เอเมนขอบคุณพระเยซูในความรักของพระองค์
ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับพระคุณของพระองค์และสำหรับพระคุณซ้อนพระคุณของพระองค์ที่มีต่อเราทั้งหลาย
พระเยซูพวกเรารักพระองค์ วันนี้เราถวายอวัยวะเพื่อเป็นสิ่งที่พระองค์จะใช้เพื่อความชอบธรรมของพระองค์ปรากฏออกมาผ่านเราทั้งหลายให้โลกได้เห็น ให้ทูตสวรรค์ได้เห็น ให้ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างได้เห็นพระองค์ผ่านพวกเรา ขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในชีวิตเราแต่ละคน เอเมน
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือกาลาเทียที่มีมากมายหลายเรื่องที่มีคุณค่าเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับความเชื่อและสำหรับการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
พระองค์เปิดเผยแผนการของพระองค์ เปิดเผยน้ำพระทัยของพระองค์ให้เราได้รู้ได้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ ซึ่งจะนำมาถึงความรอดถึงการได้กลายเป็นคนชอบธรรม เท่ากับคนยิวคนหนึ่งที่เคร่งครัดศาสนา
ยิวรักษาพระบัญญัติทั้งวันให้ครบเพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรม แต่สำหรับพระเจ้ายังมองเขาว่าก็ยังเป็นคนบาปอยู่ดี เนื่องจากว่าชีวิต และนิสัยของเขายังอยู่ภายใต้การเป็นทาสของตัวบาป ที่พยายามรักษาพระบัญญัติ พยายามเชื่อฟังพระเจ้า ซึ่งมันก็มีผลที่ให้เขาได้มีโอกาสได้รอด
แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการ พระเจ้าต้องการมากกว่านั้น คือให้เราไม่ต้องพยายาม ให้เราสำแดงชีวิต และนิสัยของเรา เป็นธรรมชาติใหม่ของเราที่พระเจ้าเป็นคนกระทำกิจภายในเรา
เราขอบพระคุณพระเจ้าสิ่งนี้เรียกว่า อัตโนมัติ
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องพยายามรักอะกาเป ไม่ต้องพยายามอดทนนาน ไม่ต้องพยายามยกโทษให้ใคร ไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องพยายามเรื่องการถวาย เรื่องการให้ เรื่องการช่วยเหลือ เรื่องการมีใจกว้าง เรื่องการฝืนใจเรื่องการที่จะทำอะไรก็แล้วแต่นะครับ เพื่อให้เป็นที่ชอบพระทัยของพระบิดา แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เป็นสิ่งที่พระเจ้าเป็นคนกระทำในเราเป็นชีวิต และนิสัยของพระเยซู
เราพบว่ากาลาเทียบทที่ 2 ข้อที่ 20 เป็นสิ่งที่มีคุณค่า เป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับพวกเราเมื่อเราได้เข้าใจ ตาที่ได้เห็นก็เป็นสุข เมื่อเราได้รับการเปิดตา พี่น้องมีความสุขไหมครับ
เมื่อเราได้รู้นะครับว่าพระเจ้าอยู่ในเรา พระคริสต์อยู่ในเรา เราเป็นวิหารของพระเจ้า มีความสุขไหมครับ
เมื่อเราพบแล้วนะครับว่าเชื่อเท่านั้นก็ได้รอดไม่ต้องพยายามเชื่อฟัง ไม่ต้องพยายามเลิกทำบาป ไม่ต้องพยายามรักษาพระบัญญัติ ไม่ต้องพยายามรักษาความรอดไว้ในแต่ละวัน วันนี้ดีก็รอด วันนี้ไม่ดีก็ไม่รอด ตาเราถูกเปิดแล้วนะครับ ตอนนี้เชื่อเท่านั้นก็ได้รอด และเมื่อรอด ก็รอดแล้วก็รอดเลย ไม่ต้องสูญเสียความรอดอีก มีความสุขไหมครับ
แล้วเราขอบคุณพระเจ้า การเชื่อฟังพระเจ้าไม่ต้องพยายามเชื่อฟัง มันเป็นเอง เป็นชีวิตที่อัตโนมัติ เป็นชีวิตพระคริสต์ที่กระทำในเราผ่านเราโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่เรานะครับในแต่ละวันสนิทในพระเยซู บอกรักพระเยซู สร้างความผูกพันที่ดีงามกับพระเยซู สองคนในร่างเดียวกันเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์ และพระคริสต์เป็นหนึ่งเดียวในเรา เราพบความจริงนี้ การปรากฏของชีวิต และนิสัยของพระคริสต์ก็จะมีมากขึ้นในแต่ละวัน ขอบคุณพระเจ้า เราเข้าใจ เรารู้ชัดเจนเรื่องความจริงนี้
