• ข้อที่ 1 ก็คือ กฎของจิตใจในเรา ภาษาอังกฤษก็คือ the law of my mind พระเจ้าสร้างมนุษย์ พระเจ้าสร้างมนุษย์นะครับตามแบบตามพระฉายาของพระเจ้า พระองค์ให้เรามีความรัก รักในความรัก ความดี ความชอบ ความบริสุทธิ์ ความชอบธรรม ความสว่าง ความจริง เราชอบมากแต่เราทำไม่ได้ เพราะว่ามันอ่อนแอนะครับ กฎของจิตใจอ่อนแอมาก เพราะว่ายังไม่ได้รับชีวิตที่ครบบริบูรณ์จากพระเจ้า จึงอ่อนแอนะครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ต้องเข้าใจนะครับ มี 11 สิ่ง แรกผ่านไป
• ข้อที่ 2. ก็คือตัวบาป เราต้องเข้าใจว่าตัวบาปคืออะไร และสิ่งต่อมาในเรื่องนี้ ก็คือคนที่จะเข้ามาแทนที่ตัวบาป คือใคร? (คือพระคริสต์) ถ้าจะใช้คำว่า ตัวบาปและตัวชอบธรรม อาจจะไม่เหมาะใช่ไหม คือตัวบาปมันอยู่ในร่างกายเก่าในเนื้อหนังของเรา แต่ผู้ที่จะเข้ามาแทนที่และอยู่ในตัวใหม่ของเรา ก็คือผู้ชอบธรรมในเรา ก็คือพระคริสต์
• ข้อที่ 3. เรื่องที่ 3 ที่เราจะต้องเรียนรู้เพื่อการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ ก็คือการตายต่อตัวเก่า การตายต่อตัวเก่า
• ข้อที่ 4. ก็คือกฎแห่งความบาป
• ข้อที่ 5. ก็คือกฎแห่งความตาย
• ข้อที่ 6. ก็คือกฎแห่งพระวิญญาณ
• ข้อที่ 7. ก็คือกฎแห่งชีวิต
• ข้อที่ 8. ก็คือร่างกายแห่งความตาย คืออะไร
• ข้อที่ 9. ก็คือร่างกายแห่งความชอบธรรม คืออะไร
• ข้อที่ 10. ก็คือร่างกายแห่งชีวิต
ประมาณนี้ 10 สิ่งนี้ หรือ 10 ข้อนี้ เราต้องเรียนรู้ต้องเข้าใจว่า เขาต่อสู้กันยังไง และทำยังไงพระเจ้าจึงชนะในเรา
ถามว่า..
เนื้อหนังไม่ได้ต่อสู้กับเรา แต่ต่อสู้กับใคร?
คำตอบ..
คือต่อสู้กับพระวิญญาณ และพระวิญญาณ ในที่นี้ ไม่ใช่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ในพระคัมภีร์กล่าวว่า กาลาเทียบทที่ 5 ข้อที่ 17 เนื้อหนังชีวิตเก่า ก็ต่อสู้กับพระวิญญาณ พระวิญญาณนี้ก็คือ พระวิญญาณของพระคริสต์ที่เป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์เข้ามาอยู่ในเรา เนื้อหนังไม่ยอมตายมันจะต่อสู้กับพระวิญญาณ ก็คือพระคริสต์
ถามว่า..
แล้วพระคริสต์ก็ต่อสู้กับมัน ใครชนะสุดท้าย?
คำตอบ..
ผู้ชนะคือพระเยซูพระเจ้ายิ่งใหญ่ เอเมนไหม.
