2:1 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงละการปองร้ายทั้งปวง บรรดาการอุบาย การหน้าซื่อใจคด ความริษยา และคำพูดส่อเสียดทั้งหลาย
** เมื่อพระเจ้าทรงไถ่เราและประทานชีวิตใหม่ให้แก่เราแล้ว เราจึงควรละทิ้งชีวิตและนิสัยของอาดัมที่มีตัวบาปครอบงำอยู่ โดยเฉพาะ
1. การชอบคิดปองร้าย หรือหวังทำร้ายทำลายผู้อื่น หรือความคิดที่ชั่วร้าย wickedness / malice / spite
2. การวางแผนกลอุบายที่ไม่ชอบธรรม และไม่บริสุทธิ์เพื่อทำให้ผู้อื่นเสียหาย deceit การใส่หน้ากากแกล้งทำเป็นคนดีเข้มแข็งทั้งที่เราไม่ได้เป็น hypocrisy การอิจฉาผู้อื่น envies และการพูดที่ไม่มีความรักความชอบธรรมและความบริสุทธิ์
2:2 เช่นเดียวกับทารกแรกเกิด จงปรารถนาน้ำนมอันบริสุทธิ์แห่งพระวจนะ เพื่อจะทำให้ท่านทั้งหลายเติบโตขึ้น
** น้ำนมอันบริสุทธิ์แห่งพระวจนะ คือพระคำที่แปลถูกที่ไม่มีเชื้อยีสต์ผสมอยู่เลย ซึ่งเมื่อเราได้รับเข้ามา จะได้รับการชำระและเปลี่ยนความคิดของเราให้รู้จักน้ำพระทัยของพระบิดา เราจึงรู้ว่าแผนการงานของพระเจ้าคืออะไร, การดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณคืออะไร, การประกาศรับใช้คืออะไร, การนมัสการคืออะไร, เราจึงไม่หลงทางตกขอบ และกลายพันธุ์เป็นคริสเตียนศาสนา แต่เข้าสู่รูปแนวชีวิตที่เน้นความผูกพันและสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้ามากกว่าการใช้ชีวิตเก่าเพื่อดำเนินชีวิตใหม่ในพระคริสต์ไปจนตาย สุดท้ายก็ต้องสูญเสียบำเหน็จในยุคหน้าและแผ่นดินโลกใหม่
2:3 หากว่าท่านได้ชิมดูรู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประกอบด้วยพระกรุณา
** พระกรุณา ภาษากรีกคือ χρηστός, ή, όν good, useful, gentle, pleasant, kind. ผู้เชื่อที่ถูกเปิดตาย่อมรู้เห็น และเข้าใจอย่างถ่องแท้เรื่องความดี ความอ่อนโยน ความเมตตา ของพระเจ้า
2:4 จงมาหาพระองค์ เหมือนมาถึงศิลาอันมีชีวิตอยู่ ซึ่งมนุษย์ได้ปฏิเสธไม่ยอมรับแล้ว แต่ว่าพระเจ้าทรงเลือกไว้ และทรงค่าอันประเสริฐ
** มาหาพระเยซู ในที่นี้ตรงกับในมัทธิว 11:28 จงมาหาเรา ท่านทั้งหลายทุกคนที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก และเราจะให้การหยุดพักแก่ท่านทั้งหลาย คือการเข้ามา "สนิท" อยู่ในพระคริสต์ในฝ่ายวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับน้ำแห่งชีวิต และพลัง และรับการหล่อเลี้ยงด้วยพระคำของพระองค์ เพื่อการเติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระองค์ให้มากยิ่งขึ้น
** ศิลาอันมีชีวิต ในข้อนี้ คือพระเยซูคริสต์พระผู้เป็นเจ้าของเราผู้ที่ชาวยิวได้ปฏิเสธ แต่พระองค์ทรงคุณค่าต่อเราผู้เชื่อทั้งหลาย พระองค์เป็นความหวังของเราทั้งเรื่องความรอด และเรื่องการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์
2:5 และท่านทั้งหลายก็เสมือนศิลาที่มีชีวิต ที่กำลังก่อขึ้นเป็นพระนิเวศฝ่ายวิญญาณ เป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ เพื่อถวายสักการบูชาฝ่ายจิตวิญญาณ ที่ชอบพระทัยของพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์