ขอบพระคุณพระเจ้ากาลาเทียบทที่ 2 ข้อที่ 20 ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป คือข้าพเจ้าคนเก่า แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ก็คือพระคริสต์ที่เป็นพระวิญญาณที่ฟื้นขึ้นมาจากความตายเข้ามาอยู่ในเรา ที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ก็คือข้าพเจ้าคนใหม่
เรารู้แล้วน่ะว่ากาลาเทียบทที่ 2 ข้อที่ 20 มีสี่คนด้วยกัน ก็คือเราคนเก่ากับพระคริสต์คนเก่าที่ตายไปพร้อมกันตายไปด้วยกันที่กางเขน และอีกสองคน ก็คือเราคนใหม่ที่ได้บังเกิดใหม่ และพระคริสต์ที่เป็นวิญญาณเข้ามาสถิตอยู่ในเราคนใหม่คนนี้ และใช้ชีวิตของเรานี้เพื่อสำแดงชีวิตและนิสัยของพระองค์ออกมาผ่านเรา เพื่อพระบิดาจะได้รับเกียรติ และเราจะรับบำเหน็จ คือการลงทุน การทำการค้าขายด้วยกัน ทำธุรกิจด้วยกัน ก็คือให้พระองค์ ยกอวัยวะของเราให้พระองค์ใช้ เพื่อความชอบธรรมของพระองค์ปรากฏออกมา เมื่อเรารู้ความจริงนี้มีความสุขไหมครับ
การใช้ชีวิตคริสเตียนไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด ภาระเบา แอกเบา กางเขนก็เบา แถมยังได้รับการพักผ่อน ขอบพระคุณพระเจ้า มีความสุขไหมครับ
เราสรรเสริญพระเยซูที่พระองค์ให้เราเป็นคริสเตียนเป็นลูกหลานของอับราฮัม และเป็นลูกหลานฝ่ายของนางซาราห์ที่เป็นคริสเตียนที่เป็นไท เป็นคริสเตียนที่อิสระ ได้รับอิสระอย่างเต็มที่
ไม่เหมือนคริสเตียนอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นคริสเตียนที่เป็นลูกหลานฝ่ายนางฮาการ์ซึ่งเป็นคริสเตียนที่ยังเป็นทาส เป็นคริสเตียนที่ยังต้องรักษาพระบัญญัติเพื่อให้รอด เป็นคริสเตียนที่ยังพยายามฝืนใจทำดีเชื่อฟังพระเจ้า เพราะว่ากลัวไม่รอด กลัวไม่ได้รับบำเหน็จ
เราขอบพระคุณพระเจ้าเรามีความสุข ตาที่ได้เห็น หูที่ได้ยินก็เป็นสุข อันนี้สำเร็จแล้วในชีวิตของเราที่เข้าสู่พระคำล้ำลึกและอาหารผู้ใหญ่ เอเมนเราสรรเสริญพระเยซู
สำหรับชีวิตในแต่ละวันของเรา เมื่อเราเข้าใจว่าข้าพเจ้าทุกวันนี้ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในพระเจ้า และชีวิตที่ข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในทุกวันนี้ ก็คือเป็นความเชื่อของพระเยซู เราเห็นน่ะว่าพระเยซูเข้ามาแทนที่ทุกจุด ทุกแห่ง ทุกที่ ทุกสิ่ง แม้แต่ความเชื่อ พระองค์ก็ยังเชื่อแทนเรา สรรเสริญพระเจ้าความเชื่อของเราไม่พอ เป็นความเชื่อที่สงสัย เป็นความเชื่อที่อาจจะท้อบ้าง อาจจะหนีบ้าง อาจจะเบื่อบ้าง
แต่เมื่อความเชื่อของพระเยซูเข้ามาแทนที่ความเชื่อของเรา เราจะมั่นคงตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อนี้ และไม่หนีไปไหนเราจะรักพระเยซูทั้งๆ ที่เข้าสู่การข่มเหง เข้าสู่การทนทุกข์ทรมานมากมาย
แต่ขอบพระคุณพระเยซูความเชื่อของพระองค์เข้ามาแทนที่ทำให้เรายึดมั่นในพระเจ้าและวางใจในพระเจ้าในทุกกรณี เอเมน
เราพบว่าพระเยซูตรัสในมัทธิวบทที่ 6 ข้อที่ 33 จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
ตอนนี้เราพบแล้วว่าอาณาจักรของพระเจ้าและตอนนี้เราก็พบแล้วความชอบธรรมของพระองค์
ทีนี้เมื่อเราพบว่าความชอบธรรมของพระเจ้า ก็คือการให้พระคริสต์สำแดงชีวิต และนิสัยของพระองค์ผ่านเรา ในโรมบทที่ 6 ข้อที่ 11 จนถึงข้อที่ 13 เปาโลจึงกล่าวโดยพระวิญญาณว่า จงถวายอวัยวะของท่านเหมือนคนที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย อวัยวะนี้ ก็คืออวัยวะของคนใหม่ เพื่อให้เป็นอวัยวะแห่งการชอบธรรม เพื่อให้ความชอบธรรมใช้เป็นเครื่องมือ โอ้..ขอบคุณพระเจ้า เราแสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้าเราได้พบแล้ว และทีนี้เราก็ถวายชีวิตใหม่ของเราให้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ของความชอบธรรม ก็คือพระคริสต์ทำแทนเรา
ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้พบความจริงว่า พระคุณ ก็คือพระเยซูตายเพื่อเรา พระคุณซ้อนพระคุณ ก็คือพระเยซูอยู่เพื่อเรา