พระเจ้ามีฤทธานุภาพสูงสุด พระเจ้ามีพลังที่มหาศาลมากมายเหมือนระเบิดไดนาไมต์ ชีวิตของพระเจ้า เพราะฉะนั้นผู้ชนะแน่นอน ไม่ใช่ซาตานแน่นอน แต่เป็นพระเจ้า
เมื่อมีการต่อสู้ระหว่างเนื้อหนังกับพระคริสต์ สุดท้ายพระคริสต์ต้องชนะ เพราะว่าอะไร ตอนนี้เรายังเบลอๆ อยู่ใช่ไหม เกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งความตาย ร่างกายแห่งความตาย กฎแห่งชีวิต กฎแห่งพระวิญญาณ เราอาจจะเข้าใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้พูดไปแล้วใช่ไหม แต่เราต้องค้นหาสาเหตุ ค้นหาความหมายของคำนี้ และค้นหาการทำงานของมัน และการต่อสู้ของสองฝ่ายเราต้องเข้าใจเรียนรู้ และการร่วมมือของเรากับพระเจ้า แบบไหน วิธีไหน เพื่อให้พระเจ้าชนะ
และอยากจะบอกเคล็ดลับ วิธีง่ายๆ วิธีเดียว เราอาจจะนึกไม่ออก "เชื่อเอา"
เชื่อเอาว่าตอนนี้พระคริสต์เข้ามาแทนที่ตัวบาป
ตอนนี้เนื้อหนังไม่ใช่เรา เราไม่ใช่เนื้อหนัง เราเป็นคนใหม่
ตอนนี้กฎแห่งพระวิญญาณเอาชนะกฎแห่งความบาป
กฎแห่งชีวิตเอาชนะกฎแห่งความตาย
ร่างกายเก่าไม่มีแล้ว ร่างกายแห่งความบาปและความตายไม่มีแล้ว แต่ตอนนี้เป็นร่างกายแห่งพระวิญญาณร่างกายแห่งชีวิตและร่างกายแห่งความชอบธรรม
เราเข้าใจตรงนี้แล้ว เราก็บอกพระเยซู เอเมนนี่ร่างกายใหม่ ร่างกายแห่งความชอบธรรม ร่างกายแห่งชีวิต นี้พระองค์มีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิตอยู่ในข้าพระองค์ นี่ตัวใหม่และพระองค์อยู่ในข้าพระองค์
แค่นี้..คือ เชื่อ นับ ท่อง จำ สุดท้ายพระวิญญาณอีกล่ะ พระวิญญาณก็นำความจริงของพระเจ้าเข้ามาสู่เราให้เรามีประสบการณ์ในชีวิตในพระคริสต์ เอเมน
สรุป ก็คือความจริงของพระเจ้าเกิดขึ้น พระเยซูทำสำเร็จแล้ว ในพระคัมภีร์เราเห็น เราเชื่อ เรานับ เรารับ เราท่อง เราจำ พระเจ้าเป็นคนนำมาทำให้เกิดผลในชีวิตของเรา ขอบคุณพระเยซู
....
แต่ก่อนเรามักคิดว่า เดินด้วยความเชื่อ อยู่ในความเชื่อ เมื่อก่อนเราถูกสอนใช่ไหมว่าคือการเดินในความเชื่อที่รักษาความเชื่อจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
จริงๆ แล้วเมื่อก่อนเราไม่รู้ว่า ด้วยความเชื่อ ด้วยการเชื่อเอา เชื่อเอานี่คืออะไรใช่ไหม
แต่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับมานาที่ซ่อนไว้ที่เปิดเผยให้เราได้เห็นว่า การเดินด้วยความเชื่อ ก็คือการเชื่อในสิ่งที่ตามองไม่เห็น และคือการเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าทำแล้ว และเมื่อเราเชื่อ พระเจ้าก็นำประสบการณ์ในสิ่งที่พระองค์ทำแล้วมาสู่ชีวิตของเรา
...