** ข้อที่ 5 คือน้ำพระทัยของพระเจ้าเรื่องการก่อพระกายของพระเยซูในโลกนี้ พระบิดามีพระประสงค์ที่จะสร้างพระนิเวศฝ่ายวิญญาณ หรือคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่โบสถ์แห่งศาสนาคริสต์ที่เราเห็นกันมากมายทุกวันนี้ ผู้เชื่อที่เป็นมนุษย์วิญญาณ เดินในพระวิญญาณเท่านั้นที่จะถูกก่อขึ้นและกลายเป็นคริสตจักรเที่ยงแท้ได้ และเข้าส่วนในการปกครองอาณาจักรในยุคพันปีและนิรันดร์
2:6 เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ด้วยว่า ‘ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งลงในศิโยน เป็นศิลามุมเอกที่ทรงเลือกแล้ว และเป็นศิลาที่มีค่าอันประเสริฐ และผู้ใดที่เชื่อในพระองค์นั้นก็จะไม่ได้รับความอับอาย’
** ไม่ได้รับความอับอาย คือไม่ต้องถูกพิพากษาไปสู่บึงไฟ และไม่ถูกตีสอนในยุคพันปี
2:7 เหตุฉะนั้นพระองค์ทรงมีค่าอันประเสริฐสำหรับท่านทั้งหลายที่เชื่อ แต่สำหรับคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟังนั้น ‘ศิลาซึ่งช่างก่อได้ปฏิเสธเสีย ได้กลับกลายเป็นศิลามุมเอกแล้ว’
2:8 และ ‘เป็นศิลาที่ทำให้สะดุด และเป็นก้อนหินที่ทำให้ขัดเคืองใจ’ ที่เขาสะดุดนั้นเพราะเขาไม่เชื่อฟังพระวจนะ ตามที่เขาถูกกำหนดไว้เช่นนั้นด้วย
** ข้อที่ 7-8 เล็งถึงชาวยิวที่ไม่ต้อนรับพระเยซู
สรุปข้อที่ 6-7-8 ในหนังสือบางเล่มพูดถึงพระเยซูเป็นเถาองุ่นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตผู้เชื่อให้เติบโตสู่ชีวิต และนิสัยของพระองค์ ส่วนข้อที่ 6-7-8 ท่านเปโตรพูดถึงพระเยซูเป็นศิลาอันมีชีวิตเพื่อการก่อตั้งพระนิเวศอันมีชีวิต หรือคริสตจักรฝ่ายวิญญาณนั่นเอง ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเยซูเป็นเถาองุ่น และศิลาที่มีชีวิตเพื่อช่วยเลี้ยงดูเราให้เติบโต และก่อเราขึ้นสู่พระนิเวศอันมีชีวิตที่เป็นที่พอพระทัยของพระบิดา เอเมน
2:9 แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระองค์โดยเฉพาะ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้สำแดงพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์
2:10 เมื่อก่อนท่านทั้งหลายหาเป็นชนชาติไม่ แต่บัดนี้ท่านเป็นชนชาติของพระเจ้าแล้ว เมื่อก่อนท่านทั้งหลายหาได้รับพระกรุณาไม่ แต่บัดนี้ท่านได้รับพระกรุณาแล้ว
** สำหรับพระเจ้า มนุษย์ทั่วโลกไม่มีชาติ
** ส่วนผู้เชื่อ คือชนชาติของพระเจ้า ที่เป็นประชากรแห่งอาณาจักรของพระองค์
** ผู้เชื่อทุกคนจึงเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า ซึ่งก็คือมีหน้าที่ร่วมกันปรนนิบัติพระเจ้าในพระวิหารเพื่อการนมัสการ การถวายเครื่องบูชาต่างๆ พวกเราเป็นประชาชาติบริสุทธิ์โดยการชำระของพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เราทั้งหลายจึงเป็นผู้บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า