พระคุณพระเยซูตายแทนเรา พระคุณซ้อนพระคุณพระเยซูอยู่แทนเรา ขอบพระคุณพระเจ้า เรามีความสุขมาก เราเป็นสุขมากและสิ่งที่เราได้รับในวันนี้ ก็เนื่องมาจากความรัก พระคุณพระเมตตาของพระเจ้า ซึ่งเราเองไม่เหมาะสมที่จะได้รับสิ่งเหล่านี้
แต่พระองค์รักเรา เมื่อก่อนเราเป็นคนบาป เมื่อก่อนเราเป็นคนไม่ดี เราไม่เหมาะที่จะเข้าไปในอาณาจักรของพระองค์ และเป็นบุตรทั้งหลายของพระองค์ แต่เนื่องด้วยความรัก โดยพระคุณที่พระเจ้ากระทำผ่านพระเยซู ทำให้เราได้เข้าสู่ความสุขที่แท้จริง เป็นสุขอย่างแท้จริงหลุดพ้นจากการเป็นทาส เข้ามาสู่การเป็นไท
เราเห็นอยู่ในหนังสือกาลาเทียพูดถึง ความแตกต่างระหว่างพระคริสต์ และศาสนา การดำเนินชีวิตในพระเยซูเป็นเรื่องของ "ชีวิต" ขอให้จำคำนี้ "ชีวิต" ซึ่งแตกต่างจากการใช้ชีวิตที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของศาสนา ซึ่งเน้นเรื่องการ ทำ ทำ ทำ ไม่มีความผูกพัน ไม่มีความสัมพันธ์ ไม่รู้จักพระเจ้าดีพอ ไม่รู้จักพระองค์มากพอ และไม่ใกล้ชิดไม่สนิทในพระองค์มากพอ
ความสัมพันธ์ความผูกพันไม่มี เราเองเคยเป็น เราเองเคยอยู่ในสถานะนั้น เราเองเคยมีประสบการณ์แบบนั้นใช่ไหม นี่คือรูปแนวศาสนาที่ปลูกฝังในชีวิตของเราตั้งแต่เกิด
แต่พอมาถึงการได้รับการเปิดตาเข้าสู่อาหารผู้ใหญ่ เราพบว่าพระคุณของพระเจ้านำเรามาถึงการใช้ชีวิตที่เป็นรูปแนวของชีวิต ความหมายก็คือการที่เราไม่ต้องเน้นเรื่องการกระทำ แต่เราเน้นเรื่องความผูกพันความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า เน้นเรื่องการสนิท
ถ้าหากเราจะอ่านให้ครบในพระคัมภีร์ใหม่เราจะเห็นคำตอบมากมาย เห็นคำอธิบายมากมายของพระเยซู และเหล่าสาวก เรื่องพระเจ้าต้องการความรักมากกว่าเครื่องบูชา ก็คือเรื่องการกระทำ พระเจ้าต้องการความรักมากกว่าเรื่องการทำ ทำ ทำให้พระเจ้า และพระเจ้าต้องการให้เราสนิทมากกว่าที่จะทำงานให้พระเจ้า เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นคนใช้ของพระเจ้า พระเจ้าต้องการคนสนิท
และคนที่จะเป็นใหญ่เป็นโตมีตำแหน่งสูงส่งมีบำเหน็จมากกว่าใคร ก็คือคนที่สนิทในพระเยซูมากกว่าเพื่อน เราเข้าใจกันน่ะ ไม่ใช่คนที่มีผลงานมากกว่าใคร แต่คือคนที่มีความรักต่อพระเจ้ามากที่สุด เป็นเจ้าสาวที่น่ารักของพระเยซูที่สุด ก็คือคนที่เป็นใหญ่เป็นโต สรรเสริญพระเจ้า
เพราะฉะนั้นเราเห็นในพระบัญญัติเดิมก็มี ในพระบัญญัติใหม่ก็มี เรื่องแรกข้อแรกที่พระเจ้าต้องการให้เราทำคืออะไร? คือทำ หรือรับใช้ หรือประกาศ หรือนมัสการ หรือถวายเครื่องบูชา หรือว่าพระเจ้าต้องการให้เรารักพระองค์
พระบัญญัติเดิม และพระบัญญัติใหม่ข้อเดียวกัน ก็คือรักพระเจ้าสุดจิต สุดใจ หมดหัวใจ เห็นมั้ย พระเจ้าไม่ได้บอกนะว่าต้องทำนู่นนี่นั่นเพื่อพระเจ้า
และข้อที่สอง ก็คือรัก เหมือนเดิม รัก รักเพื่อนบ้าน รักทุกคน รักศัตรู สรุปก็คือความรักเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการมากกว่าการกระทำ ทำ ทำ ทำ เพื่อพระเจ้า
เพราะฉะนั้น การที่เรามีความผูกพัน การที่เราจะเข้าสู่การสนิท และการรักพระเยซูมากเท่าไหร่ เราก็จะมีประสบการณ์เรื่องการสำแดงชีวิต และนิสัยของพระเยซูมากเท่านั้น และนี่คือพระประสงค์ และน้ำพระทัยของพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม ตั้งแต่ปฐมกาล ตั้งแต่ก่อนที่จะสร้างโลก
ผมจะนำพี่น้องย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ตั้งแต่โลกนี้ยังไม่มี ในพระคัมภีร์บอกชัดเจนว่าพระเจ้าไม่มีตัวตนที่เป็นร่างกายเป็นเนื้อหนัง พระเจ้าเป็นวิญญาณ ผู้ที่ประทับบนพระบัลลังก์ ก็คือภาพจำลอง คือแสงสว่าง คือดวงสว่างดวงใหญ่ ที่ทูตสวรรค์ทั้งหลายเห็นพระองค์ในลักษณะนั้น หรือบางครั้งพระองค์ก็ทำเป็นรูปร่างที่คล้ายกับมนุษย์ที่ลงมาหาอับราฮัม เสด็จลงมาเยี่ยมอาดัมที่สวนเอเดน และปรากฏกับโมเสสที่ภูเขาซีนาย
ก็คือเป็นรูปร่างของมนุษย์ หรือเป็นดวงสว่าง สองสิ่งนี้ แต่จริงๆ แล้วพระองค์เป็นวิญญาณไม่มีรูปร่างของพระองค์ ไม่มีตัวตนของพระองค์ที่แท้จริง