คำพยาน:
อันนี้เป็นสิ่ง สำหรับผมนะครับขอบคุณพระเยซูเป็นสิ่งใหม่เมื่อได้รับมานาฯ แต่ก่อน 10 กว่าปี 18 ปีนะครับที่เป็นคริสเตียน ที่เป็นผู้นำ ที่ไปโรงเรียนศาสนศาสตร์ ผมไม่เคยรู้นะครับ ภาษาอังกฤษ walk by faith ก็คือ เดินด้วยความเชื่อ แต่ไม่เข้าใจคำว่า เชื่อเอา ก็คือเชื่อว่าเราดีแล้ว ชอบธรรมแล้ว เป็นคนใหม่แล้ว เป็นมนุษย์วิญญาณแล้ว เป็นผู้ชนะแล้ว มีพระพรทุกประการที่พระเจ้าประทานให้แล้ว มีสันติสุขแล้ว ทุกสิ่งนะครับ คือได้แล้ว เป็นแล้ว สำเร็จแล้ว จบแล้ว มีแล้ว อันนี้คือเราเดินด้วยความเชื่อหรือเชื่อเอานะครับ สรรเสริญพระเยซู
ถาม.
อยากจะถามว่าการทำแทนกับการวางใจ เหมือนกันไหมคะ ในระหว่างที่เราบอกว่าพระเจ้าทำแทน แต่ก็ยังคิดว่าแล้วการวางใจ มันเป็นคำถามเดียวกันหรือเปล่าคะ
ตอบ.
คือการทำแทนและการวางใจ แตกต่างกันยังไง
สำหรับการทำแทนนะครับ คือเราต้องวางใจนะครับ การทำแทนไม่ใช่การวางใจและไม่เหมือนการวางใจ แต่การทำแทนต้องพึ่งต้องอาศัยความไว้วางใจ เราวางใจในพระเจ้า เราเชื่อว่าพระคำพระเจ้านี้เป็นความจริง พระองค์ต้องการทำแทนเรา เมื่อเรารู้ เราเชื่อ เราก็วางใจในสิ่งนี้ แล้วก็ให้พระเยซูเป็นคนทำ
แต่ถ้าเราไม่เชื่อใจ ไม่วางใจ เราก็ไม่กล้าให้พระองค์ทำใช่ไหมครับ
เนื่องจากว่าคำสอนนี้นะครับพระคริสต์ทำแทน พระเยซูทำแทน เป็นคำที่แปลกใหม่สำหรับคริสเตียนชาวไทยชาวลาวชาวเอเชียใช่ไหมครับ แต่ภาษาอังกฤษนะครับคือเขารู้มานานแล้วนะครับ แต่ก็ยังไม่ได้ถูกเปิดตานั่นแหละ เขารู้น่ะ (Christ live for you / Christ live for me / Christ live in me) พระคริสต์ดำเนินชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า พระคริสต์ดำเนินชีวิตอยู่ในท่านทั้งหลาย อันนี้เป็นคำที่เขาใช้กันบ่อยมากนะครับ
และสำหรับคริสเตียนชาวไทยชาวลาว ก็คือเราไม่คุ้นเคยกับคำนี้ใช่ไหมครับ เรารู้แต่ว่าการเปลี่ยนแปลง การเลือกทำบาป การพยายามทำดีเชื่อฟังพระเจ้า แค่นั้นเอง แต่การทำแทนก็คือ การดำเนินชีวิตแทนเราของพระเยซูคริสต์ เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการทำในเรา เพราะว่าเราทำไม่ได้
เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้รู้นะครับ เราก็เลือกที่จะวางใจในถ้อยคำในพระคำของพระองค์ โอเคพระคัมภีร์ข้อนี้เป็นความจริง ข้าพระองค์จะวางใจ เมื่อเราวางใจนะครับ เรายอมให้พระองค์ทำแทนได้ เอเมนครับ ต้องมีการวางใจนะครับ ต้องเชื่อครับ ที่ผมพูดบ่อยๆ ว่าข้าพระองค์เชื่อ ข้าพระองค์เชื่อ ก็คือยืนยันความไว้วางใจของเราต่อพระคำพระเจ้าว่าเป็นความจริง และมอบภาระยอมให้พระองค์เป็นคนทำแทนเราครับผม
ถามว่า.. มันเป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า อยู่ในพระคัมภีร์ไหม?
