คริสเตียน.. จากอาดามสู่มนุษย์วิญญาณ 001
คริสเตียน.. เชื่อเท่านั้นก็ได้เป็นคนชอบธรรมเท่ากับยิวที่เคร่งมาก 002
อาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรของพระเจ้า ที่ผู้เชื่อมากมายไม่รู้ 003
การก่อขึ้นของพระคริสต์จะเริ่มขึ้น เมื่อเราทำสี่สิ่ง ทุกวัน 004
วิธีเดียวที่จะช่วยเราให้หลุดพ้นจากตัวบาปได้ก็คือ ...005
ปัญหาของคริสเตียนมีสองปัญหา คือ เราเลิกทำบาปไม่ได้ และเราไม่มีสันติสุขทุกวันเวลานาที ซึ่งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนดให้ผู้เชื่อทั้งหลายมีในหัวใจ
โลกนี้อยู่ในสภาพที่เรารับไม่ได้ และเราไม่ต้องการให้เข้ามาสู่ชีวิตของเรา สิ่งที่เลวร้ายทั้งหลายกำลังเกิดขึ้น และเราหนีไม่พ้น แต่สิ่งที่พระเยซูให้ ไม่ใช่ให้เราหลุดพ้นจากปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา แต่พระเยซูให้เรามีสันติสุข เพื่อเราจะสามารถรับทุกสิ่งได้
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ใจของเรา ของคุณ และของผม ถ้าหากจิตใจเราดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีไปหมด ถ้าจิตใจเราไม่ดี อะไรๆ มันก็ไม่ดีไปหมด เพราะฉะนั้น เราขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าเปิดเผยพระคำล้ำลึก คือมานาที่ซ่อนไว้ ให้พวกเราได้พบ ได้เห็น และได้กินเข้าไป
ยน. 6:57 พระเยซูตรัสว่า “ถ้าหากใครที่กินเรา คนนั้นก็จะมีชีวิตอยู่โดยเรา” คือถ้าหากใครกินเรา ถ้าคนนั้นขับรถ คนนั้นก็ขับรถโดยเรา คนที่จะรัก ก็คือเราเป็นคนที่จะรักให้เค้า คนที่อดทนนาน ก็คือพระเยซู คนที่อภัยให้พี่น้อง อภัยให้ศัตรู และรักศัตรูได้ ก็คือพระเยซู ไม่ใช่เรา
เมื่อพระเยซูประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เราแล้ว ก็คือสัญญา ก่อนหน้านี้พระองค์ประทานพระบัญญัติใหม่ให้เรา และพระองค์ไม่ได้สั่งให้เราเป็นคนทำจริงๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว ในมัทธิวพระองค์ประทานพระบัญญัติใหม่ให้เราก็จริง แต่ในหนังสือยอห์น พระองค์ประทานพระองค์เองเข้ามาอยู่ในเรา เพื่อรักษาพระบัญญัตินั้นให้เรา เพราะว่าเราทำไม่ได้
บางคนบอกว่า อะไรก็พระเยซูทำแทน พระเยซูเป็นคนใช้เราเหรอ พระเยซูทำแทนเรา ไม่ใช่ฐานะของคนใช้ แต่พระเยซูทำแทนเราในฐานะของพ่อที่สงสารลูก ที่ลูกทำไม่ได้ เอเมนมั๊ยครับ
1. ทันทีที่เราเชื่อเราก็ได้รับความรอด และจะไม่สูญเสียความรอดอีกเลย แต่มีอยู่สิ่งหนี่งที่รบกวนเราอยู่เสมอ นั่นก็คือการเลิกทำบาปในแต่ละวันไม่ได้
ทุกวันนี้คริสเตียนทั่วโลกมีปัญหาเรื่องเดียว ก็คือเลิกทำบาปไม่ได้ แต่วันนี้เป็นข่าวดีสำหรับพวกเรา เราสามารเลิกทำบาปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเลิกวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ เป็นเวลากำหนดของพระเจ้า แต่อย่างน้อยยังดีใช่มั๊ยครับ ที่เมื่อก่อนเราเป็นคริสเตียนหลายปี หรือบางคนเป็นจนตาย ก็ไม่มีโอกาสเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง แต่วันนี้มีเคล็ดลับที่พระเยซูให้พวกเรา คือเคล็ดลับที่จะสามารถเข้าสู่ชีวิตที่มีชัยชนะได้ เอเมน