และมาถึงการสร้างโลก สร้างจักรวาล พระเจ้าต้องการที่จะปรากฏพระองค์ให้โลกได้เห็นพระองค์ ให้ทูตสวรรค์ได้เห็นพระองค์ ให้ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง สรรพสิ่งทั้งปวงได้เห็นพระองค์เป็นตัวเป็นตน พระองค์จึงสร้างมนุษย์ สร้างอาดัมจากนั้นก็ลูกหลาน แต่สิ่งแรกๆ ก็คือพระเจ้าสร้างอาดัม และให้อาดัมมีวิญญาณ พระองค์ระบายวิญญาณของพระองค์เข้าสู่อาดัม แต่ชีวิตยังไม่ให้ ยังไม่ให้ชีวิต
เนื่องจากว่าชีวิตเป็นเรื่องของการที่มนุษย์จะต้องตัดสินใจ เลือกว่าจะเอาชีวิตพระเจ้า หรือจะเลือกชีวิตของใคร หรือจะไม่เอา หรือจะเอาชีวิตของเขาเอง ถ้าอาดัมจะใช้ชีวิตของเขาเอง ก็คือชีวิตที่ไม่ครบบริบูรณ์ไม่ครบถ้วน เป็นชีวิตที่มีแต่วิญญาณ เป็นชีวิตที่เป็นจิตเป็นมนุษย์เป็นเหมือนดินเป็นชีวิตที่มาจากดิน
แต่พระเจ้าต้องการให้เขาได้เลือก ให้เขามีอิสระเสรี มีสิทธิเสรีภาพในการเลือก เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงให้ในส่วนเอเดนมีต้นไม้แห่งชีวิต และพระเจ้าเอาชีวิตของพระองค์ไปไว้ที่ผลไม้ในต้นไม้แห่งชีวิต นี่คือที่มาของคำว่าต้นไม้แห่งชีวิต และถ้าหากเราไปดู คำว่า ชีวิต คำนี้ ก็คือชีวิตของพระเจ้า ก็คือโซเอ้ ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดเผยให้เราได้เข้าใจ ขณะที่ผู้เชื่อมากมายยังไม่มาถึงจุดนี้ ขอบพระคุณพระเจ้าเรามีความสุขเอเมน
ปัญหา ก็คือตอนนั้นซาตานมันรู้ ซาตานมันรู้ว่าพระเจ้าต้องการอะไร พระเจ้าจะทำอะไร สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร มันรู้ ว่าพระองค์ต้องการให้มนุษย์สำแดงชีวิต และนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเขาผ่านผลไม้แห่งชีวิตนั้น เป็นชีวิตที่เข้ามาอยู่เป็นบุคคล จากนั้นก็ปรากฏทั่วโลกเต็มไปหมด ทูตสวรรค์ก็จะเห็น สัตว์ก็จะเห็น ทุกคนทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างก็จะเห็นพระเจ้าผ่านอาดัมและลูกหลาน
เมื่อมันรู้ ซาตานรู้มันก็แย่งไปทำก่อน มันแย่งไปทำก่อนให้มนุษย์พลาด และหลงทาง และหลงไปเชื่อฟังคำที่มันบอก ก็คือไปกินผลไม้จากต้นไม้ความรู้ดีรู้ชั่ว ซึ่งเป็นการเลือกที่จะอาศัยชีวิต ดำเนินชีวิต ใช้ชีวิตโดยที่พึ่งพาความรู้ดีชั่ว อันไหนดีก็ทำ อันไหนไม่ดีก็ไม่ทำ นี่คือไม่ใช่การนำพาของพระเจ้า พระเจ้าต้องการนำพาเรา เป็นคนทำกิจในเราสำแดงชีวิตผ่านเรา ให้เราเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ เป็นอวัยวะที่พระองค์ใช้เพื่อสำแดงชีวิตของพระองค์
แต่ปรากฏว่าเมื่ออาดัมเอวากินผลไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว เขาก็ใช้ชีวิตของเขาเอง และปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ที่เข้ามาสู่ชีวิตของอาดัม ก็คือซาตานเข้าไปสิงอยู่ในมนุษย์ในสภาพของตัวบาป และแทนที่อาดัมจะทำให้แผนการให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ คือสำแดงชีวิต และนิสัยของพระเจ้าผ่านเขา ปรากฏว่าอาดัมสำแดงชีวิต และนิสัยของซาตาน
เราจึงพบว่าโลกนี้ ถ้าเรามองไปที่มนุษย์เราจะเห็นว่าทุกคนใช้ชีวิตสำแดงชีวิต และนิสัยของซาตาน กิเลสตัณหาโลภโกรธหลงความบาปชั่วทั้งหลายมาจากใคร? มาจากพระเจ้าหรือมาจากซาตาน (ซาตาน) มันทำสำเร็จ ซาตานมันทำสำเร็จ ทำให้แผนการของพระเจ้าล้มเหลว เนื่องจากมนุษย์เป็นคนที่ทำให้แผนการนั้นล้มเหลว แต่พระเจ้าไม่เคยย่อท้อ พระเจ้าไม่เคยท้อ พระเจ้ายังสู้ และพระเจ้าก็รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น พระเจ้าก็เตรียมให้พระบุตรเสด็จมาเพื่อไถ่โลกเพื่อไถ่มนุษย์ และนำมนุษย์กลับมาสู่แผนการงานของพระเจ้าเหมือนเดิม