ถึงแม้ว่าเรายังทำบาปในแต่ละวันก็ตาม แต่เมื่อเราได้รับการชำระและเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงเราจึงดำเนินชีวิตเพื่อสำแดง ἀρετὰς (ar-et'-ay) excellencies ความดี goodness ความซื่อสัตย์ uprightness มีคุณธรรม virtue ซึ่งเป็นชีวิตและนิสัยของพระเจ้า เนื่องจากว่าพระเจ้าทรงมีพระเมตตาคุณอย่างเหลือล้นสำหรับเรา
** พระเจ้าทรงเรียกผู้เชื่อทุกคนออกมาจากความมืดเพื่อให้เข้าสู่ความสว่าง และพระองค์กระทำแล้วโดยให้เราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ เนื่องจากว่าชีวิตในพระคริสต์คือชีวิตที่อยู่ในความสว่าง และความสว่างก็คือความจริงหรือความเป็นจริงของพระเจ้าที่พระองค์ได้กระทำแล้วในพระคริสต์ ส่วนความมืดก็คือการดำเนินชีวิตด้วยตัวเก่าที่ไม่ได้ผ่านกางเขน และอุโมงค์ และการเป็นขึ้นมาจากตายร่วมกับพระเยซูเมื่อสองพันปีก่อน
2:11 พวกที่รัก ข้าพเจ้าวิงวอนท่านทั้งหลายเหมือนท่านเป็นคนต่างด้าวและเป็นผู้สัญจร ให้ท่านละเว้นจากตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งทำศึกกับจิตวิญญาณ
** มนุษย์มีปัญหาเรื่องตัวบาปที่อยู่ในเขาที่แสดงคุณสมบัติสี่ประการเมื่อถึงเวลาของมัน ซึ่งก็คือ..
1. ความหยิ่งผยองพองตัว pride
2. ความโกรธ anger
3. ตัณหาของเนื้อหนัง คือความต้องการของเนื้อหนัง ความอยาก คืออยากได้ อยากดี อยากมี อยากมีมากกว่าเดิม (ความโลภ)
4. และสิ่งสุดท้าย ก็คือตัณหาของร่างกาย ซึ่งก็คือ (ความใคร่) หรือความต้องการทางเพศที่ผิดต่อน้ำพระทัยของพระบิดานั่นเอง
- และข้อนี้ (1 ปต 2:11) พระวิญญาณตรัสผ่านเปโตรให้เตือนผู้เชื่อ เกี่ยวกับความต้องการความอยาก อยากได้ อยากมี อยากได้อยากมีมากกว่า เพื่อนำมาบำเรอชีวิตให้สุขสบายฝ่ายร่างกายจนลืมพระเจ้า ลืมการเดินในวิญญาณและงานการรับใช้พระองค์ เนื่องจากว่าคนที่อยู่รอบข้างผู้เชื่อตอนนั้นดำเนินชีวิตที่เต็มด้วยตัณหาของเนื้อหนัง
** ''ซึ่งทำศึกกับจิตวิญญาณ'' จิตวิญญาณ คำนี้ภาษาไทยแปลผิด (ข้อ 11 นี้ ภาษากรีกคือ จิต / soul)
2:12 จงให้การประพฤติของท่านทั้งหลายเป็นที่น่านับถือท่ามกลางคนต่างชาตินั้น เพื่อว่าในข้อที่เขาติเตียนท่านว่าเป็นคนทำชั่วนั้น เมื่อเขาเห็นการดีของท่านแล้ว เขาจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันซึ่งพระองค์จะทรงเยี่ยมเยียนเขา
** หน้าที่ของผู้เชื่อต่อคนที่ไม่เชื่อ ก็คือรัก และทำดีต่อพวกเขา ด้วยอาการต่ำถ่อม และยอมเสียเปรียบ เพื่อเขาจะเห็นพระเจ้าในเรา และยกย่องพระเจ้าของเรา และจะทำให้พระเจ้ามีโอกาสมาหาเขา และช่วยเขาให้มาถึงความรอดได้
บทความเพิ่มเติม: ตัวบาปมีหน้าที่อย่างเดียว ก็คือ สำแดง ปรากฏนิสัย 4 นิสัย
2:13 ท่านทั้งหลายจงยอมฟังการบังคับบัญชาที่มนุษย์ตั้งไว้ทุกอย่าง เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นเป็นกษัตริย์ผู้มีอำนาจยิ่ง
2:14 หรือจะเป็นเจ้าเมืองผู้ที่ได้รับคำสั่งจากกษัตริย์นั้น ให้ลงโทษผู้กระทำชั่ว และยกย่องคนที่ประพฤติดี