เราขอบคุณพระเจ้า ทันทีที่เราเชื่อเราได้รับความรอด คือรอดแล้ว ไม่ต้องห่วงแล้วเรื่องความรอดนี้
คริสตจักรทั่วโลกทุกวันนี้ครึ่งหนึ่งสอนว่า ถ้าเราเชื่อพระเยซูยังไม่พอ ต้องเชื่อฟังพระเจ้า และเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์จึงจะรอด ถ้าไม่อย่างนั้นไม่รอด แต่อีกครึ่งก็บอกว่า ขอบพระเคุณพระเยซู เรารอดแล้ว รอดโดยพระคุณทางความเชื่อ เราเอาแบบที่สองครับ
อฟ. 2:8–9 (ภาษากรีก) กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายได้รอดแล้ว” ไม่ใช่กำลังจะรอด อาจจะรอด หรือว่าอาจจะสูญเสียความรอดไปได้ หรือพยายามทำตัวให้ดีเพื่อจะรอด แต่ภาษากรีกบอกตามตรงว่า “ท่านทั้งหลายได้รอดแล้ว” ก็คือรอดแล้ว รอดแล้วก็รอดเลย เราจะไม่สูญเสียความรอดอีก
ยน. 10:28 พระเยซูตรัสว่า “ไม่มีใครจะแย่งชิงแกะไปจากมือของเราได้เป็นอันขาด เราจะรักษาแกะของเราไว้จนชั่วนิรันดร์”
อฟ. 4:30 เปาโลพูดโดยพระวิญญาณว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ประทับตราเราแล้ว ให้ถึงความรอดในวันสุดท้าย ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
พระเจ้าสัญญาขนาดนี้ เราจะกลัวเสียความรอดเหรอครับ คนที่กลัวเพราะว่าเค้าเข้าใจผิด คิดว่าพระคัมภีร์บางตอนกล่าวว่า “ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่เหนือกว่าพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ ท่านจะไม่ได้เข้าไปในอาณาจักร” เค้าไม่เข้าใจว่า คำว่า “เข้าไปในอาณาจักร” กับคำว่า “ความรอด” แตกต่างกัน
----------
2. ผู้เชื่อนับล้านคนทั่วโลกทุกยุคทุกสมัยแสวงหาการเลิกทำบาป แต่ก็ล้มเหลว
เมื่อก่อนตอนที่เราอยู่ในคริสตจักรศาสนา หรือคริสตจักรที่เราเคยอยู่ เราแสวงหาการหลุดพ้นบาป แต่เราก็ไม่หลุดพ้น เราเป็นคริสเตียนสองปีผ่านไป ห้าปีผ่านไป สิบปีผ่านไป สิบห้าปีผ่านไป หรือสามสิบปีผ่านไป แต่เราล้มเหลวในการเอาชนะบาป ทุกครั้งที่บาปยืนอยู่ต่อหน้าเราเราก็แพ้ ทุกครั้งที่พระบัญญัติสั่งเราเราก็แพ้หรือล้ม กิเลสตัณหาโลภโกรธหลงยังเต็มอยู่ในชีวิตของเรา เราแบกภาระหนักมาก
----------
3. ก่อนที่เราจะเลิกทำบาปได้ เราต้องมีสันติสุขทุกวันเวลาได้ก่อน
สำหรับบทเรียนมานาที่ซ่อนไว้ เราเน้นตรงนี้ก่อน คือความจริงแล้วพระเยซูต้องการให้เรามีสิ่งหนึ่งก่อน ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง กระบวนการการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา พระเจ้ารู้ แต่สิ่งที่พระเจ้าให้ก่อนก็คือสันติสุข
สันติสุขได้มาทันทีที่เราเชื่อพระเยซู พระเยซูเป็นบ่อน้ำแห่งชีวิต เข้ามาอยู่ในวิญญาณของเรา บ่อน้ำนี้อยู่ในวิญญาณของเราแล้ว เอเมน และบ่อน้ำนี้ก็คือพระเยซูนั่นเอง เป็นพลัง เป็นแหล่งแห่งชีวิต และเป็นบ่อน้ำพุอยู่ในตัวเรา แต่เราไม่รู้วิธีที่จะเอามากินมาดื่ม เราไม่รู้วิธีที่จะรับสันติสุขจากพระเจ้า ทั้งที่สันติสุขนี้อยู่ในเราแล้ว