พระเยซูตรัสว่า เรามาเพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ชีวิต และได้ชีวิตอย่างครบบริบูรณ์ สรรเสริญพระเจ้า ก็คือนำชีวิตในต้นไม้แห่งชีวิตกลับมาอีก ให้โอกาสมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง และพระเยซูเองตรัสว่าเราเป็นต้นไม้แห่งชีวิต เราเป็นเถาองุ่น ก็คือจริงๆ แล้วผู้เชื่อมากมายอาจจะคิดว่าต้นไม้แห่งชีวิตหรือผลไม้ ก็คืออาจจะเป็นแอปเปิ้ล คนส่วนมากคิดแบบนั้น แต่เราพบว่าต้นไม้ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ก็คือต้ององุ่น เนื่องจากว่าในหนังสือวิวรณ์พูดถึงต้นไม้ต้นเดียว แต่มีเคลือยาวเลื้อยไปตามถนนที่มีแม่น้ำอยู่ตรงกลาง ต้นไม้ที่มีเครือยาว น่าจะเป็นไปได้ก็คือต้นองุ่น และพระเยซูตรัสเองในยอห์นบทที่ 15 พระเจ้าเป็นผู้ดูแล และพระองค์เป็นเถาองุ่น
ขอบคุณพระเจ้า และสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือเมื่อเราเชื่อในพระเยซู เราก็ได้รับชีวิต และได้รับอย่างครบบริบูรณ์ ยอห์นบทที่ 10:10 เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
นี่คือการเริ่มต้นที่จะให้เรามีโอกาสได้สำแดงชีวิต และนิสัยของพระเจ้าให้โลกให้ทูตสวรรค์ได้เห็นพระเจ้าผ่านเรา เมื่อคริสเตียนทั้งหลายกลายเป็นศาสนา กลายพันธุ์ไปแล้ว เขาไม่มาถึงความรู้ความเข้าใจนี้ เขายังพยายามรักษาพระบัญญัติด้วยตัวเก่า ด้วยตัวตนที่เป็นทาสของตัวบาป เขาจึงทำไม่สำเร็จ
แต่ขอบพระคุณพระเจ้าในวันนี้ที่พระองค์เปิดเผย และให้เราได้มาถึงความเข้าใจ ที่ได้รู้ว่าพระเจ้าต้องการสำแดงชีวิต และนิสัยของพระองค์ผ่านเราทั้งหลาย และทุกวันนี้คือการที่เราฝึกอยู่ เราฝึกอยู่ และเมื่อเราฝึกสำเร็จ ขอบพระคุณพระเจ้า พระเจ้าจะนำเราเข้าสู่อาณาจักร และฟ้าสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่ เพื่อสำแดงตัวตนชีวิต และนิสัยของพระเจ้าอย่างแท้จริง ทุกคนจะเห็นพระเจ้าในเราผ่านเรา ขอบคุณพระเยซูสำหรับเราที่จะได้รับบำเหน็จ ก็คือร่วมครอบครองกับพระองค์อยู่ร่วมกับพระองค์อยู่ในพระองค์ ไปไหนมาไหนกับพระองค์ มีความสุขกับพระองค์ตลอดไปชั่วนิรันดร์
มาถึงจุดที่สำคัญทำยังไงเราจึงจะสำแดงชีวิต และนิสัยของพระเยซูในแต่ละวันได้ และจะมีมากขึ้น มากขึ้นทุกวันได้
ย้ำอีกครั้ง คือไม่มีเคล็ดลับอะไรที่มากไปกว่านี้ ก็คือการสนิท บอกรัก สร้างความผูกพัน ความสัมพันธ์ที่ดี เป็นเจ้าสาวที่น่ารักของพระเยซู ใกล้พระเยซูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งใหญ่ในพระเยซูมากเท่านั้น
คือเรานึกภาพดูในอดีต หรือเราเองมองไปที่ศาสนาคริสต์ หรือคริสเตียนศาสนา เราจะเห็นว่าทุกวันนี้คริสเตียนไม่ได้ใส่ใจเรื่องการสนิท และคริสเตียนที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ ก็คือเพื่อให้ได้รับพระพร และเพื่อให้ได้รอด และเพื่อรักษาความรอดเอาไว้ ซึ่งในแต่ละวันเขาจะประกาศรับใช้เชื่อฟังนมัสการทำทุกสิ่งในรูปแบบของศาสนาคริสต์
แต่ภายในจิตใจเขายังมีความทุกข์ ชีวิตอย่างสุขทุกข์ดีบาป ขึ้น ลง เป็นประจำในแต่ละวัน ไม่มีเปลี่ยน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าเก่า ก็คือการสวมหน้ากากที่แนบเนียน ซึ่งไม่มีใครสามารถเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ ตัวละครที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อปรากฏกับพี่น้องในคริสตจักร ก็คือตัวปลอม ตัวตนที่แท้จริงของเขา ก็คือตัวที่ทำบาป ตัวที่ใช้ชีวิตในกิเลสตัณหาโลภโกรธหลง ในแต่ละวันที่บ้านที่ทำงาน ที่ที่ไม่มีคริสเตียน
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้า เราหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ เราเข้าสู่การดำเนินชีวิตคริสเตียนที่เป็นรูปแนวชีวิตอย่างแท้จริง ขอให้เราใส่ใจ เรื่องการนับว่าตายต่อตัวเก่า และนับว่าเป็นอยู่ด้วยตัวใหม่ และถวายทุกวันต่อพระเจ้า เพื่อให้เป็นอวัยวะเครื่องมือเครื่องใช้ของความชอบธรรม ก็คือการที่พระองค์ผู้เป็นความชอบธรรมของเราสำแดงชีวิตในเราผ่านเรา เอเมน
ถาม.