คำตอบคือ.. มีเต็มในพระคัมภีร์นะครับ แล้วเราจำกันได้ไหมตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา ที่เราไม่เคยรู้ว่าเชื่อเอา เชื่อเอาแล้วความจริงของพระเจ้าจะมาปรากฏ ไม่เคยมีใช่ไหมเราไม่เคยเรียนนะครับ
แล้วปรากฏว่าเราใช้วิธีไหนที่จะชนะบาป วิธีไหนก็ใช้ไม่ได้ ไปวางมือไปรับไฟกลับมาเป็นยังไงบ้าง ชนะบาปได้ไหม? ไม่ได้
ไปเรียนรู้ เรียนพระคัมภีร์ให้เยอะๆ อ่านหลายรอบ กลับมาชนะบาปได้ไหม? ไม่ได้
พยายามทำดีเชื่อฟังพระเจ้า พยายามแล้วพยายามอีก หลายปีผ่านไป ได้ไหม ชนะบาปได้ไหม? ก็ไม่ได้
แต่สุดท้ายเรามาอยู่ในพระคริสต์ปุ๊บ เราเชื่อว่าอยู่ในพระคริสต์ เราเชื่อว่าสำเร็จแล้ว เราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างพระเจ้าทำแล้ว โอ้ มันประเสริฐมาก แล้วก็เราเห็นน่ะ ในพระคัมภีร์โรม 1:17 คริสเตียนผู้ชอบธรรมนะครับ (ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อ จบลงก็ด้วยความเชื่อ) เอเมนสรรเสริญพระเยซู
คือเรามีอาวุธชิ้นหนึ่ง กุญแจอย่างหนึ่ง ก็คือ "เชื่อเอา" เพื่อสิ่งที่พระเจ้าทำไว้นี้จะมาถึงชีวิตของเรา ฮีบรู 11:1 (ความเชื่อคือการยอมรับในสิ่งที่ตามองไม่เห็นว่าได้รับแล้ว) สรรเสริญพระเยซู
ถาม.
อาการเฉยชา ไม่อยากฝึก เกิดจากอะไรค่ะ
ตอบ.
คืออาการเฉยชานะครับมาจากความที่จิตของเราเริ่มไม่กลัวพระเจ้า เริ่มรู้ว่ารอดแล้ว แล้วก็รู้ว่าพระเจ้ารักเรามาก เหมือนเด็กนะครับที่รู้ว่าพ่อแม่ดีเกินไป พ่อแม่ดีเกินไปน่ะก็คือลูกไม่กลัว ไม่กลัวพ่อแม่ แล้วก็ไม่อยากเชื่อฟังพ่อแม่ แล้วก็มีอาการเฉยชานะครับ มันเกิดขึ้นได้นะครับ
ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ผมก็เคยเป็น หลายคนก็เคยเป็นที่มาฝึกมานานะครับ เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องแปลกใจ เป็นเรื่องธรรมดาเรื่องปกติที่เกิดขึ้นนะครับ
และวิธีการเอาชนะอาการเฉยชานะครับ ก็คือ "พระเยซูนำข้าพระองค์ พระเยซูชำระข้าพระองค์ออกจากอาการเฉยชานี้ พระเยซูนี่คือจิตเก่า นี่คือร่างกายเก่า นี่คือตัวเก่า พระเยซูข้าพระองค์ตายแล้ว ตัวใหม่เป็นอยู่ อาการเฉยชาไม่มี เอเมน เอเมนพระเยซู" อธิษฐานแบบนี้นะครับสุดท้ายก็พระเยซูก็ชำระเรา
