามผมเมื่อก่อนนะครับว่า ผมเป็นศาสนาอะไร ผมบอกว่าผมไม่ใช่ศาสนาคริสต์
เพราะว่าเขาเห็นผมพูดถึงเรื่องพระเยซูเขาก็เลยถามอยากรู้ให้แน่ใจว่าผมเป็นศาสนาอะไรกันแน่
ผมก็เลยบอกว่าไม่ใช่คริส ไม่ใช่พุทธ ไม่ใช่อะไร ผมไม่มีศาสนา
แล้วเขาถามว่า แล้วเชื่ออะไร ผมก็บอกว่าผมเชื่อพระเจ้าองค์สูงสุด และมีพระเยซูเป็นพระผู้ไถ่ของผม
สำหรับเรา เราไม่มองตัวเราว่าเป็นศาสนาคริสต์เพราะว่า การมองว่าเราเป็นศาสนาคริสต์ อีกครั้งนะครับ คริสต์มีหลายนิกายหลายคณะ และคริสต์ก็ถูกแยกจากศาสนาหลายศาสนา
เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นการแยก เราไม่แยกนะครับ สำหรับลูกพระเจ้าบุตรพระเจ้า เราไม่มีการแยก แม้แต่ศาสนา แม้แต่ความเชื่อ