ในเริ่มต้นที่สร้างโลกที่พระเจ้าสร้างอาดัมกับเอวา แล้วก็พระองค์บอกว่าอย่าไปกินผลไม้รู้ดีรู้ชั่ว แต่ว่างูมันมาหลอกลวงเอวา แล้วซาตานมันมาจากไหนคะตอนนั้น ซาตานนี่พระเจ้าสร้างมาหรือเปล่า ไม่ทราบว่ามันล่อลวงคนที่พระเจ้าสร้างมาสองคนได้อย่างไร และมันมาจากไหนมันมีมาก่อนแล้วเหรอซาตาน
ตอบ.
คือในจักรวาลในโลกนี้ และสรรพสิ่งทั้งหลาย พระเจ้าเป็นผู้สร้างล้วนๆ เลยนะครับ พระเจ้าเป็นผู้สร้างทั้งหมด พระองค์เป็นคนสร้างนะครับซาตาน ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้เรียกว่าซาตาน จริงๆ แล้วคำว่าซาตานที่พระคัมภีร์เรียกก็คือผู้กบฏ ผู้ที่กบฏ ใครก็ตามนะครับที่กบฏต่อพระเจ้า ที่ต่อสู้พระเจ้าเรียกว่าซาตานได้ เราตามความเข้าใจของคริสเตียนทั้งหลายทุกวันนี้ เราใช้คำว่าซาตานกับผู้ที่กบฏ
คือทูตสวรรค์ที่ชื่อลูซิเฟอร์ ทูตสวรรค์ตนนี้เป็นทูตสวรรค์ที่มีตำแหน่งเป็นชั้นผู้ใหญ่ในสวรรค์ เมื่อเขารู้ว่าเขามีรูปร่างหน้าตาที่ดีสง่างามมีสง่าราศีมีฤทธิ์เดช เขาจึงคิดในใจนะครับ คิดในใจเนื่องจากว่าทูตสวรรค์ทุกตนมีความคิด มีสิทธิเสรีภาพในการคิด และการเลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้ารักพระเจ้ารับใช้พระเจ้า หรือจะไปเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง หรือจะไม่รับใช้ ถ้าไม่รับใช้นะครับพระเจ้าก็เรียกว่าเป็นซาตาน หรือเป็นผู้กบฏ
เนื่องจากว่าพระเจ้าสร้างทูตสวรรค์ทั้งหมด ให้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า แต่ใครที่ต่อต้านใครที่ไม่อยากรับใช้ต่อไปพระเจ้าก็เรียกว่าผู้กบฏก็คือซาตาน ทีนี้เมื่อซาตานกบฏ พระเจ้ารู้ พระเจ้าก็ขับไล่มันแล้วก็ไม่ให้มันมีตำแหน่งหน้าที่รับใช้พระเจ้าอีกต่อไป มันก็ไปชักชวนเอาทูตสวรรค์ 1 ส่วน 3 นะครับ 1 ใน 3 ส่วน ได้สำเร็จ และทูตสวรรค์เหล่านั้นทุกวันนี้เรียกว่าผีมารซาตาน ทูตสวรรค์เหล่านั้นก็ถูกขับไล่ลงมาจากสวรรค์ และก็อยู่ในท้องฟ้าอากาศเป็นบ้านเรือนของมัน และมันลงมาในโลกยึดโลกนี้
เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังพระเจ้า โลกนี้ก็กลายเป็นอาณาจักรของซาตานไปด้วย
สรุป ก็คืออาณาจักรของพระเจ้าทุกวันนี้ ก็คือที่ฟ้าสวรรค์ และอาณาจักรของซาตานก็คือท้องฟ้าอากาศ และโลกนี้ในส่วนที่ไม่มีคนที่เชื่อในพระเจ้า และอาณาจักรของพระเจ้าในโลกนี้ ก็คือในส่วนที่เป็นคริสเตียนที่รวมตัวกันเป็นคริสตจักร เรียกว่าอาณาจักรของพระเจ้า เห็นภาพไหมครับ
ถาม.
สรุปแล้วว่าพระเจ้าสร้างทูตสวรรค์ก่อนอาดัมเอวาใช่ไหมคะ
ตอบ.
พระเจ้าสร้างทูตสวรรค์ทั้งหมด ก่อนที่จะสร้างมนุษย์ครับ ทูตสวรรค์มีมากมายเกินที่เราจะเข้าใจ เกินที่เราจะคาดคิด มีมากมายเต็มจักรวาล เต็มโลก เต็มท้องฟ้าอากาศ
คือสำหรับพระเจ้าถามว่าทำไมพระเจ้าอนุญาตให้ซาตานกบฏ จริงๆ แล้วพระเจ้าไม่ได้อนุญาต แต่มันเป็นสิทธิเสรีภาพในการเลือกของซาตาน เมื่อมองตัวตนของมันเห็นว่ามันดูเหมือนเป็นคนฉลาดมีฤทธิ์อำนาจมีฤทธิ์เดช เเล้วก็เป็นผู้ที่มีความสง่างามเป็นรูปร่างที่หล่อมันจึงหลงตัวเอง แล้วก็กบฏต่อพระเจ้า เมื่อมันคิดกบฏนะครับ พระเจ้าก็รู้แล้วนะครับ
สำหรับพระเจ้านะครับความคิดกระแสความคิดคลื่นในสมองที่เราทำงาน พระเจ้าจะรู้ทันที อย่าลืมนะครับว่าในฝ่ายวิญญาณเปาโลพูดอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่ออยู่ในโลกฝ่ายวิญญาณไม่มีการพูด เป็นการสื่อสารด้วยจิตนะครับ เพราะฉะนั้นเราจึงสรุปได้นะครับว่าเมื่อเราคิดหรือซาตานคิด พระเจ้ารู้ทันที
ถาม.