มันจะมีอยู่สักระยะหนึ่งนะครับที่คริสเตียนไม่ค่อยอยากจะฝึก เนื่องจากว่า ก็เรารู้แล้วไง แต่ก่อนเราดิ้นรนใช่ไหม อยากเป็นคนดี อยากเชื่อฟังพระเจ้า เพราะว่ากลัวไม่รอด แต่ตอนนี้เรารู้นะครับว่ายังไงฉันก็รอดใช่ไหม แล้วเราก็ไม่กลัว แล้วตอนนี้นะครับถ้าเราทำบาปน่ะก็รู้ว่าพระเจ้าจะยกโทษให้เรา ให้เราทุกครั้งที่เราสารภาพ เราจึงไม่กลัวนะครับก็ไปทำนะครับ คืออาการที่เป็นในลักษณะที่เราเห็นความจริง เรารู้ว่าพระเจ้าน่ารัก พระเจ้าแสนดี พระเจ้าให้โอกาสเราเสมอ สารภาพเมื่อไหร่ก็ยกโทษให้เมื่อนั้น จึงเป็นชีวิตที่มันง่ายมันสบาย แล้วปรากฏว่าเราก็เลยแบบขี้เกียจ เฉยชา ไม่อยากฝึก
แต่อย่าลืมนะครับถ้าเกิดมีอาการนี้อยู่ภายในเรา เราอธิษฐาน แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับก็ไม่ปล่อยให้เราทำแบบนี้ตลอดไปนะครับ อีกไม่นานคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานหนักมากเพื่อที่จะช่วยเรา เอเมน
เหตุผลหนึ่งนะครับที่เราต้องมีคริสตจักร คริสตจักรขาดเราไม่ได้ และเราขาดคริสตจักรไม่ได้ ก็คือเพื่อนหนุนใจกันและกัน เพื่อล้างเท้ากันและกัน เพื่อนำพี่น้องที่หลงหาย เพื่อนำพี่น้องที่ไม่อยากฝึก ที่เฉยชา ที่ขี้เกียจ เพื่อจะกลับเข้ามาสู่พระวิญญาณในพระคริสต์ และเดินด้วยกันต่อไป เอเมนนะครับ
...
ถาม.
ต่อจากคำถามเมื่อกี้นะคะ ก็คือมีอาการเฉยชาใช่ไหมคะ แล้วก็เหมือนรู้ตัวค่ะว่าเรากำลังเป็นอยู่ ก็คือเรารู้ตัวว่าเราอยู่นอกพระคริสต์อยู่ แต่ว่าอย่างเช่นบอกว่า เชื่อพระเยซูหนูเชื่อพระเยซูว่าหนูเป็นคนใหม่แล้ว แต่คือเหมือนมันไม่เกิดผลค่ะ ก็คือเหมือนกับว่าเราเพิ่งพูดไปหยกๆ แต่ว่ามันก็ยังเป็นอยู่ แล้วก็ทั้งๆที่เหมือนที่ อจ. อธิบายเมื่อกี้ใช่ไหมคะว่า อ๋อเป็นเพราะว่าได้รู้แล้วว่ารอดแล้วน่ะ แล้วก็ได้รู้ว่าพระเจ้าของเราแสนดีขนาดไหน ซึ่งอันนี้หรือเปล่าค่ะที่ทำให้แบบว่าเหมือนเรามีใจที่หยิ่งหรือเปล่าค่ะ ที่แบบว่าไม่เป็นไรพระเจ้าให้อภัยตลอดอยู่แล้ว ก็เลยทำให้เราแบบเหมือนไม่มีความกระตือรือร้น แล้วก็เวลาที่เราเจอสถานการณ์ ก็แบบเรารู้ตัวว่าเราอยู่นอกพระคริสต์ แต่เราก็แบบ ก็ไปตามมัน แล้วก็พอมีพี่น้องที่เตือนว่า (ไปตายซะ) ก็ฉันไม่อยากตาย เราตอบโต้แบบนี้เลยคือแบบไม่อยากตาย (คุยกับพระเจ้าสิ) ไม่อยากคุย อย่างนี้ค่ะก็คือพูดออกไปเลย ก็เป็นแบบนี้ค่ะ
ตอบ.