2:15 เพราะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่จะให้ท่านทั้งหลายระงับความโง่ของคนโฉดเขลาให้สงบด้วยการประพฤติดี
** ผู้เชื่อไม่มีหน้าที่ต่อสู้ ต่อต้าน ผู้มีอำนาจ และกฎหมายบ้านเมืองที่เราอาศัยอยู่ เราเอเมนกับทุกสิ่ง และดำเนินชีวิตตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในแต่ละวันเพื่อสำแดงพระคริสต์ผ่านเรา
2:16 จงเป็นเหมือนคนที่มีเสรีภาพ แต่ท่านอย่าใช้เสรีภาพนั้นให้เป็นที่ปกปิดความชั่วไว้ แต่จงใช้เหมือนเป็นทาสของพระเจ้า
** ผู้เชื่อมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าหากเรายอมที่จะขายสิทธิ์ และยอมเชื่อฟังพระเจ้าอย่างทาสที่จะอยู่ภายใต้การดูแลตัดสินของบ้านเมือง แน่นอนความยุติธรรม และเที่ยงธรรมก็จะเกิดกับเราเป็นส่วนมาก
สรุป...ก็คือเราอยู่เพื่อสำแดงชีวิต และนิสัยของพระคริสต์โดยที่ไม่ต่อต้านต่อสู้ และไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมืองซึ่งเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพาเราในแต่ละวัน
2:17 จงให้เกียรติแก่ทุกคน จงรักบรรดาพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่กษัตริย์
** ชาวยิวมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง และยกตนข่มท่าน โดยเฉพาะชาติยิวจะมองชาติอื่นต่ำกว่าพวกของตน คือมองคนต่างชาติเป็นเหมือนสุนัข
- สำหรับพระเจ้าเราเท่ากัน เราให้เกียรติคนทุกชาติ คือเราไม่มียิวไม่มีต่างชาติ ไม่มีคนจนคนรวย มนุษย์วิญญาณไม่มีใครสูงส่งกว่าใครนอกจากพระเยซูเท่านั้น
- เรารักทุกคนเริ่มจากครอบครัวของพระเจ้าก่อน จากนั้นก็คนที่ไม่เชื่อ เราควรยำเกรงพระเจ้าโดยเฉพาะคนที่เป็นหนุ่มและระดับพ่อ คือมองเห็นพระเจ้าอยู่กับเราในเราตลอดเวลา เราตระหนักอยู่เสมอว่าทรงเห็นทุกสิ่งที่เรากระทำและเป็นอยู่ ถวายเกียรติแด่กษัตริย์หรือผู้ที่มีอำนาจ คือการยอมเชื่อฟังและรักษากฎหมายบ้านเมือง ทำดีเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองที่เราอาศัยอยู่
2:18 ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้รับใช้ จงเชื่อฟังนายของท่านด้วยความยำเกรงทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะนายที่เป็นคนใจดีและสุภาพเท่านั้น แต่ทั้งนายที่ร้ายด้วย
** พอพูดถึงการเป็นลูกจ้าง หรือคนรับใช้ เราซื่อสัตย์ ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ ไม่โกง ไม่เกียจคร้าน ซึ่งอาจจะต้องทนทุกข์ลำบากบ้าง เนื่องจากว่านายจ้างบางคนเป็นคนไม่ดี แต่เรายอมทำทุกสิ่งจนเป็นที่พอใจของนายเรา คือสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย และนำพาช่วยเหลือเราในการงานทุกสิ่ง และทำให้ร้ายกลายเป็นดี หนักกลายเป็นเบา และยากกลายเป็นง่ายได้
2:19 เพราะว่าถ้าผู้ใด เพราะเห็นแก่ใจวินิจฉัยผิดชอบจำเพาะพระเจ้า ยอมอดทนต่อความทุกข์โศกเศร้าอย่างอยุติธรรม นี่แหละเป็นความชอบ