สรุปแล้วอาดัมกับเอวานี่ก็เป็นมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างมา แล้วก็ไม่เชื่อฟังหรือถูกล่อลวง สรุปก็คือถูกล่อลวงใช่ไหมคะ
ตอบ.
เป้าหมายของพระเจ้า ก็คือสร้างให้อาดัมเอวา เพื่อเป็นที่อาศัยของพระเจ้าเป็นเรือนของพระเจ้าที่พระเจ้าจะเข้ามาอยู่ในเขา และเป็นหนึ่งเดียวกันกับมนุษย์ เพื่อเป้าหมายก็คือเพื่อพระเจ้าต้องการสำแดงชีวิต และนิสัยของพระองค์ผ่านอาดัมเอวาผ่านมนุษย์ทุกคนที่เป็นลูกหลานของอาดัมเอวา
สำหรับเรื่องนี้นะครับ คริสเตียนมากมายไม่เข้าใจในความรู้ถึงจุดนี้ได้ และนี่ก็คืออาหารผู้ใหญ่นะครับ
ผมเคยเรียนตอนสมัยที่ยังเป็นคริสเตียนใหม่ๆ ไปโบสถ์ครั้งแรกได้ยินคำเทศนาสั่งสอนเรื่องพระเจ้าสร้างโลกสร้างอาดัม พระเจ้าสร้างอาดัมให้เป็นชาวสวนให้ดูแลสวนเอเดน ให้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้วก็มีครอบครัวมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง แค่นั้นไม่มีอะไรมาก
จริงๆ แล้วถ้าหากเราอ่านพระคัมภีร์ ตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงวิวรณ์เราจะพบว่าเป้าหมายพระประสงค์ของพระเจ้าที่สร้างมนุษย์ เพื่อให้เป็นเรือนร่างของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าไม่มีตัวตน พระเจ้าเป็นวิญญาณ พระเจ้าต้องการเรือนร่างที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ และสำแดงชีวิต และนิสัยของพระองค์ให้โลก ให้จักรวาล ให้สัตว์ ให้ทูตสวรรค์ ให้ทุกสิ่งได้เห็นพระองค์ผ่านอาดัม และอาดัมก็จะต้องยินยอมร่วมมือกับพระเจ้า ร่วมลงทุนกับพระเจ้า ร่วมงานกับพระเจ้า พระเจ้าก็ได้รับผลประโยชน์ อาดัมก็ได้รับผลประโยชน์ นี่คือน้ำพระทัยของพระเจ้าครับผม
...
สำหรับพระเยซูที่เป็นอาหารของเรามีผลดีอยู่สองอย่าง เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ทุกวันเราต้องการกินพระองค์ เพื่อความอยู่รอดของชีวิตการดำเนินชีวิตคริสเตียน เพื่อชีวิตฝ่ายวิญญาณ เพื่อชีวิตในพระคริสต์จากกระตือรือร้นร้อนรน เพื่อให้อยู่ในความรักอยู่ในพระคุณของพระเจ้าตลอดไปทุกวัน
และผลดีในส่วนที่สอง ก็คือการที่เรากินพระเยซูมากเท่าไหร่ โดยหายใจเข้าหายใจออกเป็นพระเยซู โดยการอธิษฐานเราเชื่อว่าเรากินพระเยซู ด้วยการอ่านพระคำพระเจ้าเมื่อไหร่เรากินพระเยซู เมื่อเราฟังมานาก็ตามเราเชื่อว่าเรากินพระเยซู นมัสการพระเจ้าเราก็เชื่อว่าเรากำลังกินพระเยซู ยิ่งเรากินมากเท่าไหร่ ขอบพระคุณพระเจ้าในยอห์นบทที่ 6:56-57 พระเยซูตรัสเองว่าผู้ที่กินเราก็จะมีชีวิตอยู่โดยเรา คืออะไรครับ?
ผู้ที่กินเราก็จะมีชีวิตอยู่โดยเรา ไม่ใช่โดยผู้ที่กินนะครับโดยคริสเตียนทั้งหลาย แต่โดยพระเยซู
เรากินพระเยซูมากเท่าไหร่ พระองค์ก็สำแดงชีวิตพระองค์ผ่านเรามากเท่านั้น เอเมนขอบพระคุณพระเจ้า
เราน่าจะจำกันได้นะครับ ฟีลิปปี 1:21 สำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตอยู่ ก็คือพระคริสต์ นี่คือคำตอบที่ชัดเจนมากแล้วไม่มีคำอธิบายอื่นใด แต่น่าเสียดายที่พระคัมภีร์ภาษาไทยภาษาลาวหลายๆ ภาษา แปลว่าสำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ ก็คือมีชีวิตอยู่เพื่อพระคริสต์ ก็คือการแปลที่ผิดนะครับ
ซาตานมันทำให้ผู้แปลเขียนผิด เพื่อไม่ให้เราได้รู้ได้เข้าใจว่าจริงๆ แล้วชีวิตมนุษย์ เป็นชีวิตเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการใช้เป็นเครื่องมือให้พระองค์สำแดงชีวิตและนิสัยของพระองค์ผ่านเรา พูดผ่านเรา คิดแทนเรา เชื่อแทนเรา รักแทนเรา ยกโทษอภัยแทนเรา ทำทุกสิ่งแทนเรา และมนุษย์ทั้งหลายที่มองเห็นเรานะครับ ก็คือมองเห็นหน้าเราแต่เห็นชีวิต และนิสัยที่เปลี่ยนไป เหมือนกับเห็นใครสักคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วแปลกใจด้วยนะครับว่า เอ๋.. ทำไมคนคนนี้เปลี่ยนไป ทำไมคนคนนี้ดีขึ้น ทำไมคนคนนี้ไม่เคยรักไม่เคยให้ไม่เคยมีจิตใจที่งดงามแบบนี้ ทำไมเขาเปลี่ยนไป นี่นะครับคือน้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของคนหนึ่ง
ถาม.