มีผู้ชายคนหนึ่งไปซื้อบ้านหลังหนึ่ง เค้าเห็นว่าฝาผนังบ้านจุดหนึ่งมีรอยร้าวเพราะบ้านมันเก่า เค้าคิดว่าจะซ่อมแซมและทาสีใหม่ เค้าก็ไปทุบฝาผนังนั้นเพื่อจะทำใหม่ แล้วก็ไปเห็นถุงเงินใหญ่ถุงหนึ่งมีเงินหลายล้านดอลลาร์ เค้าซื้อบ้านหลังนั้นโดยที่ไม่รู้ว่ามีเงินซ่อนอยู่ เจ้าของบ้านคนเก่าซ่อนเอาไว้แล้วก็ตาย แล้วลูกหลานก็ขายบ้านหลังนั้น แล้วชายคนนี้ก็ไปซื้อ
คริสเตียนทุกวันนี้เป็นเหมือนชายคนนี้ เราซื้อชีวิตใหม่ แต่เราไม่รู้ว่าข้างในเรามีบ่อน้ำพุ แต่ขอบพระคุณพระเจ้า ที่เราได้พบบ่อน้ำแห่งชีวิต พบมรดก พบพลังยิ่งใหญ่ที่อยู่ในตัวเรา เมื่อก่อนเราเป็นคริสเตียนศาสนา เราไม่รู้และไม่เห็น เมื่อเราต้องการสันติสุขเราก็ขอจากพระเจ้า และคิดว่าพระเจ้าจะโยนสันติสุขมาให้เรา และสันติสุขก็จะลอยลงมาให้เราได้สัมผัส
----------
4. บทเรียน 001–009 (บทเรียน 9 บทสู่การเป็นผู้ชนะ) จะช่วยให้เราพบสันติสุข และเรียนรู้วิธีการเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงของพระเจ้าได้จริงๆ
001 การยกโทษบาป
พระเจ้ายกโทษบาปให้เราทุกชนิด ไม่มีบาปไหนที่พระเจ้าไม่ยกโทษให้คริสเตียน
1 ยน. 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น (Every Sins)
-----
หมิ่นพระวิญญาณคืออะไร
คริสเตียนไม่เคยหมิ่นพระวิญญาณ คำว่าหมิ่นพระวิญญาณ คือไม่รับพระเยซู ทุกวันนี้การงานเป็นของพระวิญญาณ เช่น การประกาศข่าวประเสริฐ การทำให้คริสตจักรเติบโต การนำชีวิตผู้เชื่อเข้ามาถึงพระเจ้า การบังเกิดใหม่ การยกโทษบาป การรับพระวิญญาณ และการเป็นผู้ชนะ ทุกอย่างเป็นการงานของพระวิญญาณทั้งหมด ถ้าหากว่าคนไหนไม่ต้อนรับพระเยซู ก็คือหมิ่นพระวิญญาณ
ตอนนั้นพระเยซูพูดกับฟาริสี ไม่ได้พูดกับสาวก เพราะว่าฟาริสีดูถูกพระเยซู หาว่าการงานของพระเยซูคือผีเข้า และถ้าเราปฏิเสธพระเยซู ก็คือดูหมิ่นพระวิญญาณ
-----
ดับพระวิญญาณคืออะไร
คริสเตียนดับพระวิญญาณก็รอด แต่ได้รับโทษ การรับโทษ คืออยู่ในความทุุกข์
การดับพระวิญญาณ คือการขี้เกียจ หรือดับไฟแห่งพระวิญญาณ
โรม 12:11 กล่าวว่า “จงรับการเผาไหม้ในวิญญาณ” การรับการเผาไหม้ในวิญญาณ เราจะเกิดมีอาการขยัน อยากอธิษฐาน อยากอ่านพระคัมภีร์ อยากมาร่วมประชุมกับพี่น้อง อยากประกาศข่าวประเสริฐ หรืออยากพูดเรื่องพระเยซูให้คนอื่นฟัง
-----
การยกโทษบาป พระเจ้ายกโทษให้เราไม่ใช่เพราะเราน่ารัก เพราะเราเป็นศิษยาภิบาล หรือเพราะเราเป็นผู้รับใช้ที่ดี แต่ทุกครั้งที่พระเจ้ายกโทษให้เรา คือเพราะเห็นแก่พระโลหิต เราขอบพระคุณพระเจ้า ที่เราเข้าใจความจริงนี้
ผู้เชื่อมากมายเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าเราทำตัวไม่ดี ไม่มีหน้าที่รับใช้ หรือเราเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ ไม่น่ารักสำหรับพระเจ้า พระเจ้าก็จะไม่ยกโทษให้เรา หรือเราทำบาปมากๆ บาปหนักๆ หรือบาปใหญ่ๆ พระเจ้าก็จะไม่ยกโทษให้เรา
การยกโทษของพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้ดูที่ Condition ไม่ได้ดูที่ความบาปมันใหญ่ เล็ก มาก หรือน้อยแค่ไหน แต่บาปอะไรก็ตามที่เราสารภาพ พระเจ้าก็จะมองไปที่พระโลหิตของพระเยซู และยกโทษบาปให้เรา
ตอนที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ ในฝ่ายวิญญาณ พระเยซูออกมาจากกางเขน เอาพระโลหิตของพระองค์ขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์ เข้าไปในพระวิหารชั้นในสุด ถวายให้พระบิดา และพระบิดาก็รับ (ฮบ. 9:12) เมื่อพระบิดารับ พระบิดาและพระบุตรก็ทำพันธสัญญาใหม่ พระบิดาบอกว่า โดยพระโลหิตนี้ นี่คือการไถ่บาป หรือจ่ายหนี้บาปชั่วนิรันดร์
เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ที่มีคนต้อนรับพระเยซูและสารภาพบาป พระเจ้าก็จะรับเค้า และยกโทษบาปทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดไป
เมื่อคริสเตียนดำเนินชีวิตในแต่ละวัน วันนี้เราทำบาป อีกชั่วโมงหนึ่ง สองชั่วโมง สามชั่วโมง สี่ร้อยเก้าสิบครั้ง ห้าร้อยครั้ง หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำบาปและสารภาพ พระโลหิตนั้นก็มีผลถึงการยกโทษของเรา
เราสรรเสริญพระเจ้าครับ เราไม่กลัวพระเจ้าแล้ว ถ้าเรารู้ว่าพระโลหิตมีคุณค่ามากมายแค่ไหน แต่คริสเตียนทุกวันนี้หมิ่นประมาทพระโลหิตของพระเยซู ดูถูกและไม่เห็นคุณค่ามากพอ
เพราะฉะนั้น เราขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระเจ้ายกโทษให้เราเพราะเห็นแก่พระโลหิต
เมื่อเราสารภาพบาป เราต้องขอบพระคุณทันที คริสเตียนบางคนเมื่อสารภาพบาปเสร็จแล้ว ก็รอดูว่าพระเจ้าจะสัมผัสมั๊ย ถ้าพระเจ้าแตะก็คิดว่าพระเจ้ายกโทษ แต่ถ้าพระเจ้าไม่แตะ และใจเรายังวุ่นวายอยู่ แสดงว่าพระเจ้าไม่ได้ยกโทษ นั่นคือการตัดสินโดยใช้อารมณ์ความรู้สึก ไม่ถูกครับ
เราสังเกตพระคัมภีร์ 1 ยน. 1:9 ครับ “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา” คือทุกครั้งที่เราสาภาพบาป พระเจ้าก็จะยกโทษให้ทุกครั้งทันที และคำว่า “ถ้า” ก็คือในอนาคต พระเจ้าบอกไว้แล้วว่า ถ้าพรุ่งนี้เราทำบาปและสารภาพ พระองค์ก็จะยกโทษให้
ถามว่าทำไมพระเจ้าใจดี พระเจ้าใจดีก็เพราะพระองค์ใจดี พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ใจดี และมีความรักมาก
เรามาลองดูมนุษย์เรา ถ้าเราทำอะไรผิด หรือทำไม่ถูกใจกัน และถ้าหากเริ่มแรงขึ้นๆ เราก็จะเกิดมีอาการรักถดถอย หรือรักจืดจางลง แต่สำหรับรักของพระเจ้า ถ้าเราทำอะไรที่แรงๆ คนที่มีความรักอะกาเปจะไม่สนใจ แต่นิ่งสงบ ไม่คิดอะไร เรื่องเล็กก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และเรื่องใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่มีอะไรสำคัญทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น เราขอบพระคุณพระเจ้า พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ใจดีมาก และโดยเฉพาะยุคนี้เป็นยุคพระคุณ