เอเมนนะครับ คืออย่างที่เรารู้ในกาลาเทีย 5:17 ที่มีการต่อสู้กันระหว่างสองฝ่ายที่อยู่ภายในเรา เราไม่ได้ต่อสู้กับใครและไม่มีใครต่อสู้กับเรา แต่สองฝ่ายที่อยู่ในเราต่อสู้กัน ก็คือตัวเก่า กฎแห่งความบาป ตัวบาป กฎแห่งความตาย สิ่งเหล่านี้นะครับก็ต่อสู้พระวิญญาณ ก็คือพระวิญญาณของพระคริสต์ที่สถิตอยู่ในเรา และพระคริสต์ก็ต่อสู้กับนะครับ สู้กันไปสู้กันมา
ทีนี้นะครับคือเราไม่ต้องแปลกใจนะครับเป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายครั้ง เราเฉยชา เราไม่อยากจะฝึก เราไม่อยากจะเดิน สิ่งที่ผมอยากจะบอกเรานะครับ ก็คือทุกครั้งที่เราทำบาป ความบาปของเรา การทำผิดของเรา การตีสอน การลงโทษที่มาจากพระเจ้า จะเบากว่าเมื่อเราสารภาพด้วยใจ ด้วยอาการเสียใจ ด้วยอาการที่เสียใจจริงๆ คือโศกเศร้าเสียใจไม่อยากทำ แต่มันจำเป็นต้องทำเพราะว่าเนื้อหนังอ่อนแอนะครับ และเรายังเอนไปทางฝ่ายเนื้อหนังอยู่ พระวิญญาณจึงชนะไม่ได้
เพราะฉะนั้นการตีสอนก็มา แต่จะเบากว่า ถ้าหากไม่สารภาพจะหนักนะครับ แต่เรามีพระโลหิตเพื่อให้เราได้สารภาพทุกครั้ง ขอบคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้นะครับ คือพระเจ้ารู้ว่าเราป่วย พระเจ้ารู้ว่าเราไม่สบาย เอเมนไหมครับ (ยรม 17:9) เราป่วยนะครับ
เพราะฉะนั้นเมื่อบาปครอบงำ เมื่อตัวบาปชักนำ เราก็ต้องทำบาป เพราะฉะนั้นการฝึกของเรามันจะอยู่ในการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายนะครับ เพียงแต่ว่าเรานะครับฝึกที่จะบอกว่าเราเป็นคนใหม่ แล้วก็สารภาพเมื่อเราทำผิด การตีสอนก็จะเบากว่านะครับ
ฝึกไปเรื่อยๆ ไม่ต้องท้อนะครับ อาจารย์เปาโลใช้เวลาฝึกนานถึง 10 ปีถึงจะเป็นผู้ชนะได้ แล้วเราล่ะ เพิ่งฝึกไม่นานใช่ไหม หรือบางครั้งก็ฝึกบ้างไม่ฝึกบ้าง อาจจะเพราะว่าใช้ชีวิตดำเนินชีวิตทำมาหาเลี้ยงชีพบ้าง มีอย่างอื่นที่ต้องทำบ้าง แต่สำหรับในเรื่องของการเข้าอาณาจักร การที่พระเจ้าเลือกเรามาเป็นผู้ชนะ ในเรานะครับที่พระเจ้าเลือกแล้วในกลุ่มพวกเรา
เราควรจะยินดีที่พระเจ้ายกเราขึ้นให้เป็นคริสเตียนพิเศษ เพื่อดำเนินชีวิตที่พิเศษ มีพระเจ้าสามพระภาคอยู่ในเรา มีพลังที่พิเศษ เราเชื่อ เราฝึกต่อไป ไม่ต้องท้อนะครับ นานกี่ปี กี่เดือน กี่เท่าไหร่ไม่เป็นไร ไม่สำคัญ อยู่วันหนึ่งเราเข้มแข็ง แล้วอีกวันหนึ่งเรากลับออกไปจากการฝึก แล้วกลับมาฝึก ออกไป เฉยชา กลับมาเข้มแข็ง ไปๆ มาๆ แบบนี้นะครับ ก็คือการต่อสู้ของเนื้อหนังและพระวิญญาณ แต่เชื่อผมเถอะไม่เชื่อผมก็ได้น่ะ เชื่อพระคำพระเจ้า ใครเป็นคนชนะครับ พระเยซูชนะเอเมน ขอบคุณพระเจ้า ผู้ชนะคือพระเจ้า