** เมื่อเชื่อและเติบโตได้สักระยะหนึ่ง ผู้เชื่อจะมีจิตสำนึกผิดชอบหรือมโนธรรมเหมือนพระบิดา เราเห็นทุกสิ่งด้วยเหตุและผลที่พระเจ้าเห็น เราจึงยอมทนทุกข์ต่อปัญหาทุกเรื่องที่เข้ามา เนื่องจากว่าเรารู้ว่าเราต้องเผชิญกับความยากลำบากไม่มากก็น้อยขณะที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ (ดูข้อที่ 21)
2:20 ด้วยว่าถ้าท่านทำการชั่ว แล้วถูกเฆี่ยนเพราะการชั่วนั้น แม้ท่านทนถูกเฆี่ยนด้วยอดกลั้นใจ จะเป็นที่สรรเสริญอะไรแก่ท่าน แต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายกระทำการดี และทนเอาการข่มเหงด้วยอดกลั้นใจเพราะการดีนั้น เช่นนี้แหละเป็นการชอบพระทัยพระเจ้า
2:21 ด้วยว่าท่านทั้งหลายถูกทรงเรียกไว้สำหรับเหตุการณ์นั้น เพราะว่าพระคริสต์ได้ทรงรับทนทุกข์ทรมานเพื่อเราทั้งหลาย ให้เป็นแบบอย่างแก่เรา เพื่อท่านจะได้ตามรอยพระบาทของพระองค์
** (ดูข้อที่ 19-20)
2:22 พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำบาปเลย และไม่ได้พบอุบายในพระโอษฐ์ของพระองค์เลย
2:23 เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงมาดร้าย แต่ทรงมอบเรื่องของพระองค์ไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างชอบธรรม
2:24 พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราทั้งหลายซึ่งตายจากบาปแล้ว จะได้ดำเนินชีวิตตามความชอบธรรม ด้วยรอยเฆี่ยนของพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย
** ต้นไม้ เล็งถึงกางเขนของพระเยซู เราผู้เชื่อทุกคนมีส่วนร่วมเข้าในการตายกับพระเยซู เราจึงตายแล้ว และไม่เพียงแต่เท่านั้น เราได้ตายต่อ/ตายจากตัวบาปด้วย เมื่อเรารู้เข้าใจเชื่อและนับ เราก็จะเจริญขึ้นในความตายของพระเยซู คือได้เห็นอาการอ่อนแอของชีวิตเก่าและตัวบาปและกฎแห่งความบาปและความตาย เราจึงเชื่อฟังพระเจ้าได้อย่างง่ายดายโดยพระคริสต์เยซูกระทำกิจในเรา
** การตาย การทนทุกข์ทรมานถูกเฆี่ยนตีที่ต้นไม้ คือการรับการแช่งสาปทั้งหมดของมนุษย์ เราจึงได้รับการรักษาให้หายได้ เพียงแต่เราเชื่อในพระคำของพระเจ้าในข้อนี้ว่าเป็นความจริง
2:25 เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นเหมือนแกะที่พลัดฝูงไป แต่บัดนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยง และศิษยาภิบาลแห่งจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายแล้ว
** ขอบพระคุณพระเจ้าที่เรามีผู้เลี้ยงคือพระเยซู และพระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา พระองค์คือผู้เลี้ยงแห่งจิตของเรา คือการช่วยเปลี่ยนความคิดของเราเพื่อให้ได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตและนิสัยของพระเยซู คือการเปลี่ยนจากรู้ผิดแปลผิดเชื่อผิดคิดผิดกลายมาเป็นแปลถูกเชื่อถูกคิดถูก (โรม 12:2)
** ข้อ 25 ภาษาไทยแปลผิดว่า จิตวิญญาณ ภาษากรีกคือ ψυχή, ῆς, ἡ (ปะ-สุ-เค) จิต / soul
บทความเพิ่มเติม: จิต / กฎของจิต (ใจ) / จิต และ วิญญาณ / วิญญาณ จิต ร่างกาย / จิต กับ วิญญาณ ไม่ใช่ จิตวิญญาณ