การสำแดงพระคริสต์ที่อยู่ในชีวิตของเราเมื่อเรามาพบมานา อันนี้ดิฉันเข้าใจที่เราจะต้องสำแดงผ่านผู้คนรอบข้างผ่านทุกคนในครอบครัว อยากจะถามอาจารย์ว่าแล้วพระเจ้านำเรามาสำแดงต่อคนที่ไม่เชิบว่าเป็นบ้าแต่เขาไม่ได้มีสมองที่ปกติเหมือนกับคนทั่วไป ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงนำเรามาอยู่ในจุดตรงนี้สำแดงตรงนี้
ตอบ.
การสำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูเราไม่มีจำกัดนะครับ ไม่ได้หมายความว่าคือถ้าเห็นคนบ้าแล้วไม่ต้องสำแดง
การสำแดง การสำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซู เราสำแดงทุกวัน 24 ชั่วโมง 7 วัน ทุกเวลาไม่ว่าจะสำแดงกับคนบ้าหรือคนไม่บ้า คนดีหรือคนไม่ดี คนจนหรือคนรวย อยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อการสำแดงชีวิตพระคริสต์เข้ามา ไม่ได้ยกเว้นนะครับบอกว่า เอ่อ.. ตอนนี้ไม่ต้องสำแดง กับคนบ้าเนี่ยไม่ได้จำเป็นต้องสำแดง เข้าใจนะครับ
พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่มีฤทธิ์เดช เป็นองค์ฤทธานุภาพสูงสุด พระเจ้านะครับเมื่อไปที่ไหน ที่ที่แห้งแล้ง ก็มีความชุ่มฉ่ำชุ่มเย็นมีแม่น้ำไหลออกมาได้ ที่ที่ไม่ปกติก็จะกลับมาสู่สภาพที่ปกติได้ ที่ที่มีคนบ้า คนป่วย คนเป็นโรคเรื้อน คนเป็นอะไรก็ตาม กิเลสตัณหาโลภโกรธหลง เป็นคนบาป พระเจ้าก็ทำให้ทุกสิ่งฟื้นขึ้นมาสู่อาการที่ปกติได้ แม้แต่คนตายพระเจ้าก็ยังให้ฟื้นขึ้นมามีชีวิตได้
เพราะฉะนั้นการสำแดงชีวิต และนิสัยของพระเจ้า การสำแดงพระเจ้านะครับ คือการสำแดงฤทธิ์เดช ความรัก พระคุณ พระเมตตา ทุกสิ่ง พระเจ้าทำงานนะครับ และเมื่อคนที่บ้าหรือไม่ได้บ้า ใครก็ตามที่อยู่รอบข้างเรานะครับ จะได้รับผลสง่าราศีของพระเจ้าจะไปถึงเขาได้ เอเมนมั้ยครับ
อย่าลืมนะครับพระหัตถ์ของพระองค์นิ้วของพระองค์ไปแตะที่ไหนไปจับที่ใคร ทุกสิ่งที่เลวร้ายก็กลายเป็นดี เอเมน
สำหรับเรานะครับเป้าหมายของพระเจ้า น้ำพระทัยของพระเจ้า คือในแต่ละวันเรามาถึงจุดที่สำแดงชีวิตของพระเจ้าได้แล้ว เราสนิทในพระเยซู เราบอกรักสร้างความผูกพันเป็นเจ้าสาวที่น่ารัก เป็นเจ้าสาวที่ดีของพระเยซูแล้ว พระองค์ให้เราสำแดง เราสำแดงทุกวันทุกเวลา 24 ชั่วโมง 7 วัน เราไม่ได้ใส่ใจว่าต้องสำแดงที่ไหนหรือสำแดงกับใคร หน้าที่ของเราคือสนิทบอกรักและสำแดง สำแดงไปเลยนะครับ และฤทธิ์เดชของพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงาน เราไปไหนพระวิญญาณก็อยู่กับเรา และทำงานนะ อย่าลืมนะครับเราไม่ได้ไปคนเดียวทำคนเดียว สิ่งที่สำคัญนะครับก็คือให้พระเจ้าเป็นคนทำ และเราอธิษฐานเผื่อเขา
เราขอบพระคุณพระเยซูที่นำเรามาถึงอาหารผู้ใหญ่ ที่ช่วยให้เราได้เติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู และเข้าใจถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าเรื่องการทรงสร้าง เรื่องการสร้างมนุษย์เพื่ออะไร
เราขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ให้เรามีส่วนในภารกิจของพระองค์ ก็คือให้เราเป็นอวัยวะที่จะให้พระองค์ใช้เป็นเครื่องมือในการสำแดงความชอบธรรม เนื่องจากว่าพระองค์รักเรา และพระองค์ต้องการเป็นหนึ่งเดียวกับเรา อยู่ใกล้ชิดสนิทในเรา พระองค์รักเรามาก และเราทั้งหลายก็รักพระองค์มาก
ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับความรักพระคุณ และพระคุณซ้อนพระคุณ พระคุณอันหลากหลาย พระคุณที่ครบบริบูรณ์ พระคุณที่ทวีคูณขึ้นอย่างมากมาย วันนี้ได้มาถึงพระคุณของพระองค์แล้ว สรรเสริญพระเจ้าสรรเสริญพระเยซูเอเมน