เรามีความหวังใจนะครับว่าเราเป็นผู้ชนะ
เรามีความหวังใจว่าวันหนึ่งเราจะฝึกไปจนถึงความสำเร็จ เหมือนอาจารย์เปาโลที่ท่านฝึก เมื่อเปาโลฝึกนะครับ เปาโลบอกว่าจงทำตามอย่างของเรา คือมีการฝึกอย่างเป็นระเบียบ
ผมอยากหนุนใจพี่น้องนะครับ ก็คือฝึกต่อไปไม่ต้องท้อ ห้ามท้อนะครับ ห้ามท้อ คือกุญแจที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จในการเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เอเมน
อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะหนุนใจพวกเรา คือสำหรับคริสเตียน หรือการมาเป็นคริสเตียน หรือการมาเชื่อในพระเยซู เราจะเห็นน่ะว่าคริสเตียนส่วนมากไม่เข้าใจเรื่องชีวิตทั้งชีวิตของเราตอนนี้เป็นของพระเจ้าแล้ว นี่คือความจริงของพระเจ้า (1 คร 6:19) พระเจ้าทรงซื้อเราแล้ว ชีวิตทั้งชีวิต ทุกสิ่ง ทรัพย์สิน การงาน ธุรกิจอะไรทั้งหลายต่างๆ เป็นของพระเจ้าทั้งหมด
เพราะฉะนั้นอีกอย่างหนึ่ง ก็คือพระเจ้าเป็นผู้เลี้ยงที่ดี คำว่า ผู้เลี้ยงที่ดี หลายคนไม่เข้าใจ หลายคนคิดไม่ถึง คาดไม่ถึง แต่ความหมายของคำว่า ผู้เลี้ยงที่ดี ก็คือพระองค์เลี้ยงดูเรา พระองค์ทำแทนเราผ่านกิจการ การงาน การทำมาค้าขาย การทำมาหากิน เราไม่ต้องห่วง แล้วก็ทุกสิ่งที่เข้ามา ปัญหา หรือสิ่งดี หรือไม่ดี ก็คือพระเจ้าเป็นคนกำหนด เอเมนไหม?
เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเรา ก็คืออยู่เพื่อขอบพระคุณ อยู่เพื่อขอบพระคุณ และสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น ยากก็จะกลายเป็นง่าย หนักก็จะกลายเป็นเบา ร้ายก็จะกลายเป็นดี ขอแค่วางใจในพระองค์ และเชื่อน่ะว่า โอเคพระองค์ซื้อข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์เป็นของพระองค์แล้ว พระองค์เป็นเจ้าของชีวิตของข้าพระองค์ และเป็นคนเลี้ยงดูข้าพระองค์เอง และข้าพระองค์จะให้พระองค์คือทำแทน ซื้อขาย ทำมาค้าขายแทน ทำธุรกิจอะไรทุกอย่างแทนข้าพระองค์ เพื่อการดำเนินชีวิต การใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้
และหน้าที่ของข้าพระองค์ ก็คือแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรม และที่เหลือก็คือพระองค์จะประทานให้ เอเมนสรรเสริญพระเยซู